: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 26 (100%)

หลังรับประทานอาหาร เมื่อพนักงานนำบิลมาวาง อิงอรุณเหลือบมองสีหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะรอให้เขาอนุญาต เพราะตอนชวนเมื่อวันก่อน เธอบอกไว้ว่าจะขอรับผิดชอบค่าอาหารเพื่อขอบคุณ แต่ผู้ชายบางคนก็รับไม่ได้ หากต้องถูกคนภายนอกมองว่าปล่อยให้ผู้หญิงจ่าย ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าสาวัชจัดอยู่ในจำพวกผู้ชายเย่อหยิ่งไร้สาระนั้นหรือเปล่า!

“ขอให้เป็นหน้าที่ผมได้ไหม” เขาแตะปลายนิ้วบนถาดสเตนเลสซึ่งวางบิลค่าอาหาร

“แต่อิงอยากเลี้ยงขอบคุณคุณสาวัชนี่คะ”

“ผมก็มีเรื่องต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน”

อิงอรุณเลิกคิ้ว เธอก่อเรื่องลับหลังเขาไว้เพียบเลย ขืนเขารู้เข้า ไอ้ที่บอกว่าจะขอบคุณวันนี้ คงเจ๊ากันแหงๆ

สาวัชเหลือบดูราคาที่แจ้งในบิลแล้วหยิบธนบัตรวางให้เกินจำนวนพอสมควร พร้อมกับสั่งสั้นห้วน “ไม่ต้องทอน”

พนักงานโค้งต่ำ พินอบพิเทาหยิบถาดแล้วฉากออกไปอย่างรวดเร็ว

อิงอรุณแต้มรอยยิ้มประดับบนใบหน้า จำนวนเงินที่สาวัชทิปนั้นไม่มากเลย กินก๋วยเตี๋ยวชามเดียวยังไม่พอด้วยซ้ำ แต่มันช่วยให้คนตั้งใจทำงานมีกำลังใจอย่างคาดไม่ถึง เทียบกับผู้คนที่รายล้อมรอบตัวในวงสังคมเดียวกับเธอ คนเหล่านั้น บางคนได้เงินมากกว่านี้เป็นหมื่นเป็นแสนเท่า แต่กลับยังไม่พอใจ คงเพราะอย่างนี้ถึงมีคนพูดว่าความสุขนั้นไม่ได้นับที่จำนวนของเงิน แต่วัดกันตรงขนาดของหัวใจคนว่ารู้จัก ‘พอ’ หรือเปล่า!

“ขอบคุณ” สาวัชเลื่อนกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มมาตรงหน้าเธอ

อิงอรุณหลุดจากภวังค์ เอื้อมมือไปรับกล่องอย่างงงๆ ครั้นเปิดออกจึงเห็นสร้อยข้อมือประดับอัญมณีหลากสีเส้นบอบบางวางอยู่ในนั้น สร้อย...ที่คุ้นตาชอบกล!

“จำเรื่องนาฬิกาพาเนรายของคุณได้ไหม” เขารอจนเธอพยักหน้าแล้วจึงเอ่ยต่อ “ผมเอาเรื่องที่เราคุยกันไปพัฒนาไอเดีย แล้วนำเสนอในที่ประชุม ทำให้ได้รับคำชม ผมเลยอยากตอบแทนคุณบ้าง”

อิงอรุณมีสีหน้าสับสนคล้ายยังจับต้นชนปลายไม่ถูก “งงค่ะ”

ชายหนุ่มชั่งใจเพียงเสี้ยววินาที แต่แล้วผู้ชายที่พูดน้อยแทบนับคำได้มาโดยตลอด กลับเปิดปากเล่าถึงปัญหาที่บริษัทให้เธอฟังโดยไม่ปิดบังสักเรื่อง เมื่อซูเปอร์โคลาไม่ต่อสัญญา ทั้งยังเตรียมทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์เพื่อฮุบบริษัท รวมถึงข้อเสนอที่เขาแจ้งต่อที่ประชุมจนทำให้ครอบครัวปรเมศวร์ซื้อหุ้นเพิ่มในราคาต่ำแสนต่ำ

อิงอรุณเอ่ยคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งกับความไว้วางใจที่เขามอบให้

“นี่คุณไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้เหรอ ผมแค่เล่าข่าวให้คุณฟังเท่านั้นเอง” พูดดีได้ไม่กี่คำ เขาก็สะบัดเสียงดุจมะนาวไม่มีน้ำดังเคย แถมยังเบือนหน้าไปทางอื่นคล้ายรำคาญความไม่เอาไหนของเธอ

“อ่านหนังสือพิมพ์กับที่คุณเล่า ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันหรอกค่ะ” เธอไม่ใช่นักธุรกิจ หนังสือพิมพ์ที่เขาพูดถึง เธอไม่อ่านหรอก ถ้าเป็นพ่อเธอสิว่าไปอย่าง!

อิงอรุณไม่สนใจท่าทางเย็นชาของเขา ยังคงซักถามในรายละเอียดเพื่อแสดงความใส่ใจ ซึ่งแม้จะมีท่าทางไม่เต็มใจ แต่สาวัชก็ตอบเธอทุกคำถาม อิงอรุณยิ้มปลื้มอิ่มเอมในใจ นับเป็นนิมิตหมายใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง เขา...ไว้ใจเธอ!

“คุณก็เลยได้รับคำชมจากที่ประชุมใช่ไหมคะ” เธอชงตบท้าย ดีใจไปด้วยราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

“ไม่ใช่ที่ประชุม คุณริ...เอ่อ...พี่สาวผมน่ะ เธอบอกว่าผมทำได้ดีมาก” มุมปากที่ยกขึ้นนิดๆจนดูคล้ายรอยยิ้มของเขา ทำให้อิงอรุณรู้สึกตื้ออยู่ในอก

ผู้ชายที่เย็นชาจนเกือบเข้าขั้นหยาบกระด้าง ทำตัวเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับคนใกล้ชิด วางตัวเป็นก้อนหินไม่รู้ไม่เห็นความรู้สึกตัวเอง บัดนี้กำลังสดใสมีชีวิตชีวาอย่างเหลือเชื่อ น่าทึ่งที่อานุภาพของคำพูดจากริสาทำได้เพียงนั้น สิ่งที่เขาโหยหามิใช่ตำแหน่งหรือความรักใคร่ในครอบครัว แต่เป็นการยอมรับจากพี่สาวและความรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามีประโยชน์นั่นเอง!

“คุณดูมีความสุข” เธอพึมพำสิ่งแรกที่นึกออก ทั้งที่อยากแสดงความยินดีกับเขา แต่ก็จำต้องเอ่ยเพียงเท่านั้น เพราะเกรงจะเป็นพิรุธว่าคนรู้จักกันธรรมดา ไม่ควร ‘รู้’ ว่านี่คือเรื่องน่ายินดี

ชายหนุ่มกะพริบตาซ้ำๆ “คุณว่าอะไรนะ”

อิงอรุณไม่แน่ใจว่าหากย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง คนฟังอาจไม่ปลื้มก็ได้ เธอจึงเสหยิบสายสร้อยข้อมือจากในกล่องออกมาพิจารณาด้วยความพึงใจ

“เอ๊ะ! นี่มัน...” เธอตวัดตากลับมามองชายหนุ่มทันที “สร้อยข้อมือเส้นนี้ คุณสาวัชซื้อมาจากไหนหรือคะ”

สาวัชนิ่วหน้า “คำถามแบบนี้ จัดเป็นมารยาทที่สมควรทำเหรอ?”

“คือ...” อิงอรุณอึ้ง เธอมัวแต่แปลกใจ จนลืมคิดไปว่ามันฟังดูหยาบคายได้มากเพียงใด คนฟังที่คิดเยอะอาจเข้าใจผิดว่าเธอดูถูกมูลค่าของมันหากไม่ได้มาจากร้านจิวเวลรีหรูตามมาตรฐานของอิงอรุณแสตนดาร์ด!

“ที่อิงถามเหมือนเสียมารยาทอย่างนั้น ก็เพราะสร้อยเส้นนี้เหมือนสร้อยที่อิงเคยทำหายไปเลยน่ะค่ะ” หญิงสาวนำมันวางบนฝ่ามือและตรวจตราโดยละเอียด สุดท้ายพลิกตะขอด้านในให้ชายหนุ่มดูตัวอักษรที่สลักเป็นภาษาอังกฤษ I.T. “โอ้โห...เหมือนแม้กระทั่งตัวอักษรย่อตรงตาขอนี่เลย ทั้งฟอนต์ทั้งตัวหนังสือก็ตัวเดียวกันเป๊ะ คุณสาวัชสั่งให้ทางร้านสลักชื่อย่อของอิงไว้ด้วยหรือคะ”

ถ้านี่เป็นเรื่องบังเอิญ สาวัชก็จำต้องยอมรับว่ามันเป็นความบังเอิญที่น่ารักเหลือเกิน เขาเก็บสร้อยเส้นนี้ได้ตรงบันไดหนีไฟ หลังจากให้ทางอาคารประกาศหาเจ้าของอยู่หลายสัปดาห์ แต่ไม่มีใครมาติดต่อขอรับคืน สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจนำไปร้านเพชรให้ซ่อมห่วงที่ขาดอ้า และเพื่อความสบายใจของตัวเอง ชายหนุ่มจึงนำเงินจำนวนเท่ากับที่ร้านเพชรตีราคาให้สร้อยเส้นนี้ ไปบริจาคมูลนิธิเพื่อการศึกษาเด็ก ถือว่านั่นเป็นการ ‘ซื้อต่อ’ จากคนที่ทำมันหล่นไว้ มิคาดว่าสุดท้ายแล้วเขาก็นำมันกลับมาคืนให้เจ้าของเดิมอยู่ดี

ภาพความทรงจำของชายหนุ่มทวนย้อนไปยังวันที่เก็บสร้อยเส้นนี้ได้ หลังการประชุมเครียดกับซูเปอร์โคลา ริสาตามเขาออกมาที่บันไดหนีไฟ จากนั้น...

รอยผาสุขบนใบหน้าชายหนุ่มแปรไปช้าๆ เขาเหลือบมองสร้อยที่อยู่ในมือหญิงสาว สลับกับใบหน้าเธออย่างงุนงง

อิงอรุณซึ่งกำลังชื่นชมกับสร้อยข้อมือก็ชะงัก เธอเงยขึ้นสบตาเขา ดวงตากลมโตเบิกกว้างตื่นตระหนกดุจปะติดปะต่อเรื่องราวได้เช่นกัน “หรือว่า...นี่เป็นสร้อยของอิง”

สาวัชรู้ทันทีว่าสร้อยของเธอไปขาดอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร เธออยู่ที่นั่นและได้ยินทุกอย่าง!

“คุณสาวัช...” อิงอรุณตะกุกตะกัก “คือ...อย่าเพิ่งโกรธนะคะ อิงอธิบายได้”

สาวัชเบือนหน้าหลบตาเธอ เขาไม่ได้โกรธ แต่อายต่างหาก อับอายที่ถูกบริภาษเช่นนั้นต่อหน้าอิงอรุณ!

ชายหนุ่มเสมองไปทางอื่น เสี้ยววินาทีถัดมาเขาก็ฝืนก้มศีรษะนิดๆคล้ายต้องการบอกลา “ขอบคุณที่ชวนมาทานข้าววันนี้ ถ้าคุณไม่มีธุระอื่นแล้ว งั้นผม...”

อิงอรุณไม่รอให้เขาพูดจบ แต่ขัดขึ้นกลางคัน สีหน้าดื้อดึงบอกให้รู้ว่าเธอจงใจทำทั้งที่รู้แก่ใจว่ากำลังเสียมารยาท “คุณสาวัชคะ อิงไม่ขอโทษหรอกนะคะ เพราะอิงไม่ได้ตั้งใจไปแอบฟัง อิงแค่บังเอิญอยู่ตรงนั้นในเวลานั้นพอดี”

“เพราะอย่างนี้ใช่ไหม คุณถึงดีกับผมนัก” เขาเปรยแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความระทดท้อ หยิบหน้ากากเยาะหยันมาครอบดวงหน้าโดยไม่รู้ตัว ขณะหัวเราะหึๆสมเพชตนเอง “ที่แท้คุณก็ทำไปเพราะสงสารผมนี่เอง”

“ไม่ใช่นะคะ คุณสาวัชคิดไปใหญ่โตแบบนั้นได้ยังไง” อิงอรุณละล่ำละลักอธิบาย

สาวัชก้มหน้านิ่ง ซ่อนความรวดร้าวในแววตาจากคนตรงข้าม เขาเคยรับมือกับความเกลียดชัง รำคาญ เบื่อหน่าย คาดหวัง ชื่นชม และอีกมากมายหลายความรู้สึกจากคนรอบข้าง อะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ความสงสาร!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงสารจากอิงอรุณ เขาไม่อยากให้เธอเวทนาเขา มันทั้งน่าอายแล้วก็น่าทุเรศ ที่ต้องขอรับความเห็นใจจากผู้หญิงคนนี้

ชายหนุ่มหลุบตาลงต่ำ มือทั้งคู่กำแน่น น่าขัน...ในยามนี้กระทั่งอุ้งมือเขาก็ยังร้อนผ่าวราวกับความเจ็บปวดในหัวใจสามารถแผดเผาไปทั่วร่างได้ในพริบตา จู่ๆสาวัชก็ปรารถนาอยากมีคาถาวิเศษสามารถเสกให้ตัวเองหายวับไปจากตรงนี้ ก่อนความอ่อนแอจะฉีกทึ้งเขาจนกลายเป็นเศษเล็กน้อยและแตกรานลงต่อหน้าอิงอรุณ แค่นี้เขาก็สมเพชตัวเองมากพอแล้ว!

“คุณสาวัช...” น้ำเสียงทอดอ่อนนุ่มนวลขานชื่อเขาอ่อนหวาน ชายหนุ่มต้องบังคับตัวเองอย่างหนักมิให้เงยขึ้นสบสานสายตากับเธอ แต่เขาทำไม่สำเร็จ

อิงอรุณกำลังจับตามองเขานิ่งๆ กระนั้นรอยขมวดบนคิ้วเรียว รวมถึงสีหน้าและดวงตาเธอกลับแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังร้อนใจ กระวนกระวายอย่างยิ่ง

สาวัชเบือนหน้าไปทางอื่น และต้องประหลาดใจเมื่ออิงอรุณเอื้อมมากุมมือเขาแล้วบีบเบาๆ

“มันไม่ใช่เรื่องน่าอายนะคะ คุณเป็นฝ่ายถูกกระทำ คนที่ควรอับอายคือคนที่แสดงกิริยาอย่างนั้นกับคุณต่างหาก”

น้ำเสียงปลอบประโลมของเธอดุจดังสายน้ำเย็นฉ่ำที่รดรินลงมาในใจอันร้อนรุ่มให้คลายความเจ็บปวดลงทีละน้อย สาวัชค่อยๆเบนศีรษะกลับมาสบตากับเธออย่างเชื่องช้า

สายตาคู่นั้นแสดงความบริสุทธิ์ใจ เห็นอกเห็นใจ แต่ไม่ใช่สงสารหรือเวทนา อิงอรุณรู้ทุกอย่าง รู้มาระยะหนึ่งแล้วด้วย ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะปฏิเสธความจริงหรือพยายามอธิบาย สิ่งที่ทำได้เพื่อให้เกลียดตัวเองน้อยที่สุดก็คือ...ยอมรับ

“แม่ผมเป็นมือที่สามของครอบครัวนั้น” สาวัชรู้ว่าเขาซ่อนความขมขื่นในน้ำเสียงไม่สำเร็จ

“นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ค่ะ”

“คุณกำลังใช้โหมดมาตรฐานในการปลอบใจผม”

อิงอรุณส่ายหน้า ยิ้มให้กำลังใจ “ไม่ใช่เลยค่ะ อิงแค่คิดว่าในเมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ แล้วเราจะทุกข์กับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ทำไม เสียเวลา เสียสุขภาพจิต แถมยังเสียใจฟรีอีกต่างหาก อย่าเป็นทุกข์ในสิ่งที่คุณไม่ได้ก่อเลยนะคะ”

สาวัชมองมือเล็กที่กำลังตบหลังมือเขาเบาๆ พลันรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆที่รินลงในหัวใจ ตลอดชีวิตสาวัชมีกำแพงสูงกางกั้นเขาไว้จากโลกภายนอก ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครก้าวเข้ามาใกล้วงกลมชีวิตแม้แต่คนเดียว ไม่ต้องหวังถึงเพื่อนสนิท ขนาดเพื่อนระดับธรรมดา เขายังมีนับคนได้

เขาไม่เคยภูมิใจกับนามสกุลปรเมศวร์ เพราะมันมักนำมาซึ่งคำถามมากมายที่ไม่อยากตอบ แม้ครอบครัวปรเมศวร์จะเก็บตัวจากวงสังคม แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าดารณีมีลูกสองคนคือริสากับวัชระ การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธนา ปรเมศวร์ ไม่ต่างอะไรกับการปาดป้ายสีดำลงในหัวใจเด็กชายสาวัชในวันวาน เหตุผลของการสอบชิงทุนไปต่างประเทศ ไม่ใช่เพื่อให้ใครภูมิใจ มิใช่เพื่อหวังความก้าวหน้าหรือความสำเร็จ เขาแค่อยากหนีจากบ้านที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ริษยา และชิงชังก็เท่านั้นเอง

สาวัชเกลียดมารดา เกลียดธนา เกลียดดารณีและลูกทั้งสองคน เขาเกลียดทุกอย่างในบ้านและครอบครัวตัวเอง แม่ใช้เขาเป็นเครื่องมือเรียกร้องความรักความเห็นใจจากพ่อ ขณะธนาเห็นเขาเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ดารณีและริสาแสดงออกทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเกลียดเขายิ่งกว่าสิ่งใด แม้แต่มิตรภาพจากวัชระ เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองคู่ควรได้รับ ในเมื่อไม่เคยมีใคร ‘ให้’ หัวใจกับเขา ไม่แปลกที่เขาไม่รู้กระทั่งวิธีรักตัวเอง!

ยิ่งแม่อ้างว่าเสียสละเกียรติตนเองเพื่อความรัก สาวัชจึงยิ่งหมดศรัทธากับความรู้สึกไร้สาระพวกนี้ ความรักของแม่ทำให้เขาต้องเติบโตมาท่ามกลางหนามแหลมจากคนรอบข้างที่คอยทิ่มตำหัวใจ ถ้อยคำประชดประชันของริสาและดารณี ยิ่งฉีกบาดแผลเขาให้เลือดไหลโซมอยู่เสมอ นั่นละ...เหตุผลที่เขาเกลียดความรัก!

จวบวันนี้...วันที่มีใครคนหนึ่งพยายามเข้าใจและให้กำลังใจเขา ใครคนนั้นที่สละเวลาทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขา ทั้งยังเป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกว่ามีค่า เป็นที่ต้องการ และไม่ว่าปูมหลังของเขาจะเป็นอย่างไร เธอก็มิได้รังเกียจหรือดูแคลน ตรงข้ามเธอกลับแสดงความเห็นอกเห็นใจ ยืนกรานอยู่เคียงข้างเสมอมา

เป็นเสี้ยววินาทีสั้นๆ ที่เขารู้สึกหัวใจโล่งเบา ไร้ซึ่งความกังวล เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกคล้ายสามารถปลดรั้งทุกเส้นเชือกที่ขึงเขาไว้กับความเกลียดตัวเองได้โดยสิ้นเชิง

“ขอบคุณ การที่คุณไม่รังเกียจมันมีความหมายกับผมมาก”

ริมฝีปากบางราวกระจับยกแย้ม รอยยิ้มนุ่มนวลคลี่ขจายบนใบหน้างามของอิงอรุณ ดวงตากลมโตทั้งคู่ฉายแววอ่อนโยนบริสุทธิ์ “อิงไม่รู้หรอกนะคะ ว่าทำไมคุณถึงคิดว่าคนแบบคุณสมควรถูกรังเกียจ สำหรับอิงแล้ว อิงคิดว่าคนทุกคนมีมุมที่เป็นความลับของตัวเองทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าใครเก็บซ่อนแง่มุมเหล่านั้นได้แนบเนียนกว่ากันก็เท่านั้นเอง”

“แล้วคุณล่ะ มีมุมที่เป็นความลับไหม” เขาโพล่งถามไปโดยไม่ทันห้ามตัวเอง

“มีสิคะ อิงก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนนึงเองนี่นา”

“ถ้าผมถาม คุณจะบอกไหม”

อิงอรุณหัวเราะร่วน ส่ายศีรษะยิก “ใครถามก็บอกไม่ได้เด็ดขาดค่ะ”

“แม้แต่พ่อแม่งั้นเหรอ” เขามีสีหน้าหลากใจ

“ค่ะ แม้แต่พ่อแม่ก็บอกไม่ได้”

สาวัชพยักหน้ารับรู้ “หวังว่าสักวันคุณจะไว้ใจใครสักคนมากพอ จนกล้าเล่าความลับให้เขาฟัง”

หญิงสาวชะงักงัน สีหน้ารื่นเริงปลิดปลิว ดวงตากลมโตเหลียวขึ้นมาสานสบกับเขานิ่งๆ สุดท้ายเธอจึงเป่าลมพรูจากปาก “คุณสาวัชนี่เก่งนะคะ ไม่ต้องจบจิตวิทยาก็อ่านและตีความจิตใจมนุษย์ได้ คุณพูดถูกที่สุดเลยค่ะ อิงไม่ไว้ใจใครแบบนั้น อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ อิงก็ยังไม่เจอใครคนนั้น”

“ผมคงโชคดีกว่าคุณ” สาวัชยิ้มนิดๆเมื่อเอ่ยประโยคต่อไป “ผมเจอคนคนนั้นแล้ว!”







: + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + :



เตรียมหมอนกันยังค้าาาาา อิอิ



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2559, 16:09:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2559, 16:10:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1182





<< ตอนที่ 26 (50%)   ตอนที่ 27 (50%) >>
พอใจ 12 มิ.ย. 2559, 17:21:38 น.
ฮิ้วววว ผมเจอคนนั้นแล้ว คิคิ เขินดีนะคะ แค่นี้ก็อิ่มใจ สุขใจ ไม่ต้องมีฉากกอด จูบ หอมแก้ม แค่ยืนพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ห่วงใยกันอย่างแท้จริง บทแบบนี้ก็หวานได้ใจอยู่นะคะ น่ารักจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ได้อ่านตอนดีๆ ที่ยังไม่มีมารผจญ ในวันเกิดของพอใจ อิอิ


sumitt777 12 มิ.ย. 2559, 18:04:27 น.
อร๊ายยยย!!! คุณสาวัช พูดให้คิด นะเนี่ย


Kim 12 มิ.ย. 2559, 18:17:01 น.
พอเริ่มรู้ใจตัวเองพี่ด๊อกก็หยอดเอาๆ


Pat 12 มิ.ย. 2559, 18:23:33 น.
น่ารักเหมือนจะรู้ใจตัวเองเร็วๆนี้


Liez 12 มิ.ย. 2559, 19:34:50 น.
ฟินฟินฟิน... อยากเจอคนนั้นแบบคุณด๊อกเตอร์


นักอ่านเหนียวหนึบ 13 มิ.ย. 2559, 01:36:45 น.
โอยยยยยยยย คู่แท้พระเจ้าสร้างมาชัดๆ เลยฮะ
ผมเจอแล้วววว แต่หนูอิงยังไม่เจอ มามะ เด๋วเจ้เอากล้องรูเข็มให้ส่องซูมความดีงามสยามประเทศของคนตรงหน้าเทอให้เอง

สองคนนี้พลอกล็อกเรื่อยเลย ตรงไหนทายว่าต้องพีคก็นิ่ง ตรงไหนปล่อยๆ ข้ามๆ ก็พีคจั๊งงงงงง แว้บไปยัดนุ่นเย็บหมอนเพิ่มแป้บ


กาซะลองพลัดถิ่น 13 มิ.ย. 2559, 06:09:17 น.
อุต๊ะ ...ดร. นี่ไม่ก็เบาเลยมีการหยอดด้วย .... จ้า เจอแล้วก็เก็บรักษาไว้ให้ดี ๆ ล่ะ
หาหมอน ผ้าห่ม พร้อมหมอนข้างมาเตรียมไว้แล้ว...รอแต่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเองคะ ไรเตอร์


konhin 13 มิ.ย. 2559, 07:35:57 น.
หนูอิงไปเปิดใจคนแบบนี้ อย่าทำร้ายเขาหล่ะ


wane 13 มิ.ย. 2559, 10:05:23 น.
คุณด๊อกพูดให้รีดแอบมโนอ่ะ


Zephyr 13 มิ.ย. 2559, 10:25:32 น.
โอ้ยยยย ขอฟินประโยคสุดท้าย
อ่านละอยากถล่มทุกคนที่ทำให้พี่วัชเสียใจ ให้ราบให้หมด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account