: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่19 (33%)

กลายเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้ว ที่โต๊ะอาหารเช้าที่บ้านปรเมศวร์มักมีเพียงธนา และภรรยาทั้งสอง บรรยากาศในเช้าวันนี้ก็เหมือนทุกวัน เงียบ อึดอัด อึมครึม เพียงริสาลงมาเข้าโต๊ะอาหาร ธนาก็พับหนังสือพิมพ์ธุรกิจวางไว้ข้างๆ แล้วเงยขึ้นเพ่งสายตามองมาที่เธอด้วยสายตาคาดคั้น “เตี่ยได้ยินมาว่าซูเปอร์โคลาจ้างบริษัทประเมินมูลค่าหุ้นพีอาร์เอ็มของเราเพื่อเตรียมทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์[1] ลื้อรู้เรื่องนี้บ้างไหม”

“หยงได้ยินมาเหมือนกันค่ะ เมื่อวานหุ้นพีอาร์เอ็มปิดตลาดที่ราคา ๑๕.๘๐ บาทค่ะ คาดว่าซูเปอร์โคลาจะรับซื้อที่ ๒๙ บาท โดยต้องการประมาณเจ็ดสิบล้านหุ้นคิดเป็น ๒๖% ถ้าเทนเดอร์ครั้งนี้สำเร็จ จะทำให้ซูเปอร์โคลาไทยแลนด์ถือหุ้นรวมเกือบห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับที่ทางสเปนถือหุ้นอยู่อีกสิบหกเปอร์เซ็นต์ เราถูกยึดบริษัทแน่ค่ะ ทางโน้นสามารถโหวตปลดพวกเราออกแล้วตั้งคณะกรรมการบริหารได้เองตามใจชอบ เพราะเป็นเสียงข้างมาก”

“ซูเปอร์โคลาพยายามจะเข้าครอบครองกิจการอย่างไม่เป็นมิตร (Hostile Takeover) งั้นเหรอ ปกติมีแต่เมืองนอกเขาทำกัน เตี่ยไม่เคยได้ยินว่าเคยมีใครทำแบบนี้ในเมืองไทยเลยนะ สาวัชรู้เรื่องนี้หรือยัง อีว่ายังไงบ้าง”

ริสาเม้มปากแน่นด้วยความหงุดหงิดที่ได้ยินชื่อน้องชายต่างมารดา แถมบิดายังห่วงใยอยากรู้อีกว่าคนไร้น้ำยานั่นคิดอ่านกับเรื่องนี้อย่างไร น่าโมโหนัก!

“หยงคิดว่าสาวัชยังไม่น่าจะรู้เรื่องนี้นะคะ เพราะมันเป็นข่าวที่ค่อนข้างลับ มีแต่คนวงในจริงๆถึงจะทราบ”

“ลื้อเรียกประชุมบอร์ดบริหารด่วนบ่ายนี้เลย อ้อ...แล้วสาวัชไปไหน ควรเรียกอีมารับรู้ด้วยกันนะ” ธนาหันรีหันขวาง ตะโกนสั่งเด็กรับใช้ให้ไปเรียกบุตรชายคนเล็กมาพบ

สาวใช้หายไปพักใหญ่จึงกลับมารายงาน “คุณสาวัชไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืนนี้ค่ะ”

“โทร.หาตี๋ลื้อหน่อยสิอาหยง” ธนาสั่งสีหน้าหงุดหงิดยิ่งขึ้น

ริสาเหลือบดูปฏิกิริยาของมารดาแล้วเม้มปาก ก้มหน้าซ่อนความไม่พอใจ เธออยากถามพ่อนักว่าทำไมไม่ให้ตามตัวน้องชายคนรองบ้าง พ่อมีลูกชายสองคน ทว่าท่านกลับสนใจแต่สาวัช! กระนั้นเพราะไม่อาจเรียกร้องคำอธิบายใด หญิงสาวจึงจำต้องเรียกไปยังเลขหมายของสาวัช รอจนอีกฝ่ายรับสายแล้ว จึงส่งโทรศัพท์ให้บิดา

ธนาไม่อารัมภบท แต่ตรงเข้าเรื่องทันทีด้วยการออกคำสั่งเช่นเคย “เตี่ยเรียกประชุมผู้บริหารบ่ายนี้นะสาวัช ลื้อต้องเข้าประชุมด้วย เข้าใจไหม!”








“เดี๋ยวๆๆ คุณจะไปไหน” อิงอรุณโวยเสียงหลง เมื่อสาวัชกลับมาจากการรับโทรศัพท์นอกห้องแล้วเดินดุ่มไปหยิบเสื้อสูทซึ่งพาดอยู่บนโซฟาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ทำงานสิ ผมมีประชุม”

“ไปด้วย” อิงอรุณสลัดผ้าห่มออกทันที

สาวัชปรายตากวาดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าขึ้นลง จงใจให้เห็นว่าหมิ่นแคลน “เอาตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยคิดไปทำงานดีกว่าไหม”

“อิงโอเคแล้วนะคะ” เธอยกหลังมืออังหน้าผากตัวเอง “ไข้ก็ไม่มีแล้ว ส่วนแผลที่ขา วันนี้อิงจะสวมรองเท้าไม่มีส้น รับรองว่าแผลไม่อักเสบเพิ่มหรอก”

“ตั้งแต่รู้จักคุณ ผมมาโรงพยาบาลบ่อยกว่าที่เคยมาตลอดชีวิตซะอีก” สาวัชกระแทกเสียง “เพราะฉะนั้น อย่าให้มีครั้งหน้าอีกเลย คุณอยากไปไหนก็โทร.เรียกคนที่บ้านมารับละกัน เราสองคนน่ะ ไม่ต้องเจอกันอีกเลยคงดีที่สุด”

“คุณทำตัวร้ายกาจแบบนี้ได้ยังไงคะ ที่อิงบาดเจ็บเนี่ย ก็เพราะคุณนะ”

“ผม?” สาวัชหันขวับมามองเธอดุจไม่เชื่อหูตัวเอง “สมองกระทบกระเทือนหรือไง พูดจาไม่คิด”

“เพราะคุณจริงๆนะคะ จำไม่ได้เหรอคะ ตอนนั้นน่ะอิงเรียกคุณ แล้วคุณก็หันมาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง อิงเลยวิ่งไปสบทบ ก็เลยไม่ทันระวังตัว ถ้าคุณไม่หันมาทำท่าแบบนั้น อิงก็คงจะมองซ้ายขวาดีๆ ไม่โดนกระชากกระเป๋าลากไปเป็นเมตรอย่างนั้นหรอก”

“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจนะ ก็เอาเถอะ เชิญตามสบายเลย” เขาสวมเสื้อสูทไม่หันมามองเธอแม้ปลายตา

“แล้วคุณสาวัชจะกลับยังไงเหรอคะ” อิงอรุณเสียงอ่อย รู้ตัวว่าใช้วิธีดื้องอแงตาใสไม่สำเร็จแน่

“ผมเอารถตัวเองมาก็ต้องขับรถตัวเองกลับสิ”

“งั้นอิงรบกวนคุณสาวัชไปส่งอิงที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ” อิงอรุณสังเกตเหมือนกันว่าถึงสาวัชจะพูดจาห้วนๆเถรตรงเหมือนเดิม แต่ความยาวของแต่ละประโยค ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

“ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น มันไม่ใช่ธุระของผม”

“ก็รถอิงยังอยู่ที่ห้างนี่คะ แล้วถึงจะให้คนขับรถมารับ แต่มันสูงปีนขึ้นลำบากนะคะ อิงจะขึ้นรถยังไง จะให้เขาอุ้มอิงขึ้นรถเหรอ”

ชายหนุ่มชะงัก คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เพียงครู่เดียวเขาก็มากดปุ่มตรงหัวเตียง แจ้งพยาบาลว่า “คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ช่วยแจ้งฝ่ายธุรการทำเรื่องค่าใช้จ่ายให้ด้วย” จากนั้นเขาจึงหันมาสั่งเธอด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “คุณเตรียมตัวละกัน ผมจะไปเช็กเอาต์ เดี๋ยวมา!”

อิงอรุณมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่ลับจากประตูห้องไปด้วยความงุนงง เมื่อสองนาทีที่แล้วเธอยังนึกว่าเขาจะโบ้ยว่าต่อให้ต้องใช้รถเครนมายกเธอขึ้นรถ มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่จู่ๆสาวัชกลับเปลี่ยนใจยอมทำตามคำขอร้องของเธอง่ายๆ แปลกชะมัด!

หญิงสาวลงจากเตียงหยิบเสื้อผ้าในตู้ไปผลัดกลับมาอยู่ในชุดราตรีสีเหลืองทองดังเดิม ใบหน้าปราศจากรอยเครื่องสำอาง อิงอรุณจัดการธุระส่วนตัวแล้วจึงมานั่งตรงขอบเตียง หยิบโทรศัพท์ประจำห้องมากดเรียกไปยังเลขหมายของผู้ช่วยกามเทพคนสนิท สั่งการให้กัญญาไปรับกระเป๋าจากผู้จัดงานเดินแบบและขับรถของเธอกลับไปที่สำนักงานแทน

จากนั้นอิงอรุณจึงติดต่อหาทีมงานคนที่เก็บกระเป๋าเธอไว้ แจ้งรายละเอียดของกัญญาให้ชัดเจน เพื่อให้อีกฝ่ายฝากของมีค่าสำคัญไปกับคนของเธอ การฝากเรื่องจบลงด้วยดี จนกระทั่งเธออดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้...

“ผลตอบรับการจัดงานเป็นยังไงบ้างคะ”

“ไร้ที่ติเลยค่ะ คุณอิงเฉิดฉายดีงามที่สุดบนเวทีเลย ส่วนผลตอบรับก็ดีมาก ลูกค้าแย่งกันจองนาฬิกาเรือนเด่นๆจนรับออเดอร์แทบไม่ทันแน่ะ อ้อ...เกือบลืม...” อีกฝ่ายอึกอักกระมิดกระเมี้ยน “นาฬิกาอเมริโก เวสปุคชี ยังอยู่กับคุณอิงใช่ไหมคะ”

อิงอรุณสะดุ้งหันไปรื้อลิ้นชักหัวเตียงด้วยความตกใจ ก่อนจะถอนใจโล่งอกเมื่อพบว่านาฬิกาเรือนละหนึ่งล้านสามแสนบาทปลอดภัยดี “ยังอยู่ค่ะ เดี๋ยววันนี้จะนำไปคืนให้นะคะ”

พลันรอยถลอกที่สายหนังด้านข้างเลยไปจนถึงขอบตัวเรือนก็ทำให้เธออ้าปากค้าง จะทำไม่รู้ไม่ชี้ส่งคืนก็น่าจะได้ แต่การทำตัวเป็นคนไม่รับผิดชอบอย่างนั้นก็ไม่ใช่นิสัยเธอ อิงอรุณจึงสารภาพเสียงอ่อย “ตรงขอบมันเป็นรอยนิดหน่อยน่ะค่ะ เข้าใจว่าคงครูดกับพื้นตอนที่...เอ่อ...เกิดเรื่อง”

ปลายสายงันไป ก่อนถามด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “คุณอิงก็เลยจะรับผิดชอบด้วยการซื้อไว้เองใช่ไหมคะ”

อิงอรุณสะดุ้ง เดี๋ยวนะ! คือปกติเงินจำนวนนี้เนี่ย เซ็นเครดิตการ์ดกริ๊กเดียวก็จบ แต่ตอนนี้แม่อายัดบัตรของเธอไปแล้ว ขนาดใช้เงินแค่หลักแสนมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน เธอยังแทบแย่ แล้วนี่จะให้เอาเงินล้านสามมาจ่ายค่านาฬิกาเนี่ยนะ ตายแน่! เธอจะไปหาจากไหน...

“อิงไม่ได้จะซื้อนะคะ” เธอรีบละล่ำละลัก สมองหมุนจี๋หาทางออกที่เจ็บตัวน้อยที่สุด “เมื่อคืนไม่มีคนสนใจยูลิสนาร์แดงเรือนนี้เลยเหรอคะ”

“ก็มีคนถามถึงอยู่บ้างค่ะ แต่มันเป็นรอยอย่างนี้...” ฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายอึดอัดใจไม่แพ้กัน

“คุณติดต่อลูกค้าพวกนั้นอีกที แล้วให้เขาดูนาฬิกาก่อนสิคะ เขาอาจจะยอมรับได้ก็ได้” เธอเสนอทางออก

“เอาอย่างนี้นะคะ เดี๋ยวทีมงานจะแจ้งลูกค้าตามที่คุณอิงแนะนำดูก่อน แต่ขอยังไม่รับรองผลนะคะ เบื้องต้นต้องขอโทษคุณอิงด้วย แต่ถ้าเป็นไปได้รบกวนคุณอิงอรุณลองสอบถามเพื่อนๆหรือคนรู้จักดูหน่อยนะคะ เผื่อมีคนสนใจนาฬิกาเรือนนั้น ทางเราจะได้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น”

“จะยุ่งยากอะไรขนาดนั้นคะ ยูลิสนาร์แดงอเมริโก เวสปุคชี เรือนนั้นเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันนะ ถึงเป็นรอยนิดหน่อยก็ต้องมีคนอยากได้อยู่ดีแหละ” หญิงสาวใช้เสียงแข็งๆไม่พอใจตามสไลต์ ‘คุณหนูอิงอรุณ’ เข้าข่ม หวังว่ามันจะกลบความกังวลของเธอได้บ้าง เธอต้องทำตัวให้ดูสบายๆเป็นปกติที่สุด คนนอกไม่ควรมารับรู้ปัญหาส่วนตัวของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่อง...เงิน!

ภาพลักษณ์เริ่ดๆเนี้ยบๆของเธอคงพังภินท์ไม่เป็นท่า ที่แย่คือมันไม่ได้ทำให้ใครเห็นใจ มีแต่คนจะสมน้ำหน้ามากกว่า หลายครั้งที่เธออดนึกแปลกใจไม่ได้เมื่อรู้ว่ามนุษย์เราช่างมีหน้ากากมากมายจริงๆ คนที่ยิ้มแย้มชื่นชมทำตัวเป็นเพื่อนแสนดี อาจเป็นคนเดียวกับที่ปักมีดลงตรงกลางหลังเธอเป็นคนแรกยามเธอพลาดพลั้งหรือล้มลง!

“พร้อมหรือยัง” เสียงชายหนุ่มเรียกให้เธอได้สติ ครั้นหันไปทางต้นเสียงจึงเห็นว่าสาวัชเพิ่งก้าวมายืนตรงปลายเตียง

หญิงสาวนึกตำหนิตัวเองที่ใจลอยจนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงเขาเปิดประตู ไม่รู้ว่าชายหนุ่มมายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน และเขาฟังอะไรไปบ้าง หวังว่าคงไม่ได้ยินเรื่องที่เธอพูดทางโทรศัพท์หรอกนะ แค่คิดว่าอาจต้องเห็นสีหน้าเวทนาหรือรู้ทันจากผู้ชายตรงหน้า อิงอรุณก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้แล้ว

“ผมถามว่าพร้อมหรือยัง” เธอคิดไปเองหรือเปล่านะว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุ แต่เหมือนจะเสียงอ่อนกว่าปกติ

“พร้อมแล้วค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนปั้นหน้ากระฉับกระเฉง

“จะเดินไปเองหรือจะให้เรียกรถเข็น” แหม...เขาถามดีๆอย่าง ‘เดินไหวไหม เรียกรถเข็นดีไหม’ ไม่เป็นหรือไง ความหมายเหมือนกัน แต่ความเย็นชาต่างกันลิบลับ

“ไหวค่ะ เดินตามปกติได้เลยด้วย แต่คงต้องสวมรองเท้าของโรงพยาบาลไป” เธอปั้นยิ้ม ก้มลงชี้รองเท้าแตะของโรงพยาบาล “คุณสาวัชจะกล้าเดินกับอิงไหมคะ”

เขาไม่ตอบ แต่ก้าวดุ่มๆไปยังประตู เปิดค้างไว้รอเธอโดยไม่เอ่ยอะไร

อิงอรุณหิ้วแคชชูส์แล้วรีบโหย่งเท้าเดินกระเผลกเร็วๆออกจากห้อง พลันก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสาวัชติดจะหน้าบึ้งนิดๆ นี่เธอเดินช้าเกินไปทำให้เขาหงุดหงิดแหงเลย

เมื่อชายหนุ่มงับประตูแล้วนำหน้า เธอจึงรีบสาวเท้าตามไปติดๆ ทว่าจู่ๆสาวัชกลับหยุดชะงัก หันมาตะคอกเธอด้วยน้ำเสียงเข้มจัด “เดินช้าๆ!”

“เกรงใจว่าคุณต้องคอยค่ะ ไม่เป็นไรหรอก อิงเดินไหว” หญิงสาวยิ้มกว้าง อธิบายอย่างแจ่มใส

อีกฝ่ายชะงัก ทำสีหน้าประหลาดอย่างที่เธออ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร

“ผมไม่ได้รีบ” เขาตัดบทแค่นั้น และหมุนตัวเดินนำอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ด้วยความเร็วที่ลดลงจนเห็นได้ชัด

อิงอรุณมองแผ่นหลังกว้างที่กางกั้นอยู่ตรงหน้าแล้วแอบซ่อนยิ้ม ไม่เข้าใจหรอกว่ายิ้มทำไม แค่รู้สึกว่ามีเรื่องราวดีๆอยู่รอบตัวมากมาย เพียงแค่เธอต้องเปิดตาเปิดใจให้กว้างเพื่อจะได้เห็นมันก็เท่านั้นเอง!







[1] เทนเดอร์ออฟเฟอร์ (Tender Offer) คือวิธีการที่บริษัท กลุ่มทุน หรือบุคคล ทำหนังสือยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อย โดยระบุจำนวนหุ้นที่ต้องการและราคาเข้าซื้อ นักลงทุนที่ถือครองหลักทรัพย์มีสิทธิ์เลือกว่าจะขายหรือไม่ขายหุ้นก็ได้ โดยต้องทำหนังสือตอบรับภายในเวลาที่กำหนด ผู้เสนอซื้อหุ้นสามารถยกเลิกการทำเทนเดอร์ได้ หากจำนวนหุ้นไม่ครบตามต้องการ





: + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : +


@Kim : ถึงพี่พระเอกจะไปแอบตามดูนางเอกจริง
จ้างเขาก็ไม่ยอมรับหรอกค่ะ
ปากแข็งออกขนาดนั้นอ่ะ 5555



@Zephyr : ข้ามขั้นเร็วจุงงงง
ให้เขาจีบๆซึนๆกันไปก่อนค่า
อย่าเพิ่งรีบให้พี่ดอกฯแกไปอยู่ในโอวาทเมียเร็วขนาดน้าน
สองคนนี้กว่าจะลงเอยกันได้ ยังต้องผ่านอุปสรรค
ละลายพฤติกรรมกันอีกพอดูเลยแหละค่ะ ฮี่ๆๆๆ




@konhin : ลึกๆพี่ดอกฯ คงอยากเอาคืนแบบนี้อยู่ละ
ทำเป็นปากแข็งไปงั้นเองแหละค่ะ 555



@พอใจ : หวานพอยังค้าาาาา พอใจยังค้าาาา
ถ้ายังไม่พอ เดี๋ยวจัดมาให้อีกนะ อิอิ



@sumit77 : นิยายรักนี่เนอะ ก็ต้องมีโหมดหวานๆ
มาลันดูแก มาแลดูกันแบบนี้บ้าง
ถึงคนนึงจะปากแข็ง อีกคนจะช่างแหย่
แต่พออยู่ด้วยกัน ทำไมน่ารัก ทำให้เรายิ้มได้ก็ไม่รู้เนอะ



@wane : หวานจนกลบกลิ่นยาฆ่าเชื้อเลยยยย อิอิ
นี่เบาะๆค่ะ บอกเลย
ตอนพี่ดอกเตอร์หวาน รับรองว่ายิ้มกว้างกว่านี้
นวดแก้มกันเมื่อยมือแน่ๆๆๆ

หวานแบบพี่ดอกเนี่ย ไม่เลี่ยนนะเคอะ บอกเลย
ซึมลึกตามสไตล์พี่เขาเล้ยยยยย



@นักอ่านเหนียวหนึบ : หวานสลับฉากค่ะ
เดี๋ยวจะมีเรื่องสลับกันให้อึนบ้าง ดราม่าบ้าง
อยากเขวี้ยงขวดใส่หัวสิริณบ้าง กร๊ากกกกก




วันหยุดที่ผ่านมาไปเที่ยวไหนกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย
สิริณไปวิ่งสมาธิที่พุทธมณฑลระยะทาง 3 กิโลมาค่ะ
พากันไปทั้งคุณแม่และน้องๆเลย
เป็นกิจกรรมครอบครัวที่สนุกมาก
อย่าลืมหากิจกรรมทำกับคนที่บ้านด้วยน้า
เสริมสร้างสายใยรักกันค่า อิอิ



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2559, 18:14:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2559, 18:14:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1233





<< ตอนที่ 18 (100%)   ตอนที่ 19 (66%) >>
sumitt777 23 พ.ค. 2559, 21:30:09 น.
รอความหวาน ค่า เตรียมหมอนไว้จิก ด้วยม๊ายยย^^


Kim 23 พ.ค. 2559, 22:16:25 น.
แล้วอิงจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่านาฬิกาล่ะนี่ พี่ด๊อกจะช่วยไหม?


พอใจ 23 พ.ค. 2559, 22:33:04 น.
โถๆๆ ตอนแรกเล่นตัว ไม่อยากจะพาอิงกลับด้วย แต่พออิงบอกถ้าขึ้นรถตัวเองสูงๆ ต้องให้คนอื่นอุ้มล่ะ รีบตามใจพาออกจากโรงบาล เช็กเอาต์ทันทีเลยนะคะคุณดร.ขราาาา คิคิ


konhin 23 พ.ค. 2559, 23:01:22 น.
แอบสงสัยว่าอิงจะรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าไม่ได้รักเทพ ดูดิ ขนาดเจ็บเข้าโรงบาลยังไม่โทรหาแต่ให้ผู้ชายอื่นนอนเฝ้าเนี่ย


นักอ่านเหนียวหนึบ 23 พ.ค. 2559, 23:41:13 น.
ทำไม๊ ทำไม รู้สึกฟินจิกหมอนขนาดเน้ คิคิคิ ไม่ได้หวานฉูดฉาด แต่หวานแบบ อืม ก็ดีอ้ะ กรี้ดดดด


Zephyr 25 พ.ค. 2559, 01:40:16 น.
ทำไมเค้ารำคาญเตี่ยธนามาก เห็นใจภรรยาแรกบ้าง ไม่ใช่รักแต่เมียน้อย เฮ้อออออออแ
รำคาญยัยอิงด้วย จะเอาแต่ใจตัวไปไหน
ทำของคนอื่นเป็นรอยถึงจะไม่ใช่โดยตรง แต่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็ควรต้องยอมรับไหม ตังค์ไม่มี ไปตะคอกคนอื่นแบบนั้นทำไม นาง นิสัยไม่ดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account