คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,
ตอน: ตอน 17
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๗
............วันต่อมายูชิยะมาตามมิลินอีก คราวนี้เขาต้องพบความเจ็บปวด สัมผัสด้วยจิตได้ว่าเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว
“คุณเปลี่ยนไปแล้ว มิลิน” ยูชิยะท่าทางผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันต้องการหย่า” มิลินรีบร้อนเอ่ยออกมา
“อย่าเพิ่งหย่า รอให้คุณคลอดลูก ผมอยากให้เขาเป็นลูกของผมตามกฎหมาย ถือสัญชาติอเมริกัน ถ้าคุณหย่ากับผม แล้วจดทะเบียนสมรสกับคนอื่น ลูกผมต้องใช้นามสกุลคนอื่น ถือสัญชาติอื่น ผมไม่ต้องการอย่างนั้น”
“แต่ฉันมีคนรักใหม่ ถ้าไม่ได้หย่า... จะไม่ดีกับเขา เขาจะอยู่ในฐานะ...” มิลินไม่สามารถเอ่ยคำแสลงใจ ไม่อยากยอมรับ...
“ชายชู้... เป็นยังไงล่ะ ทาคามิ” ยูชิยะพูดใส่หน้าทาคามิ นั่นเป็นเรื่องที่ทาคามิไม่ได้เตรียมใจมาก่อน นึกอดสูขึ้นมาวูบหนึ่ง
“แค่รอให้มิลินคลอดลูก หลังจากนั้น นายต้องหย่า เพราะมิลินเป็นของฉันแล้ว” เป็นครั้งแรกที่ทาคามิกล้าพูดตอบโต้ ด้วยสายตากร้าวอย่างไม่กลัวเกรงยูชิยะ
“ได้... ฉันจะหย่า หลังมิลินคลอดลูก ลูกต้องเป็นของฉัน” ยูชิยะข่มเสียงเข้มแข็งกร้าว แม้ภายในใจปวดร้าวแล้วแหลกสลาย... แวมไพร์ชายหนุ่มรูปงามอย่างเขา ไร้อ่อนไหว ไร้น้ำตา ต้องไม่สยบยอมพ่ายแพ้กับรักที่ผิดหวัง ยังมีวันหน้า นานแสนนาน ไกลแสนไกลฝ่าข้ามกาลเวลา จะต้องย้อนกลับมาทวงรักคืนใจ
“แต่ฉันต้องเลี้ยงดูลูก เขาเป็นมนุษย์ ต้องกินนมแม่” เธอหวั่นกลัวจะถูกพรากลูกน้อยไปในเวลารวดเร็วนัก
“ผมจะปล่อยให้คุณเลี้ยงลูก จนกระทั่งเขาโต ...พอจำความได้ ต่อจากนั้น... ผมจะมารับลูกไปเลี้ยงเอง”
“อย่างน้อยลูกต้องอายุถึงสิบขวบ คุณถึงจะมารับไปเลี้ยงได้”
“แต่ฉันจะกลับมาอีก ในวันที่ลูกลืมตาออกมาดูโลก และจะมาเยี่ยมลูกทุกปี”
............นั่นเป็นความหลังที่ผ่านไปนานแล้ว มิลินเพิ่งเล่าให้ลูกชายทั้งสองฟัง
“พอแม่คลอดเลวิสแล้ว ถึงหย่ากับพ่อของเลวิส มาจดทะเบียนสมรสกับพ่อของเหนือ ลูกทั้งสองเกิดเดือนเดียวกัน แต่คนละปี”
“ผมจำได้ ตอนผมอายุสิบขวบ พ่อมารับผมไปอยู่ด้วย ต้องจากฮคคุ”
“ใช่... วันนั้นฉันร้องไห้ พอนายไปแล้ว ฉันเหงา... ไม่มีเพื่อนเล่นไปพักใหญ่เลย” เลวิสและลมเหนือคุยกัน ต่างนึกถึงเรื่องราวในตอนเด็ก
“เลวิส พ่อของลูกเป็นแวมไพร์ที่เก่งกาจ มีพลังพิเศษหลายอย่าง”
“ใช่ครับ... พ่อเก่ง สอนผมมากมายหลายอย่าง ความจริงผมรักพ่อมาก แต่ผมไม่อยากเป็นแวมไพร์ มันหิวมาก ทรมานที่สุด มันหิวแบบแทบใจจะขาดรอน ๆ ”
“ฟังนายเล่าแล้ว ฉันไม่อยากเป็นแวมไพร์เลย” ลมเหนือทำหน้าให้ดูรู้ว่าเขาขยาด ...อนาถกับสภาพที่พี่ชายเล่า
“เลวิส... ลูกเหมือนพ่อ ทั้งผิวขาว ตัวสูง หน้าตาหล่อ นั่นเป็นลักษณะเด่นที่ดึงดูดสาว ๆ อย่างดีทีเดียว”
“แม่... แล้วผมล่ะ เหมือนพ่อไหม”
“เหมือนสิ... พ่อของลูกสมัยเป็นนักเรียนเขาเรียนเก่ง เหนือก็เรียนเก่ง ส่วนสูง 176 เท่ากัน น้ำหนัก 63 กิโลกรัมใกล้เคียงกันรูปร่างเหมือนกัน แต่หน้าไม่เหมือนพ่อ เหนือเหมือนแม่มากกว่า”
............เพราะเหตุผลที่คุณมิลินอยากได้กาฬวารเป็นลูกสะใภ้แบบถูกต้องตามกฎหมาย จึงพาลมเหนือและกาฬวารไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอ
ช่วงบ่ายสามโมงเย็น กาฬวารนัดเพื่อน ๆ มากินเลี้ยงเฮฮาปาร์ตี้ที่บ้าน ในห้องโถงชั้นล่างของตึกใหญ่
“เมื่อก่อน... อิจฉากาฬวารได้แฟนหล่อ”
“แถมพี่ชายของแฟน ก็หล่อ...” มัณฑนาเออออ สนับสนุนคำกล่าวของกาญจนา
“ใช่... หล่อมาก... มาก” จีราช่วยยืนยันด้วยอีกคน
“แต่ตอนนี้ฉันไม่อิจฉากาฬวารแล้ว เมื่อมาเจอคุณพี่ชายของฮคคุ อย่างกับพระเอกละครซีรี่ย์... หลุดมาจากจอทีวี ขาว สูง หล่อ นายแบบชั้นนำของเมืองไทย ยังต้องชิดซ้าย... เพอร์เฟ็กซ์บอดี้อะไรปานนั้น” กาญจนาพูด พลางทำท่าเพ้อ...
กาฬวารจึงแนะนำเพื่อน ๆ ให้เลวิสได้รู้จัก ซึ่งเขายิ้มแย้มมีไมตรีตอบเช่นกัน
“คุณเลวิส นี่เพื่อนกาฬ ชื่อ กาญจนา มัณฑนา จีรา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับสาว ๆ น่ารักทุกคนเลย” เลวิสแย้มยิ้มพิมพ์ใจในแนวโปรยเสน่ห์ที่แสนถนัด
“เลวิสตัวสูงดีจังเลย สูงกว่าฮคคุซะอีกใช่ไหมคะ” มัณฑนาถาม
“ครับ... ผมสูง 182 แต่ฮคคุสูง 176 น้องเตี้ยกว่าผมนิดหน่อยครับ”
“เลวิส... คงจะยังไม่มีแฟน” จีราถามบ้าง
“แน่นอนครับ ผมเพิ่งอายุสิบเก้าเอง จะรีบมีแฟนได้ไง”
“ไม่เหมือนน้องชาย รีบแต่งงานแถมจดทะเบียนสมรสทั้งที่เพิ่งสิบแปดเท่านั้น” กาญจนากล่าว
“เธอนี่ได้แต่งงานไวกว่าเพื่อน เป็นไงบ้างมีความสุขไหม พวกเรายังไม่เคยเลยอยากรู้เรื่องพรรค์อย่างว่า...” ที่มัณฑนาถามแทรกขึ้นมาหมายถึงเรื่องบนเตียง
“นี่พวกเธอยากรู้อะไร? ฉันกับคุณเหนือนอนคนละห้อง ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ยังไม่มีอะไรกันซักหน่อย พวกเธอคงคิดเรื่องทะลึ่งอยู่ใช่ไหม ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอก ...บอกว่าฉันยังเด็กอยู่ อายุจริงสิบเก้าแต่อารมณ์เป็นเด็กประมาณเจ็ดแปดขวบ”
“เด็กประถมขนาดนั้น... แอ๊บแบ๊วล่ะสิ แล้วทำไมยอมจดทะเบียนกับฮคคุล่ะ” กาญจนาถาม
“พ่อแม่ของคุณเหนืออยากให้จด ฉันเลยต้องทำตามนะสิ ลำพังฉันเองคิดแต่ต้องเรียนให้จบก่อน ฉันจะยังไม่แจ้งทำบัตรประชาชนใหม่ ยังไม่อยากเปลี่ยนคำนำหน้านางสาว”
กาฬวารกลัวเพื่อนจะชวนคุยเรื่องทะลึ่งอื่น ๆ เลยรีบลุกหนีไปเปิดเครื่องเสียง เพลงจังหวะสนุก ๆ แล้วหายขึ้นไปชั้นบนเพียงชั่วครู่ ...กลับลงมาในชุดคล้ายเด็กอนุบาล กระโปรงสั้นเหนือเข่าสีแสด มีจีบรอบตัว เสื้อคอบัวแขนสั้นสีขาว
“นั่นดู... กาฬวารเปิดเพลงชิมิ ชิมิ เต้นระริกระรี้ ยังกะปลากระดี่ได้น้ำ” จีราว่า ชี้มือให้ทุกคนมองตาม เห็นกาฬวารเต้น... จับชายกระโปรงเปิด ว้อบ ๆ แวม ๆ
“ไปจำท่าเต้นมาจากเด็กอนุบาลรึไงนะ เด็ก ๆ ทำดูน่ารัก แต่กาฬวาร... ดูทำเข้า... ไม่อยากหัวเราะ ดีนะที่ใส่กางเกงข้างในเป็นขาสั้น ไม่ยังงั้น คงดูไม่จืด ฮะ ฮะ ฮะ...” มัณฑนาหัวเราะไม่ยั้ง
“ก๊ากกกก... ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” ลมเหนือเส้นตื้นกว่าใคร หันไปเห็น... หัวเราะงอหายทันที
“ยัยกาฬวารนี่ ท่าเต้น... ตลกชะมัด ฮะ ฮะ ฮะ...” กาญจนาอดจะหัวเราะไปด้วยไม่ได้
“ฮะ ฮะ ฮะ... ขำจะตาย เห็นแล้วอยากเต้นตาม” เลวิสไม่หัวเราะเปล่า ลุกออกไปร่วมวง เต้นด้วยกันกับกาฬวาร...
............ลมเหนือยังดีใจไม่หาย เรื่องได้จดทะเบียนสมรส ...กอดกาฬวารแน่นมาก
“ฉันดีใจจัง ต่อไปนี้เราได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องเดียวกับฉันคืนนี้เลยนะ อยากนอนกอดกาฬทุกคืน”
“เรื่องนั้น... อย่าเพิ่ง... เรายังเรียนหนังสืออยู่ คุณเหนือต้องกลับญี่ปุ่นไปเรียนให้จบไฮสคูล ฉันเองกำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้องตั้งใจเรียนให้จบเช่นกัน มันยังไม่ใช่เวลาอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยา” เธอปฏิเสธเป็นเหตุเป็นผล
ลมเหนือผละออกห่างกาฬวารทันที ทำสีหน้าผิดหวังน้อยใจ...
“เธอไม่รักฉัน บอกมาเลยว่าไม่รัก คนรักกันต้องอยากอยู่ร่วมกัน”
แต่ก่อนที่กาฬวารจะพูดอะไร เลวิสได้ผลักประตูเข้ามาคุยด้วยแม้ไม่ได้รับเชิญ
“นั่นสิ เธอรักฮคคุไหม ฉันไม่เคยได้ยินเธอบอกรัก” เลวิสอยากรู้อยากได้ยินจากปากเธอให้ชัดเจนกระจ่างใจ
“ใช่.. ฉันยังไม่เคยบอกรัก เคยแต่บอกว่า... ฉันจะช่วยคุณเหนือให้ถึงที่สุด แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันยอม...”
“นี่ นี่...” เลวิสชี้หน้ากาฬวาร หน้าตาของเขาขึงขังขึ้นมาทันที ทำให้เธอต้องปวดหัวกับเขาสองคนพี่น้อง
“นี่มันคำพูดที่เธอเคยพูดกับฉัน เธอจีบฉัน จีบน้องฉันด้วย อย่างนี้มันไม่ดีนะ ถ้าจะรักฉันต้องมีฉันแค่คนเดียว” เลวิสนึกทึกทักเลยเหมาคิดเอาเองข้างเดียว
“นี่... เข้าใจผิดไปรึเปล่า ฉันไม่เคยจีบคุณทั้งสองคน ...ที่ฉันทำดีด้วยช่วยเหลือคุณสองคน เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณที่คุณตาคุณยายและคุณพ่อคุณแม่ของพวกคุณส่งเสียให้เรียน อุปถัมภ์ค้ำชูฉันกับครอบครัวมาตลอด” กาฬวารพูดจบ ...รีบฉากหนี ออกจากห้องนอนของลมเหนือทันที เพราะไม่อยากวุ่นวายต่อไปอีก
“นายรักกาฬเหรอ... เลวิส” ลมเหนือมองหน้า กวาดสายตาอย่างอยากสำรวจจิตใจพี่ชายตน
“รักสิ เธอช่วยฉันให้กลับคืนเป็นมนุษย์ เธอเสียสละ เสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อฉัน เธอมีบุญคุณกับฉัน ฉันคิดแล้ว... จะรักเธอไปชั่วชีวิต ไม่มีวันทอดทิ้งเธอ จะไม่ปล่อยให้เหงาเปลี่ยวอยู่เดียวดาย”
“แล้วกาฬล่ะ รักนายไหม”
“กาฬมีจิตใจบริสุทธิ์กับฉันและนาย เธอชอบพวกเราสองคนแบบเพื่อน ฉันจับความรู้สึกนึกคิดได้ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเป็นแวมไพร์” เลวิสตอบน้องชายไปตามความจริง
............กาฬวารล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ อยู่ในช่วงไข้หวัดกำลังระบาด
“ทำไมกาฬไม่ลงไปกินข้าวเย็นกับพวกเรา” คุณทาคามิเอ่ยถามถึง
“ไปดูหน่อยสิ เหนือ” คุณมิลินจึงบอกกับลูกชาย
เลวิสกับลมเหนือไปตามที่ห้องกาฬวาร ช่วยกันเคาะประตู ...ไม่มีการเปิดรับ หนำซ้ำไม่มีคำขานตอบสักคำ แต่ประตูไม่ล็อค เมื่อเปิดประตูเข้าไป...
“กาฬ... กาฬตื่น ทำไมรีบนอน ไปกินข้าวกันก่อน” เลวิสเรียก เห็นเธอยังคงนอนนิ่ง
“ผิดสังเกตอย่างกับไม่รู้สึกตัว” ลมเหนือว่าอย่างนั้น จึงลงนั่งข้างเตียง ใช้หลังมือสัมผัสข้างแก้มเธอ เลวิสจึงทำตามบ้าง
“ตัวร้อน...อย่างกับเป็นไข้”
“กาฬนอนนิ่ง ปลุกเท่าไหร่ไม่ตื่น ไม่สบายมาก ตัวร้อน... พาไปโรงพยาบาลไหมครับแม่” เลวิสรีบบอกคุณมิลินอย่างร้อนรน
“อย่างนั้นเลวิสไปบอกกับพ่อแม่ของกาฬ ให้เอาพวกบัตรประชาชน บัตรโรงพยาบาลของกาฬไปด้วย ให้นายมั่นขับรถไปส่งนะ” คุณมิลินบอกให้พวกลูกทำตาม
จากนั้นลมเหนือกับเลวิสช่วยกันอุ้มกาฬวารนำไปส่งโรงพยาบาล โดยนายพลอยและนางนิลตามไปดูแลลูกสาวด้วย
............กาฬวารป่วยเพราะพิษไข้ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ แพทย์สั่งนอนพักเพื่อให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งคืน มีนางนิลผู้เป็นแม่มานอนเฝ้า
“ไม่รู้จักระวังรักษาร่างกายของตัวเองเลย เอาแต่ดูหนังสือไม่หลับไม่นอน เลยไม่สบายจนได้” นางนิลต่อว่าลูกสาว ซึ่งได้แต่นอนเงียบเพราะไม่อยากพูด
“ฉันจะกลับแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมอีก” ลมเหนือลงนั่งเก้าอี้ที่ข้างเตียงแล้วบอกลาลากเสียงช้า แต่ไม่ได้ลุกไป ยังคงนั่งมอง สองมือของเขากุมมือเธอไว้อีกพักใหญ่...
“พักผ่อนซะนะ จะได้หายไว ๆ ฉันไปละ” เขาบอกลาด้วยทีท่าอาทรห่วงใย ลุกขึ้นมาหอมตรงหน้าผากของเธอ เป็นการอำลาอย่างอ่อนโยน แล้วเดินจาก... แต่หันหลังกลับมามองดูเธออีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูห้องเพื่อออกไป...
“แม่... คุณเหนือจูบหน้าผากหนู” เธอบอกแม่ ยังคงรู้สึกหวงเนื้อตัวตามอย่างผู้ฝึกสมาธิ จิตคอยละกิเลสเสมอ แม้จะรู้สึกวูบไหวไปบ้างก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น
“แม่เห็นแล้ว เขาทำน่ารักดี ลูกแม่โชคดีได้สามีอย่างคุณเหนือ” ผู้เป็นแม่คิดต่างอย่างมากจากลูกสาว
“หนูจดทะเบียนกับคุณเหนือแล้ว นึกไม่ถึงเลย... ตัวเองจะกลายเป็นผู้หญิงมีสามีแล้ว ตอนแต่งงาน... หนูคิดแค่ช่วยคุณเหนือให้ไปสู่สุขคติ นึกว่าเขาตายแล้ว พอช่วยเขาฟื้นคืนชีวิตได้ หนูดีใจมาก แต่มาถึงตอนนี้หนูกลุ้มใจ...”
“อ้าว... ทำไมล่ะกาฬ”
“หนูกับคุณเหนือแต่งงานกันโดยไม่ใช่เพราะความรัก เลยต้องทนอยู่ร่วมกับคนที่ไม่รักกัน” กาฬวารคิดไปเองข้างเดียว
“ไม่รักอะไรกัน แม่ดูว่าท่าทางเขาชอบลูกของแม่นะ คุณเหนือเขาน่ารักจะตาย อยู่กันไปจะรักกันได้เอง”
“หนูกลัวคุณเหนือเขาจะปล้ำเอา ...มันน่าหนักใจ” เธอเพิ่งเอ่ยเฉลยความใน สาวบริสุทธิ์อย่างเธอยังคงหวงห่วงเสียดายตัวเองไม่คลาย
“อ๋อ... แม่เข้าใจลูกแล้ว หึ หึ...” ผู้เป็นแม่หัวเราะในลำคอ ในขณะที่ผู้เป็นลูกสาวหน้าง้ำลง
“แม่... ไม่ตลกนะ คุณเหนือทั้งตัวใหญ่ ทั้งแรงเยอะ หนูคงสู้เขาไม่ไหว จะหลบเลี่ยงยังไงได้”
“อุตส่าห์มีบุญวาสนา ได้ผัวหล่อน่ารักขนาดนี้ มีแต่คนเป็นเมียอยากให้ผัวรักผัวหลง อยากให้เขากอด บางคนติดผัวมากขนาดไม่ปล่อยให้ผัวไปไหนเลยก็มี กาฬคิดหลบเลี่ยงทำไมเล่าลูก” นางนิลเสียดายแทนลูกสาว ผู้หญิงส่วนใหญ่จะใฝ่เพ้อละเมอฝันหวาน หวั่นไหวไปกับชายหนุ่มหน้าหล่อ แต่นั่นไม่ใช่วิสัยผู้ฝักใฝ่ในธรรมะเฉกเช่นสาววัยรุ่นกาฬวาร
“พวกผู้หญิงที่แม่ว่า คงเป็นพวกผู้ใหญ่ แต่หนูยังเด็กอยู่” พูดไปพร้อมยกหัวคิ้วยู่ดูแบ๊วมาก มาก...
“แต่แม่ว่าไม่เด็กละ โตเป็นสาวสะพรั่งทั้งตัวน่ารักน่ากอดขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนได้ลูกแม่ไปคงอยากพะเน้าพะนอนั่นแหละ ทำใจเสียเถิดลูก ยังไงก็ต้องตกเป็นเมียเขาวันยังค่ำ” นางนิลพูดให้ลูกสาวทำใจยอมรับ
“นั่นแหละที่หนูกลุ้มใจ... เพราะว่าหนูยังไม่ได้รักคุณเหนือ” กาฬวารว่าหน้ามุ่ย
แต่คนที่แอบฟังหน้าประตูห้องใจคอห่อเหี่ยวลงไปคือ... ลมเหนือนั่นเอง เฮ้อ... เขาถึงกับถอนใจไม่ให้ใครได้ยิน
............ตึกเล็ก เลวิสและลมเหนือสองคนพี่น้องแอบกระซิบกระซาบคุยเรื่องทะลึ่งกัน อยู่ข้างบันไดทางขึ้นลง
“นี่... นายเคยจูบกับกาฬไหมฮคคุ”
“ยังไม่เคย ได้แต่นึก ...ไม่กล้า กลัวเธอไม่เล่นด้วย”
กาฬวารกำลังเดินลงมา ในช่วงจังหวะนี้พอดีเห็นและได้ยินทั้งสองพี่น้อง
“งั้น... พี่สอนให้ไหมน้องชาย” เลวิสพูดลากลีลาเสียงเซ็กซี่กระเส่า เขาถนัดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่เป็นรองใครแม้ยังวัยรุ่นก็ตาม
“เอาสิ...” ลมเหนือแกล้งยั่วเย้าพูดเล่นกับผู้เป็นพี่ชาย พร้อมเชิดใบหน้าขึ้นรอรับ...
“กรี๊ดดด...” กาฬวารร้องเสียงหลง ราวกับถูกผีหลอก แล้ววิ่งแจ้นเข้าไปในห้องครัว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอกาฬ... เมื่อกี้ทำไมร้องเสียงดังอย่างนั้น” คุณมิลินตกใจ ร้องถามทันใด!
“ปะ... เปล่า... ไม่... มีอะไรค่ะ” เธอตอบกระท่อนกระแท่น
เลวิสและลมเหนือตามเข้ามาถึงในห้องครัว ด้วยหน้าตาใสซื่อมาก หลังเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองและน้องชายเป็นต้นเหตุ
คุณมิลินมองกาฬวารที่กำลังก้มหน้าก้มตา และหน้าแดงอย่างสงสัย...
“คือว่า... คุณเหนือกับคุณเลวิส กำลัง... กำลังจะจูบกัน กาฬตกใจมากค่ะ” คนมันไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ยังใสบริสุทธิ์ดุจกุหลาบแรกแย้ม เพิ่งต้องแสงแห่งดวงตะวัน จึงยังไม่แก่แดดแก่ลม
“อ๋อ... ไม่ต้องตกใจหรอก สองคนนี่เป็นอย่างนี้แหละ ชอบเล่นพิเรนทร์ ไม่มีอะไรหรอก” คุณมิลินรู้ใจลูกชายทั้งสอง ด้วยเลี้ยงลูกมากับอ้อมอกตั้งแต่เล็กเป็นเด็กทารกแรกเกิด ประคบประหงมดูแลและให้การอบรมบ่มนิสัย จวบจนถึงทุกวันนี้ลูกชายเติบใหญ่วัยรุ่น รูปร่างเรือนกายแต่ละคนสูงใหญ่กว่าผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ
ฝ่ายสองคนพี่น้องเข้ามากอดคอ และประสานเสียงหัวเราะพร้อมกัน โดยไม่พูดอะไร
“ฮะ ฮะ ฮะ...” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”
............หลังอาหารค่ำ กาฬวารเป็นคนเก็บถ้วยชามนำมาล้าง ลมเหนือเข้ามาช่วยด้วย ...อีกทั้งก่อกวนใจ
“ยังหัวค่ำอยู่ อย่าเพิ่งรีบเข้านอนเลย”
“ฉันเข้านอนหัวค่ำ ตื่นแต่มืดเป็นนิสัยแล้วค่ะ” ก้มหน้าก้มตาล้าง... ล้างไปเรื่อยโดยไม่หันมาสนใจ
“งั้น... ก่อนเข้านอน วานอะไรหน่อยสิ แป๊บเดียวได้ไหม นะ...” ลมเหนือเอ่ยเอื้อนทำเสียงออดอ้อน...
“ถ้าแป๊บเดียวคงไม่เป็นไร ...ก็ได้ จะวานให้ทำอะไรให้คะ”
“ฉันจะอาบน้ำ วานถูหลังให้หน่อย”
“หา! นั่นมันไม่ใช่แป๊บเดียวหรอกนะ” แค่นี้... สาวน้อยวัยรุ่นตกอกตกใจ!
“เธอรับปากฉันแล้วไม่ทำ เสียคำพูดนะ” ลมเหนือพูดดักคอ ทำให้กาฬวารนึกตำหนิตัวเองในใจ...
‘ไม่รู้จักคิดก่อนพูดเลยเรา’
“ถ้าเรื่องที่วานมันแป๊บเดียวจริง ๆ ฉันจะทำให้ แต่ฉันว่าคุณเหนืออาบน้ำนานเกือบชั่วโมงแน่”
“งั้น... ฉันใช้เวลาสั้นลง เหลือแค่สิบห้านาที”
“แบบนั้นมันจะสะอาดทั่วตัวเหรอ ตอนอาบน้ำคงไม่ใส่เสื้อผ้า” กาฬวารพูดไปในใจนึกมโนภาพตาม เริ่มใจคอวอกแวก!
“อ๋อ... แน่นอน ใครเขาจะใส่ชุดสูทเต็มยศเวลาอาบน้ำ” ลมเหนือลีลาพูดช้านาน อมยิ้มหวานส่งสายตาให้เธอ
กาฬวารถึงกับก้มหน้างุด ใจอยากมุดหนีไปในบัดดล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขิน...
“คุณเหนือตัวสูง ฉันคงถูหลังไม่ถึง”
“ฉันนั่งอาบน้ำในอ่าง อย่างนี้เธอคงไม่ลำบากที่จะถูหลังให้ใช่ไหม”
“เอ่อ... ฉันเขิน ไม่แน่ใจ ขออนุญาตไปถามคุณแม่มิลินก่อนนะคะ” กาฬวารบอกแล้วเดินหนี
ที่จริงลมเหนือเดาใจเธอออก... คงไม่ยอมทำให้ เขาเพียงแต่อยากล้อหลอกแกล้งหยอกเล่น
กาฬวารมาถามคุณมิลินตามประสาซื่อ ...ที่จริงเพราะเธอกำลังวุ่นวายใจอีกประการหนึ่งด้วย
“ฉันมีเรื่องจะขอปรึกษาคุณแม่ค่ะ คือ... คุณเหนือจะอาบน้ำ ให้ฉันถูหลังให้ คือ... ฉันไม่กล้าค่ะ ฉันรู้ว่าฉันอยู่ในฐานะภรรยา แต่ฉันยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้” กาฬวารทำหน้าตาเจียมเนื้อเจียมตัวประกอบการพูดไปด้วย
“อย่าคิดมาก ไม่อยากถูหลังให้ ก็ไม่ต้องทำ เหนือคงล้อเล่นมากกว่า เขาไม่ใช่จะบังคับเธอให้ทำตามใจเขา” คุณมิลินแนะ
“ฉันคิดว่ามันยังไม่สมควรแก่เวลา ฉันอยากเรียนให้จบก่อน ค่อยมาใช้ชีวิตสามีภรรยาอยู่ร่วมกัน”
“อืม...ที่เธอว่ายังไม่สมควรแก่เวลา ฉันเห็นด้วย ฉันคิดจะพูดกับลูกชายทั้งสองคนเหมือนกัน ...เรื่องเรียนต่อ ตอนนี้เธอทำใจให้สบายเถอะ วางเฉยเสีย เขาคงชอบยั่วเย้าเธอ คงมีเรื่องมาอีกเรื่อย ๆ แหละ” คุณมิลินบอกยิ้ม ๆ ด้วยเข้าใจลูกชายทั้งสองของตนดี
............ตีสอง กาฬวารตื่นนอนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงกว่า อันเป็นกิจวัตรประจำวัน แล้วลงมาห้องนั่งเล่น หวังจะดูวีดีโอสักเรื่องก่อนถึงเวลาเข้าครัวตอนตีสี่ทำกับข้าวใส่บาตรเช้า
“เล่นเกมส์กันอยู่เหรอ” กาฬวารเอ่ยทักสองศรีพี่น้อง
“อื้ม... กาฬเพิ่งตื่นนอนล่ะสิ พวกเรายังไม่นอนเลย”
“เอาไว้ค่อยนอนตอนกลางวันได้” ลมเหนือและเลวิสบอก
“งั้น... ฉันไม่รบกวนละ” เธอทำท่าจะเดินจาก ไม่อยากอยู่ใกล้สองพี่น้องนาน หวั่นเกรงโดนแกล้งแบบแปลก ๆ
“เดี๋ยวสิ พวกเราจะเลิกเล่นเกมแล้ว เธอจะดูหนังไหม”
“อืม... ดูสิ” กาฬวารตอบเลวิส เขาปิดเกม แล้วหยิบหนังรักโรแมนติกใส่เข้าเครื่องเล่น
ส่วนลมเหนือกำลังนอนเล่นบนโซฟายาว เขานอนคว่ำหันหน้ามองมาทางเธอ เลวิสลงนั่งเบียดกับน้องชาย ส่วนกาฬวารนั่งบนพื้นพรมไม่ห่างกันนัก ดูหนังด้วยกันอย่างเงียบ ๆ อยู่พักเดียว
“นอนคนเดียวเหงาจัง อยากมีใครมานอนเป็นเพื่อน ไม่ชอบนอนคนเดียวเลย” ลมเหนือพูดเปรย ๆ ใจหมายแกล้งยั่วกาฬวาร
“กาฬ... ไม่มานอนเป็นเพื่อนฮคคุล่ะ” เลวิสแกล้งถาม สายตาจับจ้องแน่วแน่อยู่แต่ใบหน้าของกาฬวาร
“ฉันชอบนอนคนเดียว คือ... ฉันถนัดนอนเงียบ ๆ ถ้าต้องนอนกับคนอื่นไม่รู้จะคุยอะไร”
จากคำตอบของกาฬวารทำให้เลวิสอมยิ้ม เขาเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นนอนทับเรือนร่างของน้องชาย วงแขนกอดคอของผู้เป็นน้อง ซึ่งฝ่ายนั้นหัวเราะร่วน
“นอนเล่นหยอกกันสนุกดี ไม่เห็นต้องคุยอะไร แล้วฉันจะทำให้เธอต้องร้องครางอย่างสุขสม หึ หึ...” ลมเหนือทำหน้าลามกอย่างคนเคยมีประสบกามมาแล้ว แม้ไม่มากมายเท่าพี่ชายตน แต่เรียกได้ว่าไม่ย่อยเหมือนกัน
“เอ่อ... ฉันเล่นกับใครไม่เป็น คงไม่สนุกหรอก” กาฬวารละล้าละลังจะทำอย่างไร? ในใจนึกอยากวิ่งหนีไปซึ่งหน้า เพราะว่าอ๊าย... อาย...
“แหม... เล่นไม่ยากหรอกอย่างนี้ไง” ลมเหนือยื่นแก้มแนบแก้มของพี่ชาย และพวกเขายิ้มให้กันก่อนจะหันกลับมามองทางเธอ
“เล่นอย่างนั้น ฉันคงหนาว...” น้ำเสียงที่ตอบ ท่าทีที่เห็น... เดาใจได้ว่าอีกเดี๋ยวเธอต้องวิ่งหนี
“ฉันไม่ปล่อยให้หนาวแน่นอน จะกอดเธอให้แน่นเลย” ลมเหนือบอก สายตาที่สองพี่น้องจ้องมา ทำให้เธอใจวูบไหว แต่รีบพยายามทำใจให้ราบเรียบ กระนั้นยังไม่วายก้มหน้าก้มตาพูด อายงุด...
“วุ้ย... ฉันยังเด็กอยู่ จะเอาอะไรมากมายกับฉัน บอกตั้งหลายครั้งแล้วพวกผู้ชายนี่...” เธอรีบลุกเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้สองพี่น้องหัวร่อต่อกระซิกคิกคักกันอยู่สองคน
“ฉันว่ากาฬนี่ ดูขี้อายนะ” เลวิสวิเคราะห์ แล้วยิ้มกระหยิ่มใจไปกับน้องชาย
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น ตลกดีที่ได้แกล้ง ฮะ ฮะ ฮะ...” ลมเหนือหัวเราะชอบใจไม่ใช่เล่น
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๗
............วันต่อมายูชิยะมาตามมิลินอีก คราวนี้เขาต้องพบความเจ็บปวด สัมผัสด้วยจิตได้ว่าเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว
“คุณเปลี่ยนไปแล้ว มิลิน” ยูชิยะท่าทางผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันต้องการหย่า” มิลินรีบร้อนเอ่ยออกมา
“อย่าเพิ่งหย่า รอให้คุณคลอดลูก ผมอยากให้เขาเป็นลูกของผมตามกฎหมาย ถือสัญชาติอเมริกัน ถ้าคุณหย่ากับผม แล้วจดทะเบียนสมรสกับคนอื่น ลูกผมต้องใช้นามสกุลคนอื่น ถือสัญชาติอื่น ผมไม่ต้องการอย่างนั้น”
“แต่ฉันมีคนรักใหม่ ถ้าไม่ได้หย่า... จะไม่ดีกับเขา เขาจะอยู่ในฐานะ...” มิลินไม่สามารถเอ่ยคำแสลงใจ ไม่อยากยอมรับ...
“ชายชู้... เป็นยังไงล่ะ ทาคามิ” ยูชิยะพูดใส่หน้าทาคามิ นั่นเป็นเรื่องที่ทาคามิไม่ได้เตรียมใจมาก่อน นึกอดสูขึ้นมาวูบหนึ่ง
“แค่รอให้มิลินคลอดลูก หลังจากนั้น นายต้องหย่า เพราะมิลินเป็นของฉันแล้ว” เป็นครั้งแรกที่ทาคามิกล้าพูดตอบโต้ ด้วยสายตากร้าวอย่างไม่กลัวเกรงยูชิยะ
“ได้... ฉันจะหย่า หลังมิลินคลอดลูก ลูกต้องเป็นของฉัน” ยูชิยะข่มเสียงเข้มแข็งกร้าว แม้ภายในใจปวดร้าวแล้วแหลกสลาย... แวมไพร์ชายหนุ่มรูปงามอย่างเขา ไร้อ่อนไหว ไร้น้ำตา ต้องไม่สยบยอมพ่ายแพ้กับรักที่ผิดหวัง ยังมีวันหน้า นานแสนนาน ไกลแสนไกลฝ่าข้ามกาลเวลา จะต้องย้อนกลับมาทวงรักคืนใจ
“แต่ฉันต้องเลี้ยงดูลูก เขาเป็นมนุษย์ ต้องกินนมแม่” เธอหวั่นกลัวจะถูกพรากลูกน้อยไปในเวลารวดเร็วนัก
“ผมจะปล่อยให้คุณเลี้ยงลูก จนกระทั่งเขาโต ...พอจำความได้ ต่อจากนั้น... ผมจะมารับลูกไปเลี้ยงเอง”
“อย่างน้อยลูกต้องอายุถึงสิบขวบ คุณถึงจะมารับไปเลี้ยงได้”
“แต่ฉันจะกลับมาอีก ในวันที่ลูกลืมตาออกมาดูโลก และจะมาเยี่ยมลูกทุกปี”
............นั่นเป็นความหลังที่ผ่านไปนานแล้ว มิลินเพิ่งเล่าให้ลูกชายทั้งสองฟัง
“พอแม่คลอดเลวิสแล้ว ถึงหย่ากับพ่อของเลวิส มาจดทะเบียนสมรสกับพ่อของเหนือ ลูกทั้งสองเกิดเดือนเดียวกัน แต่คนละปี”
“ผมจำได้ ตอนผมอายุสิบขวบ พ่อมารับผมไปอยู่ด้วย ต้องจากฮคคุ”
“ใช่... วันนั้นฉันร้องไห้ พอนายไปแล้ว ฉันเหงา... ไม่มีเพื่อนเล่นไปพักใหญ่เลย” เลวิสและลมเหนือคุยกัน ต่างนึกถึงเรื่องราวในตอนเด็ก
“เลวิส พ่อของลูกเป็นแวมไพร์ที่เก่งกาจ มีพลังพิเศษหลายอย่าง”
“ใช่ครับ... พ่อเก่ง สอนผมมากมายหลายอย่าง ความจริงผมรักพ่อมาก แต่ผมไม่อยากเป็นแวมไพร์ มันหิวมาก ทรมานที่สุด มันหิวแบบแทบใจจะขาดรอน ๆ ”
“ฟังนายเล่าแล้ว ฉันไม่อยากเป็นแวมไพร์เลย” ลมเหนือทำหน้าให้ดูรู้ว่าเขาขยาด ...อนาถกับสภาพที่พี่ชายเล่า
“เลวิส... ลูกเหมือนพ่อ ทั้งผิวขาว ตัวสูง หน้าตาหล่อ นั่นเป็นลักษณะเด่นที่ดึงดูดสาว ๆ อย่างดีทีเดียว”
“แม่... แล้วผมล่ะ เหมือนพ่อไหม”
“เหมือนสิ... พ่อของลูกสมัยเป็นนักเรียนเขาเรียนเก่ง เหนือก็เรียนเก่ง ส่วนสูง 176 เท่ากัน น้ำหนัก 63 กิโลกรัมใกล้เคียงกันรูปร่างเหมือนกัน แต่หน้าไม่เหมือนพ่อ เหนือเหมือนแม่มากกว่า”
............เพราะเหตุผลที่คุณมิลินอยากได้กาฬวารเป็นลูกสะใภ้แบบถูกต้องตามกฎหมาย จึงพาลมเหนือและกาฬวารไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอ
ช่วงบ่ายสามโมงเย็น กาฬวารนัดเพื่อน ๆ มากินเลี้ยงเฮฮาปาร์ตี้ที่บ้าน ในห้องโถงชั้นล่างของตึกใหญ่
“เมื่อก่อน... อิจฉากาฬวารได้แฟนหล่อ”
“แถมพี่ชายของแฟน ก็หล่อ...” มัณฑนาเออออ สนับสนุนคำกล่าวของกาญจนา
“ใช่... หล่อมาก... มาก” จีราช่วยยืนยันด้วยอีกคน
“แต่ตอนนี้ฉันไม่อิจฉากาฬวารแล้ว เมื่อมาเจอคุณพี่ชายของฮคคุ อย่างกับพระเอกละครซีรี่ย์... หลุดมาจากจอทีวี ขาว สูง หล่อ นายแบบชั้นนำของเมืองไทย ยังต้องชิดซ้าย... เพอร์เฟ็กซ์บอดี้อะไรปานนั้น” กาญจนาพูด พลางทำท่าเพ้อ...
กาฬวารจึงแนะนำเพื่อน ๆ ให้เลวิสได้รู้จัก ซึ่งเขายิ้มแย้มมีไมตรีตอบเช่นกัน
“คุณเลวิส นี่เพื่อนกาฬ ชื่อ กาญจนา มัณฑนา จีรา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับสาว ๆ น่ารักทุกคนเลย” เลวิสแย้มยิ้มพิมพ์ใจในแนวโปรยเสน่ห์ที่แสนถนัด
“เลวิสตัวสูงดีจังเลย สูงกว่าฮคคุซะอีกใช่ไหมคะ” มัณฑนาถาม
“ครับ... ผมสูง 182 แต่ฮคคุสูง 176 น้องเตี้ยกว่าผมนิดหน่อยครับ”
“เลวิส... คงจะยังไม่มีแฟน” จีราถามบ้าง
“แน่นอนครับ ผมเพิ่งอายุสิบเก้าเอง จะรีบมีแฟนได้ไง”
“ไม่เหมือนน้องชาย รีบแต่งงานแถมจดทะเบียนสมรสทั้งที่เพิ่งสิบแปดเท่านั้น” กาญจนากล่าว
“เธอนี่ได้แต่งงานไวกว่าเพื่อน เป็นไงบ้างมีความสุขไหม พวกเรายังไม่เคยเลยอยากรู้เรื่องพรรค์อย่างว่า...” ที่มัณฑนาถามแทรกขึ้นมาหมายถึงเรื่องบนเตียง
“นี่พวกเธอยากรู้อะไร? ฉันกับคุณเหนือนอนคนละห้อง ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ยังไม่มีอะไรกันซักหน่อย พวกเธอคงคิดเรื่องทะลึ่งอยู่ใช่ไหม ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอก ...บอกว่าฉันยังเด็กอยู่ อายุจริงสิบเก้าแต่อารมณ์เป็นเด็กประมาณเจ็ดแปดขวบ”
“เด็กประถมขนาดนั้น... แอ๊บแบ๊วล่ะสิ แล้วทำไมยอมจดทะเบียนกับฮคคุล่ะ” กาญจนาถาม
“พ่อแม่ของคุณเหนืออยากให้จด ฉันเลยต้องทำตามนะสิ ลำพังฉันเองคิดแต่ต้องเรียนให้จบก่อน ฉันจะยังไม่แจ้งทำบัตรประชาชนใหม่ ยังไม่อยากเปลี่ยนคำนำหน้านางสาว”
กาฬวารกลัวเพื่อนจะชวนคุยเรื่องทะลึ่งอื่น ๆ เลยรีบลุกหนีไปเปิดเครื่องเสียง เพลงจังหวะสนุก ๆ แล้วหายขึ้นไปชั้นบนเพียงชั่วครู่ ...กลับลงมาในชุดคล้ายเด็กอนุบาล กระโปรงสั้นเหนือเข่าสีแสด มีจีบรอบตัว เสื้อคอบัวแขนสั้นสีขาว
“นั่นดู... กาฬวารเปิดเพลงชิมิ ชิมิ เต้นระริกระรี้ ยังกะปลากระดี่ได้น้ำ” จีราว่า ชี้มือให้ทุกคนมองตาม เห็นกาฬวารเต้น... จับชายกระโปรงเปิด ว้อบ ๆ แวม ๆ
“ไปจำท่าเต้นมาจากเด็กอนุบาลรึไงนะ เด็ก ๆ ทำดูน่ารัก แต่กาฬวาร... ดูทำเข้า... ไม่อยากหัวเราะ ดีนะที่ใส่กางเกงข้างในเป็นขาสั้น ไม่ยังงั้น คงดูไม่จืด ฮะ ฮะ ฮะ...” มัณฑนาหัวเราะไม่ยั้ง
“ก๊ากกกก... ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” ลมเหนือเส้นตื้นกว่าใคร หันไปเห็น... หัวเราะงอหายทันที
“ยัยกาฬวารนี่ ท่าเต้น... ตลกชะมัด ฮะ ฮะ ฮะ...” กาญจนาอดจะหัวเราะไปด้วยไม่ได้
“ฮะ ฮะ ฮะ... ขำจะตาย เห็นแล้วอยากเต้นตาม” เลวิสไม่หัวเราะเปล่า ลุกออกไปร่วมวง เต้นด้วยกันกับกาฬวาร...
............ลมเหนือยังดีใจไม่หาย เรื่องได้จดทะเบียนสมรส ...กอดกาฬวารแน่นมาก
“ฉันดีใจจัง ต่อไปนี้เราได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องเดียวกับฉันคืนนี้เลยนะ อยากนอนกอดกาฬทุกคืน”
“เรื่องนั้น... อย่าเพิ่ง... เรายังเรียนหนังสืออยู่ คุณเหนือต้องกลับญี่ปุ่นไปเรียนให้จบไฮสคูล ฉันเองกำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้องตั้งใจเรียนให้จบเช่นกัน มันยังไม่ใช่เวลาอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยา” เธอปฏิเสธเป็นเหตุเป็นผล
ลมเหนือผละออกห่างกาฬวารทันที ทำสีหน้าผิดหวังน้อยใจ...
“เธอไม่รักฉัน บอกมาเลยว่าไม่รัก คนรักกันต้องอยากอยู่ร่วมกัน”
แต่ก่อนที่กาฬวารจะพูดอะไร เลวิสได้ผลักประตูเข้ามาคุยด้วยแม้ไม่ได้รับเชิญ
“นั่นสิ เธอรักฮคคุไหม ฉันไม่เคยได้ยินเธอบอกรัก” เลวิสอยากรู้อยากได้ยินจากปากเธอให้ชัดเจนกระจ่างใจ
“ใช่.. ฉันยังไม่เคยบอกรัก เคยแต่บอกว่า... ฉันจะช่วยคุณเหนือให้ถึงที่สุด แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันยอม...”
“นี่ นี่...” เลวิสชี้หน้ากาฬวาร หน้าตาของเขาขึงขังขึ้นมาทันที ทำให้เธอต้องปวดหัวกับเขาสองคนพี่น้อง
“นี่มันคำพูดที่เธอเคยพูดกับฉัน เธอจีบฉัน จีบน้องฉันด้วย อย่างนี้มันไม่ดีนะ ถ้าจะรักฉันต้องมีฉันแค่คนเดียว” เลวิสนึกทึกทักเลยเหมาคิดเอาเองข้างเดียว
“นี่... เข้าใจผิดไปรึเปล่า ฉันไม่เคยจีบคุณทั้งสองคน ...ที่ฉันทำดีด้วยช่วยเหลือคุณสองคน เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณที่คุณตาคุณยายและคุณพ่อคุณแม่ของพวกคุณส่งเสียให้เรียน อุปถัมภ์ค้ำชูฉันกับครอบครัวมาตลอด” กาฬวารพูดจบ ...รีบฉากหนี ออกจากห้องนอนของลมเหนือทันที เพราะไม่อยากวุ่นวายต่อไปอีก
“นายรักกาฬเหรอ... เลวิส” ลมเหนือมองหน้า กวาดสายตาอย่างอยากสำรวจจิตใจพี่ชายตน
“รักสิ เธอช่วยฉันให้กลับคืนเป็นมนุษย์ เธอเสียสละ เสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อฉัน เธอมีบุญคุณกับฉัน ฉันคิดแล้ว... จะรักเธอไปชั่วชีวิต ไม่มีวันทอดทิ้งเธอ จะไม่ปล่อยให้เหงาเปลี่ยวอยู่เดียวดาย”
“แล้วกาฬล่ะ รักนายไหม”
“กาฬมีจิตใจบริสุทธิ์กับฉันและนาย เธอชอบพวกเราสองคนแบบเพื่อน ฉันจับความรู้สึกนึกคิดได้ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเป็นแวมไพร์” เลวิสตอบน้องชายไปตามความจริง
............กาฬวารล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ อยู่ในช่วงไข้หวัดกำลังระบาด
“ทำไมกาฬไม่ลงไปกินข้าวเย็นกับพวกเรา” คุณทาคามิเอ่ยถามถึง
“ไปดูหน่อยสิ เหนือ” คุณมิลินจึงบอกกับลูกชาย
เลวิสกับลมเหนือไปตามที่ห้องกาฬวาร ช่วยกันเคาะประตู ...ไม่มีการเปิดรับ หนำซ้ำไม่มีคำขานตอบสักคำ แต่ประตูไม่ล็อค เมื่อเปิดประตูเข้าไป...
“กาฬ... กาฬตื่น ทำไมรีบนอน ไปกินข้าวกันก่อน” เลวิสเรียก เห็นเธอยังคงนอนนิ่ง
“ผิดสังเกตอย่างกับไม่รู้สึกตัว” ลมเหนือว่าอย่างนั้น จึงลงนั่งข้างเตียง ใช้หลังมือสัมผัสข้างแก้มเธอ เลวิสจึงทำตามบ้าง
“ตัวร้อน...อย่างกับเป็นไข้”
“กาฬนอนนิ่ง ปลุกเท่าไหร่ไม่ตื่น ไม่สบายมาก ตัวร้อน... พาไปโรงพยาบาลไหมครับแม่” เลวิสรีบบอกคุณมิลินอย่างร้อนรน
“อย่างนั้นเลวิสไปบอกกับพ่อแม่ของกาฬ ให้เอาพวกบัตรประชาชน บัตรโรงพยาบาลของกาฬไปด้วย ให้นายมั่นขับรถไปส่งนะ” คุณมิลินบอกให้พวกลูกทำตาม
จากนั้นลมเหนือกับเลวิสช่วยกันอุ้มกาฬวารนำไปส่งโรงพยาบาล โดยนายพลอยและนางนิลตามไปดูแลลูกสาวด้วย
............กาฬวารป่วยเพราะพิษไข้ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ แพทย์สั่งนอนพักเพื่อให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งคืน มีนางนิลผู้เป็นแม่มานอนเฝ้า
“ไม่รู้จักระวังรักษาร่างกายของตัวเองเลย เอาแต่ดูหนังสือไม่หลับไม่นอน เลยไม่สบายจนได้” นางนิลต่อว่าลูกสาว ซึ่งได้แต่นอนเงียบเพราะไม่อยากพูด
“ฉันจะกลับแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมอีก” ลมเหนือลงนั่งเก้าอี้ที่ข้างเตียงแล้วบอกลาลากเสียงช้า แต่ไม่ได้ลุกไป ยังคงนั่งมอง สองมือของเขากุมมือเธอไว้อีกพักใหญ่...
“พักผ่อนซะนะ จะได้หายไว ๆ ฉันไปละ” เขาบอกลาด้วยทีท่าอาทรห่วงใย ลุกขึ้นมาหอมตรงหน้าผากของเธอ เป็นการอำลาอย่างอ่อนโยน แล้วเดินจาก... แต่หันหลังกลับมามองดูเธออีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูห้องเพื่อออกไป...
“แม่... คุณเหนือจูบหน้าผากหนู” เธอบอกแม่ ยังคงรู้สึกหวงเนื้อตัวตามอย่างผู้ฝึกสมาธิ จิตคอยละกิเลสเสมอ แม้จะรู้สึกวูบไหวไปบ้างก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น
“แม่เห็นแล้ว เขาทำน่ารักดี ลูกแม่โชคดีได้สามีอย่างคุณเหนือ” ผู้เป็นแม่คิดต่างอย่างมากจากลูกสาว
“หนูจดทะเบียนกับคุณเหนือแล้ว นึกไม่ถึงเลย... ตัวเองจะกลายเป็นผู้หญิงมีสามีแล้ว ตอนแต่งงาน... หนูคิดแค่ช่วยคุณเหนือให้ไปสู่สุขคติ นึกว่าเขาตายแล้ว พอช่วยเขาฟื้นคืนชีวิตได้ หนูดีใจมาก แต่มาถึงตอนนี้หนูกลุ้มใจ...”
“อ้าว... ทำไมล่ะกาฬ”
“หนูกับคุณเหนือแต่งงานกันโดยไม่ใช่เพราะความรัก เลยต้องทนอยู่ร่วมกับคนที่ไม่รักกัน” กาฬวารคิดไปเองข้างเดียว
“ไม่รักอะไรกัน แม่ดูว่าท่าทางเขาชอบลูกของแม่นะ คุณเหนือเขาน่ารักจะตาย อยู่กันไปจะรักกันได้เอง”
“หนูกลัวคุณเหนือเขาจะปล้ำเอา ...มันน่าหนักใจ” เธอเพิ่งเอ่ยเฉลยความใน สาวบริสุทธิ์อย่างเธอยังคงหวงห่วงเสียดายตัวเองไม่คลาย
“อ๋อ... แม่เข้าใจลูกแล้ว หึ หึ...” ผู้เป็นแม่หัวเราะในลำคอ ในขณะที่ผู้เป็นลูกสาวหน้าง้ำลง
“แม่... ไม่ตลกนะ คุณเหนือทั้งตัวใหญ่ ทั้งแรงเยอะ หนูคงสู้เขาไม่ไหว จะหลบเลี่ยงยังไงได้”
“อุตส่าห์มีบุญวาสนา ได้ผัวหล่อน่ารักขนาดนี้ มีแต่คนเป็นเมียอยากให้ผัวรักผัวหลง อยากให้เขากอด บางคนติดผัวมากขนาดไม่ปล่อยให้ผัวไปไหนเลยก็มี กาฬคิดหลบเลี่ยงทำไมเล่าลูก” นางนิลเสียดายแทนลูกสาว ผู้หญิงส่วนใหญ่จะใฝ่เพ้อละเมอฝันหวาน หวั่นไหวไปกับชายหนุ่มหน้าหล่อ แต่นั่นไม่ใช่วิสัยผู้ฝักใฝ่ในธรรมะเฉกเช่นสาววัยรุ่นกาฬวาร
“พวกผู้หญิงที่แม่ว่า คงเป็นพวกผู้ใหญ่ แต่หนูยังเด็กอยู่” พูดไปพร้อมยกหัวคิ้วยู่ดูแบ๊วมาก มาก...
“แต่แม่ว่าไม่เด็กละ โตเป็นสาวสะพรั่งทั้งตัวน่ารักน่ากอดขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนได้ลูกแม่ไปคงอยากพะเน้าพะนอนั่นแหละ ทำใจเสียเถิดลูก ยังไงก็ต้องตกเป็นเมียเขาวันยังค่ำ” นางนิลพูดให้ลูกสาวทำใจยอมรับ
“นั่นแหละที่หนูกลุ้มใจ... เพราะว่าหนูยังไม่ได้รักคุณเหนือ” กาฬวารว่าหน้ามุ่ย
แต่คนที่แอบฟังหน้าประตูห้องใจคอห่อเหี่ยวลงไปคือ... ลมเหนือนั่นเอง เฮ้อ... เขาถึงกับถอนใจไม่ให้ใครได้ยิน
............ตึกเล็ก เลวิสและลมเหนือสองคนพี่น้องแอบกระซิบกระซาบคุยเรื่องทะลึ่งกัน อยู่ข้างบันไดทางขึ้นลง
“นี่... นายเคยจูบกับกาฬไหมฮคคุ”
“ยังไม่เคย ได้แต่นึก ...ไม่กล้า กลัวเธอไม่เล่นด้วย”
กาฬวารกำลังเดินลงมา ในช่วงจังหวะนี้พอดีเห็นและได้ยินทั้งสองพี่น้อง
“งั้น... พี่สอนให้ไหมน้องชาย” เลวิสพูดลากลีลาเสียงเซ็กซี่กระเส่า เขาถนัดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่เป็นรองใครแม้ยังวัยรุ่นก็ตาม
“เอาสิ...” ลมเหนือแกล้งยั่วเย้าพูดเล่นกับผู้เป็นพี่ชาย พร้อมเชิดใบหน้าขึ้นรอรับ...
“กรี๊ดดด...” กาฬวารร้องเสียงหลง ราวกับถูกผีหลอก แล้ววิ่งแจ้นเข้าไปในห้องครัว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอกาฬ... เมื่อกี้ทำไมร้องเสียงดังอย่างนั้น” คุณมิลินตกใจ ร้องถามทันใด!
“ปะ... เปล่า... ไม่... มีอะไรค่ะ” เธอตอบกระท่อนกระแท่น
เลวิสและลมเหนือตามเข้ามาถึงในห้องครัว ด้วยหน้าตาใสซื่อมาก หลังเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองและน้องชายเป็นต้นเหตุ
คุณมิลินมองกาฬวารที่กำลังก้มหน้าก้มตา และหน้าแดงอย่างสงสัย...
“คือว่า... คุณเหนือกับคุณเลวิส กำลัง... กำลังจะจูบกัน กาฬตกใจมากค่ะ” คนมันไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ยังใสบริสุทธิ์ดุจกุหลาบแรกแย้ม เพิ่งต้องแสงแห่งดวงตะวัน จึงยังไม่แก่แดดแก่ลม
“อ๋อ... ไม่ต้องตกใจหรอก สองคนนี่เป็นอย่างนี้แหละ ชอบเล่นพิเรนทร์ ไม่มีอะไรหรอก” คุณมิลินรู้ใจลูกชายทั้งสอง ด้วยเลี้ยงลูกมากับอ้อมอกตั้งแต่เล็กเป็นเด็กทารกแรกเกิด ประคบประหงมดูแลและให้การอบรมบ่มนิสัย จวบจนถึงทุกวันนี้ลูกชายเติบใหญ่วัยรุ่น รูปร่างเรือนกายแต่ละคนสูงใหญ่กว่าผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ
ฝ่ายสองคนพี่น้องเข้ามากอดคอ และประสานเสียงหัวเราะพร้อมกัน โดยไม่พูดอะไร
“ฮะ ฮะ ฮะ...” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”
............หลังอาหารค่ำ กาฬวารเป็นคนเก็บถ้วยชามนำมาล้าง ลมเหนือเข้ามาช่วยด้วย ...อีกทั้งก่อกวนใจ
“ยังหัวค่ำอยู่ อย่าเพิ่งรีบเข้านอนเลย”
“ฉันเข้านอนหัวค่ำ ตื่นแต่มืดเป็นนิสัยแล้วค่ะ” ก้มหน้าก้มตาล้าง... ล้างไปเรื่อยโดยไม่หันมาสนใจ
“งั้น... ก่อนเข้านอน วานอะไรหน่อยสิ แป๊บเดียวได้ไหม นะ...” ลมเหนือเอ่ยเอื้อนทำเสียงออดอ้อน...
“ถ้าแป๊บเดียวคงไม่เป็นไร ...ก็ได้ จะวานให้ทำอะไรให้คะ”
“ฉันจะอาบน้ำ วานถูหลังให้หน่อย”
“หา! นั่นมันไม่ใช่แป๊บเดียวหรอกนะ” แค่นี้... สาวน้อยวัยรุ่นตกอกตกใจ!
“เธอรับปากฉันแล้วไม่ทำ เสียคำพูดนะ” ลมเหนือพูดดักคอ ทำให้กาฬวารนึกตำหนิตัวเองในใจ...
‘ไม่รู้จักคิดก่อนพูดเลยเรา’
“ถ้าเรื่องที่วานมันแป๊บเดียวจริง ๆ ฉันจะทำให้ แต่ฉันว่าคุณเหนืออาบน้ำนานเกือบชั่วโมงแน่”
“งั้น... ฉันใช้เวลาสั้นลง เหลือแค่สิบห้านาที”
“แบบนั้นมันจะสะอาดทั่วตัวเหรอ ตอนอาบน้ำคงไม่ใส่เสื้อผ้า” กาฬวารพูดไปในใจนึกมโนภาพตาม เริ่มใจคอวอกแวก!
“อ๋อ... แน่นอน ใครเขาจะใส่ชุดสูทเต็มยศเวลาอาบน้ำ” ลมเหนือลีลาพูดช้านาน อมยิ้มหวานส่งสายตาให้เธอ
กาฬวารถึงกับก้มหน้างุด ใจอยากมุดหนีไปในบัดดล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขิน...
“คุณเหนือตัวสูง ฉันคงถูหลังไม่ถึง”
“ฉันนั่งอาบน้ำในอ่าง อย่างนี้เธอคงไม่ลำบากที่จะถูหลังให้ใช่ไหม”
“เอ่อ... ฉันเขิน ไม่แน่ใจ ขออนุญาตไปถามคุณแม่มิลินก่อนนะคะ” กาฬวารบอกแล้วเดินหนี
ที่จริงลมเหนือเดาใจเธอออก... คงไม่ยอมทำให้ เขาเพียงแต่อยากล้อหลอกแกล้งหยอกเล่น
กาฬวารมาถามคุณมิลินตามประสาซื่อ ...ที่จริงเพราะเธอกำลังวุ่นวายใจอีกประการหนึ่งด้วย
“ฉันมีเรื่องจะขอปรึกษาคุณแม่ค่ะ คือ... คุณเหนือจะอาบน้ำ ให้ฉันถูหลังให้ คือ... ฉันไม่กล้าค่ะ ฉันรู้ว่าฉันอยู่ในฐานะภรรยา แต่ฉันยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้” กาฬวารทำหน้าตาเจียมเนื้อเจียมตัวประกอบการพูดไปด้วย
“อย่าคิดมาก ไม่อยากถูหลังให้ ก็ไม่ต้องทำ เหนือคงล้อเล่นมากกว่า เขาไม่ใช่จะบังคับเธอให้ทำตามใจเขา” คุณมิลินแนะ
“ฉันคิดว่ามันยังไม่สมควรแก่เวลา ฉันอยากเรียนให้จบก่อน ค่อยมาใช้ชีวิตสามีภรรยาอยู่ร่วมกัน”
“อืม...ที่เธอว่ายังไม่สมควรแก่เวลา ฉันเห็นด้วย ฉันคิดจะพูดกับลูกชายทั้งสองคนเหมือนกัน ...เรื่องเรียนต่อ ตอนนี้เธอทำใจให้สบายเถอะ วางเฉยเสีย เขาคงชอบยั่วเย้าเธอ คงมีเรื่องมาอีกเรื่อย ๆ แหละ” คุณมิลินบอกยิ้ม ๆ ด้วยเข้าใจลูกชายทั้งสองของตนดี
............ตีสอง กาฬวารตื่นนอนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงกว่า อันเป็นกิจวัตรประจำวัน แล้วลงมาห้องนั่งเล่น หวังจะดูวีดีโอสักเรื่องก่อนถึงเวลาเข้าครัวตอนตีสี่ทำกับข้าวใส่บาตรเช้า
“เล่นเกมส์กันอยู่เหรอ” กาฬวารเอ่ยทักสองศรีพี่น้อง
“อื้ม... กาฬเพิ่งตื่นนอนล่ะสิ พวกเรายังไม่นอนเลย”
“เอาไว้ค่อยนอนตอนกลางวันได้” ลมเหนือและเลวิสบอก
“งั้น... ฉันไม่รบกวนละ” เธอทำท่าจะเดินจาก ไม่อยากอยู่ใกล้สองพี่น้องนาน หวั่นเกรงโดนแกล้งแบบแปลก ๆ
“เดี๋ยวสิ พวกเราจะเลิกเล่นเกมแล้ว เธอจะดูหนังไหม”
“อืม... ดูสิ” กาฬวารตอบเลวิส เขาปิดเกม แล้วหยิบหนังรักโรแมนติกใส่เข้าเครื่องเล่น
ส่วนลมเหนือกำลังนอนเล่นบนโซฟายาว เขานอนคว่ำหันหน้ามองมาทางเธอ เลวิสลงนั่งเบียดกับน้องชาย ส่วนกาฬวารนั่งบนพื้นพรมไม่ห่างกันนัก ดูหนังด้วยกันอย่างเงียบ ๆ อยู่พักเดียว
“นอนคนเดียวเหงาจัง อยากมีใครมานอนเป็นเพื่อน ไม่ชอบนอนคนเดียวเลย” ลมเหนือพูดเปรย ๆ ใจหมายแกล้งยั่วกาฬวาร
“กาฬ... ไม่มานอนเป็นเพื่อนฮคคุล่ะ” เลวิสแกล้งถาม สายตาจับจ้องแน่วแน่อยู่แต่ใบหน้าของกาฬวาร
“ฉันชอบนอนคนเดียว คือ... ฉันถนัดนอนเงียบ ๆ ถ้าต้องนอนกับคนอื่นไม่รู้จะคุยอะไร”
จากคำตอบของกาฬวารทำให้เลวิสอมยิ้ม เขาเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นนอนทับเรือนร่างของน้องชาย วงแขนกอดคอของผู้เป็นน้อง ซึ่งฝ่ายนั้นหัวเราะร่วน
“นอนเล่นหยอกกันสนุกดี ไม่เห็นต้องคุยอะไร แล้วฉันจะทำให้เธอต้องร้องครางอย่างสุขสม หึ หึ...” ลมเหนือทำหน้าลามกอย่างคนเคยมีประสบกามมาแล้ว แม้ไม่มากมายเท่าพี่ชายตน แต่เรียกได้ว่าไม่ย่อยเหมือนกัน
“เอ่อ... ฉันเล่นกับใครไม่เป็น คงไม่สนุกหรอก” กาฬวารละล้าละลังจะทำอย่างไร? ในใจนึกอยากวิ่งหนีไปซึ่งหน้า เพราะว่าอ๊าย... อาย...
“แหม... เล่นไม่ยากหรอกอย่างนี้ไง” ลมเหนือยื่นแก้มแนบแก้มของพี่ชาย และพวกเขายิ้มให้กันก่อนจะหันกลับมามองทางเธอ
“เล่นอย่างนั้น ฉันคงหนาว...” น้ำเสียงที่ตอบ ท่าทีที่เห็น... เดาใจได้ว่าอีกเดี๋ยวเธอต้องวิ่งหนี
“ฉันไม่ปล่อยให้หนาวแน่นอน จะกอดเธอให้แน่นเลย” ลมเหนือบอก สายตาที่สองพี่น้องจ้องมา ทำให้เธอใจวูบไหว แต่รีบพยายามทำใจให้ราบเรียบ กระนั้นยังไม่วายก้มหน้าก้มตาพูด อายงุด...
“วุ้ย... ฉันยังเด็กอยู่ จะเอาอะไรมากมายกับฉัน บอกตั้งหลายครั้งแล้วพวกผู้ชายนี่...” เธอรีบลุกเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้สองพี่น้องหัวร่อต่อกระซิกคิกคักกันอยู่สองคน
“ฉันว่ากาฬนี่ ดูขี้อายนะ” เลวิสวิเคราะห์ แล้วยิ้มกระหยิ่มใจไปกับน้องชาย
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น ตลกดีที่ได้แกล้ง ฮะ ฮะ ฮะ...” ลมเหนือหัวเราะชอบใจไม่ใช่เล่น
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๗
ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2559, 19:54:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2559, 19:54:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 992
<< ตอน 16 | ตอน 18 >> |