แสบนักไม่ให้รักยังไงไหว
อหังการ์ หนุ่มหล่อเจ้าของไร่ ที่ดั๊นไปจับตัวคนที่ทำร้ายน้องชายเขามาผิดตัวแต่กลับไม่รู้ แต่ไอ้ที่จับมาน่ะ ไม่ได้จะมาทำทารุณกรรมเหมือนนิยายจำพวกแก้แค้นแสนรักทั้งหลาย ก็แค่อยากจะสั่งสอนให้เจ้าหล่อนได้รู้ซะบ้างว่าการหารายได้พิเศษประเภทนอนสบายได้เงินเยอะน่ะ มันผิด แต่กลับกลายเป็นว่าแม่เจ้าประคุณดันแสบซะจนเขาแทบดิ้น และก็ต้องตกใจที่ความแสบนั้นมันทำให้เขาถอนรักจากเธอไม่ได้


Tags: หวานแหววจนแสบซ่า

ตอน: 3.หล่อโครต ๆ

สวัสดีค่ะน้อง ๆ และนักอ่านที่น่ารักทุกคน
ลองเอาไปอ่านเล่นกันอีกตอนนะคะ ใครคิดเห็นยังไงก็ช่วยเม้นท์ให้กำลังใจกันไว้ด้วยค่ะ

นิลลจันทร์,หนึ่งเดียว
ตอนที่ 3
หล่อโครต ๆ
ร่างเล็กอรชรเดินเข้าไปในห้องพักของตัวเองที่ความกว้างเพียงสิบตารางเมตร แล้วมีห้องน้ำเล็ก ๆ ภายในห้อง ค่าเช่าเดือนละหนึ่งพันบาท ที่เจ้าของตึกสร้างเป็นสามชั้นซอยถี่ยิบ หญิงสาวอยู่ห้องด้านมุมสุดและล่างสุดเพราะสะดวกในการเข้าออก แถมตึกนี้ยังเงียบยิ่งกว่าป่าช้าเพราะว่าเดี๋ยวนี้แถวบางนามีตึกใหม่ผุดขึ้นมากมาย การเดินทางสะดวกสบายกว่านี้ คนเลยย้ายไปเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่ห้องเท่านั้น แถมซอยก็เปลี่ยว แต่จะทำไงได้ในเมื่อเธอไร้เงิน แถมวันนี้ยังมาตกงานอีก เท่านั้นยังไม่พอระหว่างที่เดินซื้อของที่พวกเพื่อนตัวแสบฝากซื้อ แล้วต้องขึ้นรถเอาไปให้มันด้วยนั้นพอไปถึงก็ปรากฏว่ากระเป๋าหายซะอีก เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ธารใสก้มมองชื่อในจอโทรศัพทื แล้วก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่

“นังหนู แกจะกลับมาอยู่บ้านเมื่อไหร่วะ” สายธารถามลูกสาวด้วยเสียงไม่เพราะหู แต่หญิงสาวก็ชินซะแล้ว เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็ก

“จะกลับไปทำไมล่ะแม่ ลูกหนูทำงานอยู่นะ”

“แกจะทำไปทำไมวะ ฉันบอกให้แกแต่งกับคุณพจน์ก็ไม่เชื่อ หล่อก็หล่อ แถมรวยอีกต่างหาก นี่เขายังฝากบอกด้วยนะว่า ถ้าแกยอมแต่งกับเขา คุณพจน์เขาจะส่งแกเรียนหนังสือด้วย” ได้ฟังประโยคนั้นธารใสถึงกับย่นจมูก

“ถ้ามีผัวแล้วจะเรียนมันทำไมล่ะแม่ ไม่เอาหรอก”

“เอ๊ะนังนี่ แกจะเอายังไงกันแน่วะ ก็ไหนแกบอกว่าอยากเรียนหนังสือ”

“ใช่ลูกหนูอยากเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้อยากมีผัวนี่แม่”

“ทำไมกันหนักหนาวะ แกนี่มันเรื่องมาก ถ้าคุณพจน์เขาไม่หล่อ ฉันจะไม่พูดซักคำ นี่หล่อก็หล่อ รวยก็รวย แถมยังอายุแค่ยี่สิบห้าไม่ได้แก่หงักซักหน่อย เป็นฉันหน่อยไม่ได้ล่ะ จะประเคนถึงที่เชียว” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็เพราะรักลูกสาว อีกอย่างชายหนุ่มก็เป็นคนดี ทำงานขยันขันแข็ง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เธอก็อยากให้ลูกได้คนดี ๆ แบบนั้นบ้าง แต่เพราะความที่เคยพูดกันไม่เพราะมาแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จะให้พูดหวาน ๆ สายธารก็ทำไม่เป็น

“ไอ้หล่อมันก็หล่ออยู่หรอกนะแม่ แต่ลูกหนูไม่ชอบนี่ ท่าทางเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้แบบนั้น ลูกหนูไม่เอา มันต้องหล่อ ๆ เซอร์ ๆ แสบ ๆ และก็ดุ ๆ ด้วยถึงจะดี นั่นแหละแม่ผู้ชายในฝันของลูกหนู” หญิงสาวพูดพร้อมกับทำตาฝันค้าง ผิดด้วยหรือไงที่จะชอบผู้ชายแบบนั้น ก็ปากเก่งแถมสวยจัดอย่างเธอเจอจืดชืดอย่างสุพจน์ชีวิตมันคงไร้รสชาติพิลึก อับเฉาเป็นเต่าล้านปีแย่

“แกจะบ้าหรือเปล่าวะนังลูกบ้า แบบที่แกว่ามันคงจะพวกค้ายาแล้วมั้ง หรือไม่งั้นก็ผู้ร้ายฆ่าคนตาย แกนี่น๊า มันอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่าวะ” สายธารด่ายาวเหยียด เพราะเวลาพูดถึงเรื่องนี้ทีไรลูกสาวเธอมักจะพูดแบบนี้อยู่เสมอ แล้วไอ้ผู้ชายบ้าที่ถูกสเปคตามที่ลูกสาวเธอว่ามาน่ะมันจะมีได้ยังไงคนดี ๆ ถ้ามีก็ต้องเป็นพวกแบบที่สายธารพูดมาแล้วนั่นแหละ

“ยังไงก็ช่างลูกหนูไม่แต่งเด็ดขาด ถ้าไม่ได้ผู้ชายแบบนั้น”

“ฉันถามแกจริง ๆ เถอะนังหนู นี่แกแอบคบกับพวกค้ายาบ้าอยู่หรือเปล่าแกถึงได้พูดแบบนี้ ห๊ะ”

“จะบ้าหรือเปล่าแม่ ลูกหนูไม่สิ้นคิดขนาดนั้นหรอก ที่พูดมาน่ะลูกหนูยังหาไม่เจอเลย”

“มันจะเจอได้ไงวะ คนดี ๆ เขาคงไม่มีแบบที่แกว่าหรอก ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนวะจะมาหล่อ เซ่อ แล้วก็ดุ ๆ แสบ ๆ เหมือนแกว่า ถ้าไม่ใช่พวกค้ายา หรือพวกฆ่าข่มขืนน่ะ”

“เค้าเรียกว่าเซอร์แม่ ไม่ใช่เซ่อ แล้วถ้าหากลูกหนูเจอล่ะแม่จะว่าไง ผู้ชายโครตหล่อ เซอร์ ๆ แสบ ๆ และก็ดุ ๆ แถมเป็นคนดีด้วย”

“ให้มันหาได้เถอะว่ะ ฉันจะยกแกให้มันฟรี ๆ ไม่เอาตังค์ซักบาทเลยว่ะ”

“แม่พูดจริงนะ”

“นังนี่มันยังไงวะ คุณพจน์ดีจะตายแกทำไมไม่เอาวะนังหนู แกจะได้สบายไง มัวแต่รอไอ้พวกบ้าที่แกว่าอยู่ได้”

“แม่อยากสบายแม่ก็แต่งเองแล้วกัน ลูกหนูไม่แต่งหรอก ลูกหนูจะหาของลูกหนูต่อไป แค่นี้นะแม่” พูดจบก็วางสายพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาฝากแม่ไปให้คนหล่อที่พูดถึงด้วย

หลังจากที่ได้เห็นรูปพร้อมหลักฐานของคนที่เป็นต้นเหตุให้คู่ขามาทำร้ายน้องชายเขาแล้ว อหังการ์ก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการกับผู้หญิงไร้ยางอาย วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากปั่นหัวผู้ชายเล่นคนนั้น ไปจัดการให้ได้ เขาต้องสั่งสอนให้ผู้หญิงคนนั้นรู้จักสำนึกบ้าง งานในไร่ของเขาก็มีมากมาย จับแม่นั่นไปหัดทำงาน และอบรมสั่งสอนมารยาทซักครึ่งปี แล้วค่อยปล่อยตัวกลับ จะได้ทำมาหากินเองไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นต่อไปข้างหน้าอีก จะได้ไม่มีคนไหนได้เจ็บตัวเหมือนน้องชายเขา วันนี้จึงเป็นวันที่สามแล้วที่อหังการ์มาเดินวนเวียนป้วนเปี้ยน ดูเหตุการณ์แถวร้านลีโอคาราโอเกะ ที่คมเดชบอก แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของผู้หญิงในรูป มือใหญ่เสยผมที่ปรกหน้าด้วยความหงุดหงิด เพราะจนป่านนี้น้องชายของเขายังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย เมื่อเช้าที่เข้าไปดู ก็เห็นสายระโยงระยางเต็มไปหมด ทั้งจมูกทั้งปาก เด็กหนุ่มที่อารมณ์ดีเป็นนิตย์ พูดจาสุภาพและเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะมีสภาพที่ดูไม่ได้แบบนั้น

“นายเชิด เอาแน่หรือครับ” เจตน์ถามเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ

“แน่สิวะ ฉันต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนั้นให้สำนึกให้ได้ งานการมีเยอะแยะไม่ทำ เอาแต่ใช้ร่างกายล่อหลอกผู้ชาย แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน” อหังการ์พูดพร้อมกับดวงตาคมที่กำลังลุกโชน จนคนได้มองถึงกับสยองแทนผู้หญิงคนนั้น ก็เจ้านายเขาน่ะ ใช่ย่อยเสียที่ไหน เด็ดขาดเป็นที่สุด ลูกน้องในไร่พากันกลัวหัวหด เวลาดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายใครก็เอาไม่อยู่

“ว่าแต่แกแน่ใจนะไอ้เจตน์ ว่าระหว่างที่ฉันเดินไปคุยโทรศัพท์กับอาดาเมื่อกี้ แกไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นผ่านตาบ้าง”

“ไม่เห็นครับ บางทีอาจหนีไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ได้ผมว่า”

“ก็ลองดูก่อนแล้วกันว่ะ ถ้าไม่เจอจริง ๆ ถือซะว่ายัยนั่นโชคดี ส่วนจิ๊บมันดันดวงซวย ช่วยไม่ได้”

“นาย นาย ดูนั่น ใช่ผู้หญิงในรูปหรือเปล่าครับ” จู่ ๆ เจตน์ก็ส่งเสียงดังชี้มือไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีร่างสวยของหญิงสาวเหมือนคนในรูปกำลังเดินกอดคอกับผู้ชายสามคนเดินข้ามมาฝั่งนี้ท่าทางหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินเข้าไปในซอยข้างร้านคาราโอเกะ หนอยยัยตัวแสบ น่าขยะแขยง สกปรกที่สุด ควงทีเดียวสามคนเลยหรือวะ

“แกอยู่นี่นะไอ้เจตน์เดี๋ยวฉันมา” อหังการ์พูดจบก็หยิบหมวกแก๊ปสีดำขึ้นมาใส่ แล้วรีบเดินตามคนทั้งสามไปห่าง ๆ


“ไม่นึกเลยนะว่านอกจากหน้าตาที่สวยบาดตาจนเลือดซิบของแกแล้ว แกจะทำกับข้าวอร่อยเป็นสับปะรดกับเค้าด้วย” พานุกระเซ้าเพื่อน วันนี้เป็นวันหยุด พวกเขาเลยโทรมาชวนธารใสไปที่หอพัก แล้วซื้อกับข้าวมาทำกินกัน แล้วหลังจากนั้นก็พากันมาส่งเพื่อนจนถึงหอพัก

“เฮ้ย ไอ้นุแกเล่นกอดยัยลูกหนูคนเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนวะ ให้ฉันกอดมั่งเถอะ คนเขาจะได้ไม่ว่าฉันไร้คู่ เดินกับคนสวยอย่างมันนี่ หนุ่ม ๆ ที่เดินผ่านไปจะได้อิจฉาบ้าง” ธงชาติปัดมือเพื่อนออกแล้วกอดคอธารใสแทน

“โอ้ย พวกแกนี่มันยังไงกันวะ แย่งกันอยู่ได้ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ฉันเจ็บนะโว้ย ทีฉันจะเอาทำผัวแบบจริง ๆ จัง ๆ ดันเสือกไม่อยากเป็น ทีแบบนี้แล้วทำมาแย่ง ไปเถอะ ส่งแค่นี้ก็พอ ฉันเดินเข้าไปเองได้” ธารใสไล่เพื่อน เพราะตอนนี้ปาไปเกือบค่อนคืนแล้ว กลัวพรุ่งนี้พวกมันจะไปทำงานสาย อีกอย่างแค่ไม่กี่สิบเมตรก็ถึงหอพักของเธอ

“เออไปก็ได้วะ ว่าง ๆ แกอย่าลืมเอาของอร่อยไปจ่อถึงปากพวกฉันด้วยล่ะ เอ้านี่ค่าจ้าง ของไอ้ชาติกับไอ้นุมันด้วย” ธีรภพหยอกเพื่อนคนสวย ที่ทำอาหารได้เก่งไม่เป็นรองใคร พร้อมกันยื่นเงินค่าห้องกับค่าใช้จ่ายที่เคยตกลงกันไว้ว่าเงินเดือนออกแล้วจะช่วยให้กับหญิงสาว

“เออขอบใจว่ะ เอาไว้ว่าง ๆ ฉันจะไปให้พวกแกใช้บริการถึงที่เลย ไปนะ” อหังการ์ที่เดินสวนกับสามหนุ่มแล้วตามหญิงสาวไปได้แต่เบ้ปากกับประโยคของธารใส น่าเกลียด น่าไม่อายที่สุด เอาเรื่องพวกนี้มาคุยกันได้ ไอ้หนุ่มหน้าโง่พวกนั้นก็คงจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงเลว ๆ คนนี้แบบสะท้านกรุงน้องชายของเขา ว่าแต่ยัยนี่ทำได้ยังไงนะ ควงทีเดียวสามคนเลย

“ไอ้เจตน์ตอนนี้ฉันอยู่ที่หอพักที่เป็นตึกสีเหลืองเก่า ๆ อยู่สุดซอยแกเอารถเข้ามาได้เลย” อหังการ์โทรศัพท์บอกลูกน้อง พร้อมกับเท้าใหญ่ก็เดินตามหญิงสาวไปเงียบ ๆ

ดวงตาคู่สวยเหลียวมองไปรอบ ๆ ตึกก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก สังคมของคนกรุงเทพฯ ที่ต่างคนต่างอยู่ทำให้ทุกคนไม่สนใจกัน แถมยังไม่พอ หอเธอยังดูวังเวงร้างไร้ผู้คนซะอีก เพราะคนที่พักที่นี่ที่เหลือไม่กี่ห้องก็เป็นพวกคนทำงานโรงงานทั้งนั้น บ้างก็เข้ากะดึก บ้างก็เข้ากะเช้า เลยไม่ค่อยมีคนอยู่ แถมไฟยังปิดหมดทุกห้อง ไฟด้านหน้าหอพักก็มาเสียอีก คนดูแลก็ไม่เคยใส่ใจจะดูแล มองดูแล้วเหมือนหนังสยองขวัญประเภทหอพักอาถรรพ์หอผี หออะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวกับผี ชวนขนหัวลุกชอบกล

มือเล็กไขกุญแจห้องแล้วเดินเข้าไปด้านใน เปิดสวิทซ์ไฟที่อยู่ด้านข้างประตู วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กบนหัวนอนที่มีที่นอนแบบปิคนิคพับไว้ ถอดเสื้อผ้าออกจากกายสวยแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ คิดหนักใจกับเรื่องการหางานจนหัวแทบระเบิด หลังจากที่อาบน้ำและขัดสีฉวีวรรณร่างกายจนเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบชุดนอนขึ้นมาสวมใส่ พร้อมกับกางเกงชั้นใน แต่ไม่ใส่บราเซียร์ เวลานอนใครเขาก็ไม่ใส่ทั้งนั้นแหละ ใส่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงได้เป็นมะเร็งกันพอดี

ทว่า ขณะที่กำลังใส่ชุดนอนแบบกระโปรงเนื้อบางเบาพร้อมกับตั้งอกตั้งใจดึงผ้าขนหนูให้พ้นจากร่าง จากนั้นก็โยนผ้าขนหนูให้หล่นปุไปตรงตะกร้ามุมห้อง ก้มมองดูความเรียบร้อยของตัวเองตาคู่สวยก็ปะทะเข้ากับเท้าใหญ่ที่อยู่ในรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่ง ตาคู่สวยไล่มองจากด้านล่างขึ้นมาด้านบนก็พบกับหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ที่ตาคมกริบของเขากำลังจ้องมองมาทางเธอ หญิงสาวสำรวจคนตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึง คิ้วหนาเข้มสีดำ ดวงตาคมกริบค่อนข้างดุ จมูกโด่งสวยคมสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจกับผมทรงรากไทรยาวระต้นคอที่ยาวปรกหน้าเล็กน้อย อยู่ในชุดกางเกงขายาวทรงทหารผ้าเนื้อหนาสีเขียวอ่อนกับเสื้อยืดสีขาว มือใหญ่ข้างหนึ่งกำลังถือหมวกแก็ปอยู่ สรุปแล้ว หล่อโครต ๆ เซอร์ ๆ ตามสเปค แถมหล่อแบบไทย ๆ ตาไม่ตี่ แต่เฮ้ย ยายลูกหนูตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาตะลึงกับความหล่อนะโว้ย ว่าแต่พี่หล่อคนนี้เข้ามาทำไม เข้ามาตอนไหนวะ ทำไมตอนเปิดประตูถึงไม่ได้ยิน แล้วเข้ามาได้ยังไงเนี่ย

“เอ่อ ขอโทษค่ะพี่ ลูกหนูว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แล้วพี่เข้าห้องลูกหนูมาได้ยังไง” อหังการ์มองผู้หญิงตรงหน้า ดวงหน้าเล็กเป็นรูปไข่ คิ้วเรียวสวย จมูกโด่งเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อย กับปากแดง ๆ ไร้เครื่องสำอางใด ๆ ร่างสวยผุดผาดขาวนวลเนียนเป็นน้ำนมอยู่ในชุดนอนผ้าบางเบาที่ด้านล่างใส่แต่เกงกางในสีขาวตัวจิ๋วเพียงตัวเดียว ส่วนด้านบนหน้าอกขาวอวบชูชันกำลังดันเนื้อผ้าออกมา รวมความว่าสวยบาดตา และเป็นอันตรายกับหัวใจที่สุด

“ใช้วิธีนี้บ่อยหรือไง” อหังการ์ชูพวงกุญแจที่หญิงสาวเสียบคาไว้กับลูกบิดขึ้นมา ธารใสถึงกับยิ้มแหย ๆ ให้กับนิสัยขี้ลืมของตัวเอง ลืมกุญแจเสียบไว้ยังไม่เท่าไหร่ ดันลืมใส่กลอนด้านในด้วยนี่สิ ดีนะที่คนที่เข้ามานี่หล่อเหลือร้ายก็ยังพอทำใจ ถ้าหากหน้าตาน่าเกลียดล่ะก้อเสียของหมด แต่ไม่ว่ายังไงก็เถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมายืนโชว์ให้เขาดู ดังนั้นมือเล็กจังควานไปยังด้านหลังหาผ้ามาปิดกายแต่ก็หาไม่เจอ มือทั้งสองข้างจึงยกขึ้นปิดหน้าอกเป็นอันดับแรก เท้าเล็กค่อย ๆ ถอยหนี

“มันก็ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่หรอกพี่ แต่ทุกวัน” ธารใสแปลความหมายคำถามของอหังการ์ไปอีกทาง เพราะใจมัวแต่พะวงกับการหาผ้ามาปิดบังของสงวน เกิดมาเป็นสาวจนป่านนี้ยังไม่มีใครเคยได้เห็นเลยนะจะบอกให้ แม้แต่แม่ก็เถอะ แต่พี่หล่อคนนี้เป็นใครวะ ดันมาเห็นของเราซะเกือบหมด

“เอ้าเอาไป” อหังการ์ยื่นพวงกุญแจให้กับธารใสที่กำลังถอยหนี

“พี่เอาวางไว้ตรงโต๊ะก็ได้ เดี๋ยวลูกหนูหยิบเอง” ใจดวงเล็กเต้นตูมตามเมื่อหนุ่มรูปหล่อ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้เพื่อยื่นกุญแจห้องให้เธอ

“อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเอามาคืนให้ ทำไมไม่มารับเองล่ะ” อหังการ์พูดพร้อมกับหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ตาคู่สวยกำลังมองเขาอย่างระแวดระวัง

“ขอบคุณค่ะพี่ที่ช่วยเอาเข้ามาให้ และก็ขอโทษด้วยนะคะที่ลูกหนูไม่สามารถไปรับเอากับมือพี่เองได้”

“ทำไมรังเกียจกันหรือไง หรือกลัวว่าฉันจะไม่มีเงินจ่าย” ธารใสนิ่วหน้ากับประโยคของเขา หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลาแต่ทำไมพูดอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้วะ

“ลูกหนูไม่สนหรอกนะว่าพี่จะมีเงินหรือไม่มี แต่ตอนนี้ลูกหนูว่า ในเมื่อพี่เอากุญแจมาคืนแล้วก็ควรจะออกไปด้วยนะคะ เอาไว้วันหลังลูกหนูจะไปขอบคุณพี่ถึงที่เลย” ถึงจะหล่อขนาดไหน แต่ตอนนี้ลูกหนูอยู่ในสภาพเสียเปรียบนะพี่หล่อ ทำไมไม่เจอกันในสภาพที่ดีกว่านี้ก็ไม่รู้

“ฮึ จะให้รีบออกไปไหน ชอบไม่ใช่หรือไง แบบนี้”

“มันก็ชอบหรอกนะหล่อ ๆ แบบพี่เนี่ย แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าพี่ให้ลูกหนูแต่งตัวสวย ๆ ก่อน” ขนาดเจอสถานการณ์คับขันหญิงสาวก็ยังไม่วายเถียง พร้อมกันนั้นเท้าเล็ก ๆ ก็เดินถอยหลังไปด้วยจนเกือบลนลาน เมื่อร่างสูงใหญ่ของอหังการ์ก้าวเดินเข้าไปหาอีก

“พี่จะเข้ามาทำไม บอกแล้วไงว่าให้ลูกหนูแต่งตัวให้ดีกว่านี้ก่อน” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีกว่านี้ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาจนเกือบใกล้ เท้าเล็กถอยร่นไม่เป็นขบวน ก่อนที่สติจะดับวูบเมื่อชายหนุ่มเอาบางอย่างมาโปะบนจมูกเธอ

อหังการ์รับร่างสวยไว้ก่อนที่จะทรุดฮวบ หน้าอกที่เขาเห็นรำไรเมื่อครู่ตอนนี้กลับกระจ่างอยู่ในสายตาเพราะว่าร่างสวยที่ถูกเขาเอายาสลบโปะจมูกนั้น แผ่นหลังด้านบนถูกแขนแกร่งของเขารับไว้จนหน้าอกคู่งามแอ่นขึ้นมาล่อสายตาของเขา ตาคู่คมสำรวจดวงหน้าสวยใกล้ ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวหอมรัญจวน ปากแดงจิ้มลิ้มอวบอิ่มน่าสัมผัส ปากหนาเคลื่อนเข้าใกล้ก่อนชะงัก หนอยยยยายตัวแสบ เธอนี่มันเป็นอันตรายกับหัวใจจริง ๆ ขนาดไม่มีสติแบบนี้เธอยังบังอาจมาอ่อยฉันได้ แม่วันทองตัวดี เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่

เจตน์แอบมองเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังรถ ที่หลังจากอุ้มผู้หญิงสวยที่เป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์สีชมพูออกมาจากหอพักหลังทรุดโทรมโดยไร้เงาคนสนใจ เพราะอยู่ด้านในสุดซอย แถมมืดตื๋อ แล้วก็อุ้มไว้ไม่ยอมปล่อยให้นอนคนเดียวด้านหลัง จนเขาแปลกใจ แต่จะถามก็ไม่กล้า เกิดพูดไม่ถูกหูเข้าอาจโดนเตะ

“แกจะมองหน้าฉันทำไมนักหนาวะไอ้เจตน์” อหังการ์ที่เห็นลูกน้องคู่ใจเหลือบมองตัวเองกับคนที่นอนบนตักหลายครั้งก็อดถามไม่ได้ จนคนแอบมองถึงกับสะดุ้ง

“เปล่าครับนาย ผมแค่อยากเห็นหน้าคนที่บังอาจทำร้ายคุณจิ๊บก็เท่านั้น” อหังการ์ถึงกับกัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์เอาเสื้อคลุมอาบน้ำสีชมพูลายเต่าตัวน้อยที่หญิงสาวแขวนไว้มาสวมให้ เพื่อปิดบังเนื้อนวลให้รอดพ้นจากสายตา แล้วที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งให้ยัยสวยแสบนี่อยู่บนตักของเขาก็เพราะกลัวว่าหากปล่อยให้นอนคนเดียวด้านหลัง เวลารถกระเทือนอะไรต่อมิอะไรของยัยนี่อาจจะออกมาล่อสายตาลูกน้องของเขา ขนาดตัวเขาเองยังทานเสน่ห์แม่นี่ไม่ไหวทั้งที่เคยเห็นคนสวยมามากมาย แล้วอย่างลูกน้องเขาล่ะ ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดผู้หญิงสวยซักเท่าไหร่ เกิดหลงเสน่ห์ยัยนี่ขึ้นมาก็แย่เลย

“แกไม่ต้องเสือกไอ้เจตน์ แล้วก็ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ด้วย ใครถามก็บอกว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ของไร่เราแกเข้าใจที่พูดหรือเปล่า”

“เข้าใจครับ” เจตน์ตอบแบบหวาด ๆ

“เข้าใจก็หันกลับไปได้แล้ว ไอ้เจตน์ ห้ามมองมาอีก ไม่งั้นฉันจะควักลูกตาแก” อหังการ์เอ่ยคาดโทษ พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

“มีอะไรหรือครับอาดา”

“จิ๊บฟื้นแล้วจ๊ะเชิ๊ต ”

“จริงหรือครับ” อหังการ์ดีใจ

“จริงสิ แต่...”

“แต่อะไรครับอาดา” เสียงที่ขาดหายทำให้อหังการ์ร้อนใจ กลัวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับน้องชาย

“จิ๊บ จำอะไรไม่ได้ซักอย่างเลยน่ะเชิด อาจะทำยังไงดี”

“แล้วคุณหมอว่ายังไงครับ” หลังจากที่นิ่งไปอึดใจอหังการ์ก็ถามขึ้น

“คุณหมอบอกว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เลยทำให้สูญเสียความทรงจำไป”

“แล้วคุณหมอเขาแนะนำว่ายังไงบ้างครับ”

“เขาบอกว่าถ้าหากจิ๊บหายแล้วให้พามาพักฟื้นที่บ้าน ให้พยาบาลพิเศษที่เชี่ยวชาญมาคอยดูแลน่ะ”

“แล้วคุณหมอบอกว่านานหรือเปล่าครับ กว่าจะจำได้”

“เขาบอกว่ามีโอกาสเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเชิด อาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

“อาดาอย่าคิดมากสิครับ มีตั้งสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะหายเราต้องคิดสิ่งดี ๆ ไว้ เชื่อผมนะครับ”

“แล้วตอนนี้เชิดอยู่ไหน”

“ผมกำลังจะกลับไร่ครับ ทิ้งมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจะโทรบอกให้คุณแม่ไปอยู่เป็นเพื่อนอาดานะครับ” หลังจากวางสายไปแล้วอหังการ์ก็ก้มมองคนที่กำลังนอนอยู่บนตักของเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ อย่างเธอนี่มันต้องใช้งานให้หนัก จะได้ทำงานเป็น รู้จักหาเงินใช้โดยวิธีสุจริตบ้าง จะได้ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครอีก


เสียงนกที่ร้องกันเซ็งแซ่ปลุกธารใสให้ตื่นขึ้น ตาคู่สวยเปิดปรือ ก่อนกระพริบถี่ ๆ เมื่อเพดานที่เธอเห็นดูแปลก ๆ ทำไมเพดานเป็นไม้ หันมองรอบตัวก็พบแต่ฝากระดานไม้ หญิงสาวทะลึ่งพรวด มองสำรวจทั่วห้อง เธอนอนอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่สร้างด้วยไม้ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องเก็บของ เพราะมีไม้กวาด ที่ตักขยะ ผ้าถูพื้น ฯลฯ แกบ้าหรือเปล่านะยัยลูกหนูตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสำรวจห้องนะ คิดสิคิด ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใช่สิเมื่อคืนพี่หล่อคนนั้นเข้าไปหาเราที่ห้อง เพราะความสะเพร่าของแกนะยัยลูกหนูที่เสือกลืมกุญแจเสียบคาไว้ที่ประตู พอเราอาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาเจอพี่หล่อนั่น เอ้ยอาบน้ำเสร็จแล้วก็ใส่แต่ชุดนอนนี่หว่า ตายแล้วพี่หล่อนั่นได้ทำอะไรเราหรือเปล่าวะ ถ้าทำก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้ทำนี่สิคงต้องคิดหนักก็หล่อซะขนาดนั้น เอ้ยคิดบ้า ๆ อะไรของแกวะยัยลูกหนู แล้วความคิดสับสนก็หยุดลงเพียงเท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ร่างสวยของธารใสถึงกับขยับถอยหนีด้วยสัญชาตญาณ

ตาคมดุของอหังการ์มองอาการที่หญิงสาวขยับตัวหนี ทำท่าระแวดระวังด้วยแววเยาะหยัน หลังจากที่ออกมาจากหอพักของธารใสแล้ว เขาก็ให้เจตน์ขับรถออกมาจากกรุงเทพฯ มาถึงเชียงรายเมื่อเวลาเช้า เขาจึงนำร่างของหญิงสาวมาโยนไว้ในห้องเก็บของ เข้ามาดูหลายรอบแล้วก็ไม่ยอมตื่นซักที จนตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว เขาจึงเข้ามาดูอีกครั้ง พอเปิดประตูก็เห็นหญิงสาวขยับถอยหนี

“ไม่ต้องมาทำเป็นกลัวหรอก ทำยังกะไม่เคย ผู้หญิงอย่างเธอต่อให้แก้ผ้าต่อหน้า ฉันยังไม่อยากจะมอง อีกอย่างฉันไม่ชอบผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาแล้วมากหน้าอย่างเธอ” ธารใสได้แต่อ้าปากค้าง กระพริบตาปริบ เมื่อได้ยินประโยคที่หนุ่ม(โครต)หล่อตรงหน้าพูดมา พี่หล่อนี่คงกำลังเข้าใจอะไรเธอผิดอยู่แน่ ๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็เถอะ แบบนี้น่ะมันเป็นการดีแล้ว เธอจะได้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกาหล่อ ๆ อย่างเขา ตอนนี้คงต้องเอาตัวรอดไปก่อน เห็นหล่อ ๆ แบบนี้อาจเคยข่มขืนแล้วฆ่าใครมาบ้างแล้วก็ไม่รู้

“แหมพี่ละก้อ รู้ได้ไงเนี่ย ว่าลูกหนูมีผัวมาแล้วตั้งหลายคน เอเท่าไหร่หน้า ถ้าพี่ไม่พูดลูกหนูก็คงลืมไปเลย เอ หนึ่ง สอง สาม ....สิบ ว้าจำไม่ได้แล้ว” ธารใสจีบปากจีบคอพูด พร้อมทั้งนับนิ้วไปด้วย ทำท่าน่าหมั่นไส้ เหอะขอเอาตัวรอดไว้ก่อน กะอีแค่คำพูดมันจะเสียหายซักเท่าไหร่ แต่ขืนไม่พูดไป อาจจะได้เสียหมดตัวก็เป็นได้ ใครจะรู้

“งั้นเธอจะบอกว่า จำผู้ชายที่ชื่อสะท้านกรุงไม่ได้งั้นสิ” หญิงสาวไม่ตอบแต่ส่ายหน้าจนผมเส้นละเอียดตรงสลวยซอยไล่ระดับจนถึงกลางหลังกระจายตามแรง ก่อนจะได้ยินคำพูดเหมือนเยาะออกมาจากปากหนาได้รูปของเขา

“หึ มันก็แน่ล่ะสิ เพราะบางทียังไม่ทันได้ถามชื่อ เธอก็คงอ้า..” อหังการ์พูดค้างไว้ก่อนจะใช้สายตามองเหยียดเธอตั้งแต่หัวจนจรดเท้า แล้ววกขึ้นมาหยุดตรงจุดชวนสงวนของเธอด้วยท่ามีเหยียด ๆ

“อ้า...รับซะหมด” จากท่าทางและคำพูดที่ชายหนุ่มสื่อออกมานั้น ไม่ได้ทำให้ธารใสโกรธหรือกลัวซักนิด แต่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าเธอไปรู้จักคนชื่อพิลึกกึกกือแบบนี้ที่ไหน ยิ่งสาระบบเพื่อนแล้วยิ่งไม่มีใหญ่ ฟันธงล้านเปอร์เซ็นต์ แล้วความคิดก็ต้องสะดุดลงแค่นั้น เมื่อมือใหญ่กระชากตัวเธอเข้าไปใกล้จนหน้าแทบชิดกัน แล้วตะคอกด้วยเสียงอันดัง จนแสบแก้วหู

“งั้นเรื่องที่เธอใช้คู่ขากระทืบน้องชายฉันจนปางตาย เธอก็จะปฏิเสธด้วยงั้นสิ ห๊า” หญิงสาวส่ายหน้าดิกกับคำกล่าวหานั้น แต่ก็หยุดคำพูดไว้ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมา เพราะดูท่าคนตรงหน้านี้กำลังโกรธจัด แถมยังจับคนมาผิดอีกต่างหาก ถึงจะไม่ได้กลัวเขา เพราะหญิงสาวมีแต่เพื่อนผู้ชายที่เล่นหัวกันมาแต่เด็กตั้งแต่อนุบาลยันจบมัธยมปลาย เช่นธีรภพ ธงชาติ พานุ และอีกหลายคน จนรู้จักนิสัยและเข้าใจผู้ชายค่อนข้างดี แต่ยังไงก็ไม่ควรประมาท เกิดพี่หล่อนี่ฆ่าเราทั้งที่ยังไม่ได้ข่มขืน เอ้ยเลอะเทอะแล้วยัยลูกหนู เกิดพี่หล่อนี่ฆ่าเราทั้งที่ยังไม่ได้รู้ความจริง หรือเอาเราไปโยนถวายคนอื่นก็ซวยตาย เลยต้องสงบปากสงบคำ ทำสงบเสงี่ยมเจียมตัว ให้รู้อะไรมากกว่านี้ก่อน แบบสุภาษิตของขงเบ้ง เอ๊ะ หรือจะเป็นขงจื้อวะ จะขงอะไรก็ช่างเถอะ ที่บอกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนั้นมันก็ยังไม่สาย อหังการ์มองตาคู่สวยที่เหมือนครุ่นคิด คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนเกือบเป็นปม แล้วยังจะปากบางชวนสัมผัสที่กำลังขบกันอย่างใช้ความคิดนั้นด้วยความโมโห ดูสิเจอขนาดนี้แม่คุณจะตระหนกหรือสำนึกซักนิดก็ไม่มี แต่กลับทำท่าเหมือนจะหาทางหนีทีไล่แบบนี้มันน่านัก
“คิดจะหนีหรือไงแม่วันทอง” เสียงทุ้มตะคอกถาม

“ลูกหนูชื่อธารใสจ๊ะพี่ หรือจะเรียกว่าลูกหนูก็ได้” มั้ยล่ะยัยลูกหนู ปากแกเนี่ยพาลหาเรื่องแล้วมั้ยล่ะ ดูตาคมกริบนั่นสิแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ก่อนจะยิ้มแหย ๆ แบบสำนึกได้

“ลูกหนูไม่หนีหรอกพี่ ถ้ายังนึกชื่อคนที่พี่พูดถึงยังไม่ออก” จะไปออกได้ยังไงวะ ก็ไม่เคยรู้จัก อันนี้ต่อเอาเองในใจ แถมเราก็ยังไม่เคยมีคู่ขา มีแต่ขาสวย ๆ คู่เดียวนี่แหละ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือหล่อ ๆ เข้าไว้ อหังการ์ผลักร่างสวยจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า ส่งผลให้ชุดนอนถลกขึ้นไปจนเห็นชั้นในตัวจิ๋วที่แทบจะปิดอะไรไม่มิด แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้ตัวซักนิด เพราะมัวแต่คลำสะโพกป้อย ๆ ด้วยความเจ็บ ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ

“คิดจะอ่อยฉันหรือไง เสียใจด้วยนะ สำหรับเธอน่ะ ฉันกลืนไม่ลง ถ้าชอบมากนักจะให้ไอ้พวกข้าง
นอกมันมาทำให้เอามั้ยล่ะ” ธารใสเสียวสันหลังวูบกับคำพูดนั้น ก้มมองตัวเองก่อนมือบางจะรีบตะครุบเสื้อคลุมปิดของสงวนนั้นทันที

“อย่าทำแบบนั้นนะพี่ ลูกหนูไม่อยากทำบาป เดี๋ยวเกิดคนของพี่ติดโรคจากลูกหนูแล้วจะแย่” เอาวะยัยลูกหนู ยอมเป็นคนหน้าด้านไว้ก่อน เพื่อเอาตัวรอด และคำพูดนั้นก็ได้ผล เมื่อสายตาคมมองเธอด้วยความรังเกียจ

“เธอนี่มันสกปรก น่าขยะแขยงที่สุด แล้วอย่าพยายามอ่อยคนของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นโดน” พูดจบชายหนุ่มโครตหล่อก็เดินออกจากห้องแถมปิดประตูใส่หน้าเธอจนสนั่นหวั่นไหว ธารใสได้แต่แอบค้อนพร้อมทั้งแลบลิ้นปลิ้นตากับประตู ฝากไปให้คนรูปหล่อด้านนอก

ผู้ชายอะไรปากร้ายที่สุด แต่ก็หล่อโครต ๆ เจอคนหล่อมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีใครคนไหนสั่นคลอนหัวใจดวงน้อยได้ซักครั้ง เอาวะมันคงไม่มีอะไรจะซวยมากกว่านี้อีกแล้วมั้ง ตกงาน กระเป๋าหาย แถมถูกใส่ร้าย โดนจับตัวมาผิด แต่อย่างน้อยผู้ร้ายก็หล่อซะจนสะเทือนไปทั้งใจ แค่สบตากันครั้งแรกก็แย่งเอาหัวใจเธอไปซะแล้ว








หนึ่งเดียว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2554, 10:35:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2554, 12:50:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1848





<< 2.เนี่ยนะนางเอก   4.สู้ตายแบบธารใส >>
gozilar 3 ส.ค. 2554, 12:56:38 น.
รอตามดูธารใสคะ น่าสนุกดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account