แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 6 ...พระเอกอันตราย

“เธอ เป็น ใคร”

พระเอกหนุ่มถามย้ำเป็นครั้งที่สองเมื่อไม่ได้รับคำตอบ น้ำเสียงนั้นไม่ได้ลดความน่ากลัวลงเลยสักนิด กลับดุดันเสียยิ่งกว่าเดิม และคาดว่าในอีกไม่กี่นาทีนี้ หากหญิงสาวแปลกหน้าบนรถยังไม่ตอบ เขาจะเหวี่ยงเธอลงจากรถเป็นแน่

ดวงหน้าหวานนั้นจับจ้องไปที่ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มไม่วางตา มิใช่หลงเสน่ห์อะไรหรอก เธอเพียงแต่กลัวว่าหากตอบโดยไม่สบตาเขานั้น เขาจะหยิบมีดมาเชือดเธอหรือไม่ ธรานึกคำตอบในหัวสมองไว้เป็นสิบอย่าง แต่ริมฝีปากที่สั่นระริกนั้นกลับไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปได้เลย

ปัง!

จนกระทั่งเสียงปิดประตูรถฝั่งคนขับดังขึ้น ร่างสูงใหญ่เดินอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งเธอ ก่อนจะผายมือให้เธอลงมา ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่ดูไม่จริงใจเลยสักนิด พร้อมทั้งพยักหน้าให้ออกมาโดยเร็วก่อนที่เขาจะโมโหไปมากกว่านี้ แต่หญิงสาวบนรถกลับส่ายหน้าอย่างไม่เกรงกลัว หรืออาจจะเรียกได้ว่าสะบัดความกลัวทิ้งไปเสียมากกว่า

“ฉัน-ไม่-ลง!” สุ้มเสียงนั้นยียวนทีเดียว ไหนจะอาการยักคิ้วกวนๆ แบบนั้นอีก

ร่างสูงยืนมองอย่างพินิจ จากผายมือ กลายเป็นกอดอก เจ้าตัวเล็กในรถนั้นยักไหล่ และกอดอกตามเขา สีหน้าท่าทางยั่วโมโหกันอย่างไม่ปิดบัง ช่างเป็นภาพที่น่าหมั่นไส้เสียจริงในสายตาทินกร

เขาไม่รอให้เธอกวนประสาทไปมากกว่านี้ อุ้งมือหนากระชากหญิงสาวเต็มแรงหวังให้กระเด็นออกมา แต่ฝ่ายนั้นซึ่งเดาทางออกตั้งแต่แรก หยิบข้าวของทุกอย่างที่ร่วงหล่นบนพื้นรถมาปาใส่เขาหนึ่งชิ้น สองชิ้น สามชิ้นและอีกมากมาย ยิ่งจำนวนชิ้นมากขึ้นเท่าใด ความอดทนในใจทินกรก็ลดลงเท่านั้น มือนั้นปัดป้องไปมา รวมถึงสีหน้าที่เริ่มหงุดหงิดเพิ่มขึ้น

“หยุดนะเว้ย! เด็กบ้า! พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง ทำนิสัยแบบนี้” เขาตะโกนออกมาอย่างเหลืออด อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลดละ ยังคงนำข้าวของเขาออกมาเขวี้ยงปาไม่หยุดหย่อน บรรยากาศการต่อสู้ไร้วี่แววของความดุเดือด มีแต่ความน่าขันที่คนตัวโตกว่า ไม่สามารถทำอะไรผู้ที่อ่อนแอกว่าได้เลย ผสานกับเสียงเห่า บ๊อกๆ เหมือนเชียร์มวยของเจ้าตูบด้วยแล้ว ยิ่งเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่

“ไม่หยุดเว้ย!” คนตัวเล็กกว่า ตอบด้วยน้ำเสียงที่ท้าทายพอกัน

ทินกรไม่ปล่อยให้เจ้าหล่อนกวนใจเขาอีกต่อไป แขนแกร่งกระชากท่อนขาเรียวของธราออกจากรถมาอย่างแรง แต่หญิงสาวยังคงดิ้นรน ต่อสู้กันไปมาจนร่างใหญ่กำยำของเขาตกลงไปในทางลาดข้างถนน โดยมีร่างบางนั้นทาบทับอยู่ ชายหนุ่มรัดร่างนั้นไว้กับตัวอย่างแน่นหนา แน่นมากจนยากที่จะหายใจได้

“ปล่อยนะ! นี่จะทำอะไรฉัน!” ธราพึมพำอู้อี้อยู่กับแผงอกกว้าง อีกทั้งพยายามจะชูคอเพื่อให้หายใจได้สะดวก คงไม่ยากนัก หากชายหนุ่มไม่แกล้ง

“ไม่ปล่อยเว้ย เมื่อกี้บอกให้หยุดเขวี้ยง เธอยังไม่เห็นหยุดเลย” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ธรากลับรู้สึกว่าเสียงนั้นเหมือนเจือความสะใจอยู่เต็มประดา

มโนภาพฉากเลิฟซีนในนิยายผุดขึ้นบนสมองของนักเขียนสาว ฉากนางเอกล้มทับพระเอก มันคงเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก แต่เหตุใดสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ เหตุการณ์คล้ายกัน แต่กลับกลายเป็นเรื่องราวป่าเถื่อน เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเจอ

“บอกว่าให้ปล่อยไง ฉันหายใจไม่ออก” น้ำเสียงยั่วโมโหเมื่อครู่อ่อนลงเล็กน้อย

“ขอโทษฉัน!”

“ขอโทษเรื่อง?”

“บอกให้ขอโทษ! เดี๋ยวนี้!” สุ้มเสียงดุดันดังขึ้นอีกครั้ง จนหญิงสาวแอบสะดุ้ง เธอหายใจแรงๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างขัดใจนัก

“ขอ...โทษ!”

ช่างเป็นคำขอโทษที่ห้วนเสียจริง ถ้ายืนอยู่ ใบหน้าเธอคงสะบัดพร้อมเบะปาก แต่ในยามนี้ เธอกลับทำไม่ได้แม้แต่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อ้อมแขนนั้นยังรัดแน่นไม่ยอมปล่อย

แบบนี้เขานับเป็นกอดหรือเปล่า?

“หึ” ทินกรขำในลำคอ คลายอ้อมแขนออกจากธรา ไม่ใช่ว่ายกโทษให้หรอก เพียงไม่อยากเสวนากับคนที่เขาเห็นว่าต่ำต้อยด้อยค่าต่างหาก

อาจจะเป็นเหตุผลแปลกๆ แต่สำหรับผู้ชายอย่างเขาแล้ว เขามิได้อยากแตะต้องสตรีคนไหนนักหรอก รวมถึงทุกคนบนโลกนี้ที่คอยแต่กรี๊ดเขา อ่อยเขา ไม่ได้มีค่าให้เขาแลเหลียวเลยสักนิด เจ้าหล่อนคนนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น

แฟนคลับ...ตามบ้าดารา

เมื่อชายหนุ่มเผลอ หญิงสาวจึงใช้เรี่ยวแรงที่มีตอนนั้นถีบเขาออกไปอย่างแรง ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นมาบนถนน แต่ด้วยกำลังแค่นั้น จึงไม่สามารถเอาชนะทินกรได้เลย

เขาวิ่งตามมาอย่างเร็วรี่ คว้าท่อนแขนนั้นผลักร่างเล็กเข้ากระแทกรถจนเกิดเสียงดัง ทินกรขบกรามแน่นจนเห็นรอยนูนชัดเจน แรงบีบที่ต้นแขนนั้นเป็นต้นเหตุใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวในยามนี้ แววตาเขาฉายความดุดันอย่างไม่ปิดบัง ราวกับว่าถ้าเธอพูดอะไรผิดไปแม้แต่นิดเดียว เธอคงถูกเผาไหม้กลายเป็นเศษซากอยู่ตรงนี้เป็นแน่

ดวงตากลมโตจ้องเขากลับอย่างเอาเรื่อง แต่ร่างกายยังคงสั่นสะท้านด้วยความกลัว สายฝนที่หยุดไปไม่นานนัก สาดซัดกระหน่ำลงมาอีกครั้งราวกับเป็นใจให้เกิดเหตุวิวาทของคนทั้งคู่ มีเพียงเสียงห้ามปรามจากเจ้าตูบในรถเท่านั้น

“กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน” น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นเอ่ยช้าๆ แต่ยังคงความดุดัน ริมฝีปากสั่นระริกนั้น เอ่ยตอบพลางสะบัดหน้าหนี ไม่ใช่ว่าหยิ่งอะไรหรอก เพียงเพื่อต้องการหลบสายตาคมดุที่มองมาอย่างเอาเรื่องมากกว่า

“แล้วคุณล่ะ มีสิทธิ์อะไรมาลวนลามฉัน”

“ลวนลาม?” เขาส่งเสียงฮึในลำคอ “ดูสารรูปตัวเองก่อนไหม ก่อนจะพูดคำนั้น”

ไม่เพียงคำพูดดูถูก หากสายตาเขายังปรายมองหัวจรดเท้า ก่อนจะระเบิดหัวเราะอย่างขบขัน แต่เป็นขันแบบเหยียดๆ

“ทำไม? สารรูปอย่างฉันมันทำไม” เธอเอ่ยถาม น้ำเสียงเริ่มเจือความหงุดหงิด

“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่อยากให้เธอเจียมตัวไว้ด้วย คิดอะไรประหลาดๆ ฉันเนี่ยนะ จะลวนลามเธอ ฉันเป็นใคร แล้วเธอน่ะเป็นใคร ไม่ลดตัวลงมาทำเรื่องพรรค์นั้นกับคนอย่างเธอหรอก”

ชายหนุ่มพูดได้เพียงเท่านั้น มือบางก็ผลักอกเขาออกห่างจากตัว ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะลูบไล้ไหล่เขาเบาๆ เธอเดินวนรอบตัวทินกรช้าๆ แล้วเอ่ยเสียงหวาน

“ฉันรู้ค่ะ ว่าคุณคือทินกร พระเอกชื่อดังเบอร์หนึ่งของไทย ที่ใครๆ ก็หลงใหล” คำพูดของธราทำเอาชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

...นั่นปะไร สู้กันมาตั้งนาน สุดท้ายก็แค่พวกบ้าดารา

เขาหันกลับไปมองเธอด้วยสายตาของคนชนะ ธราเองก็ยิ้มหวานให้เขา ก่อนจะแผดเสียงลั่น “แต่นั่นไม่รวมฉันแน่นอน เพราะสักวันคุณก็จะเป็นแค่เศษดิน มีแต่คนเหยียบย่ำซ้ำเติม ถ้าถึงวันนั้นเมื่อไหร่ จะไม่มีใครต้องการคุณหรอกคอยดู!”

“หยุด! พูดบ้าอะไรของเธอ” เขาผลักเธอจนเซถลาหลังจากจบประโยคเมื่อครู่ แต่หญิงสาวยังคงแผดเสียงต่ออย่างไม่เกรงขาม

“ฉันพูดจริง ไม่เชื่อคุณคอยดู คุณคิดว่าตัวเองเป็นพระอาทิตย์ เป็นศูนย์กลางของคนทั้งโลก แต่อย่าลืมสิ ว่ายังไงพระอาทิตย์ก็ต้องตกดิน คุณมันก็มีค่าแค่นั้นแหละ” น้ำเสียงนั้นส่อแววสมเพชอย่างชัดเจน ดวงตาใสซื่อมองใบหน้าคมที่พยายามจะข่มอารมณ์ของเขาราวกับเป็นเรื่องตลก

“หยุด! ฉันบอกให้หยุด!” เขายกมือขึ้นปิดหู ดั่งคนที่คุมสติไม่อยู่ ริมฝีปากกระตุกอย่างเคียดแค้น ภาพนั้นทำเอาหญิงสาวสะดุดกึก แต่ก็ยังไม่วายจะปากดี

“ไม่หยุด! คุณจะทำไม!” พูดจบประโยค ร่างสูงตรงหน้าก็เงื้อมือขึ้นพร้อมที่จะฟาดแก้มนวลของหญิงสาวทันที หากยังคงพูดอะไรต่อไป

“เอาสิ! ตบสิ! ตบเลย! ถ้าคุณอยากให้ชีวิตหลังจากนี้ของคุณมันเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม” หญิงสาวท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว เสียงคำรามจากฟ้าผสานกับเสียงของเจ้าหล่อน ทำเอาเงื้อมมือที่เงื้อขึ้นเมื่อครู่ชะงัก เขาเสมองไปทางอื่นพลางเก็บมือกำหมัดแน่นไว้ด้านหลังตัว

“อย่ามาท้านะ ชีวิตจริงฉันไม่ใช่พระเอก และไม่ชอบเล่นตามเกมส์ใคร ที่ไม่ทำ อย่าคิดว่ากลัว แต่แค่ไม่อยากหลงกลคนบ้าดาราแบบเธอ”

เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้กับการยืนอยู่นิ่งๆ ท่ามกลางสายฝนของคนทั้งคู่ หญิงสาวมองใบหน้าที่ลดความเกรี้ยวโกรธลงจากเมื่อครู่อย่างพินิจ

...เขาคือคนนั้นจริงๆ เหรอ คนที่ช่วยเราไว้ในวันนั้น เป็นคนเดียวกันจริงๆ ใช่ไหม

ธราทบทวนคำถามที่เกิดขึ้นภายในใจ พลเมืองดีคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเธอจากโจรใจโหด ถึงจะปากร้ายไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายเท่าคนตรงหน้าเธอตอนนี้แน่นอน เข้าใจแล้วจริงๆ ว่าพระอาทิตย์ที่คอยส่องแสงสว่างให้ผู้อื่น ต้องลาลับฟ้าลงเพราะสาเหตุอะไร

แต่แล้ว เสียงครวญครางของเจ้าตูบในรถนั้น เป็นดั่งเสียงสวรรค์ที่ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ เขาหันไปมองมันอย่างครุ่นคิด ก่อนจะกลับมาส่งเสียงฮึในลำคอใส่หญิงสาว

“เดี๋ยวก่อนค่ะ” ธราเอ่ยเรียกเมื่อเห็นเขาจะเดินกลับขึ้นรถ ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

“ขอฉันไปด้วยได้ไหมคะ ฉันยังมีอะไรอยากบอกคุณ”

เขามองหล่อนด้วยสายตาของคนชนะ ก่อนจะตอบสั้นๆ “ขึ้นมา!”
___________________________________________________________________________________

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ https://www.facebook.com/evelynwriter/



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2559, 08:12:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2559, 11:39:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 824





<< ตอนที่ 5 ...เธอ-เป็น-ใคร!   ตอนที่ 7 ...คำแนะนำของเจ้าตูบ >>
Zephyr 19 มิ.ย. 2559, 15:16:14 น.
นายทินกร นิสัยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ว้ากกกกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account