: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 16 (100%)

อิงอรุณกัดริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงครางด้วยความเจ็บปวดเมื่อพยาบาลคลายปมแกะผ้าพันแผลชั่วคราวออก และเริ่มต้นขั้นตอนการล้างแผล หลังจากทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว นางฟ้าชุดขาวก็หายไปพักใหญ่และกลับมาพร้อมแพทย์เพื่อดูอาการ คุณหมอท่าทางใจดีตรวจแผลและอาการโดยรวม จากนั้นสรุปคร่าวๆ

“แผลลึกแล้วก็ยาว จริงๆควรเย็บ แต่ปากแผลสกปรก ทำความสะอาดยังไงก็ไม่หมด หมอไม่แนะนำให้เย็บนะ เพราะอาจยิ่งติดเชื้อไปกันใหญ่ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวทำแผล ฉีดยากันบาดทะยักแล้ว ไปเอกซเรย์หน่อยละกัน ตรวจให้แน่ใจว่ากระดูกไม่เป็นอะไร แต่คุณต้องมาล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวันนะ มีประกันอยู่แล้วนี่ใช่ไหม”

อิงอรุณพยักหน้า คร้านจะนับว่าวันนี้เอ่ยคำนี้ไปแล้วกี่ครั้ง “ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

เธอมองไปทางท้ายเตียงซึ่งสาวัชยืนกอดอกหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น แม้หน้าตาบอกบุญไม่รับ แต่เขาก็ไม่บ่นสักคำ กระนั้นก็ไม่มีท่าทีห่วงใยด้วยเช่นกัน เป็นความเย็นชาที่เธอชักคุ้นตา จึงไม่รู้สึกอึดอัดเช่นคราแรกๆ

หลังจากทำแผลเรียบร้อย พนักงานเวรเปลก็เข็นรถพาอิงอรุณไปเอกซเรย์กระดูกทั้งที่หัวไหล่ แขน และขา สาวัชไม่ได้ตามมา แต่บุ้ยปากพยักเพยิดบอกให้รู้ว่าเขาเลือกเก้าอี้ด้านนอกศูนย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินเป็นชัยภูมิในการคอยแทน

ที่น่าแปลกใจก็คือ เนื่องจากเธอต้องนั่งเก้าอี้รถเข็นเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ ชายหนุ่มจึงเป็นธุระดูแลกระเป๋าให้เธอชั่วคราว ไม่บ่น แต่ก็ดูออกว่าหน้าตาไม่เต็มใจสักนิด

อิงอรุณเคยแอบมองยามไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนแล้วเห็นอนุธานหิ้วกระเป๋าให้แก้วกาญจน์ ตอนนั้นเธอยังคิดเลยว่าน่ารักดี แต่วันนี้ความคิดเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กระเป๋าถือของผู้หญิงเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายหญิง ถ้าดูแลเองไม่ได้ก็อย่าถือเลยดีกว่า เพราะยามสาวัชถือกระเป๋าสีฟ้าของเธออยู่ อิงอรุณรู้สึกว่านั่นเป็นของคนและสิ่งของสองอย่างที่ไม่ควรมาเจอกันที่สุดในโลก

หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลเกือบสองชั่วโมงกว่าขั้นตอนการพบแพทย์ทั้งหมดจะแล้วเสร็จ เมื่อเวรเปลเข็นรถพาเธอไปชำระเงิน รับยา และกลับมาสมทบกับสาวัชยังจุดที่เขาคอยอยู่ ชายหนุ่มมีสีหน้าเบื่อหน่ายชัดเจน

“ขอโทษด้วยนะคะ” เธอออกตัวเสียงอ่อย ซึ่งดูเหมือนเขาไม่นำพาคำขอโทษของเธอสักนิด

“รถจอดอยู่ชั้นสี่ เดี๋ยวผมจะไปส่งที่บ้าน บอกทางมาละกัน” เขาไม่ได้บอกกล่าว แต่...สั่ง!

“ดิฉันเดินไปเองได้ค่ะ” เธอให้สัญญาณพนักงานซึ่งเข้ามาช่วยพับที่วางเท้าเก็บและประคองเธอลุกขึ้นยืน ทั้งยังเป็นหลักให้เธอเกาะจนกว่าจะทรงตัวได้ อาการระบมที่ขาขวาทำให้หญิงสาวยืนไม่มั่นคงนัก รู้สึกคล้ายขาสั่นๆไม่ค่อยมีแรง ยิ่งแขนข้างที่ฉีดยากันบาดทะยักนั้นไม่ต้องพูดถึง มันปวดหน่วงๆเหมือนมีหินทุบอยู่ตรงนั้นจนน่วมไปหมด แต่เจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะรถเข็นและพยาบาลตามเธอกลับบ้านไม่ได้ เธอต้องฝึกพึ่งพาตัวเองให้ได้

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหมุนตัวกำลังจะเข็นรถแยกไป แต่ก็ช้ากว่า...

“เดี๋ยว!” เสียงของสาวัชเข้มจัด ฟังออกว่าไม่พอใจอะไรบางอย่าง พนักงานเวรเปลชะงักกึก ทั้งเด็กหนุ่มและเธอหันไปทางสาวัชเป็นตาเดียว

ชายหนุ่มพูดลอยๆ โดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ “นั่งรถเข็นซะ ล้มไปไม่มีใครช่วยประคองหรอกนะ” ‘คำสั่ง’ ของเขาตรงกับใจเธอก็จริง แต่ไม่ต้องใช้คำพูดโหดร้ายและตรงไปตรงมาขนาดนี้ได้ไหมเนี่ย!

เวรเปลโผเข้ามาประคองเธอให้นั่งลงบนรถเข็นอีกครั้งราวกับรอคำสั่งเช่นนี้อยู่แล้ว เด็กหนุ่มคลี่ผ้าห่มบางๆคลุมหน้าขาให้เธอแล้วกลับไปประจำที่ด้านหลังเตรียมเข็นรถ อิงอรุณจึงหันไปทางสาวัช ยื่นมือไปทำท่าจะรับกระเป๋ามาถือเอง

ทว่าชายหนุ่มกลับเดินตึงๆนำไปที่ลิฟต์แทน เกือบห้านาทีที่ความเงียบปกคลุมอยู่ในบรรยากาศตลอดเส้นทางไปลานจอดรถ สาวัชก้าวลิ่วๆไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ วางกระเป๋าไว้ด้านใน แล้วหมุนตัวอ้อมไปอีกฟากของรถโดยไม่เอ่ยอะไร

“ท่าทางคุณผู้ชายไม่ค่อยพอใจที่เมื่อกี้ผมช่วยประคอง งั้นเดี๋ยวผมเข็นรถไปใกล้ๆประตูรถให้นะครับ คุณผู้หญิงจะได้มีหลักยึดลุกขึ้นง่ายๆ” พนักงานเวรเปลเอ่ยเบาๆพอให้ได้ยินกันแค่สองคน พร้อมกับเทียบรถเข็นกับประตูรถ

อิงอรุณเกาะประตูรถลุกขึ้นยืนเอง จากนั้นเอี้ยวตัวไปมองคนพูด สังเกตว่าน้ำเสียงเขาอ่อนโยนก็จริง แต่สีหน้าดูกังวลใจนิดๆ นี่เขาคงคิดว่า...

คนเจ็บก้มหน้าซ่อนยิ้มขัน บรรยากาศของเธอกับสาวัชจะดูให้เหมือนคู่รักที่ขัดใจกันก็ได้ ครั้นนึกได้จึงเหลียวไปเอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่นำส่งของโรงพยาบาลคอยจนฝ่ายนั้นเข็นรถแยกกลับไปแล้ว จึงค่อยมองข้ามรถไปหาสาวัช ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเด็กต้องการลองของ

“ท่าทางคุณสาวัชเหมือนไม่ค่อยพอใจเวรเปลหรือคะ”

สาวัชเมินไปทางอื่น ทั้งยังเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเงียบๆ

อิงอรุณย่นจมูก ยู่หน้าใส่อากาศ นึกอยากขอบคุณเขาก็ทำได้ไม่เต็มที่ ครั้นจะหมั่นไส้ก็ตะขิดตะขวงและละอายใจจนทำไม่ลง

“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม” เสียงเข้มห้าวดังมาจากในรถ ทำให้อิงอรุณสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์

“ค่ะๆ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้แล้วละค่ะ” เธอละล่ำละลักรับคำ แต่เพราะรถเป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อยกสูง ซึ่งยามปกติ อิงอรุณสวมแคชชูส์สูงสี่นิ้วใช้เท้าขวาเหยียบบันไดข้างปีนขึ้นรถได้สบาย แต่วันนี้ นอกจากจะสวมรองเท้าไม่มีส้นแล้ว ขาเธอเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาหมาดๆ ยังรับน้ำหนักมากแบบนั้นไม่ไหว หญิงสาวจึงเก้ๆกังๆขยับซ้ายขยับขวา หามุมที่จะปีนขึ้นรถ โดยลองใช้เท้าซ้ายเหยียบบันได ครั้นพยายามเกร็งขาขวาบิดตัวเองขึ้นไป อาการเจ็บจี๊ดตรงแผลก็พุ่งเข้าจู่โจมจนเธอต้องรีบปล่อยขาตามสบาย แล้วหย่อนตัวกลับไปยืนบนพื้นทิ้งน้ำหนักบนขาซ้ายตามเดิม

อิงอรุณขมวดคิ้ว ลองหมุนตัวอีกมุมหมกมุ่นกับการหาวิธีใหม่เพื่อขึ้นรถ ทว่าขณะมัวสนใจเหตุการณ์ตรงหน้านั้นเอง สาวัชเดินอ้อมรถมาตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่...

“ขออนุญาต” เขาพึมพำสั้นแค่นั้น แล้ววินาทีถัดมาตัวเธอก็ลอยหวือจากพื้น อิงอรุณหลับตาปี๋ตกใจ ทั้งยังผวากางมือตะครุบอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้าทันควันเพราะกลัวตก

ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดตรงริมขมับทำให้เธอลืมตาโต เงยขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วก็ต้องตัวแข็งเกร็งด้วยความประหลาดใจระคนตกใจ เมื่อเห็นว่าสาวัชกำลังอุ้มเธออยู่ หญิงสาวใช้แขนซ้ายดันแผงอกกว้างของเขาไว้เพื่อรักษาระยะห่างให้มากที่สุด เพราะกลัวอีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเธอ!

สาวัชอุ้มเธอขึ้นไปวางบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว เขาก็กระแทกเสียง “ตัวยุ่ง!”

อิงอรุณอ้าปากค้าง ยังไม่ทันแก้ข้อกล่าวหา ชายหนุ่มก็งับประตูปิดเข้าด้วยกัน อ้อมหน้าหม้อไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับเสียแล้ว กระนั้นสัมผัสอบอุ่นที่แตะตามเนื้อตัวเธอเมื่อครู่กลับส่งผลไปล่ปลิวอยู่ในใจเธอเนิ่นนาน...

หญิงสาวยกมือกดหัวใจคล้ายปลอบประโลมมิให้มันโลดกระโจนออกมานอกอก เพราะหน้าตายังคงร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงจนราวกับแผ่นดินไหว อิงอรุณเสก้มหน้าอุบอิบ “ขอบคุณมากค่ะ”

“ผมไม่เต็มใจ ดูไม่ออกเหรอ”

อิงอรุณอยู่ในอารมณ์ผาสุขเกินกว่าจะเก็บคำพูดเย็นชานั้นมาเป็นอารมณ์ จึงทำได้เพียงเม้มปากกลั้นยิ้ม “งั้นก็ขอบคุณที่ไม่เต็มใจค่ะ” เธอเหลือบมองสารถีจากปลายหางตา เห็นได้ชัดว่าเขามิได้ฮึดฮัดแต่ประการใด ยังคงหน้านิ่ง...ขรึม... ดุจฤๅษีเคร่งศีลอย่างไรอย่างนั้น!

“เดินถนนก็ควรดูทาง สังเกตรอบๆตัว ไม่รู้หรือไงว่าการเผลอและไม่ระมัดระวังตัวในที่สาธารณะ เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเอาเปรียบน่ะ” จู่ๆสาวัชก็ ‘สั่งสอน’ ลอยๆโดยไม่เกริ่นล่วงหน้า เขาเท้าความถึงอุบัติเหตุนั่นเอง

“ปกติก็ดูแหละค่ะ แต่วันนี้มัวแต่ดีใจที่เห็นคุณ คิดแต่ว่าจะเดินไปทักทายนี่คะ อีกอย่างอิงก็เดินแถวนั้นออกบ่อย ใครจะไปคิดล่ะว่าวันนี้จะเจอแจ็คพ็อต”

“ขี้งก”

“คะ?” อิงอรุณอุทาน ไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดหรือจินตนาการคำนั้นขึ้นมาเอง

“ไม่มีคนเคยบอกเหรอว่าอย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สิน มันอยากได้อะไรก็ให้มันไปสิ มัวแต่ห่วงกระเป๋ายื้อเอาไว้ ถึงได้ถูกมันลากไปไกลจนต้องบาดเจ็บขนาดนี้น่ะ”

หญิงสาวยิ้มแหย “คือ...อิงไม่ได้ห่วงกระเป๋านะคะ แต่อิงตกใจ กลัวตกน่ะค่ะก็เลยยิ่งยึดกระเป๋าไว้แน่นเข้าไปใหญ่”

สาวัชงันไปชั่วขณะ เธอนึกว่าจะจบแค่นั้นแล้ว แต่เขากลับ ‘อบรม’ ต่อ “มันไม่ใช่ที่ที่ควรถือกระเป๋าราคาแพงไปเดินเตร็ดเตร่อย่างนั้น”

“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง จากนี้อิงจะระวังตัวให้มากๆ” เจตนาของเขาอาจแค่ต้องการบอกกล่าว แต่อิงอรุณไม่สนใจ โมเมตีความเข้าข้างตัวเองไปเรียบร้อยแล้วว่าเขาเตือนด้วยความห่วงใย! “อันที่จริงปกติอิงก็ไม่ได้ถือกระเป๋าไปทางนั้นหรอก เพียงแต่ว่าวันนี้มีเหตุให้ต้องขึ้นรถไฟฟ้า...” เธอเปรยต่อ แต่แล้วกลับชะงักเมื่อนึกได้ว่าลืมนัดเสียสนิท หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะมีสายเรียกเข้าไม่ได้รับเกือบยี่สิบสาย ทั้งหมดมาจากคนเพียงคนเดียว...เปรมิกา!

“ขอโทรศัพท์หน่อยนะคะ” เธอบอกชายหนุ่ม แล้วกดปุ่มโทร.กลับหามารดาทันที โดยแก้ตัวว่าติดงานจนลืมนัด จงใจปิดบังเรื่องอุบัติเหตุไว้ก่อน กะว่าถึงบ้านแล้วค่อยเล่าให้ฟัง ท่านจะได้ไม่กระวนกระวายหรือตกใจเกินไป

นอกจากถามพิกัดบ้านเธอแล้ว สาวัชไม่พูดคุยอะไรอีกเลย อิงอรุณเปิดวิทยุพอให้เสียงเพลงดังคลอเบาๆ และเพื่อมิให้บรรยากาศอึมครึมเกินไป หญิงสาวจึงหาเรื่องชวนคุย “เรื่องคอร์สพิพิธภัณฑ์น่ะค่ะ อิงหาวิทยากรได้แล้วนะคะ”

“มาบอกผมทำไม”

“อ้าว...เอ้อ...ก็...” นั่นสิ! เขาคงไม่อยากรับรู้ด้วย งั้นเปลี่ยนเรื่อง คุยเรื่องใหม่ “ช็อกโกแลตที่คุณสาวัชให้มาตอนอยู่โรงพยาบาลนั่น อิงชอบมาก ช่วยให้หายสติแตกได้เยอะเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

ความพยายามของเธอได้รับผลตอบแทนเป็นการปรายหางตามองมาแค่แวบเดียว แล้วเขาก็กลับไปให้ความสนใจกับท้องถนนเบื้องหน้าดังเดิม ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับ ไม่มีแม้แต่การพยักหน้ารับคำขอบคุณของเธอด้วยซ้ำ เย็นชาชะมัด!

ตลอดเส้นทางที่เหลือ ไม่ว่าเธอจะเล่าหรือชวนคุยอะไร ก็เหมือนกำลังสนทนากับก้อนหิน นอกจากขับรถแล้ว สาวัชทำตัวเองราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ ครั้นรถแล่นมาจอดตรงหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์เทียมสุบรรณ เขาก็บอกเธอแค่ “ให้คนรถมาขับเข้าไปละกัน ผมไปละ” ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถทันทีที่จบประโยค ทั้งยังก้าวพรวดจากไปดื้อๆ

อิงอรุณกดปุ่มดับเครื่องยนต์ แล้วกระเผลกลงจากรถ ทว่าก็เห็นเพียงแผ่นหลังของสาวัชที่เดินลิ่วๆไปไกลแล้ว หญิงสาวเป่าลมพรูจากปาก รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะวิ่งตามไปขอบคุณ หรือเสนอให้คนรถที่บ้านไปส่งเขา เพราะผู้ชายยโส มีปัญหากับการเข้าสังคมอย่างนั้น คงไม่รับความช่วยเหลือจากเธอแน่ๆ รับประกัน!







สาวิตรียกป้านดินเผาเขียนลวดลายในเนื้อดินงดงามรินน้ำชาใส่จอกเล็กเลื่อนไปให้สามีอย่างเอาใจ ด้วยเห็นได้ชัดว่าเขาพื้นอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

“อ้าว! แล้วสาไม่เจียะแต้ด้วยกันเหรอ” ธนาพยักพเยิดไปยังจอกน้ำชาว่างเปล่าอีกสี่ใบที่วางเรียงอยู่เคียงกัน

“ชุดน้ำชานี่คุณนายใหญ่ให้มาค่ะ เธอคงอยากให้เจ้าสัวใช้คนเดียวมากกว่า” สาวิตรีแสร้งทำเสียงอ่อยน้อยใจ

“ไฮ้! สาคิดมากไปได้ ใครจะใช้มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” ธนาปลอบใจเธอเช่นเคย

“เจ้าสัวเครียดอะไรหรือคะ สาสังเกตตั้งแต่หัวค่ำแล้วว่าเจ้าสัวไม่ค่อยพูดเลย หรือว่ายังคิดเรื่องหุ้นของสาวัชที่คุยกับคุณนายใหญ่เมื่อเช้า” นางสบอารมณ์ที่เขาเริ่มผ่อนคลายแล้ว รีบตั้งคำถามที่อยากรู้

“เรื่องหุ้นนั่นจบไปแล้ว ที่เฮียหงุดหงิดตอนนี้เป็นเพราะลูกชายตัวดีของสาน่ะแหละ วันนี้เฮียตั้งใจนัดให้สาวัชไปเจอว่าคู่ดูตัว มันดันโทร.มาอ้างว่าเจออุบัติเหตุต้องไปโรงพยาบาล เฮียเลยต้องยกเลิกนัดกับฝ่ายหญิง เสียคำพูดหมด!” เพียงขาดคำ คนที่อยู่ในบทสนทนาก็เปิดประตูเลื่อนก้าวเข้ามาในบ้าน

“มาแล้วเรอะ!” ธนาลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะโวยวาย ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อนของลูกชายและรอยเลือดที่กระเซ็นเปื้อนปลายแขนเสื้อ เขาก็ชะงัก “นี่ลื้อไปทำอะไรมา”

“ผมเจอคนโดนกระชากกระเป๋าหน้าตึก เขาได้รับบาดเจ็บก็เลยพาไปส่งโรงพยาบาลน่ะครับ”

สาวิตรีหงุดหงิดใจที่ลูกชายทำให้บิดาไม่พอใจ ครั้นเห็นว่าสามีลดความโกรธเกรี้ยวลง เธอจึงค่อยเบาใจ คลี่คลายสถานการณ์ด้วยการเสนอเสียงอ่อน “ลูกเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้ดีไหมคะ วันนี้เจ้าสัวเองก็ออกไปข้างนอกมาด้วย กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เดี๋ยวสาเดินไปเป็นเพื่อนเจ้าสัวที่ตึกใหญ่เอง”

ธนาเหลียวมามองเธอ สาวใหญ่จึงทำสีหน้ากระเง้ากระงอดอ้อนวอน เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้า

“ตกลง! สาว่าไงก็ว่าตามกัน!”

สาวิตรียิ้มสมใจ อะไรจะทำให้เธอมีความสุขไปกว่าการรับรู้ว่าแม้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเกือบสี่สิบปี แต่คนข้างกายก็ยังพร้อมจะตามใจเธอเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นการได้พาธนาขึ้นไปส่งถึงตึกใหญ่ ยังจะเป็นการเย้ยหยันอวดให้ ‘ใครอีกคน’ เจ็บปวดชอกช้ำเล่นๆ ว่าใครคือที่หนึ่งในใจของธนาตลอดมาและตลอดไป นั่นละ...ไฮไลต์สำคัญของเรื่องนี้เลยทีเดียว!









: + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + :

มาล้าวววว ฉากหวานนิดๆ นี่แซมเปิ้ลนะบอกห้ายยย
ตอนพี่พระเอกแกรักนางเอกแล้ว
บอกเลยเขียนไปเอง สิริณยังเขินไปเองเลยอ้ะ
(นี่หลอกล่อให้อ่านกันต่อไปนะตะเองงงง อิอิ)




@konhin : คุณหนูไม่เคยเจอเรื่องร้ายแรงแบบนี้
นอกจากช็อกยังต้องมีโหมดประทับใจด้วยค่ะ
แบบติดในใจไม่รู้ตัว 5555 (เราก็ให้โอกาสอีตาสาวัชกันจังเลยเนอะ)



@พอใจ : จริงๆฉากที่แล้ว เหตุการณ์มันเร็วมากนะคะ
แต่กว่าจะบรรยายให้ครบเลยเหมือนคุณพระเอกแกลีลา
ความจริงแกก็พุ่งเข้าไปทันทีเลยแหละ
แต่เจอป้าขวางทางไว้เนอะ :D





@wane สารภาพว่าฉากที่แล้ว
ชอบที่สุดตอนได้เขียนว่าแท็กซี่ส่งรถ 55555
คือแบบเจอบ่อย เจ็บใจ
ต้องมาระบายในนิยายค่ะ กร๊ากกกกกก


จะบอกไงดี ดีใจมากเลยค่ะ
ฉากที่แล้วไม่คาดหวังอะไรมากนอกจากความฟิน
แต่เอาเข้าจริง คนอ่านชอบป้าขายผลไม้กันเยอะมาก
ปลื้มอะ รู้สึกดีอะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ค่ะ
รู้สึกมีแรงใจที่จะทำงานแนวเดิมต่อไป
ไม่ต้องหวือหวาเลิฟซีนแรงๆด้วย ไชโย
(จริงๆคือยายสิริณหล่อนเขียนเลิฟซีนไม่ได้น่ะค่ะ 5555)



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2559, 16:54:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2559, 16:55:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1270





<< ตอนที่ 16 (50%)   ตอนที่ 17 (50%) >>
konhin 12 พ.ค. 2559, 21:16:17 น.
ในสายตาอิงตอนนี้ สาวัชมีดีขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ(แม้จะยังเป็นผีดิบทื่อๆอยู่)


พอใจ 12 พ.ค. 2559, 22:12:25 น.
สมกับที่อิงอรุณว่า คุณชายสาวัชแล้วล่ะ ผู้ชายที่มีปัญหากับการเข้าสังคม ขำกร๊ากเลยค่ะ 555 สาวัช นายเมื่อยบ้างมั้ยที่ต้องทำตัวแข็งทื่อต่อหน้าสาวขนาดนั้น. ทำเป็นสั่งสอนดุกลบเกลื่อนอีก ชิชะ!!! ชอบสาวแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงล่ะซี่ 555


Zephyr 12 พ.ค. 2559, 23:57:58 น.
ทำไมแม่เมียน้อย ร้ายได้ลึกขนาดนี้
ไปซ้ำเติมคนอื่นทำไม นิสัยเสีย


wane 13 พ.ค. 2559, 07:41:26 น.
พระเอกนางท่าเยอะนะ ...อยากให้ถึงตอนที่นางรู้ใจตัวเองจัง อยากรู้ว่าระดับความหวานของนางเป็นยังงัย ...

ปล. อิงขาเจ็บขนาดนั้น ไม่น่าจะลงรถได้นะคะ เวลาจะลงขาขวาต้องลงก่อนใช่ป่าวคะ (พยายามนึกภาพอยู่) ไหนๆ อุ้มขึ้นแล้ว น่าจะช่วยอุ้มลงด้วยน๊าาาาา


นักอ่านเหนียวหนึบ 13 พ.ค. 2559, 08:44:47 น.
อืมมมม พี่ด็อกเยอะอย่างมากจริงๆ ท่าเย้อออเยอะ แต่ก็น่ารักดีนะ อร๊ายยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account