รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 11 : เหมือนจะเป็น...ข่าวดี
ระหว่างที่นาธานขับรถพาฉันกลับไปยังมหาวิทยาลัย โทรศัพท์ที่ติดอยู่กับนาฬิกาของเขาก็ดังขึ้น
“ไอแซคต้องไปพบพ่อ เขาก็เลยให้ผมพาคุณไปส่งที่พัก” วางสายเสร็จนาธานก็หันมาบอก “ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงมันเครียดๆ”
เขาก็เครียดตลอดเวลา เครียดไปทุกเรื่องนั่นแหละ ฉันคิด
“ยังไม่อยากกลับเลยค่ะ กลับไปก็อยู่แต่ในห้องเงียบๆ” ฉันเอ่ย
“งั้นไปดูเมืองกันไหมครับ ผมพายายไปขับรถชมเมืองก็ได้”
ฉันหันกลับมายิ้ม “นั่นแหละที่ต้องการ”
นาธานหัวเราะ “ยายครับ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆ นะครับ โลกดูสดใสขึ้นเยอะเลย”
ฉันหุบยิ้แทบจะทันที
“จริงๆ นะครับ ผมไม่อยากให้ยายทำหน้าเครียด แค่ยายยิ้มแบบเมื่อกี้ ผมก็รู้สึกดีมากๆ เลย”
ไอแซคคิดแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า เขาถึงได้ดูวิตกกังวล หงุดหงิดง่าย เพราะฉันมัวแต่ซึมเซา คิดถึงแต่เรื่องตัวเอง หน้าตาคงจะบึ้งตึง มัวหมอง จนทำให้เขาเครียด แล้วก็วิตกไปด้วย
ชายหนุ่มร่างท้วมขับรถพาฉันไปแวะที่ร้านฟาสฟู้ด เราเลือกอาหารสองสามอย่างมานั่งกินในรถ ระหว่างที่เขาขับรถพาฉันชมเมืองไปด้วย เราคุยกันหลายเรื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของบ้านเมือง การใช้ชีวิตของคนในสมัยที่เขาอยู่
“สมัยนี้วิวัฒนาการเรื่องการทำหุ่นยนต์ไปถึงไหนกันแล้ว ฉันมองไม่เห็นหุ่นยนต์สักตัวตามร้านอาหารหรือท้องถนน เคยอ่านหนังสือพวกไซไฟ ส่วนใหญ่นักเขียนจะจินตนาการว่าอนาคตเราจะมีแต่หุ่นยนต์เดินเต็มไปหมด ทำงานทุกอย่างแทนคนด้วย”
“อ๋อ สมัยนี้ไม่นิยมทำหุ่นยนต์ให้เหมือนหุ่นยนต์ครับ เราทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเราอัจฉริยะจนมันสามารถช่วยเราได้เกือบทุกอย่าง จึงแทบจะไม่มีการสร้างหุ้นยนต์อย่างที่เคยทำในสมัยก่อนเลยครับ”
“ทำไมล่ะ”
“เมื่อร้อยปีก่อน หุ่นยนต์เป็นที่นิยมมากครับ มีการสร้างหุ่นหลายแบบ รวมถึงหุ่นที่เหมือนมนุษย์มากๆ”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ” ฉันคิดถึงคำพูดแปลกๆ ของไอแซค
“หุ่นตัวหนึ่งทำผิดกฎครับ มันฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้น เราเลยออกกฎหมายให้ไม่มีการสร้างหุ่นยนต์ที่รูปร่างเหมือนคนอีก แต่เอาศักยภาพของหุ่นต์ไปใช้ในทางอื่นๆ หรือใส่ไว้ในอุปกรณ์แทน เราไม่สามารถทำหุ่นมาแทนคนได้ครับ”
ฉันเม้มปาก มิน่าเล่า ไอแซคถึงได้ดูตกใจนักเมื่อฉันเจอเรื่องการสร้างหุ่นไอแซคขึ้นมา เขาเป็นของผิดกฎหมายนี่เอง ... ฉันรู้จุดอ่อนของนายแล้ว
“ตอนนี้เราเน้นพัฒนาทุกอย่างให้ดูเป็นธรรมชาติ และเข้ากับธรรมชาติให้ได้ครับ การสร้างหุ่นแข็งๆ ที่มีแต่โครงเหล็กพวกนั้นไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว โลกไม่ได้ต้องการอะไรที่ก้าวหน้าแต่ไม่สวยงามและไม่กลมกลืนครับ”
ฉันอมยิ้ม โลกสมัยนี้น่าอยู่จริงๆ
“เราผ่านช่วงที่เลวร้ายของการพัฒนาอุตสาหกรรม สภาพอากาศวินาศ สงครามการเมือง สงครามระหว่างประเทศ และพอท้ายที่สุด มันก็คืนกลับสู่สามัญมั้งครับ ตอนนี้วิทยาศาสตร์จึงพยายามทำทุกอย่างให้โลกคืนสู่สมดุลให้มากที่สุด ปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เราไม่อยากไปอยู่ดวงจันทร์ เราไม่อยากไปหาดาวดวงใหม่ครับ เราเลยต้องปกป้องดูแลดาวโลกให้น่าอยู่มากที่สุด”
นาธานขับรถมาหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำสายหนึ่ง มันกว้างใหญ่กว่าแม่น้ำเจ้าพระยามาก สองข้างฝั่งแม่น้ำปลูกต้นไม้ร่มรื่น และมีเก้ากี้ตั้งไว้ให้คนไปนั่งปิกนิค หรือทำกิจกรรมในครอบครัวเป็นระยะๆ เราเดินผ่านคู่รัก ที่นั่งคุยกันใต้ต้นไม้ คุณพ่อที่พาลูกวิ่งจ็อกกิ้ง หญิงสาวที่กำลังนั่งวาดรูป
“คุณรู้ไหม รอบๆ ตัวเราตอนนี้มีหุ่นยนต์เต็มไปหมด”
“คะ”
“มีกล้องวงจรปิด ที่เก็บภาพเพื่อรักษาความปลอดภ้ย มีระบบวัดอุณหภูมิของดิน และอากาศ ตลอดวันเพื่อจะรดน้ำต้นไม้อัตโนมิติยามเที่ยงคืนตามความเหมาะสมและประหยัดที่สุด ระบบเตือนถึงโรงพยาบาลหากมีคนสูงวัยล้มระหว่างออกกำลังกาย แล้วก็มีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ผมอาจไม่รู้”
ฉันมองไปรอบตัว “มองไม่เห็นอุปกรณ์อะไรเลย”
“ครับนั่นแหละหัวใจของมัน เราสร้างหุ่นยนต์ หรือระบบอัฉริยะเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติให้มากที่สุดครับ”
ฉันมองไปรอบตัวอีกครั้ง หญิงสาวที่กำลังวาดรูปอยู่เงยหน้าขึ้น เธอยิ้มให้ฉันกับนาธาน แล้วก็ก้มลงวาดรูปต่อ ฉันสังเกตเห็นว่าปากกาที่เธอใช้วาดรูปเป็นปากกาที่ไม่ธรรมดา กระดาษวาดรูปนั่นก็เป็นของทำเลียนแบบ มันหน้าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์แบบพับได้ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สักอย่างที่ทำมาเฉพาะสำหรับการวาดรูป
ไม่มีขยะ ไม่มีกลิ่นเหม็น มีแต่สีเขียว กลิ่นหญ้า กลิ่นดอกไม้ อากาศสะอาด รอบตัว
นาธานกับฉันอยู่ที่นั่นพักใหญ่ จากนั้นเขาก็ขับรถพาฉันกลับที่พักของไอแซค
“ขอบคุณนะที่พาฉันไปดูอะไรๆ รอบเมืองวันนี้ ฉันสนุกมาก” ฉันเอ่ยเมื่อถึงที่พัก “ไม่ต้องขึ้นไปส่งหรอก ฉันขึ้นไปเองได้”
นาธานยิ้มจนตาหยี เวลายิ้ม เจ้าหลานของหลานของฉันคนนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูดีแท้ๆ
“ได้ครับ ฝากบอกเจ้าไอซ์ด้วยว่านอนซะ อย่าทำงานดึก”
ฉันเดินขึ้นห้องอย่างเงียบๆ โชคดีที่ทางเดินเงียบสงบ ไม่มีคน พอถึงห้อง ก็กดกริ่งหน้าประตูสองครั้ง ประตูสีเข้มกลายเป็นกระจกใส มองทะลุเข้าไป คน เอ้ย หุ่นตัวสูงชะโงกหน้าออกมาจากส่วนที่เป็นห้องน้ำ ครึ่งบนเปลือย
...เอิ่ม นายแบบชุดกีฬาน่าจะชิดซ้าย
ประตูกลับเป็นสีเดิม และมันเปิดออกอัตโนมัติ เจ้าของห้องผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนฉัน เดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องรับแขก และพบว่า ที่เก้าอี้นั่งเล่น มีเสื้อผ้าที่อยู่ในห่อเกือบสิบห้าชุดวางอยู่ ทั้งกระโปรง กางเกงยีน เสื้อยืด ชุดเดรส …. เอิ่ม เจ้าหุ่นนั่นไปเหมามาหมดห้างเลยใช่ไหมเนี่ แถม มีรองเท้าที่เป็นไซส์ของฉันอีกสามคู่
“ลองดู ชอบหรือเปล่า” เสียงดังมาจากข้างหลัง ร่างสูงอาบน้ำเสร็จแล้ว ใส่บ๊อกเซอร์กึ่งเปลือยเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาขมวดคิ้วเมื่อฉันหน้าแดง
“มีอะไร”
“นายควรแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้”
“นี่มันห้องของผม” เขาตอบหน้าตาเฉย
“แต่ชั้นไม่คุ้นกับผู้ชาย …. เอิ่มเปลือย”
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ “เดี๋ยวก็คุ้น….ลองชุดไป ชอบไหม ชุดไหนไม่ชอบ จะเปลี่ยนก็ได้นะ แคตตาล็อกอยู่บนโซฟา เดี๋ยวจะได้เอาไปซักให้ อ้อ กาแฟไห ผมจะดื่มกาแฟ เดี๋ยวจะชงเผื่อ”
น้ำเสียงของคนพูดราวกับเราสนิทกันมาสามชาติ ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าเขายังทำหน้าเข้มใส่ฉันอยู่เลย … กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าเนี่ย
“ไม่เอา ดึกแล้วเดี๋ยวนอนไม่หลับ” ฉันตอบ หยิบชุดออกมาจากซองพลาสติก เอิ่ม มันสวย มากกกกก
“เครื่องต้มกาแฟสกัดคาเฟอีนออกได้ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทำให้ เอาอะไร เลเต้ไหม” เสียงถามมาจากในส่วนที่เป็นครัว
“ก็ได้”
รองเท้าใส่ได้พอดี เสื้อน่าจะใส่ได้ทุกชุด ถ้าจะหลวมก็นิดหน่อย ฉันชะโงกหน้ามองเข้าไปในส่วนที่เป็นบริเวณทำอาหาร เห็นเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับเครื่องชงกาแฟ ที่หน้าตาเหมือนในยุคที่ฉันมา แต่เดาว่า คนไฮเทคกว่าเยอะ
เมื่อเห็นว่าเขาคงวุ่นอยู่ในนั้นอีกพัก จึงตัดสินใจหยิบชุดมาดูทีละชุด จู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็พลุ่งขึ้นมาจนไม่สามารถยืนอยู่ได้
ไม่มีใครมาดูแลเอาใจใส่ฉันแบบนี้มานานแล้ว กับเอกวัตรน่ะเหรอ อย่าหวัง เขารำคาญกับการเดินช้อบปิ้งในห้าง ไม่ชอบดูหนัง หากฉันต้องการเสื้อผ้าชุดใหม่ ต้องไปซื้อเอง
...กาแฟ เป็นงานบริการที่ก็ต้องชงให้ทุกเช้า
“ฉันมาอยู่ไม่นาน นายซื้อชุดมาขนาดนี้มันไม่เยอะไปเหรอ ตั้งหลายชุด” ฉันถามหลังจากคนชงกาแฟเดินถือถ้วยกาแฟมาสองถ้ว เขามองเลยมาที่เสื้อผ้า
“ถ้าคุณกลัว เป็นห่วงเรื่องเงิน ไม่ต้องเกรงใจ ผมไม่รู้จะใช้เงินทำอะไรอยู่แล้ว” เขาตอบ ส่งถ้วยกาแฟให้ “ค่อยๆ จิบนะ มันร้อน”
ความรู้สึกบางอย่างแล่นมาจุกที่อก ฉันรีบปัดมันทิ้งไป
“ว่าไง วันนี้ไปเที่ยวกับนาธานสนุกไหม”
ฉันพยักหน้า “จริงๆ เราไม่ได้ไปไหนกันเลย นั่งคุยกันริมแม่น้ำ บรรยากาศดีนะ”
“ดีใจที่คุณชอบ ผมชอบไปที่นั่นเหมือนกัน เวลาคิดอะไรไม่ออก ไปนั่งมองแม่น้ำ”
หุ่นคิดอะไรไม่ออกด้วยเหรอ ฉันคิดในใจ
“พ่อคุณว่าไง มีอะไรหรือเปล่า หรือเรียกคุณไปดูอาการ”
ไอแซคชะงักมือที่กำลังหยิบชุดทุกตัวมาถือไว้ เขาเงยหน้าขึ้น ตาเราสบกันชั่วครู่ แล้วเขาก็เมินหน้าหลบ
“ไม่มีอะไร”
ประโยคนั้น ในความหมายของฉัน มันคือ มีเรื่องที่สำคัญมากเสียด้วย แต่คนพูดอยากปิดมันไว้
“เกี่ยวกับฉันไหม”
“....”
“ว่าไง”
คนฟังยักไหล่ “ผมเอาพวกนี้ไปใส่เครื่องซักก่อน พรุ่งนี้คุณจะได้ใส่”
นายนั่นจงใจเปลี่ยนเรื่อง มันต้องมีอะไรแน่ๆ แต่...จะให้ง้างความลับออกจากปากของไอแซคคงยาก ฉันมีวิธีอื่นที่อาจจะได้สิ่งที่ต้องการรู้ง่ายกว่านั้น รอพรุ่งนี้ก่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็นั่งลงจิบกาแฟ ราสชาติกาแฟสมัยนี้นี่มันนุ่มลิ้นจริงๆ ให้ตายเถอะ
“ผมอยากดูงานค้างหน่อย คุณอยากดูหนังไหม” เจ้าของห้องเดินไปเอามือทาบที่ผนังห้องว่างๆ ด้านหนึ่ง มันกลายเป็นจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ทันที เขาส่งสมุดเล่มเล็กๆ ที่หน้าตาเหมือนแคตตาล็อกสินค้าให้ “เปิดดูเอาว่าอยากดูเรื่องไหน กดสองครั้งเพื่อดูตัวอย่างนะ”
“กดที่ไหนคะ”
“บนกระดาษ ตรงมุมเห็นไหม ที่เป็นรูปปุ่มน่ะ”
ฉันเบิกตากว้าง
“มันเป็นสมุดอิเล็กทรอนิกส์น่ะ ทำจากวัสดุพิเศษที่เบาเท่ากับกระดาษ แต่มีคุณสมบัติเหมือนหน้าจอทัชสกรีนในสมัยของคุุณทุกอย่าง” พูดจบ เจ้าตัวก็ทำท่าว่าจะเดินกลับไปทำงาน
“...เดี๋ยว…”
เขาหยุด หันมา
“นายกินอะไรหรือยัง” เดาเอาว่าถ้าเขามีเวลาช้อปปิ้งเสื้อผ้ามาเยอะขนาดนี้ ไม่น่าจะหาเวลากินอะไรได้
“กาแฟนี่ไง”
“มันใช่อาหารเหรอไง นั่นมันเรียกว่าเครื่องดื่ม”
“ผม..ไม่หิว จะรีบทำงาน เหมือนจะเหลือนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว จะได้...เสร็จๆ ไปเสียที” เขาตอบ
ฉันวางสมุดในมือทันใด “จริงเหรอ ดีจัง แปลว่าฉันจะได้….”
“ยังครับ อย่างน้อยก็อีกสักวันสองวัน ส่วนต่อไปเจ้านาธานต้องทำต่อ...” ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่า น้ำเสียงของคนพูดดูเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้
ช่างเถอะ นายนั่นจะคิดอะไร รู้สึกอะไร เพราะสำหรับฉัน มันเป็นข่าวดี อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้ว่าจะได้กลับหรือไม่
….เอกวัตร… ในที่สุด ฉันจะได้พบคุณเสียที รออีกนิดนะ!
“ไอแซคต้องไปพบพ่อ เขาก็เลยให้ผมพาคุณไปส่งที่พัก” วางสายเสร็จนาธานก็หันมาบอก “ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงมันเครียดๆ”
เขาก็เครียดตลอดเวลา เครียดไปทุกเรื่องนั่นแหละ ฉันคิด
“ยังไม่อยากกลับเลยค่ะ กลับไปก็อยู่แต่ในห้องเงียบๆ” ฉันเอ่ย
“งั้นไปดูเมืองกันไหมครับ ผมพายายไปขับรถชมเมืองก็ได้”
ฉันหันกลับมายิ้ม “นั่นแหละที่ต้องการ”
นาธานหัวเราะ “ยายครับ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆ นะครับ โลกดูสดใสขึ้นเยอะเลย”
ฉันหุบยิ้แทบจะทันที
“จริงๆ นะครับ ผมไม่อยากให้ยายทำหน้าเครียด แค่ยายยิ้มแบบเมื่อกี้ ผมก็รู้สึกดีมากๆ เลย”
ไอแซคคิดแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า เขาถึงได้ดูวิตกกังวล หงุดหงิดง่าย เพราะฉันมัวแต่ซึมเซา คิดถึงแต่เรื่องตัวเอง หน้าตาคงจะบึ้งตึง มัวหมอง จนทำให้เขาเครียด แล้วก็วิตกไปด้วย
ชายหนุ่มร่างท้วมขับรถพาฉันไปแวะที่ร้านฟาสฟู้ด เราเลือกอาหารสองสามอย่างมานั่งกินในรถ ระหว่างที่เขาขับรถพาฉันชมเมืองไปด้วย เราคุยกันหลายเรื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของบ้านเมือง การใช้ชีวิตของคนในสมัยที่เขาอยู่
“สมัยนี้วิวัฒนาการเรื่องการทำหุ่นยนต์ไปถึงไหนกันแล้ว ฉันมองไม่เห็นหุ่นยนต์สักตัวตามร้านอาหารหรือท้องถนน เคยอ่านหนังสือพวกไซไฟ ส่วนใหญ่นักเขียนจะจินตนาการว่าอนาคตเราจะมีแต่หุ่นยนต์เดินเต็มไปหมด ทำงานทุกอย่างแทนคนด้วย”
“อ๋อ สมัยนี้ไม่นิยมทำหุ่นยนต์ให้เหมือนหุ่นยนต์ครับ เราทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเราอัจฉริยะจนมันสามารถช่วยเราได้เกือบทุกอย่าง จึงแทบจะไม่มีการสร้างหุ้นยนต์อย่างที่เคยทำในสมัยก่อนเลยครับ”
“ทำไมล่ะ”
“เมื่อร้อยปีก่อน หุ่นยนต์เป็นที่นิยมมากครับ มีการสร้างหุ่นหลายแบบ รวมถึงหุ่นที่เหมือนมนุษย์มากๆ”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ” ฉันคิดถึงคำพูดแปลกๆ ของไอแซค
“หุ่นตัวหนึ่งทำผิดกฎครับ มันฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้น เราเลยออกกฎหมายให้ไม่มีการสร้างหุ่นยนต์ที่รูปร่างเหมือนคนอีก แต่เอาศักยภาพของหุ่นต์ไปใช้ในทางอื่นๆ หรือใส่ไว้ในอุปกรณ์แทน เราไม่สามารถทำหุ่นมาแทนคนได้ครับ”
ฉันเม้มปาก มิน่าเล่า ไอแซคถึงได้ดูตกใจนักเมื่อฉันเจอเรื่องการสร้างหุ่นไอแซคขึ้นมา เขาเป็นของผิดกฎหมายนี่เอง ... ฉันรู้จุดอ่อนของนายแล้ว
“ตอนนี้เราเน้นพัฒนาทุกอย่างให้ดูเป็นธรรมชาติ และเข้ากับธรรมชาติให้ได้ครับ การสร้างหุ่นแข็งๆ ที่มีแต่โครงเหล็กพวกนั้นไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว โลกไม่ได้ต้องการอะไรที่ก้าวหน้าแต่ไม่สวยงามและไม่กลมกลืนครับ”
ฉันอมยิ้ม โลกสมัยนี้น่าอยู่จริงๆ
“เราผ่านช่วงที่เลวร้ายของการพัฒนาอุตสาหกรรม สภาพอากาศวินาศ สงครามการเมือง สงครามระหว่างประเทศ และพอท้ายที่สุด มันก็คืนกลับสู่สามัญมั้งครับ ตอนนี้วิทยาศาสตร์จึงพยายามทำทุกอย่างให้โลกคืนสู่สมดุลให้มากที่สุด ปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เราไม่อยากไปอยู่ดวงจันทร์ เราไม่อยากไปหาดาวดวงใหม่ครับ เราเลยต้องปกป้องดูแลดาวโลกให้น่าอยู่มากที่สุด”
นาธานขับรถมาหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำสายหนึ่ง มันกว้างใหญ่กว่าแม่น้ำเจ้าพระยามาก สองข้างฝั่งแม่น้ำปลูกต้นไม้ร่มรื่น และมีเก้ากี้ตั้งไว้ให้คนไปนั่งปิกนิค หรือทำกิจกรรมในครอบครัวเป็นระยะๆ เราเดินผ่านคู่รัก ที่นั่งคุยกันใต้ต้นไม้ คุณพ่อที่พาลูกวิ่งจ็อกกิ้ง หญิงสาวที่กำลังนั่งวาดรูป
“คุณรู้ไหม รอบๆ ตัวเราตอนนี้มีหุ่นยนต์เต็มไปหมด”
“คะ”
“มีกล้องวงจรปิด ที่เก็บภาพเพื่อรักษาความปลอดภ้ย มีระบบวัดอุณหภูมิของดิน และอากาศ ตลอดวันเพื่อจะรดน้ำต้นไม้อัตโนมิติยามเที่ยงคืนตามความเหมาะสมและประหยัดที่สุด ระบบเตือนถึงโรงพยาบาลหากมีคนสูงวัยล้มระหว่างออกกำลังกาย แล้วก็มีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ผมอาจไม่รู้”
ฉันมองไปรอบตัว “มองไม่เห็นอุปกรณ์อะไรเลย”
“ครับนั่นแหละหัวใจของมัน เราสร้างหุ่นยนต์ หรือระบบอัฉริยะเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติให้มากที่สุดครับ”
ฉันมองไปรอบตัวอีกครั้ง หญิงสาวที่กำลังวาดรูปอยู่เงยหน้าขึ้น เธอยิ้มให้ฉันกับนาธาน แล้วก็ก้มลงวาดรูปต่อ ฉันสังเกตเห็นว่าปากกาที่เธอใช้วาดรูปเป็นปากกาที่ไม่ธรรมดา กระดาษวาดรูปนั่นก็เป็นของทำเลียนแบบ มันหน้าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์แบบพับได้ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สักอย่างที่ทำมาเฉพาะสำหรับการวาดรูป
ไม่มีขยะ ไม่มีกลิ่นเหม็น มีแต่สีเขียว กลิ่นหญ้า กลิ่นดอกไม้ อากาศสะอาด รอบตัว
นาธานกับฉันอยู่ที่นั่นพักใหญ่ จากนั้นเขาก็ขับรถพาฉันกลับที่พักของไอแซค
“ขอบคุณนะที่พาฉันไปดูอะไรๆ รอบเมืองวันนี้ ฉันสนุกมาก” ฉันเอ่ยเมื่อถึงที่พัก “ไม่ต้องขึ้นไปส่งหรอก ฉันขึ้นไปเองได้”
นาธานยิ้มจนตาหยี เวลายิ้ม เจ้าหลานของหลานของฉันคนนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูดีแท้ๆ
“ได้ครับ ฝากบอกเจ้าไอซ์ด้วยว่านอนซะ อย่าทำงานดึก”
ฉันเดินขึ้นห้องอย่างเงียบๆ โชคดีที่ทางเดินเงียบสงบ ไม่มีคน พอถึงห้อง ก็กดกริ่งหน้าประตูสองครั้ง ประตูสีเข้มกลายเป็นกระจกใส มองทะลุเข้าไป คน เอ้ย หุ่นตัวสูงชะโงกหน้าออกมาจากส่วนที่เป็นห้องน้ำ ครึ่งบนเปลือย
...เอิ่ม นายแบบชุดกีฬาน่าจะชิดซ้าย
ประตูกลับเป็นสีเดิม และมันเปิดออกอัตโนมัติ เจ้าของห้องผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนฉัน เดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องรับแขก และพบว่า ที่เก้าอี้นั่งเล่น มีเสื้อผ้าที่อยู่ในห่อเกือบสิบห้าชุดวางอยู่ ทั้งกระโปรง กางเกงยีน เสื้อยืด ชุดเดรส …. เอิ่ม เจ้าหุ่นนั่นไปเหมามาหมดห้างเลยใช่ไหมเนี่ แถม มีรองเท้าที่เป็นไซส์ของฉันอีกสามคู่
“ลองดู ชอบหรือเปล่า” เสียงดังมาจากข้างหลัง ร่างสูงอาบน้ำเสร็จแล้ว ใส่บ๊อกเซอร์กึ่งเปลือยเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาขมวดคิ้วเมื่อฉันหน้าแดง
“มีอะไร”
“นายควรแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้”
“นี่มันห้องของผม” เขาตอบหน้าตาเฉย
“แต่ชั้นไม่คุ้นกับผู้ชาย …. เอิ่มเปลือย”
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ “เดี๋ยวก็คุ้น….ลองชุดไป ชอบไหม ชุดไหนไม่ชอบ จะเปลี่ยนก็ได้นะ แคตตาล็อกอยู่บนโซฟา เดี๋ยวจะได้เอาไปซักให้ อ้อ กาแฟไห ผมจะดื่มกาแฟ เดี๋ยวจะชงเผื่อ”
น้ำเสียงของคนพูดราวกับเราสนิทกันมาสามชาติ ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าเขายังทำหน้าเข้มใส่ฉันอยู่เลย … กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าเนี่ย
“ไม่เอา ดึกแล้วเดี๋ยวนอนไม่หลับ” ฉันตอบ หยิบชุดออกมาจากซองพลาสติก เอิ่ม มันสวย มากกกกก
“เครื่องต้มกาแฟสกัดคาเฟอีนออกได้ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทำให้ เอาอะไร เลเต้ไหม” เสียงถามมาจากในส่วนที่เป็นครัว
“ก็ได้”
รองเท้าใส่ได้พอดี เสื้อน่าจะใส่ได้ทุกชุด ถ้าจะหลวมก็นิดหน่อย ฉันชะโงกหน้ามองเข้าไปในส่วนที่เป็นบริเวณทำอาหาร เห็นเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับเครื่องชงกาแฟ ที่หน้าตาเหมือนในยุคที่ฉันมา แต่เดาว่า คนไฮเทคกว่าเยอะ
เมื่อเห็นว่าเขาคงวุ่นอยู่ในนั้นอีกพัก จึงตัดสินใจหยิบชุดมาดูทีละชุด จู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็พลุ่งขึ้นมาจนไม่สามารถยืนอยู่ได้
ไม่มีใครมาดูแลเอาใจใส่ฉันแบบนี้มานานแล้ว กับเอกวัตรน่ะเหรอ อย่าหวัง เขารำคาญกับการเดินช้อบปิ้งในห้าง ไม่ชอบดูหนัง หากฉันต้องการเสื้อผ้าชุดใหม่ ต้องไปซื้อเอง
...กาแฟ เป็นงานบริการที่ก็ต้องชงให้ทุกเช้า
“ฉันมาอยู่ไม่นาน นายซื้อชุดมาขนาดนี้มันไม่เยอะไปเหรอ ตั้งหลายชุด” ฉันถามหลังจากคนชงกาแฟเดินถือถ้วยกาแฟมาสองถ้ว เขามองเลยมาที่เสื้อผ้า
“ถ้าคุณกลัว เป็นห่วงเรื่องเงิน ไม่ต้องเกรงใจ ผมไม่รู้จะใช้เงินทำอะไรอยู่แล้ว” เขาตอบ ส่งถ้วยกาแฟให้ “ค่อยๆ จิบนะ มันร้อน”
ความรู้สึกบางอย่างแล่นมาจุกที่อก ฉันรีบปัดมันทิ้งไป
“ว่าไง วันนี้ไปเที่ยวกับนาธานสนุกไหม”
ฉันพยักหน้า “จริงๆ เราไม่ได้ไปไหนกันเลย นั่งคุยกันริมแม่น้ำ บรรยากาศดีนะ”
“ดีใจที่คุณชอบ ผมชอบไปที่นั่นเหมือนกัน เวลาคิดอะไรไม่ออก ไปนั่งมองแม่น้ำ”
หุ่นคิดอะไรไม่ออกด้วยเหรอ ฉันคิดในใจ
“พ่อคุณว่าไง มีอะไรหรือเปล่า หรือเรียกคุณไปดูอาการ”
ไอแซคชะงักมือที่กำลังหยิบชุดทุกตัวมาถือไว้ เขาเงยหน้าขึ้น ตาเราสบกันชั่วครู่ แล้วเขาก็เมินหน้าหลบ
“ไม่มีอะไร”
ประโยคนั้น ในความหมายของฉัน มันคือ มีเรื่องที่สำคัญมากเสียด้วย แต่คนพูดอยากปิดมันไว้
“เกี่ยวกับฉันไหม”
“....”
“ว่าไง”
คนฟังยักไหล่ “ผมเอาพวกนี้ไปใส่เครื่องซักก่อน พรุ่งนี้คุณจะได้ใส่”
นายนั่นจงใจเปลี่ยนเรื่อง มันต้องมีอะไรแน่ๆ แต่...จะให้ง้างความลับออกจากปากของไอแซคคงยาก ฉันมีวิธีอื่นที่อาจจะได้สิ่งที่ต้องการรู้ง่ายกว่านั้น รอพรุ่งนี้ก่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็นั่งลงจิบกาแฟ ราสชาติกาแฟสมัยนี้นี่มันนุ่มลิ้นจริงๆ ให้ตายเถอะ
“ผมอยากดูงานค้างหน่อย คุณอยากดูหนังไหม” เจ้าของห้องเดินไปเอามือทาบที่ผนังห้องว่างๆ ด้านหนึ่ง มันกลายเป็นจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ทันที เขาส่งสมุดเล่มเล็กๆ ที่หน้าตาเหมือนแคตตาล็อกสินค้าให้ “เปิดดูเอาว่าอยากดูเรื่องไหน กดสองครั้งเพื่อดูตัวอย่างนะ”
“กดที่ไหนคะ”
“บนกระดาษ ตรงมุมเห็นไหม ที่เป็นรูปปุ่มน่ะ”
ฉันเบิกตากว้าง
“มันเป็นสมุดอิเล็กทรอนิกส์น่ะ ทำจากวัสดุพิเศษที่เบาเท่ากับกระดาษ แต่มีคุณสมบัติเหมือนหน้าจอทัชสกรีนในสมัยของคุุณทุกอย่าง” พูดจบ เจ้าตัวก็ทำท่าว่าจะเดินกลับไปทำงาน
“...เดี๋ยว…”
เขาหยุด หันมา
“นายกินอะไรหรือยัง” เดาเอาว่าถ้าเขามีเวลาช้อปปิ้งเสื้อผ้ามาเยอะขนาดนี้ ไม่น่าจะหาเวลากินอะไรได้
“กาแฟนี่ไง”
“มันใช่อาหารเหรอไง นั่นมันเรียกว่าเครื่องดื่ม”
“ผม..ไม่หิว จะรีบทำงาน เหมือนจะเหลือนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว จะได้...เสร็จๆ ไปเสียที” เขาตอบ
ฉันวางสมุดในมือทันใด “จริงเหรอ ดีจัง แปลว่าฉันจะได้….”
“ยังครับ อย่างน้อยก็อีกสักวันสองวัน ส่วนต่อไปเจ้านาธานต้องทำต่อ...” ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่า น้ำเสียงของคนพูดดูเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้
ช่างเถอะ นายนั่นจะคิดอะไร รู้สึกอะไร เพราะสำหรับฉัน มันเป็นข่าวดี อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้ว่าจะได้กลับหรือไม่
….เอกวัตร… ในที่สุด ฉันจะได้พบคุณเสียที รออีกนิดนะ!
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ต.ค. 2559, 20:43:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2559, 04:14:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1924
<< 10 : เรื่องเล่า ผ่านกาลเวลา | 12 : การตัดสินใจ >> |
สิรินดา 24 ต.ค. 2559, 22:20:47 น.
revised ใหม่เกือบหมดค่ะ ส่วนที่มันไม่ค่อยเชื่อมกัน ถ้ากลับไปอ่านใหม่จะราบรื่นกว่า (^__^) ขออภัยในความไม่สะดวกค่าาาา
revised ใหม่เกือบหมดค่ะ ส่วนที่มันไม่ค่อยเชื่อมกัน ถ้ากลับไปอ่านใหม่จะราบรื่นกว่า (^__^) ขออภัยในความไม่สะดวกค่าาาา