แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 7 ...คำแนะนำของเจ้าตูบ

รถยนต์คันหรูขับเคลื่อนจากจุดเดิมออกมาสักพัก เขาก็จอดเข้าที่คลินิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่ง เป็นหนึ่งในหลายๆ ที่ของย่านนี้ เพียงแต่คลินิกอื่นปิดกันหมดแล้ว เนื่องด้วยวันนี้ฝนตกค่อนข้างหนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่หยุด

“โทษนะครับ พอดีเจอหมาขาเจ็บ ช่วยดูให้หน่อย” ชายหนุ่มอุ้มเจ้าตูบเดินเข้าไปยังคลินิกนั้น เด็กสาวบางรายในนั้นพากันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นทินกร

“โทษนะคะพี่ เคยมีคนบอกหรือเปล่า ว่าหน้าคล้ายพี่เพลิง แต่ก็ได้แค่คล้ายนะคะ” เด็กสาวใจกล้าคนหนึ่งเอ่ยถามเขา พลางมองหัวจรดเท้า ก่อนจะหันไประเบิดหัวเราะกับเพื่อนด้านข้าง

ทินกรส่องกระจกบานใหญ่ใกล้ตัว หืม...ไม่แปลกเลยจริงๆ ที่ใครๆ จะคิดว่าเขาไม่ใช่ตัวจริง ทรงผมที่ถูกเซ็ทมาอย่างดีในยามเช้า เวลานี้เต็มไปด้วยเศษดินและชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อผ้ารองเท้าราคาแพงก็ไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยสักนิด

เขาได้แต่ปรายตามองเด็กสาวเหล่านั้น ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปหาหมอที่อยู่ด้านในอย่างไม่สนใจอะไรอีก และเสียงคิกคักนั้นก็ยังคงไล่ตามหลัง

ธราเดินตามเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอเองก็ใจร้อนจนพูดจารุนแรงกับเขาเกินไป อย่างไรเขาก็เป็นผู้มีพระคุณสำหรับเธอ รวมถึงตอนที่เขาบุกดินลงไปช่วยอุ้มเจ้าตูบขึ้นมา น้ำเสียงขี้เล่นนั่นอีก แต่เพราะอะไรที่เพียงแค่เขารู้ว่าบนรถมีคนอื่น จากเทพบุตรจึงแปลงร่างเป็นคนเถื่อนได้อย่างง่ายดาย

แต่ที่น่าประหลาดกว่านั้นคือท่าทางของเขาตอนที่ถูกเธอกล่าวหาเรื่องตะวันตกดิน ใบหน้าเคียดแค้นและเจ็บปวด เล็บมือที่จิกเกร็งลงไปบนศีรษะของตัวเองอย่างบ้าคลั่งนั้น ราวกับคนเสียสติไม่มีผิด กระนั้นภาพที่ว่านั่นก็ถูกแสดงออกจากพระเอกหนุ่มเพียงแค่แวบเดียวก่อนที่เขาจะควบคุมสติตัวเองได้

“สุนัขไปโดนอะไรมาครับ” หมอใหญ่เอ่ยถามเขา เป็นเสียงที่ดึงความคิดธราให้กลับมาอยู่กับภาพเบื้องหน้าได้

“ไม่รู้สิ ไปเจอมันข้างทาง” ดูสิดู คำตอบของเขานอกจากจะไม่มีหางเสียง ยังห้วนเสียจนน่าหมั่นไส้ หญิงสาวยักไหล่ให้เขาแรงๆ สักที

หมอใหญ่ลูบๆ คลำๆ ท่อนขาเล็กของเจ้าตูบอย่างเบามือ ก่อนบอก

“มันไม่เป็นไรมากครับ แค่เคล็ดนิดหน่อย เอายาไปให้กิน ไม่นานก็หายแล้วครับ” ทินกรพยักหน้ารับ หมอจึงเอ่ยต่อ “ค่ายาสามร้อยบาทนะครับ”

พระเอกหนุ่มควานหากระเป๋าเงินที่ตัวอยู่สักพัก แต่ไม่พบ หันมาสบตานิ่งๆ กับธราแล้วเอ่ย

“เธอ! ไปหยิบกระเป๋าเงินบนรถฉันมาหน่อย ขี้เกียจเดิน” ทินกรสั่งอย่างมีอำนาจ หญิงสาวหันมองรอบด้าน ก่อนชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางเลิกคิ้ว พระเอกหนุ่มเน้นย้ำ “เออ เธอนั่นแหละ”

…ไว้ใจเราขนาดนั้นเลยเหรอ

ถึงจะเซ็งอย่างไร นักเขียนสาวก็ยอมทำตามที่เขาบอกอยู่ดี เมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งทระนงตอนที่เขาโยนกุญแจใส่เธอแล้ว ชักนึกอยากให้ตอนที่เขาเข้ามาช่วยเธอคราวนั้นโดนโจรแทงตายๆ ไปเสียจริง

ธราไขกุญแจรถก่อนจะควานหาข้าวของที่เกลื่อนกลาดอยู่ในรถคันงาม แต่อย่างไรหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเสียที พลางนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้ตอนทะเลาะกัน เธอได้เขวี้ยงสิ่งที่ดูคล้ายกับกระเป๋าเงินสีน้ำตาลลงไปด้วย

...ตายล่ะ

หญิงสาวหน้าเจื่อน นี่เธอมาสร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีพระคุณของเธอขนาดนี้เชียวหรือ นอกจากจะมีหน้าไปทะเลาะกับเขาแล้วยังเขวี้ยงกระเป๋าเงินเขาทิ้งไปอีก ธราเคาะศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ หลังจากนี้เธอคงไม่สามารถขึ้นเสียงอะไรกับเขาได้อีก

เจ้าหล่อนเดินกลับเข้ามาในคลินิกอย่างเชื่องช้า ยื่นกุญแจรถกลับให้เขา อีกฝ่ายรับไปพลางเลิกคิ้ว ในดวงตามีคำถาม

“กระเป๋าเงินคุณ...ฉัน...” หญิงสาวอึกอักไม่กล้าตอบ ดวงตาคมดุเริ่มเจือความหงุดหงิด

“ทำไม”

“ฉันเขวี้ยงมันลงไปกลางทาง...ตอนนั้น” หญิงสาวก้มหน้านิ่ง หลับตาแน่นขณะตอบ หลังจากประโยคนั้นบรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ ราวกับสายตาของทินกรสะกดทุกอย่างในบริเวณนี้ เด็กสาวสามคนที่หัวเราะต่อกระซิกกันอยู่เมื่อครู่ต่างก็ปิดปากเงียบ

“คุณ...ฉันขอโทษนะ คุณจะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ คราวนี้ฉันไม่เถียงแล้ว ยอมทุกอย่างเลย”

“เธอแค่ไม่เถียง แล้วฉันได้ของฉันคืนไหมล่ะ ทุกอย่างมันแย่ตั้งแต่ที่เธอแอบปีนขึ้นรถฉันแล้ว ตัวซวย!”

หญิงสาวหน้าเจื่อนลงกว่าเดิมมาก อยากจะปากเก่ง อยากจะเถียงออกไปเหลือเกิน แต่ติดตรงที่ว่าครั้งนี้เธอผิด
ไม่สิ...เมื่อครู่นี้เธอก็ผิดเช่นกัน

“เอาน่าๆ ไม่ต้องทะเลาะกันนะครับ เอาไว้วันอื่นค่อยมาจ่ายก็ได้ วันนี้ช่วยเอาสุนัขกลับไปก่อนดีกว่า พอดีผมจะปิดคลินิกพอดีครับ” หมอใหญ่ยิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนตะโกนถามเด็กสาวทั้งสามคน “พวกหนู ฝนหยุดตกหรือยัง”

เด็กสาวใจกล้าคนเดิม วิ่งออกไปเปิดม่านหน้าคลินิก “หยุดแล้วค่ะ เดี๋ยวพวกหนูก็จะกลับแล้วล่ะค่ะลุงหมอ”

“เอ่อ...เดี๋ยวนะ...ครับ” ดาราดังเริ่มใส่คำลงท้ายเพื่อไม่ให้ดูห้วนเกินไป “แล้วหมอจะแน่ใจได้ยังไงว่าผมจะเอามาจ่าย”

หมอใหญ่ลอบขำเบาๆ มองหน้าทินกรเสมือนเป็นลูกหลาน “ก็คุณทินกรเป็นดาราดังนี่ครับ เงินแค่สามร้อยคุณไม่มีทางเบี้ยวอยู่แล้ว”

บรรยากาศภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบงันอีกครั้ง เด็กสาวทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก ส่งเสียงกระซิบรัวเร็วที่ธราจับใจความได้แค่ว่า “พี่เพลิงตัวจริงเหรอเนี่ย”

“หมอ....จำได้?” เขาถามเสียงนุ่ม ดวงตาเย่อหยิ่งทระนงกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีคนตระหนักรู้ว่าเขาคือทินกร ดวงตะวันดวงเดียวที่แผดแสงกล้าอยู่ในวงการบันเทิงเวลานี้

“จำได้สิครับ ถึงวันนี้คุณจะดูมอมแมมผิดปกติ แต่อะไรบางอย่างมันก็ฉายชัดอยู่ดีว่าคุณคือใคร”

“ครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะเอาเงินมาจ่าย” เขาพยักหน้านิดหนึ่งเป็นมารยาทให้แก่หมอใหญ่ ก่อนจะอุ้มเจ้าตูบออกจากคลินิก เหยียดสายตามองเด็กสาวทั้งสามชั่วครู่ เด็กสาวใจกล้าถลันเข้ามาขวางหน้าทางออก กางแขนสุดฤทธิ์ไม่ให้ทินกรผ่านได้เลย

“พี่เพลิงจ๋า หนูขอโทษนะจ๊ะที่เมื่อกี้หนูพูดไม่ดี แต่หนูขอลายเซ็นเป็นบุญหน่อยเถอะจ้ะ นึกเสียว่าสงสารเด็กตาดำๆ” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยเสียงหวาน สายตาเย้ายวนเกินวัย หากไม่เกรงใจคนอื่น เธออาจถลาเข้ามากอดทินกรแทนที่จะขวาง

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงหยัน แววตาขบขันราวกับเห็นคนสะดุดเปลือกกล้วยล้มตรงหน้า เขาปรายตามองหล่อนหัวจรดเท้า ก่อนเบะปาก

“ผมไม่ใช่ดาราดังหน้าไหนทั้งนั้นล่ะ ก็แค่คนหน้าคล้าย มีแต่คนบอกอย่างนี้” ทินกรตอบพร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งผลักเด็กคนนั้นจนพ้นทางเดิน แต่ด้วยแรงผู้ชายร่างใหญ่กำยำส่งผลให้เจ้าหล่อนล้มลงไปกองกับพื้น

เขาปรายตามอง แววตาเรียบนิ่ง “โทษที ไม่ได้ตั้งใจ”

พระเอกหนุ่มเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงธราที่ช่วยพยุงเด็กคนนั้นให้ลุกขึ้นจากพื้น เจ้าหล่อนส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ
หญิงสาวเดินตามเขาออกมาโดยเร็ว ก่อนจะตะโกนตามหลังร่างสูงชะลูดนั้น

“นี่คุณ! ทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ น้องเขาเป็นผู้หญิง ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงได้ไง” เสียงของธราทำให้ชายหนุ่มหยุดเดิน เขาหันมายักไหล่

“ไหนบอกว่าจะไม่เถียงแล้วไง” เขาย้อนทวนประโยคเมื่อครู่ที่ธรากล่าวไว้อย่างรู้สึกผิด

“ตอนแรกก็ว่างั้นแหละ แต่ฉันเห็นสิ่งที่คุณทำแล้วมันอดไม่ไหว นี่คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร”

“คือมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณเลยนะ จะมายุ่งกับผมทำไมนักหนา รู้จักกันหรือไง” หากหญิงสาวใจเย็นลงสักนิด คงทันได้สังเกตว่าเขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกหล่อน จาก ‘เธอ’ เป็น ‘คุณ’ และแทนตัวเองว่า ‘ผม’ แต่ธรากลับมองข้ามประเด็นนี้ไป

“รู้จักสิ ก็คุณคือทินกร”

“เรื่องนั้นเขาก็รู้กันทั้งประเทศ และอย่าบอกนะว่าไอ้การที่คุณมาแอบขึ้นรถผมเนี่ย มันเป็นเพราะคุณบ้าคลั่งผมมากจนอยากถวายตัวให้น่ะ” เขาส่งเสียงฮึในลำคอจนแลดูเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปแล้ว วาจายั่วโมโหไม่ให้เกียรตินั่นก็เช่นกัน

หญิงสาวกำหมัดแน่น นี่เธอต้องสะกดอารมณ์ตัวเองอีกกี่ครั้งเวลาเสวนากับดาราคนเถื่อน ตั้งแต่โตมา ไม่มีใครพูดจากดเธอจนต่ำต้อยมิดดินได้เท่าเขาคนนี้เลยจริงๆ

“เอางี้นะ ฉันรู้ว่าคุณคือพระเอกดัง แต่ฉันคือคนเดียวที่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชิวิตคุณ” นักเขียนสาวเอ่ยอย่างจริงจัง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เล่นด้วย เขาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“ทำไม จะบอกว่าตัวเองเป็นหมอดูหรือไง คิดตังค่าดูกี่บาทล่ะแม่คุณ”

“ไม่ใช่ค่ะ” ธราส่ายหน้าแรงๆ เป็นการปฏิเสธ ก่อนจะเยื้องย่างเข้าไปใกล้เขา “ฉันมาจากอนาคต!”

เพียงเท่านั้นเสียงหัวเราะก็ระเบิดลั่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เขาขยับเข้ามาจนชิดตัวเธอก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างผลักศีรษะเธอจนเซถลา

“ถ้างั้นผมก็เดาอนาคตคุณได้นะ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง คุณจะได้ไปอยู่ในสถานบำบัดจิต เพราะผมจะไปส่งคุณที่นั่น”

หญิงสาวถลันตัวเข้าไปกางแขนขวางหน้าเขาเช่นเดียวกับเด็กสาวคนเมื่อครู่ แต่ที่แตกต่างคือเธอจะไม่มีวันล้มกลิ้งต่อหน้าเขาเป็นแน่

“ฉันพูดจริงๆ นะคุณทินกร ฉันบอกอนาคตคุณได้ และฉันอยากช่วยคุณขึ้นมาจากเรื่องเลวร้ายแบบนั้น เพราะคุณเคยช่วยชีวิตฉันไว้ในโลกอนาคต ฉันอุตส่าห์ย้อนเวลามาได้แล้ว ถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่การที่ฉันได้พบคุณที่นี่ ตอนนี้ ก็ทำให้ฉันมั่นใจว่าลิขิตของอะไรสักอย่างต้องการให้ฉันดึงคุณขึ้นมา”

“จะบอกให้นะ เรื่องเลวร้ายที่สุดสำหรับวันนี้ ก็คือการได้เจอคุณเนี่ยแหละ อย่าหวังว่าจะช่วยผมเลย ถ้าคุณยังอยู่ใกล้ผม ชีวิตผมคงพังกว่าเดิม”

หญิงสาวเหนื่อยใจที่จะต่อปากต่อคำกับเขา พลันจับเจ้าตูบมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนตัวเองโดยไม่ปล่อยให้ทินกรมีเวลายื้อแย่ง
“ฉันต้องการจะไปกับคุณ ถ้าคุณไม่อนุญาต เห็นทีเจ้าตูบก็คงอดไปกับคุณด้วยนะคะ”

“ก็เอาไปสิ ผมก็ไม่ได้อยากเลี้ยงหมาสักหน่อย นี่ก็คิดว่าจะเอามันไปปล่อยไว้ข้างถนนอยู่” ชายหนุ่มยิ้มร่า เป็นยิ้มที่มีเสน่ห์เหมือนเช่นที่เธอเคยรู้สึก เพียงแต่มันกลับดูไม่จริงใจเลยสักนิด

“จะบ้าหรือไงคุณ ไม่สงสารเจ้าตูบหน่อยเหรอ เมื่อกี้ฉันยังเห็นคุณเล่นกับมันอยู่เลย” เมื่อจี้ถูกจุด ทินกรทำหน้าเก้อเขิน ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี หญิงสาวจึงเอ่ยต่อ “คุณควรเลี้ยงมัน”

“อ่ะๆ ก็ได้ๆ ผมจะเลี้ยงมัน แต่ผมไม่เลี้ยงคุณ เอาหมาผมคืนมา”

“ไม่คืน ฉันจะไปกับคุณด้วย” เธอยังยืนยันคำเดิม แววตาที่ฉายชัดในความมั่นใจนั้นทำเอาทินกรเหนื่อยหน่าย

“อย่ามาเซ้าซี้นะ คุณก็รู้ว่าผมเป็นใคร และควรรู้ด้วยว่าผมเกลียดคนที่มาเถียง มาขึ้นเสียงใส่ผม” หญิงสาวเอียงคออย่างไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมคุณต้องเกลียดด้วยล่ะ รู้ไหมว่าการที่คุณเป็นอย่างนี้จะทำให้คุณดับเร็วขึ้นนะ” คำพูดของธราเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ ชายหนุ่มเดินมากระชากเจ้าตูบออกจากอ้อมแขนหญิงสาว ยื้อแย่งกันไปมาจนจบที่สองร่างยืนเบียดชิดกัน สิ่งที่น่าสนใจในกายหญิงสัมผัสต้นแขนแข็งแรงของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ทินกรผลักเธอออกไปห่างทันทีอย่างกับแตะโดนไฟ

“เฮ้ย! ออกไป!”

หญิงสาวมองเขาอย่างขัดใจ พร้อมทั้งวิ่งไปเกาะแขนเขาที่กำลังไขกุญแจรถ เอ่ยเสียงแผ่ว “ขอฉันไปด้วยนะ ฉันไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ”

“ไม่! บอกว่าให้ออกไป อย่ามายุ่ง!” ดวงตาคมดุฉายแววความเกรี้ยวโกรธ มองผู้หญิงสติไม่ดีคนหนึ่งที่เข้ามาวุ่นวายอย่างหงุดหงิดใจ แต่ร่างบางนั้นกลับโถมตัวลงใส่เขาแล้วทรุดลงเบื้องล่าง โชคดีที่เขาใช้แขนข้างหนึ่งรับไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าหล่อนจะหัวฟาดพื้น

“โธ่เว้ย! อะไรกันนักหนาวะเนี่ย” ทินกรแผดเสียงอย่างหงุดหงิดใจเป็นที่สุดเมื่อมองใบหน้าอ่อนแรงของหญิงสาวที่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนเขา โดยมีเสียงสนับสนุนของเจ้าตูบผสานอยู่ด้วย

...พาไปห้องเราเถอะเจ้านาย

เขาคิดว่านี่คงเป็นเสียงที่เจ้าตูบบอกเขา เพราะเขาเองก็กำลังคิดแบบเดียวคำแนะนำของเจ้าสุนัขใหม่ตัวนี้เช่นกัน...



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2559, 19:15:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2559, 19:15:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 868





<< ตอนที่ 6 ...พระเอกอันตราย   ตอนที่ 8 ...ตะวันจันทรา >>
Zephyr 21 มิ.ย. 2559, 20:52:05 น.
เป็นลมหรา
นางจะรอดไหมเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account