: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 21 (50%)

แสงแดดจัดจ้าในเช้าวันที่อากาศสดชื่นทำให้สาวัชอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก การถูก ‘คุณนายใหญ่’ เรียกพบก่อนไปทำงาน ซึ่งเคยเป็นอาวุธเด็ดของคนตึกใหญ่ที่สามารถฆ่าความรู้สึกทำให้เขาจิตตกได้เป็นสัปดาห์ มาวันนี้ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ผ่องใสของเขาให้เจือจางลงเลย

เขาก้าวเข้าไปในห้องรับแขกซึ่งเจ้าบ้านฝ่ายหญิงนั่งเป็นประธานเด่นสง่าอยู่ที่โซฟา หันหน้ามาทางประตูราวกับจดจ่อรอคอยการมาถึงของเขา สาวชทำความเคารพภรรยาตามกฎหมายของบิดา

“เห็นว่าเตี่ยถือหางอยู่เหรอ นึกจะไปทำงานกี่โมงก็ได้” วาจาของพุ่งตรงไปยังจุดอ่อนของคู่สนทนาเสมอ

“ขอโทษครับคุณนายใหญ่ บริษัทเข้างานแปดโมงครึ่ง ผมเห็นว่าออกจากบ้านตอนนี้ ยังไงก็ไปถึงสำนักงานทันเวลาเข้างานอยู่แล้วครับ”

“ดีนี่ ให้พ่อให้พี่ไปทำงานเช้าๆ ตัวเองไปสายตะวันโด่ง หรือถือว่าเป็นว่าที่ผู้บริหารคนต่อไปจะทำอะไรก็ได้”

“ผมคิดว่าคุณนายใหญ่น่าจะพอใจมากกว่าที่ผมไม่ไปทำงานพร้อมเตี่ย คุณหยง และคุณฮก จะได้ไม่ต้องเข้าบริษัทพร้อมกันให้เอิกเกริก คุณนายใหญ่ก็ทราบว่าผมเจียมตัวว่าที่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะบุญคุณของคุณนายใหญ่และสกุลปรเมศวร์ ไม่เคยคิดโอ้อวดตัวเองหรือพยายามตีเสมอเลยสักนิด” เขาอธิบายอย่างที่ทำมาแล้วนับร้อยนับพันครั้ง

“จะให้ฉันเชื่อเหรอ ถ้าไม่อยากตีเสมอ งั้นก็โอนหุ้นที่เฮียยกให้เธอคืนมาให้ฉันสิ”

“ถ้าผมทำแบบนั้น คุณนายใหญ่จะสบายใจขึ้นไหมครับ แล้วคุณนายใหญ่จะเลิกกระแนะกระแหน เลิกพูดจาดูถูกแม่ผมด้วยหรือเปล่า”

“ฉันไม่เคยกระแนะกระแหนแม่ของเธอนะสาวัช ฉันแค่พูดความจริง”

“นั่นแหละครับ จะความจริงหรือเท็จก็ตาม คุณนายใหญ่จะเลิกใช้คำพูดพวกนั้นกับแม่ผมได้หรือเปล่า”

“นี่ฉันกำลังออกคำสั่งนะ ไม่ใช่ให้เธอมาต่อรอง” ดารณีเสียงเขียว

สาวัชกลอกตาไปมาด้วยความเหนื่อยใจ จะมีอีกกี่คน อีกกี่คำสั่งที่เขาต้องปฏิบัติตาม แล้วตลอดทั้งชีวิตนี้เขาจะมีวันหนีพ้นวัฏจักรอันน่าสมเพชนี้หรือเปล่า...

“ผมพร้อมเสมอ คุณนายใหญ่ให้ทนายจัดการเรื่องเอกสารโอนหุ้นมาได้เลย ผมไปได้หรือยังครับ” เขาตอบตกลงอย่างไม่ไยดี สำหรับสาวัชแล้ว ความสุขของเขาไม่ใช่ตัวเลขในบัญชี หรือรายการทรัพย์สินที่ครอบครอง

“ฉันเชื่อคำพูดของเธอได้ใช่ไหม”

“เพื่อความสบายใจของคุณนายใหญ่ นอกจากโอนหุ้นให้แล้ว ผมจะออกจากบ้านหลังนี้ด้วย ดีไหมครับ”

ดารณีมีสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง ก่อนแปรเป็นยิ้มหยันในวินาทีถัดมา “เธอฉลาดเสมอนะสาวัช หลายครั้งจริงๆที่ฉันนึกอยากให้ลูกๆของตัวเองฉลาดได้สักครึ่งนึงของเธอ เธอจะเปิดประเด็นให้เฮียมาเพ้ยฉันล่ะสิ หาว่าบีบให้เธอออกจากบ้าน เฮียจะได้เอาสมบัติไปทูนหัวให้แม่เธอเป็นการปลอบใจ เดินเกมฉลาดทุกตาเชียวนะ”

แม้เป็นวันอารมณ์ดีแห่งชาติ แต่ทุกอย่างย่อมมีขีดสุดของความอดทน สาวัชถอนใจด้วยความรำคาญ “แล้วคุณนายใหญ่อยากให้ผมทำยังไงถึงจะพอใจครับ อยู่บ้านก็รกหูรกตา จะย้ายออกไปก็เป็นแผนเรียกร้องความสนใจอีก” เขาหรี่ตา ส่ายหน้าระอา “เรียนตามตรงว่าผมเอาใจไม่ถูก”

ดารณีมองเขานิ่งๆ ดวงตากร้าวราแสงลงทีละนิด ไหล่ที่ตั้งตรงค่อยลู่ลงทีละน้อย เมื่อนางเอ่ยประโยคถัดไป “เธอไม่ต้องมาเอาใจฉันหรอกสาวัช” ดารณีหัวเราะเบาๆดุจหยันตนเอง “คิดเหรอว่าฉันไม่รู้ว่าเธอพยายามชดใช้ให้ฉันกับลูก ฉันแค่จะบอกเธอว่าอย่าทำอีกเลย ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะสิ่งที่แม่เธอทำไว้ มันหนักหนากว่านั้นเยอะ ใช้กันถึงชาติหน้าก็ยังไม่พอ!”

นางเอนกายพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง แล้วโบกมือ “ออกไปซะ จะไปทำงานไม่ใช่เหรอ”

ชายหนุ่มยืนนิ่งมองสตรีผู้ถูกรินรดด้วยความพ่ายแพ้ตลอดทั้งชีวิตสมรสด้วยสายตาเห็นใจ เขาเลื่อนสายตาไปหยุดที่ชุดน้ำชาบนโต๊ะรับแขก สาวัชเห็นกาน้ำร้อนต้มวางอยู่ จึงย่อตัวรินน้ำชาจากเหยือกพักชาใส่แก้วบางใสใบจิ๋ว ดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อสูทมาวางเคียงข้าง แล้วหมุนตัวออกจากห้องไปเงียบๆเพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติ

ดารณีคอยจนได้ยินเสียงงับประตูเข้าด้วยกัน แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลันที่หางตาเห็นน้ำชาร้อนซึ่งรินรอไว้ค่อนแก้วถูกต้องตรงตามธรรมเนียม อารมณ์ต่างๆก็ประดังเข้ามาในใจ สตรีอาวุโสถลันลุกขึ้นยืน คว้าชุดน้ำชาทั้งถาดขว้างอัดประตูเสียงดังเปรื่องระบายความเจ็บแค้นในใจ ตามด้วยการคว้าหมอนและข้าวของใกล้มือเขวี้ยงตามไปเป็นระวิง จนเหนื่อยจึงหยุดยืนหอบหายใจหนักหน่วง

นางหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สาวัชวางไว้ให้บนโต๊ะโยนลงพื้นเป็นลำดับสุดท้าย แล้วใช้เท้าบรรจงขยี้จนมันยับเยิน จากนั้นทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ร้องไห้โฮอย่างหมดท่า ไร้สง่าคุณนายหมายเลขหนึ่งแห่งสกุลปรเมศวร์โดยสิ้นเชิง!






ปัญหานั้นเป็นของแปลก ยิ่งขบคิดแล้วหาทางออกไม่ได้ก็ยิ่งเครียดยิ่งวนเวียนอยู่ในสมอง แต่เมื่อไรที่ปล่อยวางได้ ก็จะพบว่ามันไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป สาวัชขับรถออกจากบ้านด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งใจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับจากอเมริกา ทว่าเขาไม่กล้าหาคำตอบว่าเหตุผลเป็นเพราะเพิ่งตัดสินใจยกหุ้นคืนให้ดารณี หรือเพราะอะไรกันแน่ ชายหนุ่มรู้แค่ว่าโลกของเขาไม่เป็นสีเหงาๆเช่นที่ผ่านมา เขาไม่รู้หรอกว่ามันเปลี่ยนเป็นสีอะไร แต่อย่างน้อยมันดีกว่าโลกสีเก่าๆที่เขาเคยอาศัยอยู่มาตลอดหลายสิบปี

ครั้นมาถึงคฤหาสน์เทียมสุบรรณ เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นภาพหญิงสาวสวมเดรสลูกไม้ฉลุสีขาวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย คาดทับด้วยเข็มขัดเส้นโตสีน้ำตาลยืนอยู่หน้ามุก ชายหนุ่มเขม้นตามองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามิได้ตาฝาด กระเป๋าแอร์เมสสีชมพูอ่อนและรองเท้าผ้าใบสีเดียวกันทำให้เขายิ่งประหลาดใจจนต้องจอดรถแล้วมุ่งหน้าเข้าไปหาสตรีที่กำลังทำหน้ากระเง้ากระงอดผิดกับสีชุดหวานฉ่ำ

“อิงโทร.หาเป็นสิบรอบแล้ว คุณไม่รับสายอิงเลย อิงกระวนกระวายนะเนี่ย ไม่รู้ว่าคุณจะลืมแวะมารับอิงก่อนไปทำงานหรือเปล่า”

“ผมขับรถอยู่”

“แหม...ก็รับสักครั้ง แล้วบอกว่ากำลังขับรถสักหน่อย ไม่ได้เลยหรือไงคะ”

สาวัชไม่ตอบ คนมองก็ยิ่งฮึดฮัด

“รู้ละ!” จู่ๆหญิงสาวก็โพล่งลอยๆ หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าถือออกมากดยุกยิกอยู่ชั่วขณะ ไม่กี่วินาทีถัดมาก็ทำหน้าบู้ “โธ่...คุณสาวัชไม่ได้ใช้ไลน์ หรือคะ”

“ไลน์” เขาทวนคำเสียงต่ำ “ผมไม่ใช้ของพวกนั้นหรอก ไร้สาระ เสียเวลา”

อิงอรุณเบ้หน้า นึกเขม่นในใจ ย่ะ พ่อคนสาระเยอะ เชอะ!

ครั้นนึกได้จึงปั้นยิ้มอ่อนหวาน “อุ๊ย อิงก็มัวแต่ชวนคุย ลืมถามเลยว่าคุณสาวัชทานอาหารเช้ามาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้ว” เขากวาดตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ฉีดยาเมื่อวานทำให้ไข้ขึ้นหรือไง วันนี้คุณแต่งตัวแปลกๆนะ”

“หมอห้ามใส่ส้นสูง อิงก็เลยสวมรองเท้าผ้าใบแทนไงคะ”

“รองเท้าผ้าใบเสริมส้นน่ะสิ” เขาแย้งรู้ทัน

“รู้ได้ไงคะเนี่ย”

“คุณสูงเท่าปกติ”

อิงอรุณยิ้มแหย เหมือนเด็กถูกจับได้ว่ากินขนมในห้องเรียน เธอเสจับผมทัดหูแก้เก้อ

เขาเผลอมองตามกิริยานั้นโดยไม่ตั้งใจ ครั้นเห็นหญิงสาวกำลังมองมาก็รู้สึกเก้อๆ จึงรีบเปรยสิ่งแรกที่นึกออก “คุณเหมาะกับโฆรุ่มมากกว่าพาเนราย หน้าปัดแพมโฟร์ตี้ไนน์ใหญ่เกินข้อมือคุณ สวมแล้วเทอะทะ”

“คะ?” หญิงสาวเลิกคิ้ว ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาหน้าปัดใหญ่สายหนังสีชมพู “มีนาฬิกายี่ห้อไหนที่คุณสาวัชไม่รู้จักบ้างไหมคะเนี่ย เห็นปุ๊บดูออกทันทีเลยว่าอิงสวมแพมโฟร์ตี้ไนน์ น่าทึ่งจริงๆ”

“เสียดายที่รุ่นนี้เลิกผลิตไปแล้ว”

“งั้นอิงขายต่อให้คุณเอาไหมคะ ท่าจะโก่งราคาได้เยอะดี” น้ำเสียงนั้นปนแววจริงจัง แถมสายตาก็ดูคล้ายกำลังคอยฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ

จู่ๆสาวัชก็นึกถึงบทสนทนาที่เขาลอบได้ยินอิงอรุณพูดทางโทรศัพท์วันที่ออกจากโรงพยาบาล เมื่อรวมกับเอกสารที่คิวปิดฯยื่นขอสินเชื่อกับณัฐภัทรคอร์ปฯ ดูเหมือนจะสรุปได้เพียงประการเดียวว่าสถานการณ์ทางการเงินส่วนตัวของอิงอรุณคงไม่ค่อยดีนัก เจ้าหล่อนจึงคิดเอาสมบัติส่วนตัวมาเร่ขายเช่นนี้

“ไปขายคนอื่นเถอะ เรียกเท่าไหร่ก็มีคนซื้อ เพราะมันหายาก” สาวัชย้ำกับตัวเองว่าอย่าเก็บเรื่องของผู้หญิงคนนี้มาใส่ใจให้มากนัก

หญิงสาวยู่หน้า “ถ้าอิงประกาศขายสองเท่าของราคาที่ซื้อมา คุณสาวัชว่าจะมีคนยอมจ่ายไหมคะ”

“ถ้ามีคนอยากได้มากๆ เขาอาจจะยอมทุ่มก็ได้”

“ถ้าได้จริงก็คงดีเนอะ จะว่าไปสะสมนาฬิกานี่มันก็ดีเหมือนกันนะคะ ของใช้แล้วแท้ๆ แต่กลับขายได้ราคามากกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆซะอีก นี่ถ้าเป็นรุ่นธรรมดา ใส่แล้วราคาตก ขายต่อเปลี่ยนมือก็ยาก”

ชายหนุ่มเกือบปล่อยข้อความนั้นผ่านไปแล้ว พลันความคิดบางอย่างกลับวาบขึ้นในใจ ของที่ใครๆต้องการ ราคาย่อมสูงเป็นเงาตามตัว แต่ถ้าไม่มีใครต้องการ ราคาก็คงตกต่ำ และของที่ราคาต่ำเปลี่ยนมือยาก บางทีก็ไม่ต่างกับขยะ!

“คุณสาวัชกำลังคิดอะไรคะ อยู่ดีๆทำไมยิ้มคนเดียว” เสียงทักอิงอรุณปลุกเขาจากภวังค์ความคิด

“ไม่มีอะไรหรอก”

“แหม...เวลาคนพูดว่าไม่มีอะไร จริงๆแล้วมีทุกรายเลยนะคะ รู้ไหม” หญิงสาวกระเซ้าหน้าเป็น

“จะไปทำงานได้หรือยัง” เขาทำสีหน้ามึนตึง

“ค่ะๆ ไปแล้วก็ได้ค่ะ” อิงอรุณเดินโขยกเขยกไปที่รถ โดยมีสาวัชก้าวตามไปทางเบื้องหลัง เขาไม่เข้าไปช่วยประคอง เพราะไม่ได้ ‘สนิทกัน’ ขนาดนั้น!

เพียงรถแล่นออกไปไม่นาน อิงอรุณก็ทำอย่างที่เธอทำเสมอ...ก่อกวนสมาธิของเขา! สาวัชฟังเสียงพูดแจ้วๆของคนข้างๆผ่านหู ขณะทอดสายตามองสัญญาณไฟจราจรที่เป็นสีแดงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าจอดส่งอิงอรุณที่ลานหน้าสำนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ คอยจนหญิงสาวเข้าไปในอาคารแล้ว ขณะกำลังจะเคลื่อนรถออกไปนั่นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็มีสัญญาณเรียกเข้า ซึ่งสาวัชกดรับสายโดยไม่ดูชื่อผู้โทร.

“อาจารย์สาวัช ขอเวลาสักห้านาทีนะคะ ดิฉันมีเรื่องจะรบกวนหน่อยค่ะ”

สาวัชจำได้ว่าปลายสายคือเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย “มีอะไรครับ”

“เดือนหน้าจะมีอาจารย์จากเบิร์กเลย์มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยของเรา มีรูปถ่ายสถานที่ประวัติศาสตร์หลายแห่งแนบมาด้วย พร้อมกับกำกับว่าอยากไปชม ดิฉันรบกวนอาจารย์ช่วยดูหน่อยว่ามันเป็นที่ไหนบ้าง จะได้เตรียมรถพาชมได้ถูก”

“ฟอร์วาร์ดเมลมาให้ผมละกัน เดี๋ยวผมดูให้”

“รูปมาเป็นฮาร์ดก๊อปปี้ค่ะ ดิฉันถ่ายรูปส่งให้ดูทางโปรแกรมแชทแทนได้ไหมคะ อาจารย์ถนัดใช้แอพไหนคะ”

“เอ้อ...” ชายหนุ่มอึกอัก “ส่งมาทางไลน์ละกัน”

“เอ๊ะ! อาจารย์ใช้ไลน์ด้วยหรือคะ ทำไมดิฉันไม่เคยเห็นชื่ออาจารย์ในลิสต์เพื่อนเลยล่ะ” อีกฝ่ายทำเสียงประหลาดใจ

สาวัชงันไปชั่วขณะ สุดท้ายจึงอ้อมแอ้มบอก “ไม่เคยใช้หรอก แต่ในเมื่อมันจำเป็นเพราะคุณต้องส่งรูปทางนั้น เดี๋ยวผมจะลองโหลดมาหัดใช้ละกัน!”









: + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + :



@Kim : สิริณจะพยายามลงนิยายทุกวันน่ะค่ะ (ยกเว้นวันหยุด)
ถ้าวันไหนรู้ตัวว่ามีธุระ ลงตอนเย็นไม่ได้
ก็จะลงตอนเช้าไว้ก่อนเลย

ที่คุณ Kim และนักอ่านทุกคนไปเม้นต์ไว้
ถึงเป็นตอนเก่าแค่ไหน
สิริณก็ตามไปอ่านหมดนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :D




@Zephyr : ขอบคุณคุณ Zephyr มากค่ะ
เป็นคอมเม้นต์ที่มีค่าจริงๆ
ตอนเขียนไม่ทันระวังในจุดนี้เลย
ว่านิสัยแบบนี้จะทำให้คนอ่านหงุดหงิดได้ T_T
ต่อไปต้องระวังให้มากกว่านี้แล้ว

ตัวนิสัยของอิงอรุณ
เป็นนิสัยส่วนตัวนะคะ
ไม่ได้เกี่ยวกับการที่เธอเรียนจิตวิทยามาหรือเปล่า
พฤติกรรมใดๆที่ปฏิบัติต่อสาวัช
เป็นไปด้วยเนื้อนิสัยของตัวเองจริงๆ
สังเกตว่าในกลุ่มเพื่อน ทุกคนจะลงให้อิงอรุณตลอด
ทั้งในครอบครัวก็ด้วยเหมือนกัน

คนที่โตมาแบบนี้มีจริงๆนะคะ
สิริณเจอมาหลายคนมาก
ไม่รู้ว่าเพราะพยายามเข้าใจ หรือความลำเอียงส่วนตัว
เลยมองแล้วคิดว่าน่ารัก
แล้วเอามาเป็นต้นแบบนางเอก 5555

ถึงจะไม่ชอบนิสัยคนแบบนี้
แต่อยากให้คุณ Zephyr เผื่อใจเหลือๆไว้รักนางสักนิดก็ยังดี
คนอ่านหมั่นหน้านางเอกขนาดนี้
เกรงว่าหนังสือพิมพ์เสร็จ
คนจะไม่หยิบไม่ซื้อกันพอดี
แล้วสิริณจะเอาเงินที่ไหนซื้อข้าวกิน แงๆๆๆๆ



@sumitt777 : ดีใจมากค่ะที่คนอ่านอิน
คือถ้าตัวละครไม่มีอะไรให้รู้สึกรู้สา
สิริณก็คงนอยด์ไปเหมือนกัน

อันนี้คนอ่านไม่ค่อยชอบนิสัยนางเอก
สำหรับสิริณก็ทั้งอึน ทั้งปลื้ม ทั้งนอยด์ไปๆกันไป แฮ่...

ขอบคุณทุกเสียงสะท้อนค่ะ
ชอบไม่ชอบ ก็บอกกันแบบนี้ถึงจะเรียกว่ารักกันจริง
เวลาเขียนเล่มต่อๆไป
จะได้ระวังอีกด้านของเหรียญด้วย
ว่าอย่าให้สุดโต่ง
'ลูกของเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน' ฉันใด
นางเอกของเราก็อาจไม่ถูกใจทุกคนได้ฉันนั้น แหะแหะ



@konhin : เหมือนว่าที่ผ่านมาอิงอรุณจะออกตัวแรงตลอด
แต่ลึกๆนางคงปากแข็งไม่แพ้พี่ ดร. นะคะ
หัวช้าอีกต่างหาก ไม่รู้ใจตัวเองเอาซะเลย
คนรอบตัวก็รู้เห็น เดาได้กันเกือบหมดละ
เจ้าตัวรู้ช้าสุดแล้วมั้ง



@arixiah : เรื่องพันเทพนี่ต้องเคลียร์แน่ค่ะ
พัวพันกันอีรุงตุงนังขนาดนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเคลียร์แล้ว
คุณ arixiah จะปรี๊ดกว่านี้หรือเปล่า 55555




@พอใจ : ตอนนี้น่าจะตอบคำถามพอใจได้แล้วนะ
ว่าพระเอกรู้ใจตัวเองหรือยัง อิอิ

บางทีสิริณก็คิดนะ
ว่าทำไมตัวเองต้องรออ่านคอมเมนต์พอใจทุกวันเลย
ตะเองน่าจะเขียนนิยายบ้างนะ
สำบัดสำนวน น่ารักน่าหยิกเป็นบ้าเลย รู้ตัวป่าวววว <3



@นักอ่านเหนียวหนึบ : สิริณว่าพวกปากแข็งเนี่ย แบ่งได้สองกลุ่ม
บางคนก็ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
แต่บางส่วนยังพยายามหลอกตัวเองอยู่ค่ะ

มันเป็นเงื่อนไขตื้นๆทางจิตวิทยาค่ะ
ใจคนจะพยายามเลือกเส้นทางที่ทำให้เราสบายใจที่สุด
บางครั้งการเลือกหลอกตัวเอง
ก็เป็นการหนีปัญหาอย่างนึง

แต่ในส่วนของสองคนที่รู้สึกดีต่อกัน ค่อยๆเปิดใจให้กัน
สิริณตั้งใจให้เขาไม่รู้ตัวนะคะ
แบบซึมลึกไปทีละนิด รู้ตัวอีกทีก็แก้ไขไรไม่ได้ละ
หัวใจไปหมดแว้วววววว อิอิ

ป.ล. คอมเม้นต์ย้อนหลัง
เค้าไปอ่านมาหมดทุกอันแล้วนะเคอะ
ปลื้มๆๆ ที่คุณนักอ่านฯ บอกว่าพี่ ดร.เป็นชายในดวงใจ ฮี่ๆๆๆ





มีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบทั่วกันด้วยค่ะ
มีนักอ่านหลายคนถามหา บุหงาซ่อนกลิ่น
เพราะว่าหาซื้อเล่มไม่ได้เลย

ตอนนี้ บุหงาซ่อนกลิ่น มีอีบุ๊ควางขายแล้วนะคะ
ในเว็บเลิฟมีตัวอย่างให้ทดลองอ่านค่ะ
อ่านแล้วถูกใจ ตามไปซื้ออีบุ๊คกันได้นะคะ

มีขายทั้งที่ mebmarket, ookbee, hytexts และ ebooks.in.th
ถนัดช่องทางไหน เสิร์ชหา บุหงาซ่อนกลิ่น ได้เลยค่ะ
หรือถ้าหายาก เข้าเพจ www.facebook.com/SirinFC ได้เลยค่ะ
สิริณปักหมุดลิงค์เข้าซื้ออีบุ๊คไว้ให้แล้ว

ขอบอก...นิยายเขาดีจริงนะคะ
ลงขายสัปดาห์แรกก็ติดอันดับ Top Ten แล้วอ้ะ :D




สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2559, 18:34:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2559, 18:40:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1109





<< ตอนที่ 20 (100%)   ตอนที่ 21 (100%) >>
Zephyr 30 พ.ค. 2559, 19:19:05 น.
โอ๋ๆๆๆๆๆ ลูกสาวไม่น่ารัก
ก็สอนๆเตะๆตบๆเคาะๆให้นางน่ารักสิคะ
เดี๋ยวเราช่วยยำ เอ้ย สอน แฮ่......
(ส่งมาได้นะ จะจัด intensive course เลยทีเดียว หึหึ)
เอาน่า เดี๋ยวนางจะน่ารักใช่มั้ยคะ แต่คงต้องรออีกนาน ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ดูไม่มีพิษมีภัยมากนะ มั้งงงง

ปล เรื่องนี้นาฬิกาเยอะมาก ถึงกะอ่านไปพึ่งอากู๋ไปว่าหน้าตาเป็นไง
อ่านจบแล้วคงต้องได้ถอยสักเรือน


Pat 30 พ.ค. 2559, 19:32:03 น.
น่ารักขึ้นทุกวันเลยนะคุณสาวัช


พอใจ 30 พ.ค. 2559, 22:17:04 น.
คิดแล้วก็สงสารคุณดารนีนะคะที่ถึงเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ก็ได้ครอบครองแค่กระดาษใบทะเบียน แต่ไม่ได้หัวใจของผู้ที่เป็นสามี คิดแล้วนางก็คงอัดอั้นตันใจจนจะระเบิด แล้วสาวัชยังมาทำดี ปฏิบัติอย่างให้เกียรติ นางก็ยิ่งชอกช้ำ แต่ก็อยากรู้นะคะว่าทำไมเตี่ยถึงได้รักมาม๊าของสาวัชมากขนาดนั้น ยอมให้ทุกอย่าง (ยกเว้นทะเบียนสมรสตามกฎหมาย) คุณสิริณอย่าบอกพอใจนะคะว่าเรื่องข้อสงสัยของพอใจนี้อยู่ในหน้าสุดท้ายอีกอ่ะค่ะ 5555
ส่วนตอนนี้พ่อพระเอกหน้ามนคนซึน กับนางเอกจอมเจื้อยแจ้วก็พูดไปเรื่อยๆตามสไตล์นาง ทำให้พระเอกไม่เหงา เกือบหลุดฟอร์มได้เรื่อยๆ อิอิ ว่าแต่พ่อพระเอกไม่ช่วยอุดหนุนนาฬิกาหน่อยเหรอคะ ไหนๆก็พอเดาๆฐานะทางการเงินนางเอกได้ อิอิ แอบลุ้นเบาๆว่าจะขายนาฬิกาได้มั้ยค่ะ


konhin 30 พ.ค. 2559, 23:18:31 น.
มึนๆซึนๆจริงๆคู่นี้ คนหนึ่งก็ช่างแหย่ คนหนึ่งก็ช่างเก็ก


sumitt777 31 พ.ค. 2559, 06:42:53 น.
ดีใจจัง คุณสาวัช เริ่มผ่อนคลายแล้ว ^_^


Kim 31 พ.ค. 2559, 20:14:04 น.
คนที่อยู่ๆก็ยิ้มคนเดียวเขาเรียกว่าคนกำลังมีความรักหรือเปล่าคะคุณด๊อก

เห็นคุณนายใหญ่ไปวัดบ่อยๆนึกว่าจะปล่อยวางทำใจได้บ้าง แต่เห็นอย่างงี้วัดก็คงช่วยไม่ได้แล้วมั๊ง


นักอ่านเหนียวหนึบ 1 มิ.ย. 2559, 10:11:28 น.
เหยยยย นี่มันคือนิยายจิตวิทยาใช่มะ ทุกคนดูมีแง่มุมของตัวเองกันทุกคนเลยอ้ะ เข้าใจความรู้สึกแม่ใหญ่นะ เจ้คงเจ็บมาก กับความ....อะไรดีละ ของผู้ชายคนหนึ่ง คือมันมีเงาสะท้อนบอกให้เรารับรู้ได้นะ ว่าจริงๆ แล้วคนทุกคนไม่ได้อยากเลวร้าย มันมีสาเหตุเสมอ เห้อออ ไปอ่านต่อดีฝ่า เริ่มเห็นเงาความมุ้งมิ้งละ คิคิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account