~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 35 .. แยกย้าย





เวลาเกือบ ๒ ชั่วโมงที่เพลิงกัลป์กำหนด มันอาจจะเนิ่นนานในการรอคอย แต่สำหรับคนที่รับคำสั่งมาปฏิบัติอย่างบังคิด มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

เนื่องจากการนำสปีดโบ๊ทออกจากเกาะลาลัล มุ่งหน้ามายังไร่เลย์ท่ามกลางความมืด ฝ่ากระแสลมกระแสคลื่นหน้ามรสุม ถือได้ว่า เป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน อาจถึงชีวิตเลยก็ว่าได้

บังคิดไม่เคยกังขาความชำนาญการขับเรือของตนเอง แต่เมื่อชำเลืองไปยังด้านซ้าย มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนร่วมทาง ชายวัยเกือบกลางคนถึงกับเผลอส่ายศีรษะไม่เข้าใจความคิดของเจ้านายที่ชื่อ เพลิงกัลป์ เลยสักนิด

"มีอะไรรึเปล่าบังคิด"

รัศมิทัตถามทั้งที่สายตามองตรงไปยังแสงไฟเบื้องหน้า คาดว่าอีกไม่กี่นาทีก็สามารถนำเรือเร็วเทียบท่า ตามคำสั่งการได้

"เปล่าครับ คุณทัต ... แค่คิดว่า คืนนี้เราโชคดี ที่ไม่เจอคลื่นแรงลมแรงระหว่างทาง"

"ทำไม อย่าบอกนะว่าคนอย่างบังคิด ... เกิดจะกลัวขึ้นมา"

ชายหนุ่มเปรยยิ้มๆ เชิงกระเซ้ามากกว่าจะเป็นการเย้ยหยัน ซึ่งบังคิดแปลเจตนาของคำพูดนั้นได้ไม่ยาก ตามระยะเวลาที่รู้จักกันมานาน นับแต่รู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา รับเขาเข้าทำงาน รวมถึงรับทราบสถานะหุ้นส่วนในรีสอร์ทของรัศมิทัตดี

"กลัวสิครับ ... ถ้าลำพังผมคนเดียวน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เป็นห่วง ผมกลัวว่า จะดูแลคุณทัตให้คุณฟ้าไม่ดี"

รัศมิทัตหันขวับมองคนงานคนสนิทของเพลิงกัลป์ อยากปั้นหน้าให้ขรึมเข้มแกมข่มขู่ แต่เขาทำได้แค่หัวเราะก้องแทบกลบเสียงคลื่น ที่ซัดกระแทกด้านข้างลำเรือ จนมันกระฉอกสูงเกือบถึงกราบเรือ

"ผมจะพยายามดูแลตัวเอง ช่วยบังอีกแรงก็แล้วกัน ... แต่ตอนนี้ ผมว่าเรารีบเอาเรือเทียบท่าของรีสอร์ทดีกว่าฮะ ... ดูโน่นสิ ท่าจะเป็น 'เจ้านาย' ของเรามารอรับนะนั่น"

สถาปนิกหนุ่ม ผู้มีสถานะและความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนยักคิ้วหลิ่วตาบอกคนขับเรือ ขณะที่อีกฝ่ายก็กำลังปรับความเร็วเครื่องยนต์สปีดโบ๊ท ให้พร้อมเทียบสะพานที่มีแสงไฟบอกทิศทาง และบุคคลยืนอยู่บริเวณนั้นชัดเจน

เรือเร็วของเพลิงกัลป์ทำเวลาได้ดี เพราะไม่ถึง ๒ ชั่วโมง คนที่รับคำสั่งก็ลงจากเรือมาอยู่ตรงหน้าเขา ทั้ง ๒ คน

"ฝีมือยังดี สมกับที่ฉันไว้ใจนะบัง ... ดูเครื่อง เติมน้ำมันมาพอนะ เดี๋ยวเราต้องไปกันต่อ"

"แน่นอนครับนายหัว"

คนถูกชมน้อมรับคำยิ้มร่า และค้อมศีรษะรับทราบสิ่งที่ต้องทำ ก่อนปลีกตัวไปดูแลเรืออีกครั้ง ไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะสีหน้าท่าทาง 'นายหัว' ของเขา ดูเคร่งเครียดผิดปกติ

รัศมิทัตรอให้เพลิงกัลป์พูดกับบังคิดจบ จึงค่อยพูดขึ้นมาบ้าง แต่เท่าที่ได้ฟังล้วนเป็นคำถามคาใจตลอดการเดินทางทั้งสิ้น

"ลุง ... มีไรกันแน่ คุณฟ้าก็รออยู่ ... แล้วยังไงกันถึงได้สั่งงานแบบนี้ ..."

"เดี๋ยวก็รู้ ... ตามมา"

เพลิงกัลป์ยังไม่เฉลยในทันที หันหลังกลับเดินนำรัศมิทัตออกมา กระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าวิลล่าของเขา แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน 'เจ้านาย' ของรู้ค หันมาทางสถาปนิกหนุ่มอีกครั้ง

"ฟ้ารู้หรือเปล่า ที่นายมากับบังคิด"

"กว่าจะรู้ว่าผมไม่อยู่ ... คงตอนเช้าล่ะ ลุง"

แม้ 'ลุง' ที่รัศมิทัตเรียกจะนิ่วหน้ากับสรรพนาม แต่เขายังมีเรื่องสำคัญกว่า ไว้ทุกอย่างคลี่คลาย ค่อยจัดการกับเจ้าหนุ่มปากเปราะ ... คงไม่สาย

"งั้น เตรียมตอบคำถามฟ้าไว้ด้วยแล้วกัน ... ว่า นายจะไม่กลับไปที่รู้คสัก ๒-๓ วัน"

"ห๊ะ ! ... แล้วจะให้ผมไปไหน"

เพลิงกัลป์หรี่ตาคู่คมมองแล้วเมินไม่ให้คำตอบ ดึงความสนใจกลับมาที่ประตูบานเดิม เคาะให้สัญญาณก่อนจะบิดลูกบิดและผลักเปิด ก้าวนำรัศมิทัตเข้าไปข้างใน เพื่อให้ผู้มาใหม่ได้พบกับบุคคลทั้งหมดที่รออยู่




รัศมิทัตไม่ทันได้กวาดสายตาไปทั่วห้อง แล้วพิจารณาแต่ละบุคคลที่มองตรงมายังเขา เพราะคนที่เป็นจุดโฟกัสของหนุ่มสถาปนิกนั้น เป็นใครคนหนึ่งซึ่งคิดว่า ตนตาฝาดเมื่อแรกเห็น แล้วก็ต้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าจะบังเอิญมาพบกันที่นี่

"เฮ้ย ... ลุงศิง มาได้ไง"

เสียงของชายหนุ่มดังไม่น้อย ไม่ได้สนใจคนอื่นที่ไม่รู้จักไปชั่วขณะ เมื่อประสานสายตากับศิงขริน พร้อมทั้งเรียกชื่อด้วยความคุ้นเคย แต่เผลอลืมกาลเทศะไปเสียสนิท จนคนถูกเรียกถึงกับชี้หน้ากลับมา

"ไอ้เด็กนี่ ... กี่ปี กี่ปี ... ก็ยังเหมือนเดิม"

"ทัต ... รู้จักพี่ศิงด้วยเหรอ"

กว่าจะรู้ตัวว่ามัสลินอยู่ด้วย นั่นก็ต่อเมื่อเพื่อนสาวก้าวเข้ามาประชิดกระซิบถามท่าทางงุนงง ที่เห็นรัศมิทัตเรียกศิงขรินไม่ต่างไปจากการเรียกเพลิงกัลป์ และมันก็ช่วยให้เขาไม่คิดต่อปากต่อคำกับ 'ลุงศิง' อีก

"อ้าว ลินิน ... มาทำอะไรที่นี่ ... แล้ว ..."

พอได้สติรัศมิทัตก็เหลียวมองไปรอบกาย จึงได้เห็นบุคคลอื่นอีก ๒ คน นอกเหนือจากคนรู้จัก คิ้วของชายหนุ่มมุ่นเข้าหากันทันที เขามองผู้ชายแปลกหน้าที่คนหนึ่งดู 'ติสท์แตก' แต่คุ้นตาเหมือนเคยเจอกันมาแล้ว

ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้กันก็ดู 'หล่อเกิน' ทว่า ความรู้สึกของเขามันกระตุ้นเตือน ถึงความคลับคล้ายคลับคลาอย่างกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน สลับกับมองหน้ามัสลิน สื่อให้เพื่อนรับรู้ถึงคำถามมากมายหลายหลาก

มัสลินพยายามไม่สนใจ 'คนอื่น' ที่ทำให้รู้สึกได้ถึง สายตาบางคู่กำลังจับจ้องชนิดไม่วางตา เมื่อเธอรั้งตัวรัศมิทัตให้ไปรวมกลุ่มและนั่งข้างกัน รอฟังสิ่งที่ถูกกำหนดให้ 'ต้องทำ'

"มานั่งก่อน ... อย่าเพิ่งถามอะไร"

"เอาล่ะ มาพร้อมกันแล้ว ... ผมขอความร่วมมือกับทุกคนด้วย"

เชดส์เอ่ยขึ้นเมื่อเหตุการณ์สงบดีแล้ว เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแนะนำตัวใดๆ นอกจากการวางแผนเอาตัวรอดให้รัดกุม เพราะมั่นใจว่า ไม่นานนับจากนี้ จะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

"เรามีเวลาไม่มาก ... นายหัว ผมขอให้คุณพาคุณลินิน หมอศิง ... และคุณ .."

หนุ่มเดรดล็อคมองหน้าผู้มาสมทบคนล่าสุด จงใจละชื่อไว้ให้คิดว่า เขาไม่รู้จักดีกว่า แล้วจึงเอ่ยต่อไป เมื่อเห็นว่า หุ้นส่วนคนหนึ่งในรู้ค ยังไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านเขา

"ไปด้วยกัน แล้วค่อยแยกกันที่คลองจิหลาด ... หลังจากนั้น หมอศิงกับคุณ หาไฟลท์ไหนก็ได้ ทำยังไงก็ได้ ที่จะทำให้พบผู้การ ฯ ได้เร็วที่สุด"

"ผู้การ ฯ ใครอีกล่ะ ... แล้วไปทำไม"

เชดส์เหลือบมองหน้ารัศมิทัตครู่หนึ่ง ก่อนบ่ายหน้าไปทางศิงขริน สื่อสารทางสายตาอย่างคนรู้กัน ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อคนที่ใครๆก็ยังเรียกเขาว่า 'หมอ' ตอบแบบเอาบุญให้คนค้างคาใจเล่น หรือนัยหนึ่งอาจเป็นการเอาคืนรัศมิทัตในคราวเดียว

"ลุงอีกคนของนายไง ... ไอ้เด็กปากเสีย"

"หมอ ... ผมฝากด้วยก็แล้วกัน"

ท่าทีขบคิดของรัศมิทัตเผยผ่านหน้าตาท่าทาง อันเต็มไปด้วยความสงสัย แปรเปลี่ยนไปเป็นจริงจังมากกว่าเดิม เชดส์ก็พอรู้แล้วว่า ชายหนุ่มที่อ่อนวัยคนนี้ ใช่จะไร้เดียงสา หรือไม่ทันเกมของพวกเขาเลย แม้แต่น้อย ทำให้นายตำรวจที่อำพรางตัวในมาดหนุ่มเร้กเก้ชี้แจงต่อ

"ส่วนนายหัว ... คุณมีคนขับเรือมือดีมาด้วย หลังส่งหมอศิง ผมอยากให้คุณกับคุณลินินไปพบผู้กำกับพันแสง ..."

เพลิงกัลป์รับฟังแผนการเงียบๆ แต่เชดส์รับรู้ได้ว่า คนอย่างนายหัวคนนี้ ไม่มีทำเพียงแค่ทางรอรับคำบงการจากใคร เขาคงกำลังรวบรวมข้อมูลประเมินทุกสิ่งรอบตัวไว้แล้ว

"เท่านี้ใช่ไหม ... หน้าที่ของฉัน"

"ทำไมลินินต้องไปที่นั่นกับ ... เอ่อ ด้วยล่ะคะ ... คุณเชดส์"

มัสลินโพล่งถามอย่างไม่อาจห้ามตัวเองให้นิ่งเฉยได้ อีกทั้งข้องใจว่าเหตุใด เธอจึงต้องร่วมทางไปกับเพลิงกัลป์ ในเมื่อศรตฤณก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งเธอก็ไม่ต้องรอนาน เพราะอีกฝ่ายตอบกลับมาทันควัน

"เพื่อความปลอดภัยครับ"

"อย่าทำตัวมีปัญหานักเลย"

เพลิงกัลป์จงใจปรามโดยไม่เอ่ยชื่อ และหญิงสาวรู้ดีว่า เขาหมายถึงใคร ทำให้เธอไม่พูดไม่ถามอะไรออกมาอีก นอกจากสีหน้าขัดเคืองแสดงความไม่พอใจ

ศรตฤณที่นั่งสังเกตอากัปกิริยาของคนทั้งคู่ จำต้องเอ่ยขึ้นบ้าง เพื่อที่ว่า จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวล หลังจากนี้

"ลินิน ... เราคุยกันเข้าใจแล้วนี่"

"ค่ะ ... สั่งมาเถอะ ฉันพร้อมจะทำทุกอย่าง ... ทุกคำบัญชาอยู่แล้ว"

ประโยคยอมรับต่อชะตากรรม ที่พูดออกมาอย่างสั่นเครือของมัสลิน บอกความรู้สึกคับแค้นอัดอั้นในใจ ให้บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายในที่นี้ได้ซึมซาบกันบ้าง

นอกจากน้ำเสียงสะท้อนอารมณ์แล้ว ปฏิกิริยาอีกอย่างของหญิงสาวคือ การลุกจากที่นั่งล้มวงประชุม ขยับตัวเองย้ายหาที่นั่งห่างออกไป ราวกับเป็นคนนอก ไม่มีหน้าที่ใดนอกจากผู้ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น

แม้รัศมิทัตอยากจะลุกเดินตามมัสลินไป แต่เหตุผลบางอย่างกลับตรึงเขาให้ยังคงนั่งฟังต่อ เพราะไม่อยากพลาดเก็บรายละเอียดต่างๆ ถึงจะยังไม่ค่อยทราบเรื่องราวความเป็นมามากนัก

เมื่อทั้งกลุ่มประกอบด้วยชายหนุ่มหลากสาขาวิชาชีพ ที่มีเหตุจำเป็นต้องมารวมตัวกัน ณ สถานที่แห่งนี้ กำลังตั้งอกตั้งใจหารือร่วมกันอย่างจริงจัง

จะมีใครบ้างล่วงรู้ความจริง ... รู้ถึงแผนการเบื้องลึกเบื้องหลัง

ว่าแท้จริงแล้ว สิ่งเชื่อมโยงที่คล้ายแมงมุมชักใย ให้ทุกคนมาถึงจุดนี้ได้นั้น คืออะไรกันแน่





สปีดโบ๊ทของเพลิงกัลป์มีบังคิดเป็นคนบังคับเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มขึ้นคือผู้โดยสารหน้าใหม่ที่เขามั่นใจว่า ไม่เคยพบมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับชายวัยใกล้หลักหก

หลังจากทราบจุดหมายปลายทางที่จะต้องไป สีหน้าครุ่นคิดของบังคิด ทำให้คนเป็นเจ้านายเอ่ยขึ้นราวรับรู้ได้ถึงความยุ่งยากใจ

"คิดเหมือนกันใช่ไหมว่า เวลานี้ จะเอาเรือเทียบท่าได้ยังไง"

"ครับ นายหัว ... แต่ผมก็พอมีทางอยู่ เพียงแต่ ... อาจทำให้เสียเวลา"

"ว่ามา"

เพลิงกัลป์นึกเฉลียวใจ ตั้งแต่เชดส์บอกให้เขาเอาเรือไปส่งศิงขรินกับรัศมิทัตที่ท่าเรือหลัก ซึ่งมีเวลาปิดเปิดมาตรฐาน ไม่ใช่ใครจะใช้บริการเมื่อไรก็ได้ หรือเป็นเพราะ อีกฝ่ายมั่นใจในตัวเขามากพอ ที่จะปล่อยให้หาหนทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เอง

"ผมพอรู้จักกับคนแถวนั้น น่าจะติดต่อขอเทียบจอดเรือได้ ... อาจไหว้วานให้เขาไปส่งเพื่อนนายหัวที่สนามบินด้วย ถ้านายหัวต้องการ"

"ดี ... บังคิดจัดการได้เลย ฉันจะไปคุยกับพวกนั้นหน่อย"

ชายหนุ่มโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ละจากลูกน้องคนสนิทมาหา 'พวกนั้น' ที่นั่งกันอยู่กลางลำเรือ เขามีเวลาคุยกับศิงขรินและรัศมิทัตไม่มาก ส่วนหางตาก็ปรายมองมัสลิน จึงเห็นว่าเธอนั่งหันหน้าไปทางเครื่องยนต์ ท่าทางตั้งใจสำรวจระยะทางที่เคลื่อนห่างหาดไร่เลย์ทุกขณะ

ทุกอิริยาบถของมัสลิน อยู่ในสายตาเพลิงกัลป์โดยตลอด นับตั้งแต่ล่ำลากับศรตฤณ หญิงสาวมีอาการเงียบหงอยไปมาก ยิ่งพอมาลงเรือลำนี้ เธอก็ดูเหมือนคนไร้ปากไร้เสียงในบัดดล

"ลุงศิง ... ก็ได้ พี่ศิง ... กลัวแก่หรือครับ แหม"

รัศมิทัตบ่นงึมงำ เมื่อต้องเปลี่ยนสรรนามเรียกศิงขรินกลางอากาศ เพราะสายตาอาฆาตไร้แววปรานี เฉกเช่นคนที่น่าจะมีความเมตตาเปี่ยมล้น ในฐานะแพทย์ผู้รักษาคนไข้ แต่พอนึกถึงว่า อยากรู้เรื่องที่ติดใจสงสัย ชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าก็ยอมทำทุกวิธี เพื่อจะได้รับรู้อะไรมากขึ้น

"พี่ศิง ... สรุปแล้ว เรากำลังไปหาพี่กรีหรือเปล่า"

"เออ เก่งนี่ ... รู้ได้ยังไง"

ศิงขรินชมเชยกับความหัวไวของรัศมิทัต ซึ่งเพลิงกัลป์ที่เพิ่งเข้ามานั่งรวมกลุ่มพร้อมหน้า ก็รอฟังเช่นกัน

"โธ่ ... ก็พูดออกมาเอง ยอมรับเอง ... 'ลุงอีกคน' ในนี้มีกี่คนเชียวที่ผมเรียก 'ลุง'"

บทจะโยกย้ายตำแหน่งก่อกวนจากประสาทมาที่บาทา รัศมิทัตก็ทำได้อย่างหมดจด

โดยอาจรู้หรือไม่รู้ว่า ‘ลุงๆ’ จะนึกเข่นเขี้ยวในใจว่า นี่ถ้าไม่ติดใครเขาจะตราหน้าผู้ใหญ่รังแกเด็ก ทั้งเพลิงกัลป์และศิงขริน คงร่วมมือกันจับ 'เจ้าเด็กปากเสีย' ที่ไม่ว่าผ่านมากี่ปี ทั้งสองคนก็ยังถูกยกย่องให้เป็นผู้อาวุโสตลอดศก

ผู้ชายสามคนคุยถึงภารกิจอีกไม่กี่คำ ต่างก็เงียบกันไป พอดีกับที่สังเกตได้ว่า บังคิดชะลอความเร็วของสปีกโบ็ทลง คล้ายเตรียมตัวจะนำเรือเทียบฝั่ง

"นายหัว ... ถึงแล้วครับ เราขึ้นฝั่งกันตรงนี้ แล้วเดินอีกนิด ... เพื่อนผมที่ให้มารอ พร้อมแล้วครับ"

บังคิดจัดการทุกอย่างได้ราบรื่นตามคำสั่ง ซึ่งอาจหมายรวมถึง ศิงขรินและรัศมิทัตจะได้ไปต่อถึงสนามบินอย่างสะดวกสบาย เท่าที่จะเป็นไปได้





จากนี้ถ้าไม่นับบังคิด ก็จะเหลือเพียงเพลิงกัลป์กับมัสลิน ที่จะต้องใช้เวลาอยู่ใกล้กันหลายชั่วโมง ในเรือที่มีพื้นที่คับแคบ จนกว่าผู้ควบคุมสปีดโบ๊ทอย่างบังคิด จะพาพวกเขาไปถึงท่าเรือหาดยาวที่ตรัง ซึ่งก็คงพอดีกับเวลาทำการของท่าเรือ

มัสลินทำตัวเป็นผู้โดยสารที่รักษาความสงบเงียบต่อ หลังจากรัศมิทัตจำเป็นต้องร่วมทางไปกับศิงขริน ไปพบ 'ผู้การฯฉัททันต์' ด้วยภารกิจที่เชดส์มอบหมายไหว้วาน

แม้หญิงสาวจะพยายามถามศรตฤณแค่ไหน อาของเธอก็ไม่มีทีท่าจะตอบข้อสงสัยให้กระจ่างสักข้อ

จนนาทีสุดท้ายที่ได้อยู่กันตามลำพัง ก่อนออกเดินทางเธอขอเหตุผลในการที่ต้องมากับเพลิงกัลป์ครั้งนี้ เขาก็บอกแต่ว่า

'ไว้ทุกอย่างเรียบร้อย อาจะบอกลินิน'

ท้องฟ้าที่เคยมืดดำค่อยเคลื่อนคลาย นั่นหมายถึงอีกไม่นาน แสงสว่างยามเช้าก็จะปรากฏให้เห็น แต่ในใจของมัสลินกลับมีแต่ความมืดหม่นถมทาบอยู่ทุกขณะ ใครจะมารู้มาเข้าใจบ้างว่า ตอนนี้เธอรู้สึกราวตุ๊กตาที่ใครจะชักเชิด หรือพาไปทางไหนก็ได้

"เพิ่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมง ... จะเป็นจะตายแล้วหรือไง"

เหมือนถ้อยคำเสียดสีจากวาจาช่างถากถาง ทว่า น้ำเสียงคนพูดกลับราบเรียบ ทำให้มัสลินไม่อาจคาดเดาอารมณ์ของเพลิงกัลป์ได้ เธอจึงเลือกที่จะนิ่งและเงียบอย่างที่เป็น

หญิงสาวมั่นใจว่า ได้ยินเสียงระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ อย่างกับว่า กำลังอิดหนาระอาใจที่ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง จนในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงของเขาอีกครั้ง แต่แตกต่างกับเมื่อครู่เป็นคนละขั้วเลยทีเดียว

"คิดอะไรอยู่"

บทจะพูดดีๆ เพลิงกัลป์ก็ทำเอามัสลินปรับตัวไม่ทัน เผลอเผยความประหลาดใจให้ปรากฏบนใบหน้า เมื่อหันมามองแทบเป็นจ้องอย่างไม่เคยเห็นกันมาก่อน

"ดูทำหน้า ... ฉันถามดีๆ ก็ตอบกันดีๆ บ้าง ... ได้ไหม มัสลิน"

ต่อให้สปีดโบ๊ทลำนี้แล่นฝ่าโต้คลื่นนานแค่ไหน ไกลเพียงใด มันคงไม่สามารถทำให้มัสลินรู้สึกมึนจนเมาเรือได้ แต่สำหรับเพลิงกัลป์ เธอไม่แน่ใจแล้วว่า เขาตั้งใจสร้างความมึนงงแก่เธออยู่หรือไม่

"เอ่อ ... หลายอย่าง ... ค่ะ"

"ให้ฉันนั่งคุยด้วย ... ได้ไหม"

นับเป็นครั้งที่สองก็ว่าได้ ที่ได้ยินคำถามเหมือน 'คำขอ' ด้วยเสียงอ่อนลงกว่าครั้งไหนๆ ... ซึ่งหลายๆครั้งก่อนหน้า เรียกได้ว่า ไม่เคยมี

"ค่ะ"

มัสลินตอบรับพลางเบือนสายตาจากที่มองเขา กลับมามองเบื้องหน้าที่มีแต่แผ่นฟ้าและเกลียวคลื่นบนผืนน้ำ อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้

"ถ้าฉันจะถามอะไรเธอบางอย่าง ... เธอจะตอบฉันอย่างตรงไปตรงมาได้ไหม"

เพลิงกัลป์หย่อนตัวลงนั่งเคียงกับมัสลิน อิริยาบถดูผ่อนคลายไร้กังวล จนหญิงสาวที่นั่งข้างกันอดไม่ได้ที่จะหันมาอีกครั้ง ก่อนประโยคคำถามจะจบลง

มัสลินสบนัยน์ตาฉายประกายเฉียบคม ที่จับจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว สายตาที่ราวกับสะกดให้รู้สึกว่า ต่อให้ไม่อยากตอบใดๆ ก็คงไม่อาจจะปฏิเสธคำถามที่เขาอยากรู้ได้

ทันใดนั้น มัคคุเทศก์สาวที่อยู่ระหว่างพักร้อนจากการงานต้องตระหนกสุดขีด เมื่อจู่ๆ เพลิงกัลป์ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วคว้าร่างเธอมากระชับในอ้อมกอด พร้อมกับกดศีรษะให้ซุกอยู่กับอก เขาเองก็ก้มต่ำกึ่งยอบตัวลงมาใกล้ๆ

"บังคิด มีเรือตามเรามา ... เร่งเครื่องเร็ว ระวังด้วย"

เสียงตะโกนบอกคนขับเรือดังลั่น แข่งกับเครื่องยนต์ที่กำลังทำงาน ทำให้บังคิดต้องเหลียวหลังมามอง เพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน

"อะไรนะครับ ... นายหัว"

"เราถูกตาม ...เร็วเข้า รีบสลัดให้หลุดนะ"

คำสั่งเด็ดขาดของเพลิงกัลป์กึกก้องทั่วทั้งลำเรือ ท่ามกลางสถานการณ์ระทึกไม่คาดฝัน ที่คิดว่าจะรับอรุณยามเช้าด้วยบรรยากาศแจ่มใส กลับต้องมาเปิดฉากถูกล่าเป็นเป้าหมายกลางทะเล

แม้มัสลินจะสับสน งุนงงไม่รู้เหนือรู้ใต้ หากมีบางสิ่งน่าแปลกเหลือเกิน ... นอกจากอาการตกใจ ตื่นเต้น ยังมีความประหม่าแทรกซึมเข้ามาทีละน้อย แทนที่มันจะเป็นความหวาดกลัว

ยิ่งกว่านั้น ... เธอแอบนึกย้อนถามแผ่วเบากับตัวเองว่า เหตุใดจึงรู้สึกปลอดภัย และอุ่นใจไปพร้อม ๆ กันได้ ทั้งที่กำลังตกที่นั่งหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่ในเวลานี้












******************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอบคุณทุกไลค์กำลังใจฮะ


คุณkaelek : นาทีนี้ ... ยิ่งกว่้าดูแลแล้วมั้งฮะ >///< ... ขอบคุณคุณkaelek ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2559, 11:23:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2559, 11:23:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1044





<< ใยเส้นที่ 34 .. คำสั่ง   ใยเส้นที่ 36 .. เป้าหมายจู่โจม >>
kaelek 14 เม.ย. 2559, 12:46:10 น.
ใครตาม?? ดูแลลินินดีๆนะเฮีย อย่าดุลินินนัก เดี๋ยวนางไม่รักด้วยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account