เปลวไฟกลางสายลม
เรื่อง เปลวไฟกลางสายลม

ทักทายเหล่ารีดเดอร์ที่แวะเข้ามา สำหรับเรื่องนี้จะเปิดเรื่องไว้
แล้วจะเริ่มลงให้หลังจากลงเรื่องอื่นแล้ว
ขอเปิดรอไว้ก่อน นิยายตัวเองก็ต้องบอกว่าสนุกแน่นอน
แต่สำหรับเหล่ารีดเดอร์ที่แวะเข้ามาก็ต้องรอติดตามกันนะคะ

สำหรับเขาเธอคือสายลมแห่งชีวิต
และสำหรับเธอ เขาคือเปลวไฟที่จุดประกายความหวังให้กับเธอ
ความรักของสายลมจะโอบอุ้มเปลวไฟ
ดั่งเปลวไฟที่จะมอบแสงสว่างให้กับเธอ ผู้เป็นดั่งสายลมแห่งชีวิตของเขา


เรื่องย่อ
เพลงวาโยได้พบกับผู้ชายที่ทุกคนเรียกว่าเศษสวะของสังคม การพบกันถึงสามครั้งเป็นตัวเชื่อมโยงของโชคชะตา เธอจึงยื่นมือช่วยเหลือเขา รับเขาเข้าสู่อ้อมกอดของสายลม ท่ามกลางความวุ่นวาย เขาคือคนที่ต่อสู่ไปพร้อมกับเธออย่างไม่หวั่นเกรง คือคนที่โอบประคองสายลมให้คงอยู่อย่างมั่นคง เป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ที่แม้จะเทียบไม่ได้กับแสงของดวงอาทิตย์ แต่แสงสว่างเล็ก ๆ ของเขา กลับให้ความอบอุ่นกับเธอ เขาทำให้เธอมั่นใจว่าเพียงมีเขาอยู่ เธอจะปลอดภัยไร้กังวล


เขาเป็นเพียงผู้ชายที่ไร้ค่าที่เธอยื่นมือช่วยเหลือเขาถึงสามครั้ง
ในวินาทีที่ชีวิตของเขากำลังจะหลุดลอยไป เธอกลับยื่นมือเข้ามาและรับเขาเข้าสู้อ้อมกอดแห่งสายลม ไฟ คือชื่อใหม่ของเขาที่เธอมอบให้ เธอบอกว่าเขาจะเป็นดวงไฟแห่งชีวิตใหม่ จากนี้เขาคือคนใหม่ ไม่ใช่คนบ้าไร้ที่มา เขาคือคนของไร่สายลม และเขาเชื่อเธอว่าเขาคือไฟ คือคนของไร่สายลม นับจากวินาทีที่ลืมตาตื่นเขาสัญญากับตัวเองว่าทั้งชีวิต ทั้งลมหายใจ เขาจะมีไว้เพื่อเธอ จะดูแลเธอ ปกป้องเธอ หัวใจที่แข็งกระด้างที่มอบให้เธอไปแล้วจะไม่มีทางยกให้ใครอีก



ความรักของทั้งคู่เชื่อมโยงกันไว้ ความรักที่เริ่มจากเจ้านายและลูกน้อง
ก่อนจะแปรเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ จากคนละลมหายใจ
จะกลายเป็นลมหายใจเดียวกัน เปลวไฟจะอยู่ในอ้อมกอดของสายลม
และสายลมจะคอยพัดหาดวงไฟให้ลุกโชติช่วงตลอดไป


Tags: ไร่สายลม ความรัก การตามหา

ตอน: บทนำ (๑๐๐%)

“ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกเอาของฉันคืนมานะ ไอ้บ้า” เสียงตะโกนดังขึ้น สองสาวพากันหันไปมองชายคนหนึ่งสภาพเนื้อตัวมอมแมม หนวดเครารุงรังแลดูน่ากลัว ร่างกายของเขาผอมโซเก้งก้างคล้ายคนอดอาหารมานาน เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ขาดรุ่งริ่งไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว สติสตางค์ของเขาดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในมือเล็กกรอมของเขาถือห่อขนมกำลังวิ่งตรงมาทางพวกเธอสองคน โดยข้างหลังมีพ่อค้าเจ้าของขนมที่ชายคนนั้นขโมยกำลังวิ่งไล่ตามมา ใบหม่อนดึงเพลงวาโยให้หลบ แต่แล้วชายคนนั้นก็วิ่งสะดุดล้มลงตรงหน้าเพลงวาโย

“จับได้สักที ไอ้หัวขโมย เมื่อสองวันก่อนก็รอบหนึ่ง วันนี้ยังขโมยอีก ข้าเอาเอ็งตายแน่ ไอ้บ้าเอ๊ย สติไม่ดียังขี้ขโมยอีกนะแก” พ่อค้าคนนั้นทั้งเตะทั้งต่อยผู้ชายพเนจรคนนั้น เพลงวาโยมองอย่างสงสาร ชายสติฟั่นเฟือนคนนั้นเอาแต่ขดตัวหมอบลงกับพื้นไม่สู้พ่อค้าร่างกายสั่นเทาอย่างหวาดกลัวจนดูเหมือนพวกขี้ขลาดไม่สู้คน แม้ร่างกายนั้นสั่นเพราะความกลัว แต่กลับไม่มีเสียงร้องเจ็บปวดออกมาจากปากของชายสติฟั่นเฟือน จนเพลงวาโยคิดว่าเขาอาจจะเป็นใบ้ เขาคลานหนีจากฝ่าเท้าของลุงคนนั้น มาถึงปลายเท้าเธอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอที่ยืนขวางทางไว้ สายตาของชายสติฟั่นเฟือนเงยขึ้นมาสบกับดวงตากลมของเธอ ดวงตาคมกริบภายใต้ใบหน้ารกรุงรังแม้จะมีความหวาดกลัวแต่ก็ดูเลื่อนลอยอย่างคนสติไม่เต็ม จนดูเหมือนคนหมดอะไรตายอยากในชีวิต สภาพร่างกายของเขาที่น่าสงสารมากจนเพลงวาโยอดสะเทือนใจไม่ได้

“ลุงคะ”

“คุณหนู” ใบหม่อนจะห้ามไม่ให้เพลงวาโยเข้าไปยุ่ง

“มีอะไรหรือหนู”

“คือขนมนั่นเท่าไหร่คะ เดี๋ยวหนูจ่ายให้ค่ะ” พ่อค้ามองเพลงวาโยสลับกับมองชายพเนจรสติฟั่นเฟือง ก่อนจะยอมพยักหน้ายื่นถุงขนมนั่นให้กับเพลงวาโย

“หนูไม่น่าใจดีแบบนี้ อย่างไอ้บ้าเนี่ยไม่ควรใจดีด้วย มันขโมยของแถวนี้ประจำจนคนแถวนี้ระอา ตามจับได้ไม่เคยทัน วิ่งไวยังกับลิง ถ้าไม่สั่งสอนก็เอาแต่ขโมยเขากินอยู่แบบนี้ แต่วันนี้เห็นแก่หนูหรอกนะลุงจะปล่อยมันไป”

“ขอบคุณค่ะ” เพลงวาโยหยิบเงินส่งให้พ่อค้า มองหันไปที่ใบหม่อน

“หม่อนข้าวกล่องนั่น ฉันขอ” ใบหม่อนมองข้าวกล่องในมือและมองไปที่ชายพเนจรคนนั้น และส่ายหน้าทันที

“ไม่นะคะคุณหนู เราต้องเก็บไว้เผื่อไปถึงโน่นดึกแล้วไม่มีอะไรทาน พี่ไม่ยอมให้คุณหนูเอามาให้คนบ้านี่หรอก แค่ขนมนั่นก็ถือว่าใจดีแล้ว”

“แต่กว่าเราจะไปถึงมันไม่เสียก่อนเหรอ เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อเอาใหม่ก็ได้ แค่ข้าวกล่องเดียวเองนะหม่อน หม่อนดูสภาพเขาสิ เขาน่าสงสารนะ ให้ข้าวเขาเถอะ”

“แต่นี่มันคนบ้านะคะคุณหนู”

“คนบ้าแล้วไง คนบ้าไม่ใช่คนหรอ เราช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมันไม่ดีตรงไหน หม่อนจำที่หม่อนบอกฉันได้ไหมว่าหม่อนได้โอกาสมีชีวิตอยู่จากคุณพ่อคุณแม่ เขาก็มีสิทธิ์ได้รับโอกาสเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนมีสติหรือไม่มี” ใบหม่อนยื่นถุงกล่องข้าวนั่นให้เพลงวาโย เธอจึงนำน้ำและขนมจับใส่รวมกันในถุงและเดินเข้าไปไปชายสติฟั่นเฟือง

“ไม่ได้นะคะคุณหนู อย่าเข้าไปใกล้นะคะ เกิดมันคลั่งทำร้ายคุณหนูขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ”

“คิดมากนะ ดูสภาพเขาสิ เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ลุงคนนั้นลงเท้าใส่แบบนั้นหรอก” เพลงวาโยเดินเข้ามาหาชายคนนั้นที่เหมือนจะหวาดกลัวว่าเธอจะมาทำร้ายเขา ตัวเขาสั่งอย่างหวาดกลัว ดวงตาสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาทำท่าจะลุกขึ้นหนี เพลงวาโยรีบคว้าจับมือเขาไว้ทันที

“คุณหนูอย่าไปจับมันนะคะ” เพลงวาโยไม่สนใจคำห้ามปรามของใบหม่อนและขยับตัวเข้าไปใกล้ และนั่งยอง ๆ กับพื้นส่งยิ้มบาง ๆ อย่างหญิงผู้ใจดีส่งไปให้ เธอปล่อยมือออกเมื่อเห็นเขานั่งนิ่งไม่ได้ขยับตัวหนีอีกแล้ว แม้ดวงตาของเขาจะมีท่าทางของความหวาดกลัวอยู่

“ไม่ต้องกลัวนะ นี่ขนม นายไม่อยากได้หรอ นายหิวไม่ใช่หรอ” เพลงวาโยเอ่ย ตอนมองอยู่ห่าง ๆ เธอก็คิดว่าร่างกายของเขามันย่ำแย่จนน่าอนาถ พอมองใกล้สภาพเขามันแย่กว่าคำว่าอนาถมาก ตัวของเขาที่คลุกฝุ่นจนสกปรก แม้จะมีเสื้อผ้าห่มกายแต่สภาพเสื้อผ้าที่ขาดจนไม่สามารถนำมาปะซ่อมแซมได้ไม่ได้ช่วยกันหนาวได้เลย ตามตัวมีรอยแผลฉกรรจ์หลายแผล ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีชีวิตรอดมาได้ ใบหน้าเปรอะเปื้อนเกรอะกรังมีรอยคราบเลือดที่แห้งจนแข็งติดเนื้อ ที่ใบหน้าด้านขวามีรอยแผลคล้ายรอยกรีดที่ยาวตั้งแต่ขมับลงมาถึงแก้ม ดูสภาพแล้วเหมือนเขาจะโดนทารุณกรรมมาอย่างนัก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเวทนา

“หม่อนไปเอาแจ็คเก็ตในรถมาให้ฉันที”

“ไม่ได้นะคุณหนู แค่ให้ข้าวให้น้ำก็ใจดีมากแล้ว ทำแบบนี้เดี๋ยวไอ้บ้านี่มันก็เหลิง เที่ยวไปขอชาวบ้านเขา”

“หม่อน” น้ำเสียองของเพลงวาโยที่ไม่ได้เปลี่ยนโทนไปจากตอนแรก แต่ใบหม่อนก็จับกระแสเสียงนั้นได้ว่าคุณหนูไม่ต้องการให้เธอขัดคำสั่ง

“ก็ได้ค่ะ” ใบหม่อนเดินไปที่รถ ส่วนเพลงวาโยยื่นถุงอาหารให้กับเขาพร้อมรอยยิ้มให้เขารู้ว่าเธอเป็นมิตร เขามีท่าทีกลัว ไม่ล้ายื่นมือเข้ารับ แต่เพลงวาโยยังคงยื่นมือข้างไว้และยังยิ้มอย่างใจดีส่งมาให้เขา ผ่านไปสักพักเมื่อชายเสียสติพิจารณาแล้วว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่ทำร้ายเขา เขาก็ยื่นมือเข้าไปจะหยิบ แต่กลับชักมือกลับเมื่อเพลงวาโยขยับตัว เพลงวาโยยิ้มพลางยื่นมือไปจับมือเขาไว้ไม่ให้ชักกลับไปได้

“อื้อ” ชายเสียสติยิ่งตกใจและตื่นตนกเข้าไปอีก พยายามสะบัดมือเพลงวาโยทิ้ง เพลงวาโยเห็นว่าชายคนนี้กลัวและระแวงเธอมากจริง ๆ ก็รีบยัดถุงอาหารนั้นใส่มือเขาและปล่อยมือออก

“ฉันไม่ได้จะทำร้ายนายนะ นายไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงนุ่ม ๆ เย็น ๆ ของเธอทำให้ชายเสียสติมีท่าทีสงบลง

“แต่ฉันช่วยนายได้แค่มื้อเดียวนะ ฉันคงห้ามนายไม่ให้ขโมยไม่ได้ แต่ถ้านายเข้าใจที่ฉันพูด นายลองขอเขาดี ๆ เขาอาจจะยอมให้มากกว่าการที่นายไปฉกฉวยเขามา นายเข้าใจไหม” เพลงวาโยเอ่ยถามแต่เขากลับมองเธอคล้ายเจอตัวประหลาด

“นายอาจจะฟังไม่เข้าใจ แต่ช่างเถอะ ยังไงขอให้นายอยู่รอดแล้วกันนะ”

“คุณหนูคะเสื้อค่ะ” ใบหม่อนรับเสื้อแจ็คเก็ตนั่นมาและส่งให้เขา

“นี่ฉันให้ อากาศดึก ๆ มันหนาว รับไปเถอะไม่ต้องกลัว” เขามองอย่างไม่กล้ารับ เพลงวาโยยิ้มให้กับเขา และวางเสื้อตัวนั้นลงบนพื้นตรงหน้าเขา เธอคิดว่าเขาน่าจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างเธอ ถ้าเธอวางไว้เขาน่าจะหยิบไปเอง และเธอก็มีเวลาไม่มากแล้ว เพลงวาโยขยับตัวลุกขึ้นยืน

“คุณหนูไปเถอะค่ะ เราช่วยไอ้บ้านี่เยอะแล้ว เราจะไปถึงไร่สายลมมืดเอานะคะ ไปเถอะค่ะ” เพลงวาโยเดินตามแรงดึงของใบหม่อนไป ใบหม่อนเปิดประตูดันตัวเจ้านายเข้าไปในรถและหันไปมองชายสติฟั่นเฟืองที่นั่งมองแจ็คเกตอย่างไม่สบอารมณ์นักที่คุณหนูใจดีกับคนแปลกหน้า เมื่อได้ยินเสียคุณหนูเรียกเธอก็รีบเดินขึ้นรถและสตาร์ชรถพาคุณหนูของเธอหนีห่างจากคนบ้าไป เพลงวาโยหันหลังกลับไปมองชายเสียสติที่ก็กำลังมองมาทางรถเธอก่อนจะลุกขึ้นเดินไปโดยทิ้งเสื้อตัวนั้นไว้กับพื้น เพลงวาโยยิ้ม

“ฉันช่วยนายได้แค่นั้นนะ”



...ติดตามตอนต่อไป...






พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 เม.ย. 2559, 00:58:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2559, 00:37:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 817





<< บทนำ (๕๐%)   ตอนที่ ๑ (๕๐%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account