คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน 21

______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๒๑

............ทั้งเลวิสและลูกน้องของเขาต้องเหนื่อยกันมาก กว่าจะทำให้สองพี่น้องร่างยักษ์สิ้นฤทธิ์ลงได้

“ขอบใจนายสองคนมาก เพราะได้นายสองคนช่วยไม่อย่างนั้นฉันคงแย่เหมือนกัน” เลวิสกล่าวกับลูกน้องของเขา

“ขอบใจ นายเข้ามาช่วยฉันได้ทัน... นายเป็นพี่ชายที่พึ่งได้จริง ๆ ” ลมเหนือกล่าวด้วยท่าทางบอบช้ำภายใน เลวิสต้องคอยประคองให้ค่อยลุกเดิน

“นายเป็นน้องชายคนเดียวของฉัน เราสองคนเป็นพี่น้องมีอะไรต้องช่วยกันอยู่แล้ว ฉันยอมให้ใครทำร้ายนายไม่ได้เด็ดขาด”

“ขอบใจนายสองคนด้วย” ลมเหนือยังมีแก่ใจกล่าวขอบคุณลูกน้องในร้านอาหารด้วย

“ต้องไปโรงพยาบาลเข้ารับการตรวจร่างกายหน่อยดีกว่า ท่าทางอย่างนี้ไม่รู้ซี่โครงนายหักไปกี่ซี่” เลวิสบอกลมเหนือ แล้วพาไปส่งโรงพยาบาล ...โชคดีที่แค่ฟกช้ำ



............ผ่านเรื่องร้ายมา ถึงคราวได้พบเรื่องดี ๆ สำหรับลมเหนือบ้าง

“มีสาวมานั่งดูฉันทุกคืน เป็นแม่ม่ายสาวสวยรวยเสน่ห์ น่าสน... แต่เสียดาย... ฉันไม่ใช่คนโสดร้อยเปอร์เซ็นต์” ลมเหนือคุยอวดพี่ชาย

“ฮคคุ... ถ้าเธอน่าสนก็เอาเลยสิ ที่จริงนายไม่ต่างกับคนโสด ลองนึกดูนะ... สงกรานต์กลับไปเยี่ยมบ้านทีไรไม่เคยเจอกาฬสักปี เพราะเธอไปถือศีลอยู่วัดประจำ แถมไม่ให้ใครไปเยี่ยมอย่างกับไม่รักกัน ผิดปกติผัวเมียต้องรักและอยากเจอกัน ฉันว่าทะเบียนสมรสมันแค่กระดาษแผ่นเดียวเหนี่ยวรั้งใจไม่ได้หรอก รักใครชอบใครจะช้ารีรออะไร ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ นายรู้อยู่เต็มอกว่ากาฬไม่ได้รักนาย สุดท้ายนายอาจต้องอยู่อย่างเดียวดายจะเหลือใครเคียงข้าง คิดไปแล้วน่าสงสารนาย”

เลวิสรีบสนับสนุนถึงขั้นเรียกได้ว่ายุยงส่งเสริมทันที และบอกเป็นนัยว่าลมเหนือจะต้องผิดหวัง หากยังรั้งรอ... ไม่เลือกรักใครไปสักคน ดังนั้นจิตใจลมเหนือจึงเริ่มอ่อนไหว หวั่นกลัว... ไม่อยากให้ถึงวันที่ไม่มีใคร

แพททริเซีย ลอยด์ เพิ่งแยกทางต่างคนต่างอยู่กับสามีมาหมาด ๆ ชอบมาดินเนอร์ตามลำพังที่ร้านอาหารเลโฮแห่งนี้ และแอบปลื้มลมเหนือถึงขนาดมานั่งเฝ้าดูเขาร้องเพลง

เลวิสรู้ว่าเธอชอบลมเหนือ จึงเป็นใจให้ทั้งสองได้สนิทชิดเชื้อกัน สั่งให้ลมเหนือคอยเทคแคร์ดูแล นั่งคุยเป็นเพื่อนแก้เหงาให้เธอทุกคืน แล้วพาไปส่งบ้าน

ครอบครัวเธอนั้นมีฐานะดี และเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว บิดามารดาทำธุรกิจเรียลเอสเตท ทั้งออกแบบ รับเหมาก่อสร้าง ซ่อมแซม ตกแต่งบ้าน ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางเศรษฐกิจของอเมริกาที่ทรง ๆ ทรุด ๆ ในช่วงนี้ แต่ธุรกิจของครอบครัวเธอยังสามารถประคองตัวอยู่รอด



............หลายปีมานี้ ทั้งคุณมิลินและกาฬวารช่วยกันทำธุรกิจจนเจริญรุ่งเรืองออกสู่ระดับอินเตอร์ นำเครื่องเพชรทองในแบรนด์ของบริษัทจินตนาโองาว่าเข้าร่วมแสดงในงานแฟชั่นระดับไฮคลาส

กาฬวารต้องเดินทางมาอเมริกาเพื่อร่วมงานแฟชั่นฤดูร้อนโชว์ชุดบิกินี่ ซึ่งจัดให้มีการประมูลเครื่องเพชร

เธอใช้การประชาสัมพันธ์เครื่องเพชร โดยทำเป็นคลิปวีดีโอ...

หญิงสาวเปล่าเปลือย ...ขึ้นมาจากสระน้ำสีมรกต

มีตะปิ้งทองคำสามเหลี่ยมปิดด้านหน้าและด้านหลัง สายเดี่ยวของตะปิ้งประดับเพชรส่งประกายสะท้อนรับกับแสงแห่งเปลวเทียน ราวกับสีของทองคำ...

แวดล้อมด้วยสาวรับใช้ที่แต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อยด้วยเนื้อผ้าเบาบาง สวมใส่เครื่องประดับเพชรพลอยแพรวพราว

สาวรับใช้ส่งสร้อยไข่มุกเม็ดโตเรียงรายหลายเส้นให้สาวสวยคล้องคอ จากนั้นเธอหันหน้าเดินมา ทรวงอกเต่งตึงกลมกลึง ซึ่งมีสายสร้อยไข่มุกปิดบังส่วนสุดยอดบัวตูมปทุมถันนั้นงามสะกดทุกสายตา

แท่งเทียนสีเหลืองเรียงรายหลายแท่งตั้งบนโต๊ะเครื่องแป้ง ส่องแสงเรื่อเรืองฉาบผิวนวลสีน้ำผึ้งอ่อน ขับผิวให้เรืองรองกลมกลืนกับสีของทองคำ...

เธอนั่งลงหน้าโต๊ะ ปล่อยผมดำเงางามสลวยสยายแผ่... และสาวรับใช้มาหวีผมให้ ครู่หนึ่งจึงรวบรัดผมเกล้า ประดับปิ่นปักผมทองคำฝังเพชร สาวรับใช้ส่งตุ้มหูเพชรระย้าให้ เธอค่อยใส่ทีละข้าง ใส่กำไลข้อมือทองคำ นิ้วเรียวถูกสวมแหวนเพชรน้ำงามสี่กะรัต

จากนั้นเธอใส่ถุงน่องปักเพชรที่ยาวขึ้นมาถึงโคนขา เรียบร้อยแล้วจึงลุกไปนั่งเหยียดขาในท่าตะแคงบนแท่น หนุนหมอนอิงอย่างสบายอารมณ์ แวดล้อมด้วยสาวรับใช้คอยโบกพัดแพนนกยูง สว่างด้วยแสงเทียนสีทองสะท้อนบรรยากาศพราวพร่างอย่างกับอยู่ในความฝัน เหลี่ยมเพชรกระทบแสงเปล่งประกายวูบวาบแวววาว...

จบคลิปประชาสัมพันธ์เครื่องเพชรจากบริษัทจินตนาโองาว่า ซึ่งสงวนลิขสิทธิ์ห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่ออกสู่สื่อสาธารณะรวมทั้งทางอินเตอร์เน็ต นับเป็นคลิปที่ฮือฮา... ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ผู้หญิงที่มีเงินส่วนใหญ่อยากได้เครื่องเพชรแบบที่กาฬวารสวมใส่ แต่เสียงวิจารณ์จากพวกผู้ชายต่างไปจากนั้น...

“อ๊าย... ทำผมคลั่งไคล้ อยากได้... อยากได้ไปหมด ทั้งเครื่องเพชรทั้งคนใส่เพชร” จักรวาลทำเสียงอ่อนเสียงหวาน พูดคุยกับคมกริชเพื่อนคู่หูของเขา

“ผู้หญิงอย่างกาฬวารไม่ต้องยั่วผู้ชายก็วิ่งเข้าใส่แทบหลบไม่ทันอยู่แล้ว มาออกคลิปโปรโมทเล่นไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นแบบนี้ คู่แข่งผมคงโผล่หน้าขึ้นมาเพียบ”

‘โป๊อะไรขนาดนี้’

เลวิสได้แต่นึกตำหนิ อยู่ในอารมณ์หวงปนหึง ถึงกระนั้นยังจ้องจนลูกนัยน์ตาแทบถลน

“ผมเคยนัดทานข้าวตามลำพังกับคุณกาฬไม่เคยสำเร็จสักทีโดนปฏิเสธตลอด พยายามอ้างเรื่องงานก็แล้ว เธอรู้ทันทุกที หาโอกาสอยู่กันสองต่อสองยากมาก” จักรวาลคุยกับคู่หูต่อไป

“จะจีบผู้หญิงสวยเก่งฉลาดชั้นสูงอย่างคุณกาฬวาร มันต้องคนมีกึ๋นฝีมือขั้นปรมาจารย์”

“คนแบบที่คุณคมกริชว่าเขาจะทำยังไง” คมกริชและจักรวาลนินทากันสองคน โดยไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพราะต่างคิดว่าเป็นคนต่างชาติที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง

แต่ทั้งเลวิสและลมเหนือฟังเข้าใจทุกถ้อยคำ

“ผมจะเล่าให้ฟัง... ผมไม่ใช่รู้จักแต่เพียงเธอคนเดียว ผมตีสนิทกับบรรดาเพื่อนเธอด้วย เวลาผมนัดเธอไปปาร์ตี้ที่บ้านผม ผมจะชวนพวกหนุ่ม ๆ นายแบบไปด้วยเท่าจำนวนเพื่อนของเธอ ตอนเต้นรำกันผมจับคู่กับเธอ เลยได้เต้นรำกับเธอสองคน ได้จับมือของเธอมาแล้ว ทั้งนุ่ม ทั้งหอม... หึ หึ...” คมกริชหัวเราะเจ้าเล่ห์เจ้ากล กล่าวอ้างอวดกระหยิ่มยิ้มย่อง

“โอ้โฮ... น่าอิจฉาจัง อย่างนั้นผมขอยืมไอเดียจากคุณคมกริชดีกว่า จะได้นัดคุณกาฬออกไปเที่ยวบ้าง คราวนี้เธอคงไม่ปฏิเสธผม”

“แหม... แต่เรื่องแบบนี้ต้องใช้เสน่ห์เฉพาะตัวด้วย มันเป็นเรื่องของคุณจะเอาชนะใจคุณกาฬได้ไหม ผมไม่รับประกันนะครับ” คมกริชกล่าว แล้วสองหนุ่มจึงหยุดการสนทนาเพียงเท่านั้น

...เมื่อบนเวทีมีพิธีกรขึ้นมากล่าว เริ่มต้นงานประมูลเครื่องเพชรจากบริษัทจินตนาโองาว่า

“ถ้าใครประมูลเครื่องเพชรชุดนี้ได้ คุณกาฬวารอนุญาตให้ถอดออกจากตัวเธอเลย” พิธีกรประกาศหน้าเวที สร้างเสียงฮือฮาจากบรรดาหนุ่มเศรษฐีที่สนใจทันที

“รวมทั้งชุดถุงน่องปักเพชรนั่นด้วยหรือเปล่าครับ” หนุ่มอเมริกันที่มาร่วมประมูลคนหนึ่งตะโกนถามขึ้น

“แน่นอน... รวมอยู่ด้วยครับ” พิธีกรตอบ

เลวิสได้ฟังแล้วเกิดความคิดว่าต้องประมูลแข่งขันกับผู้ชายคนอื่นให้ได้

กาฬวารเดินโชว์ในชุดว่ายน้ำทูพีซสีทองพร้อมเครื่องประดับเพชรแท้ ในงานนี้มีตำรวจนอกเครื่องแบบ และบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่ด้านล่างเวที พร้อมด้วยบรรดาเศรษฐีต่างมีบอดี้การ์ดติดตามตัวมาด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งสถานที่จัดงานมีระบบรักษาความปลอดภัยเยี่ยมยอด จึงไม่ต้องกังวลใจในเรื่องโจรกรรมเครื่องเพชร

...และในท้ายที่สุด เลวิสชนะการประมูลสมดังใจปรารถนา



............ในห้องแต่งตัววีไอพี กาฬวารต้องยอมให้เลวิสเข้ามาเพื่อถอดเครื่องเพชร รวมทั้งถุงน่องปักเพชร

กาฬวารนึกถึงก่อนหน้านั้น ยูชิยะเคยบอก...

“ช่วงสงกรานต์ กาฬเอาแต่หลบหน้าหลบตาไปถือศีลประจำปี ไม่อยากเจอฮคคุไม่เป็นไร แต่ลืมไปแล้วหรือ? ยังมีอีกคนอยู่ที่รอรักแต่เธอคนเดียว ฉันหมายถึงเลวิส ถึงเธอยังไม่คิด... ก็น่ารับไว้พิจารณา” เธอแค่รับฟัง... แม้กระนั้นยังเก็บเอามานึกทบทวนและจดจำไว้ในใจ

“ฉันไม่ได้เจอเธอเลยหลายปี ได้เจอกันคราวนี้เธอสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน” ทุกคำพูดออกไป สายตาเลวิสจับจ้องดวงหน้านวลผ่องของสาวสวยตรงหน้าไม่วางตา

“ขอบคุณที่ชมค่ะ ที่จริงฉันไม่แตกต่างจากเดิมมากนักหรอก”

“ใครว่าล่ะ ตอนนี้เธอดูเป็นสาวแล้ว เซ็กซี่ซะด้วย ตกลงยอม... ให้ฉันถอดถุงน่องนั่นใช่ไหม” เลวิสทอดเสียงตรงคำ ‘ยอม...’ อย่างมีลูกเล่นลีลาหยอกเย้าให้สาวเข้าใจความหมายแอบแฝง ใจอยากเห็นสาวสวยมีอาการเขินงามน่ารักอีกสักครั้ง

“เอ่อ... ค่ะ” กาฬวารตอบไม่เต็มคำ เกิดรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเลวิสเข้ามาใกล้และคุกเข่าลงตรงหน้า ...ชม้ายชายตามองช้อนขึ้นประสานสายตากันและกัน ทำให้เธอถึงกับใจแกว่ง...

‘เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก หน้าตาดีกว่าตอนเป็นวัยรุ่น ทั้งหุ่นเท่ห์อย่างกับพวกนายแบบ’

เธอได้แต่นึกอยู่ในใจ ไม่กล้ากล่าวชื่นชมออกไป มองดูเขาปลดถุงน่อง ค่อย ๆ รูดลงไปผ่านน่อง ...เรียวขา ไปจนหลุดออกจากปลายเท้าด้วยฝ่ามือใหญ่นิ้วเรียวยาว สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ของเขา ซึ่งทำอย่างบรรจงทีละข้าง

“ถอดออกหมดแล้ว เหลือแต่ผิวเนื้อ กาฬนี่ผิวเนียนดีนะ ขาเรียวยาวสวย” มือเขาลูบไล้จากข้อเท้าเธอ ขึ้นมาถึงหัวเข่า ทำท่าจะลามเรื่อยไปถึงขาอ่อนให้รู้สึกร้อนวูบวาบพิกล เธอจึงจับมือเขาหยุดไว้ก่อน เสพูดเรื่องอื่นเป็นงานเป็นการเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่เกิดขึ้น

“เดี๋ยวกาฬพับถุงน่องเก็บใส่กล่องให้นะคะ ว่าแต่คุณเลวิสประมูลถุงน่องได้นี่จะเอาไปทำอะไรคะ” กาฬวารถาม

ในขณะเลวิสส่งสายตาให้แสนหวานปานจะกลืนกิน ยิ้มหว่านเสน่ห์... ก่อนเอ่ยตอบ

“ของมีค่าราคาแพงแบบนี้ต้องเอาไปเก็บรักษาอย่างดี ...ตลอดชั่วชีวิตฉัน”

กาฬวารรับฟังไว้... หัวใจดวงน้อยค่อยละลาย ...ไหวหวาม



............หลังจากงานแฟชั่นโชว์ กาฬวารไปเที่ยวต่อกับกลุ่มเพื่อนนางแบบสาว เลวิสขอติดตามไปด้วย

“ทำไมคุณเหนือไม่มาด้วยล่ะคะ”

“ติดธุระส่วนตัวครับ เอ่อ... ความจริงฮคคุมีแฟนแล้ว” เลวิสพูดเน้นชัดถ้อยคำ เพื่อทำลายความหวัง หากกาฬวารตั้งใจชอบหรือมีเยื่อใยให้ลมเหนือ จะได้เลิกหวัง...

“ฉันไม่แปลกใจ กะแล้วต้องเป็นอย่างนั้น” แม้กาฬวารไม่ใช่ผู้หญิงคิดมากหึงหวง แต่ได้รับคำตอบเช่นนั้นเพียงวูบหนึ่งยังใจหาย... สายตาหลุบมองลงพื้น

“ผู้หญิงคนนั้นทั้งสวยทั้งรวย เป็นฝ่ายมาชอบก่อน มานั่งเฝ้าดูฮคคุร้องเพลงทุกคืนจนฮคคุใจอ่อน รู้อย่างนี้แล้วกาฬจะว่าไง”

“ถือเป็นสิทธิส่วนตัวเขา ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แล้วคุณเลวิสล่ะคะมีแฟนหรือยัง” เธอตอบแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

“มีแฟนแล้วครับ” เลวิสแกล้งตอบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม สังเกตเห็นหน้าเธอสลดไป...

“ฉันนี่ถามอะไรโง่จัง อย่างคุณเลวิสมีสาวชอบเยอะแยะจะไม่มีแฟนได้ยังไง”

“บอกให้ก็ได้ แฟนฉันชื่อ... กาฬวาร หึ หึ...” เลวิสหัวเราะมีลับลมคมในให้น่าสงสัย ส่งสายตามองอย่างแน่วแน่แต่เธอ

“อะไรกันคุณเลวิส ล้อเล่นน่า เอ๊ะ! หรือแฟนคุณเลวิสมีชื่อเดียวกับฉัน”

“ผู้หญิงชื่อกาฬวารมีคนเดียวสำหรับฉันคือกาฬคนนี้... เต้นรำกับฉันนะ” เลวิสเอ่ยขอ พลางจับมือเธอมากุมไว้

กาฬวารพลอยยิ้มกับการหยอกเย้าของเขาและตอบรับโดยไม่ลังเล

นับจากนี้ต่อไป... ในมโนภาพของกาฬวารเริ่มมีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจของเลวิส ราวตอกสลักปักตรึงให้คิดถึง คิดถึง... ทุกคืนค่ำยามนอนถึงก่อนจะหลับตาลง



............ความสวยบริสุทธิ์และเซ็กซี่ของกาฬวารยั่วใจให้เลวิสเฝ้ามองอย่างเคลิ้มฝัน

“นายกำลังทำอะไรเลวิส” ลมเหนือถาม เมื่อมาเห็นพี่ชายจ้องอยู่แต่หน้าจอโน้ตบุ๊ก

“ดูคลิปของกาฬ... นายดูแล้วรู้สึกยังไง”

“สวยดี...”

“ตอบสั้น ๆ อย่างนี้แสดงว่าไม่สนใจและคงไม่คิดกลับไปหา ฉันอยากให้นายหย่ากับกาฬได้ไหม”

“เรื่องนั้นฉันขอคิดก่อน” ลมเหนือตอบพี่ชายไปสั้น ๆ แล้วปลีกตัวกลับมายังห้องนอนของตน เปิดคลิปของกาฬวารดูบ้าง ซึ่งเขาดูซ้ำไปรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ นึกเสียดาย... ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง

“ฉันจะต้องหย่ากับเธออย่างนั้นเหรอ? ...”

“กำลังทำอะไรเหรอคะ”

เสียงเอ่ยทักทายทำให้ลมเหนือรีบปิดคลิปนั้น ก่อนแพททริเซียถือวิสาสะชะโงกดูหน้าจอโน้ตบุ๊ก

“กำลังอ่านเมล์อยู่ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก เอ่อ... แพททริเซีย ผมไม่ค่อยสบาย”

“เป็นอะไรไปคะ ไปโรงพยาบาลไหม” เธอถามชักสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นมีวี่แววว่าเขามีอาการป่วยไข้มาก่อน กระนั้นยังคงถามอย่างห่วงใย

“ท่าจะเป็นไข้หวัด เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักคงหาย ไม่เป็นไรมาก ไม่อยากให้คุณติดไข้หวัดจากผม ผมขอนอนคนเดียวในห้องหนังสือนะครับ” ลมเหนือโกหกไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่มีไข้สักนิด แต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากอยู่เงียบ ๆ ในที่ส่วนตัว แค่นั้นเอง...

“อย่างนั้นตามใจค่ะ” แพททริเซียนั้นอย่างไรก็ได้ ยังไม่รู้เรื่องใดที่ชวนให้นึกระแวงหึงหวง

เมื่อได้อยู่ลำพัง ลมเหนือเอาแต่นั่งดูคลิปกาฬวารซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน มีกาฬวารอยู่ในห้วงคำนึง ...ถึงกับผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

‘อยากมีเธออยู่ด้วยกันทุกคืนทุกวัน อยากหลับฝัน... ในฝันของฉันขอให้มีแต่เธอ’



............จู่ ๆ เลวิสบอกกับลมเหนือ

“ฉันจะกลับเมืองไทย นายจะกลับไปพร้อมฉันด้วยไหม? ฮคคุ”

“แล้วนายจะไปนานแค่ไหน? เลวิส”

“บางทีฉันอาจจะ... อยู่บ้านโองาว่าตลอดไป” ตอบแบบเว้นวรรคมีช่องว่างลังเล เนื่องจากใช้ความคิดคาดหวังอันยังไม่แน่นอนเสียทีเดียว

“อ้าว... แล้วร้านอาหารของเราที่อเมริกานี่ล่ะจะทำยังไง นายจะให้ฉันทำคนเดียวเหรอ”

“แล้วแต่นาย...” เสียงตอบเนือยเรื่อยเปื่อยเหมือนไม่ใส่ใจ

“ฉันไม่อยากแยกกับนายนะ ความจริงฉันอยากกลับเมืองไทย แต่...” ลมเหนือเอ่ยอย่างลังเลด้วยเช่นกัน

“นายเป็นห่วงเมียนาย แพททริเซียใช่ไหมล่ะ เธออาจไม่ยอมไปเมืองไทยกับนาย”

“เรื่องนั้นฉันไม่ห่วง แต่ฉันสงสัยทำไมนายต้องกลับเมืองไทย”

“มันถึงเวลา... ฉันเคยพูดว่าสักวันฉันจะกลับไปแล้วทำให้กาฬรักฉัน ฉันอยากแต่งงานกับกาฬ”

‘นายคิดอย่างนั้นเหรอเลวิส ทั้งที่ฉันยังไม่ได้หย่า เพราะไม่อยากหย่า แต่ฉันอยากกลับไปหากาฬ อยากรักกัน... แต่ฉันไม่มั่นใจ กาฬจะรักฉันไหม’

“อ้าว... ทำไมนายเงียบไปเลยล่ะฮคคุ คิดอะไรอยู่” เลวิสถาม ทุกวันนี้ไม่มีจิตสัมผัสพิเศษ จึงอ่านใจน้องชายไม่ได้ แต่ถ้าอ่านใจน้องออกเลวิสคงจะต้องพูดดับความหวังของน้องว่า...

‘กาฬไม่มีวันรักนายหรอก เพราะเธอเผลอใจชอบฉันไปแล้ว’

“นายเป็นพี่ชายคนเดียวของฉัน ฉันไม่อยากอยู่โดยไม่มีนาย คงต้องตามนายกลับเมืองไทยด้วย” นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลมเหนือตัดสินใจไปจากอเมริกา และเลวิสคิดขายร้านอาหารที่ร่วมกันทำมา

“ถ้าอย่างนั้นเราประกาศขายกิจการร้านอาหารของเราเถอะ ฮคคุ”



............ประเทศไทย

“ขอพบผู้จัดการฝ่ายศิลป์ครับ วันนี้ว่างไหม ช่วยนัดให้ผมหน่อย”

“ว่างค่ะ ขอโทษนะคะ จะให้เรียนผู้จัดการว่าใครต้องการพบคะ”

“บอกว่า... สามีของผู้จัดการต้องการพบครับ” ลมเหนือจงใจพูดช้าเน้นคำสำคัญ เพื่อให้ได้การตอบรับโดยไม่มีปฏิเสธ แต่คลาดเคลื่อนจากที่คาดหมายไปบ้างเมื่อเลขาสาวตอบกลับมา

“อ๋อ... มาจีบผู้จัดการอีกละ เคยมีคนใช้มุขนี้แล้วค่ะ” ระวีเป็นเลขาสาวลูกน้องกาฬวาร เธอตอบมาในโทรศัพท์

ลมเหนือพอรู้อย่างนี้กลับขมวดคิ้วสงสัย...

“มีหนุ่ม ๆ มาจีบผู้จัดการเยอะเหรอครับ”

“เยอะสิคะทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ผู้จัดการจึงบอกดิฉันให้คอยสกรีนคน ถ้าหากมาก่อกวนจะไม่ให้เข้าพบค่ะ”

“เปล่าก่อกวนครับ ผม... ลมเหนือ เรืองอารยะ คุณระวีเลขาคงเคยเจอผมบ้างมั้งครับ ปีที่แล้วผมเคยมาเยี่ยมบริษัท ตอนผู้จัดการลาพักร้อน”

“อุ๊ย! ได้ค่ะ จะนัดให้บ่ายโมงนะคะ” เมื่อได้รับทราบว่าตัวจริงโทรมา จึงรีบรับหน้าที่จัดคิวให้



............ในห้องทำงานผู้จัดการฝ่ายศิลป์ ลมเหนือได้พบพูดคุยกับกาฬวาร หลังจากไม่เคยพบหน้ากันมานานหลายปี ตอนพิธีรับปริญญาของกาฬวารนั้นไม่เคยชวนเขามาร่วมงาน เช่นเดียวกับตอนเขาเรียนจบก็ไม่เคยเชิญใครไปร่วมงานฉลองจบปริญญา เป็นเพราะอยู่ห่างไกลกันคนละประเทศ และต่างฝ่ายไม่มีเวลาว่างต่างคนต่างทำธุรกิจ

“ห้องท่านผู้จัดการนี่ช่างประหยัดแอร์จังเลยนะ เปิดแต่พัดลมอย่างนี้บริษัทรวยแย่”

“เก็บเงินที่ต้องจ่ายค่าไฟไปแบ่งเป็นโบนัสให้พนักงานที่ขยันทำงาน และจ่ายปันผลให้เจ้าของบริษัทดีกว่าค่ะ” เป็นคำตอบเรียบง่ายจากปากกาฬวาร ซึ่งเป็นคนมัธยัสถ์และสมถะเป็นนิสัยอยู่แล้ว

“มิน่าแม่ถึงรักแต่ลูกสะใภ้คนนี้ ไม่เคยสนใจลูกชายจะไปไหนมาไหน แม่ไม่เคยถามถึงเลย ...ขอโทษนะ รู้สึกร้อน ขอปลดกระดุมเสื้อหน่อย” ลมเหนือปลดกระดุมเสื้อออก จากนั้นจึงลุกไปเร่งพัดลมเปิดเบอร์ที่แรงขึ้น แล้วเดินกลับมานั่งเก้าอี้ ตัวที่อยู่หน้าโต๊ะผู้จัดการ ค่อย ๆ ก้มลงนั่งอย่างช้า เขาจงใจโชว์อกให้เห็นกันได้ชัด ๆ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เขามีนั้นดึงดูดสายตาสาว ๆ เสมอ พอได้เห็นสายตากาฬวารจับจ้องมองจริง ๆ จัง ๆ เกิดความรู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ และนึกได้ว่าเธอคงไม่ใช่ผู้หญิงเย็นชานักหรอก อย่างน้อยคงมีความรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง

“ไม่ได้เจอคุณเหนือนานหลายปี ดูภูมิฐานเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากนะคะ” กาฬวารกล่าวชื่นชม สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากตอนวัยรุ่น

ร่างกายชายหนุ่มนั้นดูหนามีกล้ามเนื้อแน่นมากกว่าแต่ก่อน ใบหน้าคมสันอย่างผู้ใหญ่ ปากอิ่มรูปกระจับช่างเจรจาของลมเหนือกล่าวโต้ตอบ พร้อมรอยยิ้มดึงดูดใจให้เห็นไรฟันเขี้ยวเสน่ห์ และจงใจสะกดเธอด้วยสายตามองพินิจเพียงแต่ใบหน้าเธอเท่านั้น

“เหมือนกันนั่นแหละ เธอดูมีสง่าราศีสมเป็นผู้บริหาร”

“ขอบคุณที่ชมค่ะ ที่ฉันดูดีได้อย่างนี้ไม่ใช่อยู่ ๆ เป็นเอง ในการทำธุรกิจต้องมีการเข้าสังคมเสมอ ฉันได้เข้าฝึกอบรมจากสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ ฉันชอบเรียนรู้โน่นนี่เยอะแยะ แม้แต่เรียนร้องเพลง เต้นรำแบบต่าง ๆ เรียนเดินแบบอย่างกับนางแบบ แถมเรียนภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฉันสนุกกับศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ” เธอเล่าอย่างสนุก

“เธอสวยมาก...” หลังจากมองเธอนิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง จึงได้กล่าวชม แล้วให้แปลกใจเมื่อเห็นเธอเงียบอึ้ง และดวงตาเบิกโตยิ่งขึ้นกว่าปกติ ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าเหมือนอยากจะถาม

“ฉันค่อนข้างตกใจค่ะ ไม่คิดว่าคุณเหนือจะชมฉัน”

“เธอรักใครหรือยัง”

“ยังค่ะ แต่หลายปีมานี้หัวใจฉันไม่ว่าง คอยคิดเป็นห่วงกังวลถึงทุกคน ตั้งใจดูแลทุกคนให้ดีที่สุด ทั้งคุณพ่อคุณแม่ คุณยายของคุณเหนือ และพ่อแม่กับย่าของฉันเอง ส่วนลูกน้องฉันคอยเอาใจใส่ ใครเจ็บไข้ได้ป่วย เดือดร้อนเรื่องอะไร ใครแต่งงาน ใครอกหัก ใครคลอดลูก ฉันต้องไปเยี่ยม คอยถามสารทุกข์สุกดิบพวกเขาเสมอ” เธอบรรยายละเอียด แถมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จนเขาอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“ได้ข่าวว่ามีหนุ่มมารุมจีบหลายคน ไม่นึกอยากรักใครสักคนบ้างเหรอ”

“แต่ฉันไม่ใช่คนโสด ฉันแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับคุณเหนือแล้ว ลืมไปหรือไงคะ”

“ฉันไม่เคยลืม แต่เลวิสเคยบอกฉัน เขารักเธอและจะรักไปตลอดชีวิตไม่มีวันทอดทิ้งเธอ เลวิสไม่เคยคิดจีบผู้หญิง มีแต่ผู้หญิงเข้ามาหาเขา แต่เขาไม่เคยคบใครจริงจังเลย ผ่านมาหลายปีเธอโชคดีที่อยู่ในใจเขาตลอดมา” ประโยคหลังที่พูดมา สายตาคอยจับจ้องมองสังเกตว่าเธอดีใจไหม หากได้รับรู้ว่าเลวิสรักเพียงแต่เธอ

“คุณเลวิสไม่เคยบอกฉันอย่างนั้น เคยแต่บอกว่าคุณเหนือมีเมียใหม่แล้ว” เธอใช้น้ำเสียงกล่าวราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดให้เขาเห็น

จากคำพูดของกาฬวารทำให้ลมเหนือสลดไปเล็กน้อยด้วยสำนึกผิดผุดขึ้นมา เขาเป็นฝ่ายนอกใจภรรยาตามกฎหมาย

“ใช่... ชื่อ แพททริเซีย เธอเป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันก่อนในตอนที่ฉันเหงา ทั้งที่อยู่กับพี่ชายและมีผู้หญิงหลายคนมาสนใจฉัน แต่คนที่ฉันคาดหวังความรักจากเขากลับไม่สนใจฉัน ไม่เคยพบเจอหน้ากันนานชั่วนาตาปี ใครจะไปทนเหงาได้”

กาฬวารได้แต่ย้อนนึกเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อเธอเอาแต่ขยันเรียนจนจบ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปพร้อมการดูแลคนอื่น สาเหตุที่เอาแต่หลบหน้าหลบตาลมเหนือมาตลอดเพราะกลัวเสียตัว กลัวมีลูกก่อนเรียนจบ จวบจนถึงวันนี้ยังไม่เคยเสียเนื้อเสียตัวให้ชายใดแม้กระทั่งสามีตีทะเบียน ถึงไม่เสียตัวแต่ต้องมานึกเสียดาย

‘คาดไม่ถึงว่าคุณเหนือพอเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะหล่อถูกใจเรา เสียดาย... เขากลายเป็นของหญิงอื่นไปเสียแล้ว’

“นั่นสินะคะ ฉันเข้าใจ ฉันไม่ว่าอะไรคุณเหนือหรอกค่ะ เพราะคุณเหนือไม่ผิด คุณเหนือมีสิทธิ์เลือกคู่ครองด้วยตัวเอง ว่าแต่คุณเหนือมาหาฉันถึงที่นี่เพื่อมาเยี่ยมอย่างเดียวหรือมีธุระอย่างอื่นด้วย”

“กาฬรักเลวิสพี่ชายฉันไหม นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันอยากรู้” ลมเหนือถามตรง ตามองจ้องตาต่อตา รู้ว่าเธอกำลังอึ้ง “หึ หึ...” แล้วแสร้งหัวเราะ กลบเกลื่อนความรู้สึกเหงาและน้อยใจ “ฉันไม่น่าถาม หล่อเฉียบขาดบาดใจ สาวใดได้เจอเป็นต้องแอบหลงรักอย่างเลวิส มีหรือจะไม่ถูกใจกาฬ” ปากพูดไปแต่ภายในใจคิดอีกอย่าง

‘อยากบอกว่าฉันชอบเธอ แต่มันพูดไม่ได้ กลัวเธอไม่ชอบและตอบมาตามตรง ฉันคงแทบน้ำตาเล็ด’

ใครจะไปล่วงรู้คนทั้งคู่แอบคิดตรงกัน เพราะต่างคนพูดไม่ออก ...บอกกันไม่ได้

‘เขาไม่คิดจะถามว่าเราชอบเขาไหม ใจอยากบอกชอบนะแต่ไม่กล้าพูด เพราะไม่มีประโยชน์อะไรและสายเกินไป เขามีคนใหม่เป็นเมียอยู่ด้วยกันแล้ว เราจะไปเป็นอะไรกับเขาได้’

“ฉันไม่มีสิทธิ์จะคิดอะไรกับใครทั้งนั้นค่ะ” นั่นเป็นบทสรุปภายใต้สีหน้าราบเรียบตามมารยาท

ทั้งสองได้แต่มองตาด้วยใจอาวรณ์ นิ่งนานสักพักหนึ่ง... ก่อนลมเหนือจะลากลับไป

______________________...oooooOOOooooo...______________________




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2559, 09:29:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2559, 09:29:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 968





<< ตอน 20   ตอน 22 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account