รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 10 : เรื่องเล่า ผ่านกาลเวลา
ทีมวิจัยวุ่นวายอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำยุค ซึ่งพาฉันมายังโลกในยุคอีกสองร้อยปีนั้นตลอดบ่าย ไอแซคหายไปราวครึ่งชั่วโมงก็กลับมา และเข้าไปขลุกอยู่กับทีมด้วยเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกว่าเจ้าตัวจะหันมองทางฉันเป็นระยะๆ โดยเฉพาะตอนที่ฉันหยิบไอบุ๊กของเขาออกมาเปิดดู
...ไม่ดูก็ได้... ฉันคิดในใจ คงจะกลัวว่าฉันจะไปค้นความลับอะไรของเขาอีกล่ะสิ อยากจะบอกเจ้าตัวเหลือเกินว่า ถึงแม้ฉันจะแปลกใจ ที่รู้ว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในอนาคตจะมีความเป็นจริงได้มากมายจนไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ไม่ได้จะมีผลอะไรกับชีวิตของฉันมากนัก
สิ่งที่อยากได้ และหวังมากที่สุดคือการกลับไปโลกที่ฉันจากมาต่างหาก
กลับไป...ทำไม
ฉันหยุดปลายนิ้วที่กำลังเลื่อนหน้าจอไอบุ๊ก คำถามที่ถามกับตัวเองนั้นทำให้ต้องถอนหายใจ แล้วก็มองเลยออกไปนอกหน้าต่าง
ตรงที่ฉันนั่งอยู่สามารถมองออกไปเห็นต้นฟูจิ หรือ wisteria ต้นที่ฉันกับไอแซคไปนั่งคุยกันเมื่อตอนบ่ายต้นๆ นั่นได้ ดอกสีม่วงเป็นสายคล้ยกล้วยไม้ช่อยาวของมันสวยละลานตา โลกอนาคตสวยงาม น่าอยู่ มนุษย์พยายามรื้อฟื้น หลายๆ สิ่งที่ตนเองทำลายมันไปกลับมา
ดอกไม้ ธรรมชาติ อาหาร สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิต โลกในยุคที่ฉันกำลังนั่งอยู่นี่ไม่ได้ดูก้าวล้ำนำหน้า ไม่ได้ดูแห้งแล้งไร้ชีวิตจิตใจ และโมเดิร์นสุดๆ เหมือนในหนังวิทยาศาสตร์ที่เคยดูสักนิด
วิทยาศาสตร์ทำให้โลกดูธรรมดา สงบ และสวยงามเหลือเกิน ในขณะที่โลกที่ฉันจากมา มีแต่มลพิษ รถติด ความร้อน ความแห้งแล้ว อาหารไม่เพียงพอ และปัญหาอีกหลากหลาย
และ... มีคนที่ทำให้ฉันปวดใจ
พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตไปกว่าห้าปีแล้วด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ชีวิตของฉันกลายเป็นคนที่อยู่ตัวคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะญาติใกล้ชิดต่างก็มีภารกิจ หน้าที่ของตนเอง จะติดต่อญาติๆ บ้างก็ในช่วงเวลาสำคัญๆ เช่น ปีใหม่ เท่านั้น ทำให้ชีวิตของฉันติดกับคนรัก หลังจากที่โดดเดี่ยวมาหลายปี ภาพแห่งความทรงจำย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ฉัน เขา ผู้หญิงอีกคน และอีกคน การยอม และไม่ยอม การร้องขอ การขอโทษ และการจากไป
เหตุการณ์เหล่านั้นตอกย้ำในความคิด...
ฉันยังโหยหาความรัก โหยหาความรู้สึกเดิมๆ ที่ตนเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า หากกลับไปแล้ว จะได้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับมาหรือเปล่า
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนใครสักคนยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับคนต้นเรื่องที่ทำให้ฉันต้องมาไกลถึงโลกสองร้อยปีนี่
"ถึงแม้คุณจะมาที่นี่โดยบังเอิญ แต่ช่วยทำหน้าให้มันมีความสุขกว่านั้นตอนอยู่ที่นี่ได้ไหม" คนพูดเท้าเอว "วันๆ เอาแต่นั่งเหม่อ"
"ไอซ์" เสียงนาธานดังมาจากเบื้องหลัง "ใจเย็นๆ น่า คุณยายคงเครียดน่ะ ต้องจากสิ่งแวดล้อมที่คุ้นมาไกลขนาดนี้"
คนฟังพ่นลมออกจากปาก "ใช่สิ เครียด แล้วนายไม่คิดว่าฉันเครียดหรือไง เขาเครียดเป็นคนเดียวสิ" น้ำเสียงหงุดหงิด "อยากซ่อมไอ้เครื่องบ้านี่ให้เสร็จเร็วๆ เงยหน้าขึ้นมาทีไร ก็เห็นคนน้ำตาคลอเบ้า ทำท่าจะร้องให้รอมร่ออยู่ตลอดเวลา อย่างนี้จะให้มีสมาธิทำงานได้ยังไงวะ" คนพูดโยนปากกาที่ใช้ช่วยเขียนโปรแกรมโครงสร้างการย้ายมวลสารต่างเวลาลงกับพื้น แต่ยังช้ากว่านาธานซึ่งโยนผ้าเช็ดมือซึ่งถือติดมืออยู่ลงไปทันได้รองปากกาด้ามนั้นก่อนจะตกลงพื้น
"ไอซ์แกทำงานมาเกือบทั้งปีเลยนะ กว่าจะซื้อปากกานั่นได้น่ะ" นาธานเสียงเข้ม "คุณอิงครับ ผมรู้ว่าคุณอยากกลับไป เราก็อยากทำอย่างนั้นครับ แต่ว่า มันต้องใช้สมาธิอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้..."
"ถ้าเป็นไปได้ พวกคุณก็ไม่ควรเอาฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว" ฉันตอบ นั่นคงเพิ่มอารมณ์เดือดให้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกสองเท่า ฉันเห็นเขากัดฟันกรอด
ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่...ปากมันทำไปเพราะอารมณ์โกรธ และหงุดหงิดแท้ๆ
ไอแซคก้าวเข้ามา อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะถึงตัว ฉันลุกขึ้น ถอยออกไปสองก้าว ในขณะที่นาธานเดินมากันระหว่างฉันกับเพื่อนทันที
"คุณยาย มานี่ดีกว่าครับ" ชายร่างอวบดึงฉันออกมาจากสภาวะเสี่ยงจะคอหักเพราะฝีมือของเพื่อน เขาพาฉันออกจากห้องทดลอง แต่ก่อนจะจากมาก็ตะโกนกลับไปเข้าในห้องว่า
"ไอซ์ นายไปพักเถอะ เครียดๆ อย่างนี้คิดอะไรไม่ออกหรอก เดี๋ยวฉันทำส่วนที่เหลือเอง ส่วนนาย รอให้สบายใจแล้วค่อยมาต่อส่วนที่ค้างไว้" คนพูดหันมาหาฉัน "ส่วนคุณอิง เดี๋ยวฉันพากลับบ้านเอง"
"นายจะพาเธอไปไหน"
"ไปให้ไกลๆ ก่อนที่นายจะหักคอเธอจริงๆ ไง เอาเถอะน่า เธอเป็นคุณยายของฉัน ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก นายไม่ต้องห่วง ไปพักเถอะ ขอร้อง..."
"...."
"คุณอิงครับ มานี่กับผมดีกว่า" มืออวบดึงข้อมือของฉัน "ไปหาของอร่อยๆ กินกัน" พูดแค่นั้น คนพูดก็ลากออกมาจากสถานที่แห่งนั้นก่อนที่จะเกิดเรื่อง
........
นาธานจอดรถ เราหันมาสบตากัน เขายิ้มมุมปาก
"เชิญครับ" เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ ฉันรู้สึกเขินนิดๆ เพราะปกติไม่ค่อยจะมีใครทำอะไรอย่างนี้ให้นัก แต่ที่ต้องนั่งเฉย รอให้เขาเปิด เพราะ...ฉันเปิดไม่เป็น!
"ที่นี่ที่ไหน"
เจ้าหนุ่มรุ่นหลานของหลานขับรถพาฉันมาไกลพอสมควร เราออกจากมหาวิทยาลัยประมาณบ่ายสาม เกือบครึ่งชั่วโมงจึงมาถึงสถานที่นี้ เขาไม่ยอมบอกอะไรมากนัก บอกแต่เพียงว่า อยากหาที่เงียบๆ คุยกันเท่านั้น
ไอแซคโทรเข้าหานาธานระหว่างทางหนึ่งครั้ง และนาธานเพียงแต่ตอบว่าจะพาฉันกลับไปส่งที่พักตอนเย็นๆ
"ที่นี่ที่ไหน" ฉันถามซ้ำ "เรามาที่นี่ทำไม"
"ที่นี่เป็นสุสานของตระกูลของเราครับ"
ฉันเบิกตากว้าง "พาฉันมา...ทำไม"
"ผมแค่อยากพาคุณมาที่ไหนสักที่ที่ไกลจากเจ้าไอแซค ไกลจากสายตาผู้คนหน่อย" เจ้าหลานชายในอนาคตของฉันตอบ
ไอแซคโชคดีที่มีเพื่อนแบบชายหนุ่มคนนี้ จากการที่รู้จักกันไม่นาน ฉันพบว่านาธานเป็นคนอารมณ์ดี และมองโลกในแง่บวกมาก ในขณะที่ไอแซคออกจะจริงจังมากว่า อาจจะเป็นเพราะเขา เอ้ย เจ้าหุ่นตัวนั้นมีปมของความเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ใช่มนุษย์ ก็เลยดูเครียดๆ กว่ายังไงก็ไม่รู้
คิดมาถึงตรงนี้ฉันก็ชะงัก...หุ่นยนต์คิดได้ด้วยเหรอ
"ผมห่วงไอแซค เพราะมันเพิ่งฟื้นไข้ ตอนนี้มันเครียดมาก ถ้าคุณอยู่ใกล้ๆ อาจทำให้เครียดหนักเข้าไปอีก มันรู้สึกผิดมากนะครับที่พาคุณมาแล้วพากลับไปไม่ได้ มาทางนี้สิครับ" คนขับรถพาเดินตรงไปยังศาลาเล็กๆ กลางน้ำ ที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ เลยไปไกลสักสิบเมตรมีป้ายหินตั้งอยู่สลักเป็นนามสกุลของฉัน เท้าของฉันเปลี่ยนทิศ และไปยืนอยู่ที่หน้าป้าย ฉันพนมมือไหว้โดยอัตโนมัติ
ลมเย็นพัดมาพอให้รู้สึก หนุ่มน้อยกดกาแฟร้อนจากตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติที่รูปร่างแทบจะกลืนกับต้นไม้ใกล้ๆ นั้น ส่งให้ฉันหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินนำไปนั่งที่เก้าอี้ที่ศาลา
"กระดูกของทุกคนจะถูกฝังไว้ที่นี่ครับ ด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้มันมีขนาดเป็นผงละเอียดและขนาดเล็กมาก ทั้งเนินเล็กๆ นั่นเป็นของตระกูลเราทั้งหมด"
ฉันมองมันอย่างประหลาด
"น่าแปลกที่...เราไม่พบว่ามีข้อมูลกระดูกของคุณยายครับ" นาธานพูดต่อ "ไอแซคคงกำลังเครียดว่าเขาเป็นต้นเหตุหรือเปล่าที่ทำให้คุณยายหายไป"
"ฉันไม่เข้าใจ...ยิ่งพูดก็ยิ่งงง ไหน เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ว่ามันไปยังไง มายังไง ถึงมีมนุษย์จากโลกอนาคตไปหาฉันแบบนั้น"
"มันยากจะเข้าใจครับ เอาอย่างนี้ ผมเริ่มใหม่ เราเริ่มโครงการวิจัยการย้ายมวลสารนี่มาพักใหญ่แล้ว ไอแซคกับผมได้ทุนจากหลายที่ เราใช้เงินและเวลาหมดไปกับมันมาก จนได้เครื่องย้ายมวลสาร พอถึงขั้นทดลอง ไอแซคกับผมเลือกที่จะย้อนเวลากลับไปที่ไหนสักที่"
คนพูดจิบกาแฟร้อน "เราเลือกที่กลับไปหาคุณ เพราะตามประวัติคือเสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตาย เขาบอกผมว่า อยากไปเอง ยังไงๆ ก็ไม่ยอมให้ผมเดินทางไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร"
เพราะเขาไม่มั่นใจว่านาธานจะปลอดภัยหรือเปล่า แต่สำหรับตัวเอง ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช้มนุษย์น่ะสิ ... ฉันคิด
"ทำไม เพราะฉันฆ่าตัวตายงั้นเหรอ นายสองคนคิดจะเปลี่ยนอนาคตหรือไง รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน เคยคิดไหมว่า มันอาจมีผลกระทบกับเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย"
นาธานทำคอตก "เราอาจกำลังตื่นเต้นกับผลงานที่ทำสำเร็จ ก็เลยคิดน้อยเกินไป" เขายอมรับ "แต่...เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่พยายามเปลี่ยนอะไรในโลกของคุณนะครับ" ชายหนุ่มยังยืนยัน
ไม่เปลี่ยนงั้นเหรอ ฉันคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ไอแซคขวางฉันทุกทางไม่ให้ฉันได้พบกับเอก
"... แต่ที่ผมพามาคุยวันนี้ เพราะอยากให้คุณเห็นใจมันด้วย ไอแซคไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ ผมเชื่อว่า ทุกอย่างที่เขาทำเป็นความตั้งใจดี แต่...คุณต้องให้เวลามันสักนิด"
"ฉันก็ให้เวลาเขาแล้วนี่ เอาเถอะ ฉันยอมรับว่าเครียดมาก เพราะกำลังมีเรื่อง แล้วจู่ๆ เพื่อนของนายก็พาฉันมาที่นี่ ที่ไหนก็ไม่รู้ เจอใครที่ไม่รู้จักสักคน แล้วก็เรื่องบ้าๆ ที่บอกว่าฉันจะฆ่าตัวตายอีก มันยากที่จะทำใจ หรือรับได้นะ"
นาธานยิ้มแห้งแล้ง "ครับ"
"แถมเพื่อนของนายก็ไม่ใช่คนช่างพูด ทำอะไร คิดอะไรไม่เคยบอกกันเลย บังคับตลอด"
เสียงชายหนุ่มข้างตัวถอนหายใจรอบที่ห้า "จริงครับ มันพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร..."
"เล่าเรื่องของเขาให้ฉันฟังบ้างสิ นายสองคนทำอะไรด้วยกันบ้าง เขาเป็นคนยังไง บางที ฉันอาจจะใจเย็นลงบ้าง" ฉันบอกตัวเองว่า ไม่ได้อยากรู้จักไอแซค แค่หาเรื่องคุยเท่านั้น
มันเป็นการคุยนอกเรื่อง คุยให้ไกลจากปัญหาที่ฉันกำลังหมกมุ่นอยู่ คือการไม่ได้กลับไปโลกเก่าในตอนนี้ นาธานเป็นคนคุยสนุก เขาเล่าเรื่องของโลกใบใหม่ เล่าเรื่องเพื่อน และงานวิจัยของเขาได้น่าสนใจมาก
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กับเรื่องหลายเรื่องที่เราคุยกัน... มีสายเข้า นาธานไม่ได้ดึงอุปกรณ์เล็กๆ ที่เขาเรียกมันว่าโทรศัพท์ออกมา "เจ้าไอซ์โทรตามอีกแล้ว"
"ไอซ์ ฉันยังคุยกับคุณยายอยู่ นายไม่ต้องห่วง พวกเราสบายดี" นาธานพูด ส่วนฉันไม่ได้ยินว่าอีกทางตอบว่าอะไร
"วางสายไปแล้ว...มันถามว่าคุณดีขึ้นหรือยัง"
"จะให้ฉันทำหน้าตาระรื่นทั้งๆ ที่เพิงเลิกกับแฟนที่กำลังจะแต่งงานนี่นะ" ฉันตอบ แล้วก็ยักไหล่ "ขอโทษ อดรวนไม่ได้อีกแล้ว"
นาธานอมยิ้ม
"คุณสองคนนี่ ปากพอๆ กันเลย ให้ตายเถอะ"
"มันไม่ใช่คำชมใช่ไหม" ฉ้นลุกขึ้น "เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวเพื่อนนายจะคลั่งตายเสียก่อน เพราะความเป็นห่วงเราสองคน" หลุดประโยคสุดท้ายออกไปแล้วก็ชะงัก สีหน้า แววตาของชายหนุ่มอีกคนแวบขึ้นในความคิด เขาเป็นห่วงฉัน ความรู้สึกนั้นฉันรับรู้ได้...และเพิ่งรับรู้ได้จริงๆ ก็ในตอนนี้เอง
ผู้ชายคนนั้น (หรือหุ่นตัวนั้น) ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักนิด ฉันแค่เป็นญาติของเพื่อน เป็นคน คนหนึ่งบนโลกเก่า แต่เขากลับมีความรู้สึกห่วงใยจริงจัง
กลับกัน...ผู้ชายอีกคน ที่ฉันคิดว่ารู้จักดี กลับทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คำว่า 'ความรู้สึกรัก' ของฉันไม่มีความหมายอะไรเลย
เจ้าหุ่นตัวนั้น อาจรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ... แต่ผู้ชายอีกคน ไม่ได้คิดถึงเรื่องคำนั้นเลย หรือคิด ก็คงให้ความสำคัญกับมันน้อยมาก...
...ไม่ดูก็ได้... ฉันคิดในใจ คงจะกลัวว่าฉันจะไปค้นความลับอะไรของเขาอีกล่ะสิ อยากจะบอกเจ้าตัวเหลือเกินว่า ถึงแม้ฉันจะแปลกใจ ที่รู้ว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในอนาคตจะมีความเป็นจริงได้มากมายจนไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ไม่ได้จะมีผลอะไรกับชีวิตของฉันมากนัก
สิ่งที่อยากได้ และหวังมากที่สุดคือการกลับไปโลกที่ฉันจากมาต่างหาก
กลับไป...ทำไม
ฉันหยุดปลายนิ้วที่กำลังเลื่อนหน้าจอไอบุ๊ก คำถามที่ถามกับตัวเองนั้นทำให้ต้องถอนหายใจ แล้วก็มองเลยออกไปนอกหน้าต่าง
ตรงที่ฉันนั่งอยู่สามารถมองออกไปเห็นต้นฟูจิ หรือ wisteria ต้นที่ฉันกับไอแซคไปนั่งคุยกันเมื่อตอนบ่ายต้นๆ นั่นได้ ดอกสีม่วงเป็นสายคล้ยกล้วยไม้ช่อยาวของมันสวยละลานตา โลกอนาคตสวยงาม น่าอยู่ มนุษย์พยายามรื้อฟื้น หลายๆ สิ่งที่ตนเองทำลายมันไปกลับมา
ดอกไม้ ธรรมชาติ อาหาร สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิต โลกในยุคที่ฉันกำลังนั่งอยู่นี่ไม่ได้ดูก้าวล้ำนำหน้า ไม่ได้ดูแห้งแล้งไร้ชีวิตจิตใจ และโมเดิร์นสุดๆ เหมือนในหนังวิทยาศาสตร์ที่เคยดูสักนิด
วิทยาศาสตร์ทำให้โลกดูธรรมดา สงบ และสวยงามเหลือเกิน ในขณะที่โลกที่ฉันจากมา มีแต่มลพิษ รถติด ความร้อน ความแห้งแล้ว อาหารไม่เพียงพอ และปัญหาอีกหลากหลาย
และ... มีคนที่ทำให้ฉันปวดใจ
พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตไปกว่าห้าปีแล้วด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ชีวิตของฉันกลายเป็นคนที่อยู่ตัวคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะญาติใกล้ชิดต่างก็มีภารกิจ หน้าที่ของตนเอง จะติดต่อญาติๆ บ้างก็ในช่วงเวลาสำคัญๆ เช่น ปีใหม่ เท่านั้น ทำให้ชีวิตของฉันติดกับคนรัก หลังจากที่โดดเดี่ยวมาหลายปี ภาพแห่งความทรงจำย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ฉัน เขา ผู้หญิงอีกคน และอีกคน การยอม และไม่ยอม การร้องขอ การขอโทษ และการจากไป
เหตุการณ์เหล่านั้นตอกย้ำในความคิด...
ฉันยังโหยหาความรัก โหยหาความรู้สึกเดิมๆ ที่ตนเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า หากกลับไปแล้ว จะได้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับมาหรือเปล่า
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนใครสักคนยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับคนต้นเรื่องที่ทำให้ฉันต้องมาไกลถึงโลกสองร้อยปีนี่
"ถึงแม้คุณจะมาที่นี่โดยบังเอิญ แต่ช่วยทำหน้าให้มันมีความสุขกว่านั้นตอนอยู่ที่นี่ได้ไหม" คนพูดเท้าเอว "วันๆ เอาแต่นั่งเหม่อ"
"ไอซ์" เสียงนาธานดังมาจากเบื้องหลัง "ใจเย็นๆ น่า คุณยายคงเครียดน่ะ ต้องจากสิ่งแวดล้อมที่คุ้นมาไกลขนาดนี้"
คนฟังพ่นลมออกจากปาก "ใช่สิ เครียด แล้วนายไม่คิดว่าฉันเครียดหรือไง เขาเครียดเป็นคนเดียวสิ" น้ำเสียงหงุดหงิด "อยากซ่อมไอ้เครื่องบ้านี่ให้เสร็จเร็วๆ เงยหน้าขึ้นมาทีไร ก็เห็นคนน้ำตาคลอเบ้า ทำท่าจะร้องให้รอมร่ออยู่ตลอดเวลา อย่างนี้จะให้มีสมาธิทำงานได้ยังไงวะ" คนพูดโยนปากกาที่ใช้ช่วยเขียนโปรแกรมโครงสร้างการย้ายมวลสารต่างเวลาลงกับพื้น แต่ยังช้ากว่านาธานซึ่งโยนผ้าเช็ดมือซึ่งถือติดมืออยู่ลงไปทันได้รองปากกาด้ามนั้นก่อนจะตกลงพื้น
"ไอซ์แกทำงานมาเกือบทั้งปีเลยนะ กว่าจะซื้อปากกานั่นได้น่ะ" นาธานเสียงเข้ม "คุณอิงครับ ผมรู้ว่าคุณอยากกลับไป เราก็อยากทำอย่างนั้นครับ แต่ว่า มันต้องใช้สมาธิอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้..."
"ถ้าเป็นไปได้ พวกคุณก็ไม่ควรเอาฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว" ฉันตอบ นั่นคงเพิ่มอารมณ์เดือดให้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกสองเท่า ฉันเห็นเขากัดฟันกรอด
ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่...ปากมันทำไปเพราะอารมณ์โกรธ และหงุดหงิดแท้ๆ
ไอแซคก้าวเข้ามา อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะถึงตัว ฉันลุกขึ้น ถอยออกไปสองก้าว ในขณะที่นาธานเดินมากันระหว่างฉันกับเพื่อนทันที
"คุณยาย มานี่ดีกว่าครับ" ชายร่างอวบดึงฉันออกมาจากสภาวะเสี่ยงจะคอหักเพราะฝีมือของเพื่อน เขาพาฉันออกจากห้องทดลอง แต่ก่อนจะจากมาก็ตะโกนกลับไปเข้าในห้องว่า
"ไอซ์ นายไปพักเถอะ เครียดๆ อย่างนี้คิดอะไรไม่ออกหรอก เดี๋ยวฉันทำส่วนที่เหลือเอง ส่วนนาย รอให้สบายใจแล้วค่อยมาต่อส่วนที่ค้างไว้" คนพูดหันมาหาฉัน "ส่วนคุณอิง เดี๋ยวฉันพากลับบ้านเอง"
"นายจะพาเธอไปไหน"
"ไปให้ไกลๆ ก่อนที่นายจะหักคอเธอจริงๆ ไง เอาเถอะน่า เธอเป็นคุณยายของฉัน ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก นายไม่ต้องห่วง ไปพักเถอะ ขอร้อง..."
"...."
"คุณอิงครับ มานี่กับผมดีกว่า" มืออวบดึงข้อมือของฉัน "ไปหาของอร่อยๆ กินกัน" พูดแค่นั้น คนพูดก็ลากออกมาจากสถานที่แห่งนั้นก่อนที่จะเกิดเรื่อง
........
นาธานจอดรถ เราหันมาสบตากัน เขายิ้มมุมปาก
"เชิญครับ" เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ ฉันรู้สึกเขินนิดๆ เพราะปกติไม่ค่อยจะมีใครทำอะไรอย่างนี้ให้นัก แต่ที่ต้องนั่งเฉย รอให้เขาเปิด เพราะ...ฉันเปิดไม่เป็น!
"ที่นี่ที่ไหน"
เจ้าหนุ่มรุ่นหลานของหลานขับรถพาฉันมาไกลพอสมควร เราออกจากมหาวิทยาลัยประมาณบ่ายสาม เกือบครึ่งชั่วโมงจึงมาถึงสถานที่นี้ เขาไม่ยอมบอกอะไรมากนัก บอกแต่เพียงว่า อยากหาที่เงียบๆ คุยกันเท่านั้น
ไอแซคโทรเข้าหานาธานระหว่างทางหนึ่งครั้ง และนาธานเพียงแต่ตอบว่าจะพาฉันกลับไปส่งที่พักตอนเย็นๆ
"ที่นี่ที่ไหน" ฉันถามซ้ำ "เรามาที่นี่ทำไม"
"ที่นี่เป็นสุสานของตระกูลของเราครับ"
ฉันเบิกตากว้าง "พาฉันมา...ทำไม"
"ผมแค่อยากพาคุณมาที่ไหนสักที่ที่ไกลจากเจ้าไอแซค ไกลจากสายตาผู้คนหน่อย" เจ้าหลานชายในอนาคตของฉันตอบ
ไอแซคโชคดีที่มีเพื่อนแบบชายหนุ่มคนนี้ จากการที่รู้จักกันไม่นาน ฉันพบว่านาธานเป็นคนอารมณ์ดี และมองโลกในแง่บวกมาก ในขณะที่ไอแซคออกจะจริงจังมากว่า อาจจะเป็นเพราะเขา เอ้ย เจ้าหุ่นตัวนั้นมีปมของความเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ใช่มนุษย์ ก็เลยดูเครียดๆ กว่ายังไงก็ไม่รู้
คิดมาถึงตรงนี้ฉันก็ชะงัก...หุ่นยนต์คิดได้ด้วยเหรอ
"ผมห่วงไอแซค เพราะมันเพิ่งฟื้นไข้ ตอนนี้มันเครียดมาก ถ้าคุณอยู่ใกล้ๆ อาจทำให้เครียดหนักเข้าไปอีก มันรู้สึกผิดมากนะครับที่พาคุณมาแล้วพากลับไปไม่ได้ มาทางนี้สิครับ" คนขับรถพาเดินตรงไปยังศาลาเล็กๆ กลางน้ำ ที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ เลยไปไกลสักสิบเมตรมีป้ายหินตั้งอยู่สลักเป็นนามสกุลของฉัน เท้าของฉันเปลี่ยนทิศ และไปยืนอยู่ที่หน้าป้าย ฉันพนมมือไหว้โดยอัตโนมัติ
ลมเย็นพัดมาพอให้รู้สึก หนุ่มน้อยกดกาแฟร้อนจากตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติที่รูปร่างแทบจะกลืนกับต้นไม้ใกล้ๆ นั้น ส่งให้ฉันหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินนำไปนั่งที่เก้าอี้ที่ศาลา
"กระดูกของทุกคนจะถูกฝังไว้ที่นี่ครับ ด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้มันมีขนาดเป็นผงละเอียดและขนาดเล็กมาก ทั้งเนินเล็กๆ นั่นเป็นของตระกูลเราทั้งหมด"
ฉันมองมันอย่างประหลาด
"น่าแปลกที่...เราไม่พบว่ามีข้อมูลกระดูกของคุณยายครับ" นาธานพูดต่อ "ไอแซคคงกำลังเครียดว่าเขาเป็นต้นเหตุหรือเปล่าที่ทำให้คุณยายหายไป"
"ฉันไม่เข้าใจ...ยิ่งพูดก็ยิ่งงง ไหน เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ว่ามันไปยังไง มายังไง ถึงมีมนุษย์จากโลกอนาคตไปหาฉันแบบนั้น"
"มันยากจะเข้าใจครับ เอาอย่างนี้ ผมเริ่มใหม่ เราเริ่มโครงการวิจัยการย้ายมวลสารนี่มาพักใหญ่แล้ว ไอแซคกับผมได้ทุนจากหลายที่ เราใช้เงินและเวลาหมดไปกับมันมาก จนได้เครื่องย้ายมวลสาร พอถึงขั้นทดลอง ไอแซคกับผมเลือกที่จะย้อนเวลากลับไปที่ไหนสักที่"
คนพูดจิบกาแฟร้อน "เราเลือกที่กลับไปหาคุณ เพราะตามประวัติคือเสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตาย เขาบอกผมว่า อยากไปเอง ยังไงๆ ก็ไม่ยอมให้ผมเดินทางไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร"
เพราะเขาไม่มั่นใจว่านาธานจะปลอดภัยหรือเปล่า แต่สำหรับตัวเอง ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช้มนุษย์น่ะสิ ... ฉันคิด
"ทำไม เพราะฉันฆ่าตัวตายงั้นเหรอ นายสองคนคิดจะเปลี่ยนอนาคตหรือไง รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน เคยคิดไหมว่า มันอาจมีผลกระทบกับเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย"
นาธานทำคอตก "เราอาจกำลังตื่นเต้นกับผลงานที่ทำสำเร็จ ก็เลยคิดน้อยเกินไป" เขายอมรับ "แต่...เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่พยายามเปลี่ยนอะไรในโลกของคุณนะครับ" ชายหนุ่มยังยืนยัน
ไม่เปลี่ยนงั้นเหรอ ฉันคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ไอแซคขวางฉันทุกทางไม่ให้ฉันได้พบกับเอก
"... แต่ที่ผมพามาคุยวันนี้ เพราะอยากให้คุณเห็นใจมันด้วย ไอแซคไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ ผมเชื่อว่า ทุกอย่างที่เขาทำเป็นความตั้งใจดี แต่...คุณต้องให้เวลามันสักนิด"
"ฉันก็ให้เวลาเขาแล้วนี่ เอาเถอะ ฉันยอมรับว่าเครียดมาก เพราะกำลังมีเรื่อง แล้วจู่ๆ เพื่อนของนายก็พาฉันมาที่นี่ ที่ไหนก็ไม่รู้ เจอใครที่ไม่รู้จักสักคน แล้วก็เรื่องบ้าๆ ที่บอกว่าฉันจะฆ่าตัวตายอีก มันยากที่จะทำใจ หรือรับได้นะ"
นาธานยิ้มแห้งแล้ง "ครับ"
"แถมเพื่อนของนายก็ไม่ใช่คนช่างพูด ทำอะไร คิดอะไรไม่เคยบอกกันเลย บังคับตลอด"
เสียงชายหนุ่มข้างตัวถอนหายใจรอบที่ห้า "จริงครับ มันพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร..."
"เล่าเรื่องของเขาให้ฉันฟังบ้างสิ นายสองคนทำอะไรด้วยกันบ้าง เขาเป็นคนยังไง บางที ฉันอาจจะใจเย็นลงบ้าง" ฉันบอกตัวเองว่า ไม่ได้อยากรู้จักไอแซค แค่หาเรื่องคุยเท่านั้น
มันเป็นการคุยนอกเรื่อง คุยให้ไกลจากปัญหาที่ฉันกำลังหมกมุ่นอยู่ คือการไม่ได้กลับไปโลกเก่าในตอนนี้ นาธานเป็นคนคุยสนุก เขาเล่าเรื่องของโลกใบใหม่ เล่าเรื่องเพื่อน และงานวิจัยของเขาได้น่าสนใจมาก
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กับเรื่องหลายเรื่องที่เราคุยกัน... มีสายเข้า นาธานไม่ได้ดึงอุปกรณ์เล็กๆ ที่เขาเรียกมันว่าโทรศัพท์ออกมา "เจ้าไอซ์โทรตามอีกแล้ว"
"ไอซ์ ฉันยังคุยกับคุณยายอยู่ นายไม่ต้องห่วง พวกเราสบายดี" นาธานพูด ส่วนฉันไม่ได้ยินว่าอีกทางตอบว่าอะไร
"วางสายไปแล้ว...มันถามว่าคุณดีขึ้นหรือยัง"
"จะให้ฉันทำหน้าตาระรื่นทั้งๆ ที่เพิงเลิกกับแฟนที่กำลังจะแต่งงานนี่นะ" ฉันตอบ แล้วก็ยักไหล่ "ขอโทษ อดรวนไม่ได้อีกแล้ว"
นาธานอมยิ้ม
"คุณสองคนนี่ ปากพอๆ กันเลย ให้ตายเถอะ"
"มันไม่ใช่คำชมใช่ไหม" ฉ้นลุกขึ้น "เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวเพื่อนนายจะคลั่งตายเสียก่อน เพราะความเป็นห่วงเราสองคน" หลุดประโยคสุดท้ายออกไปแล้วก็ชะงัก สีหน้า แววตาของชายหนุ่มอีกคนแวบขึ้นในความคิด เขาเป็นห่วงฉัน ความรู้สึกนั้นฉันรับรู้ได้...และเพิ่งรับรู้ได้จริงๆ ก็ในตอนนี้เอง
ผู้ชายคนนั้น (หรือหุ่นตัวนั้น) ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักนิด ฉันแค่เป็นญาติของเพื่อน เป็นคน คนหนึ่งบนโลกเก่า แต่เขากลับมีความรู้สึกห่วงใยจริงจัง
กลับกัน...ผู้ชายอีกคน ที่ฉันคิดว่ารู้จักดี กลับทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คำว่า 'ความรู้สึกรัก' ของฉันไม่มีความหมายอะไรเลย
เจ้าหุ่นตัวนั้น อาจรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ... แต่ผู้ชายอีกคน ไม่ได้คิดถึงเรื่องคำนั้นเลย หรือคิด ก็คงให้ความสำคัญกับมันน้อยมาก...
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2559, 03:16:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ต.ค. 2559, 20:40:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 2100
<< 9: เรื่องบังเอิญ | 11 : เหมือนจะเป็น...ข่าวดี >> |
Zephyr 27 พ.ค. 2559, 13:02:34 น.
ไอซ์ นายแมนมากๆๆๆๆ
คุณยายไม่สนใจ โยนไอซ์มานี่ค่ะ
ยินดีรับเลี้ยงตลอดชีวิต
ไอซ์ นายแมนมากๆๆๆๆ
คุณยายไม่สนใจ โยนไอซ์มานี่ค่ะ
ยินดีรับเลี้ยงตลอดชีวิต
konhin 27 พ.ค. 2559, 15:13:33 น.
ฮ่าๆๆ ลงสนามแย่งด้วยคน
ฮ่าๆๆ ลงสนามแย่งด้วยคน