มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 1


ร่างบอบบางอยู่ในชุดกระโปรงสูทสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เธอคว้ากระเป๋าใบโปรดขึ้นมาสะพาย

แล้วก้าวออกมาจากบ้านไม้หลังเล็กในซอยที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ต่างก็ทักทายกันตามประสาคนคุ้นเคย

ใบหน้าเรียวเล็กถูกแต่งแต้มอ่อนๆ ขับผิวสีน้ำผึ้งของเจ้าตัวให้นวลเนียน อ่อนหวานด้วยดวงตางามซึ้งชวนฝัน ริมฝีปากบางสีระเรื่อ รับกับจมูกเล็กโด่งอย่างพอเหมาะพอเจาะ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังก็ดูมีสุขภาพดีน่ามอง


เจ้าของร่างบอบบางก้าวไปอย่างมีจังหวะจะโคน จุดมุ่งหมายคือหน้าปากซอยที่มีรถเข็นขายของตั้งเรียงรายกันอยู่ริมฟุตบาท ในตอนเช้าแบบนี้ของที่ขายจะเป็นอาหารต่างๆ เสียส่วนใหญ่


“จะไปทำงานแล้วเหรอหนูพลอย” แม่ค้าขายข้าวโพด ถั่วต้มตรงหัวมุมของฟุตบาทถาม หญิงสาวคลี่ยิ้มบางก่อนตอบ

“เดี๋ยวพลอยต้องช่วยแม่เตรียมของให้เสร็จก่อนค่ะป้าน้อย แล้วถึงจะไปค่ะ” ว่าแล้วก็รีบตรงไปยังล้อเข็นขายข้าวแกงถุงที่อยู่ข้างๆ ป้าน้อย

ซึ่งมีหญิงวัย 50 กว่าปี ร่างเล็กบาง แต่ดูแข็งแรงคล่องแคล่ว กำลังง่วนอยู่กับการตักกับข้าวใส่ถุงพลาสติก เป็นถุงๆ เตรียมขายตามปกติ

“โชคดีจริงๆ แม่พร ที่มีลูกสาวน่ารักอย่างหนูพราว หนูพลอย คอยช่วยแม่อยู่ตลอด หนูพลอยแม้จะทำงานทำการแล้วก็ยังมาช่วยแม่ในยามว่าง หนูพราวเองแม้จะอยู่ไกลแต่ก็กลับมาหาแม่เกือบทุกอาทิตย์” ป้าน้อยเอ่ยชมลูกสาวทั้งสองของ นางอัมพร

ซึ่งนอกจาก วาวพลอย แล้ว พี่สาวคนโตที่รับราชการเป็นตำรวจชั้นประทวนอยู่แถบชานเมือง ก็จะกลับมาบ้านในวันหยุดอยู่เสมอ

“ดูนังเปิ้ลลูกฉันสิ งานการก็ไม่ทำ ให้มาช่วยขายของก็ไม่มา เห็นเป็นเรื่องน่าอาย วันๆ มีแต่แบมือขอ’ตังส์ คิดๆ แล้วมันน่านัก” ตอนท้ายอดไม่ได้จะเปรียบเทียบกับลูกของตน ท่าทางเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย นางอัมพรมองเพื่อนร่วมอาชีพอย่างเข้าใจ

“เอาน่าแม่น้อย ยังไงมันก็ลูก เราเอาไปทิ้งที่ไหนก็ไม่ได้ ทำใจดีๆ เอาไว้ แล้วค่อยสั่งค่อยสอนกันไปให้ดีที่สุด ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ทำให้สุดความสามารถของเราก่อนก็แล้วกันนะ” ก่อนออกปากปลอบไป

ขณะที่ลูกสาวคนเล็กวางกระเป๋าสะพายลงตรงชั้นใต้ล้อเข็น แล้วจึงเริ่มลงมือช่วยแม่ทำงานเหมือนทุกเช้า

“แล้วไม่รีบไปทำงานเหรอลูก รถติดมากหรือเปล่าไม่รู้วันนี้” นางอัมพรถาม

วาวพลอยนั้นทำงานอยู่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนแห่งหนึ่ง แม้ไม่ไกลจากบ้าน แต่ก็เป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดเป็นอันดับหนึ่ง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวโก๋มันออกมาวิ่งวิน พลอยจะให้มันไปส่งที่ทำงานเอง”

โก๋ ที่หญิงสาวพูดถึงก็คือหลานชายกำพร้า ที่ผู้เป็นมารดารับเลี้ยงร่วมกันมากับเธอและพี่สาวตั้งแต่เด็ก นางอัมพรเองก็รักเหมือนลูกอีกคน โก๋จึงเป็นน้องคนเล็กของบ้านไปโดยปริยาย ซึ่งโก๋ยึดอาชีพขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่หน้าปากซอยทางเข้าชุมชนนี่เอง

“อ้าว แล้วทำไมมันไม่ออกมาพร้อมหนูล่ะลูก อย่าบอกนะว่าไอ้ตัวขี้เกียจมันยังไม่ตื่น” ปากคุยไป ส่วนมือของทั้งคู่ก็ทำงานไปด้วยไม่หยุด

“ตื่นแล้วค่ะแม่ แต่กำลังอาบน้ำ กินข้าวอยู่ พลอยอยากมาช่วยแม่ก็เลยออกมาก่อนน่ะค่ะ” วาวพลอยรีบบอกกลัวมารดาจะบ่นน้องไปมากกว่านี้

จากนั้นสองแม่ลูกจึงช่วยกันขายอาหารและข้าวให้กับลูกค้า ที่มีทั้งซื้อไปทานเองและใส่บาตร เพราะหน้าปากซอยจะมีพระภิกษุบิณฑบาตผ่านทุกเช้า เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ทำบุญตักบาตร

“แม่ว่าเดี๋ยวหนูใส่บาตรเสียหน่อยดีกว่านะลูก” นางอัมพรบอกลูกสาว พลางหันไปหยิบชุดใส่บาตรที่ได้เตรียมเอาไว้ หญิงสาวรับคำ ก่อนจะนำของไปใส่บาตรกับพระภิกษุรูปที่กำลังบิณฑบาตผ่านมาพอดี

“เจ๊พลอย ไป’ยัง” เด็กหนุ่มวัยประมาณสิบแปดปีร้องถามขึ้นเสียงดัง ขณะที่วาวพลอยกำลังรับพรจากพระเสร็จพอดี

“มาถึงก็ส่งเสียงคับเมืองเชียวนะเจ้าโก๋ ไม่เห็นเหรอว่าพี่เค้ากำลังทำอะไร ไม่เกรงใจพระใจเจ้าเลยนะเอ็ง” นางอัมพรอดไม่ได้จึงดุขึ้น

“โธ่... ป้า มันต้องใช้เสียงอย่างนี้สิ ถึงจะได้ยินชัดเจน” โก๋ต่อคำอย่างไม่มีสลด วาวพลอยหันไปหยิบกระเป๋ามาสะพาย

“แม่ขา พลอยไปก่อนนะคะ” หญิงสาวหันไปไหว้มารดา นางอัมพรก็ให้พรตามปกติ

“โชคดีจ้ะลูก โก๋เอ็งขับรถดีๆ นะ” ไม่วายสั่งหลานชายในตอนท้ายด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงป้าพร เซียนโก๋ซะอย่าง สบายไปแปดอย่าง” โก๋โอ่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“มัวแต่โม้อยู่นั่นแหล่ะ ตอนสายๆ อย่าลืมแวะมาดูแม่นะโก๋ ช่วยแม่เก็บของด้วย” วาวพลอยสั่งน้องชายในตอนท้าย

“แล้วตอนบ่ายพาแม่ไปตลาดด้วย อย่าแถนะโก๋! โห... สั่งจังเจ๊ สั่งทู้ก... วัน จนมันกลายเป็นโปรแกรมติดตัวโก๋ไปถึงชาติหน้าแล้วเนี่ย” โก๋บ่นหน้ามุ่ย

หญิงสาวหัวเราะพลางเอื้อมมือไปผลักหัวน้องอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ และพากันออกไปสู่ถนนใหญ่ โดยมีสายตาของนางอัมพรมองตาม รอยยิ้มแต้มใบหน้าของนางบางๆ

“ขยันจริงๆ ฉันเห็นหนูพลอย หนูพราวมาตั้งแต่เด็ก เห็นแต่ช่วยทำงานไม่หยุดไม่หย่อน ดูซิขนาดหนูพลอยทำงานประจำแล้วก็ยังมาช่วยแม่อีกทุกเช้า นับว่าเป็นโชคดีที่แม่พรได้ลูกดีแบบนี้” แม่ค้าขายดอกไม้และพวงมาลัย ที่อยู่ตรงข้ามกันเปรย

พลางมองตามสายตาของนางอัมพร เพราะความที่เป็นเพื่อนแม่ค้าอยู่ร่วมกันมาเป็นสิบๆ ปี จึงรับรู้ความเป็นไปของแม่ลูกบ้านนี้เป็นอย่างดี

“ฉันเองก็ภูมิใจที่เลี้ยงลูกมาได้แบบนี้ จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากไม่มีฉันอยู่ด้วย ฉันเชื่อว่าลูกๆ คงสามารถรับมือกับทุกอย่างได้เป็นอย่างดี”

“พูดอะไรอย่างนั้นเล่าแม่พร สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดี จะไม่มี ไม่อยู่ได้ยังไงเล่า พูดเป็นลาง ถึงหนูพลอย หนูพราวมันจะรับปริญญา ทำงานทำการแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการ ยังไงเสียอย่างแม่พรต้องได้อยู่เลี้ยงหลานอยู่แล้วล่ะน่า เผลอๆ อาจจะได้เลี้ยงถึงเหลน โหลนไปโน่น” แม่ค้าขายดอกไม้ปลอบพร้อมกระเซ้าในตอนท้าย

“ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันพี่สุข” นางอัมพรบอก พลางซ่อนแววกังวลเอาไว้ โดยไม่ให้เพื่อนรู้

*-*-*-*-*-*

วาวพลอยกลับมาถึงหน้าปากซอยในตอนสามทุ่มของวันนั้น เลยเวลาเลิกงานตามปกติเพราะมีโอที. หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเมื่อไม่เห็นโก๋อยู่รอรับตรงวินตามปกติเช่นทุกวัน พวกคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็บางตากว่าที่เคย

“อ้าว หนูพลอยกลับมาแล้วเหรอ” ชายวัยประมาณห้าสิบกว่าปี สวมเสื้อกั๊กสีเขียวมีหมายเลขติดด้านหลังร้องถาม พลางจ้ำอ้าวออกมาจากเพิงพักของกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างข้างทาง

“ค่ะลุงจันทร์ นี่โก๋ไปส่งลูกค้าหรือคะ” หญิงสาวถามถึงน้องชาย

“เปล่าหรอก มันกลับเข้าบ้านไปแล้ว พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ลุงว่าหนูรีบกลับเข้าบ้านก่อนเถอะ”

คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างรุ่นราวคราวลุงที่คุ้นเคยกันเหมือนเป็นญาติสนิทบอกด้วยท่าทางติดวิตก พลางสตาร์ทมอเตอร์ไซด์รอ วาวพลอยรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง

“เรื่องอะไรคะลุง” เธอถามเสียงร้อนรน ขณะรีบขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์

“ลุงว่าหนูไปดูเองดีกว่า”











**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6

NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%

E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%

E0%B9%81%E0%

B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2559, 14:27:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2559, 14:27:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 979





<< บทนำ   บทที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account