มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 2


พอไปถึงบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กตรงท้ายซอย รถมอเตอร์ไซด์ของโก๋จอดอยู่ก่อนแล้ว มีเพื่อนบ้านสอง-สามคนออกมาจากข้างใน หญิงสาวไม่รอช้า พอลงจากมอเตอร์ไซด์ได้ก็ถลันเข้าไปในบ้าน

“แม่คะ โก๋ เกิดอะไรขึ้นคะ... ” เจ้าของร่างบอบบางชะงักเพียงแค่นั้น

เมื่อเห็นข้าวของภายในบ้านกระจุยกระจาย ราวกับพึ่งถูกรื้อค้น ส่วนในห้องรับแขกเล็กๆ ด้านหน้ามารดาของเธอนั่งอยู่กับเพื่อนแม่ค้าด้วยกันสอง-สามคน สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลจนเห็นได้ชัด

“พลอยลูกแม่” นางอัมพรร้องขึ้น หญิงสาวโผเข้าไปกอดแม่ที่ตัวสั่นน้อยๆ เอาไว้

“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมบ้านเราถึงเป็นอย่างนี้” วาวพลอยถาม

“ก็ไอ้พวกเงินกู้น่ะสิ ที่มาทวงหนี้แม่พร พอแม่เราไม่มีจ่ายก็รื้อค้นจะเอาทรัพย์สิน ดีนะที่ไม่ทันได้อะไรไป” เพื่อนบ้านคนหนึ่งว่า

“อะไรนะคะ! แล้วแม่เป็นยังไงบ้างคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” วาวพลอยหันมาสำรวจร่างเล็กของมารดาอย่างรวดเร็ว นางอัมพรโบกมือปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรลูก แม่ไม่เป็นไร แต่เจ้าโก๋มันสิ เข้ามาช่วยแม่เลยโดนซ้อม โชคดีที่พวกวินมอเตอร์ไซค์มาช่วยทัน นี่กำลังพามันไปหาหมออยู่” พูดไม่ทันขาดคำเสียงมอเตอร์ไซค์ก็ดังมาจอดหน้าบ้าน โก๋เดินเข้ามาด้วยสภาพใบหน้าเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ปากก็บวมเจ่อ

“โก๋เป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวผละจากแม่ เข้าไปหาน้องชาย

“ไม่เป็นไรเจ๊ แค่บวมช้ำนิดหน่อยเท่านั้นเอง” โก๋บอกพลางชี้หน้าที่ปรากฎรอยจ้ำเขียวๆ แดงๆ ให้วาวพลอยดู

พอดีกับเพื่อนบ้านที่มาอยู่เป็นเพื่อนนางอัมพรเห็นลูกหลานกลับมาแล้ว จึงทยอยกันกลับบ้านไป นางอัมพรได้แต่ขอบอกขอบใจตามหลัง

“นี่แม่ไปเป็นหนี้พวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่บอกพลอย แล้วแม่เอาเงินไปทำอะไรคะ” พออยู่กันตามลำพังสามคนในบ้าน วาวพลอยก็ถามมารดาถึงสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นทันที นางอัมพรมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนตอบ

“เอ่อ... คือแม่เอามาใช้ส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ ที่แม่ไม่บอกลูกก็เพราะไม่อยากรบกวน คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าพวกมัน... ”

“แต่เมื่อกี้มันไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน หรือทวงเงินเลยนะป้า มันถามแต่ว่าลูกสาวอยู่ไหน แล้วก็เพชรๆ อะไรก็ไม่รู้” โก๋ที่อยู่ในเหตุการณ์โพล่งขัดขึ้น คนถูกขัดหันมาทางหลานชาย

“มันพูดก่อนเอ็งจะมาต่างหากเล่าเจ้าโก๋ ที่มันถามถึงลูกสาวก็เพราะมันรู้ว่าแม่มีลูกสาว” ตอนท้ายนางหันมาบอกวาวพลอย

“พลอยว่าเราแจ้งตำรวจดีกว่านะคะแม่” หญิงสาวคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้

“อย่าดีกว่าลูก แม่อายชาวบ้านเค้า” แต่เหตุผลของแม่ที่ว่ามา ทำให้วาวพลอยส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“แต่แม่คะ ความปลอดภัยของแม่คือสิ่งสำคัญนะคะ ถ้าไม่แจ้งตำรวจเดี๋ยวพลอยโทร.หาพี่พราวดีกว่า” หญิงสาวพูดพลางจะลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า

“อย่านะลูก ไม่ได้นะ” แต่ถูกแม่ดึงมือเอาไว้เสียก่อน

“ทำไมล่ะคะแม่ พี่พราวเป็นตำรวจนะคะ จะต้องมีทางช่วยเราได้สิคะ” วาวพลอยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ตอนนี้พี่พราวยุ่งกับเรื่องงานอยู่ แม่ไม่อยากเอาเรื่องจุกจิกอย่างนี้ไปกวนใจพี่เค้า อีกอย่างแม่ก็ผิดเองที่สร้างปัญหาขึ้นมา แม่กลัวว่ามันจะกระทบกับหน้าที่การงานของพี่พราวน่ะลูก เชื่อแม่เถอะนะ ตอนนี้อย่าพึ่งบอกพี่พราวเลย ไว้แม่จะบอกพี่เค้าเอง” นางอัมพรพยายามอธิบาย

คนเป็นลูกสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมรับการตัดสินใจของมารดาในที่สุด

“ก็ได้ค่ะแม่ แล้วแม่เป็นหนี้พวกนั้นเท่าไหร่คะ พลอยจะไปหามาใช้ให้เอง” ก่อนจะถามผู้เป็นแม่อย่างจริงจัง เพราะมันเป็นหนทางแก้ปัญหาเพียงทางเดียวที่มองเห็นอยู่ในตอนนี้ แต่นางอัมพรส่ายหน้า

“ไม่ต้องหรอกลูก แม่จัดการเองได้ อีกอย่างลูกจะไปเอาเงินที่ไหน เราเองก็มีจำกัดจำเขี่ย”

“ถ้างั้น เอาสร้อยกับจี้ที่แม่ให้พลอยเก็บไว้ไปขายก็ได้ค่ะ คงพอได้เงินมากอยู่ เพราะเป็นของเก่าแก่ไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวคิดไปถึงสร้อยคอและจี้เก่าแก่ ที่นางอัมพรให้เธอเก็บไว้หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย โดยบอกว่าเป็นสมบัติของบิดาที่มอบให้เธอไว้ก่อนตาย

“ไม่ได้นะลูก ไม่ได้เด็ดขาด” นางอัมพรร้องห้ามทันที

“ทำไมล่ะคะ” ดวงหน้างามซึ้งนั้นเต็มไปด้วยความฉงน

“นั่นสิป้า หรือว่าป้าเป็นหนี้พวกมันมากเกิ๊น” โก๋ที่นั่งฟังอยู่นานถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน

“ไม่ใช่หรอก หนี้มันไม่เยอะเท่าไหร่ แม่บอกแล้วไงว่าแม่จัดการเองได้ อีกอย่างสร้อยกับจี้อันนั้นเป็นของมีค่าที่พ่อของลูกให้เก็บไว้กับตัว” นางอัมพรบอกถึงเหตุผลเดิมๆ ซึ่งวาวพลอยได้ยินมาตลอดชีวิต แต่ไม่มีอะไรกระจ่างไปกว่านั้น

“แต่มันก็แค่ของนอกกาย ไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยของเราหรอกนะคะแม่” หญิงสาวท้วงขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย

“แม่บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิลูก เรื่องพวกนี้เดี๋ยวแม่จัดการเอง ช่วยกันเก็บข้าวของเข้าที่ก่อนเถอะไป” นางอัมพรบอกเสียงเด็ดขาด

พอได้ยินเสียงแบบนั้นของผู้เป็นแม่ วาวพลอยจึงได้แต่รับคำ แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่มารดาทำเท่าไหร่ก็ตาม เพราะตั้งแต่รู้ความมา มีไม่บ่อยครั้งนักที่นางอัมพรจะทำเสียงเด็ดขาดเช่นนี้กับลูกๆ และมันก็หมายความว่าเธอจะดื้อไม่ได้ ต้องเชื่อฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

*-*-*-*-*-*

“อ้าว แล้วทำไมไม่แต่งตัวล่ะลูก ไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” นางอัมพรถามลูกสาวคนเล็ก ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว ในเช้าวันต่อมา

“พลอยจะอยู่ดูแลแม่กับโก๋น่ะค่ะ เดี๋ยวตอนสายๆ ค่อยโทร.ไปลางานกับหัวหน้าอีกที” หญิงสาวหันหน้ามาตอบ มือก็วุ่นอยู่กับการปรุงรสอาหารบนกระทะที่ตั้งบนเตาแก๊ส

“ไม่ต้องหรอก แม่ไม่เป็นไร ไปแต่งตัวไปทำงานเถอะลูก” ผู้เป็นแม่บอก

“แต่แม่เองก็หยุดงานสักสอง-สามวันเถอะนะคะ พลอยไม่อยากให้แม่ออกไปข้างนอกเลย” วาวพลอยว่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

พลางปิดเตาแก๊ส พร้อมละมือจากการทำอาหารเมื่อขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้น แล้วเดินมาหาแม่และสวมกอดร่างเล็กนั้นเอาไว้

“พลอยเป็นห่วงแม่นะคะ” หญิงสาวเอ่ยต่อเสียงออดอ้อน นางอัมพรยิ้มพลางลูบหัวเล็กนั้นเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะพยักหน้า

“เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะ แม่จะได้อยู่ดูแลเจ้าโก๋มันด้วย ลูกไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วงแม่”

“โอเค. ค่ะ” เจ้าของดวงหน้างามซึ้งนั้นรับคำด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนผละจากอกมารดา

“เอ่อ... เดี๋ยวลูกพลอย เอาสร้อยเส้นนั้นติดตัวไปด้วยนะลูก แต่อย่าให้ใครเห็น” วาวพลอยแปลกใจไม่น้อยกับคำสั่งนั้น

“ทำไมล่ะคะแม่”

“มันเป็นของลูก แม่ไม่อยากให้ใครแย่งมันไป จงรักษามันไว้ให้ดีเท่าชีวิตของหนูนะลูก” และก็อีกครั้งที่หญิงสาวรู้สึกว่าสิ่งที่ผู้เป็นแม่อธิบายไม่ได้กระจ่างอะไรเลย

“ค่ะแม่ พลอยจะทำตามที่แม่บอกทุกอย่างค่ะ” แม้จะแปลกใจแต่วาวพลอยก็รับคำเอาไว้ก่อน เพราะสิ่งหนึ่งที่เธอรู้ดีมาโดยตลอดก็คือ ทุกอย่างที่แม่พร่ำบอกล้วนแล้วแต่เป็นผลดีกับลูกๆ ทั้งนั้น

ในระหว่างวันที่ทำงานอยู่วาวพลอยก็ได้โทร.หามารดากับน้องชายอยู่เป็นระยะ เห็นเหตุการณ์ปกติดีจึงวางใจ ตอนเย็นหลังเลิกงานหญิงสาวรีบกลับมาบ้าน พร้อมของกินพะรุงพะรัง พอเข้ามาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจที่พบโก๋เพียงคนเดียว

“แม่ไปไหนโก๋ อย่าบอกนะว่าออกไปข้างนอก” วาวพลอยรีบถามน้องชายที่กำลังนอนดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกเล็กๆ ของบ้าน

“ไม่ได้ออกไปข้างนอกที่ไหนหรอก แค่ไปหาป้าสุข คงเหงาอยากหาเพื่อนคุยน่ะเจ๊ ว่าแต่เจ๊ซื้ออะไรมา เพียบเลย” โก๋ตอบและถามในคราวเดียวกัน ขณะลุกขึ้นนั่ง

“พวกผักไง เดี๋ยวมาช่วยพี่ล้างหน่อยนะ พี่จะทำกับข้าว แล้วนี่ก็ขนม ผลไม้” ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดแจงแยกของที่ซื้อมาออกเป็นส่วนๆ แล้วหิ้วเอาของสดที่จะทำอาหารเข้าไปในครัว

“ค่อยยังชั่ว วันนี้กินข้าวต้มมาสองมื้อแล้ว ขอกินอย่างอื่นบ้างเถอะเจ๊” โก๋พูดอย่างกระตือรือร้น ขณะตามมาในครัว

“งั้นก็รีบจัดการเลยเร็วๆ พี่จะได้รีบทำ เผื่อแม่กลับมาจะได้กินกันเลย” วาวพลอยวางของลงบนโต๊ะในครัว ก่อนหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม

“แต่ก่อนออกไปป้าพรแกสั่งว่าถ้าเจ๊มาถึงไม่ต้องรอกินข้าวอะเจ๊ ป้าแกคงกินบ้านป้าสุขนั่นแหล่ะ” หญิงสาวทำท่ารับรู้ ก่อนจะช่วยกันทำกับข้าวกับน้องชายต่อ

หลังอาหารเย็นผ่านไปจนถึงสามทุ่ม แต่ยังไม่มีวี่แววมารดาจะกลับมา ขณะที่โก๋เข้าห้องนอนไปแล้ว วาวพลอยนั่งอยู่หน้าทีวีในห้องรับแขกเริ่มรู้สึกเป็นห่วง จึงรีบกดโทรศัพท์มือถือหามารดา แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ เธอจึงโทร.หาเพื่อนแม่เป็นรายต่อไป

“ป้าสุขคะ แม่อยู่กับป้าสุขหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามปลายสายด้วยน้ำเสียงระรัว

“เปล่านี่หนูพลอย ป้ายังไม่เห็นแม่พรเลยนะวันนี้” แต่คำตอบนั้นเป็นเหตุให้เธอร้อนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“อะไรนะคะ! นี่อย่าบอกนะคะว่าแม่ไม่ได้ไปหาป้าสุข แล้วแม่หายไปไหนป้าสุขพอจะรู้บ้างไหมคะ”

“เอ... ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะลูก เอาอย่างนี้นะเดี๋ยวป้าจะลองถามคนแถวนี้ให้ ได้เรื่องยังไงป้าจะโทร.ไปบอกอีกทีนะลูกนะ” ปลายสายเองก็มีน้ำเสียงวิตกไปด้วยเช่นกัน

“โก๋ๆๆ ” วาวพลอยเคาะประตูเรียกโก๋ทันทีที่วางสายจากเพื่อนมารดา

“อะไรเจ๊ เรียกโก๋ทำไม มีอะไร ทำไมทำหน้าเป็นเจ๊กตื่นไฟอย่างนั้นเล่า” โก๋เปิดประตูออกมาถามขึ้น เมื่อเห็นหน้าตาท่าทางของพี่สาว

“แม่...แม่หายไปโก๋ แม่ไม่ได้ไปหาป้าสุข” หญิงสาวบอกท่าทางตื่นตระหนก

เพราะเรื่องอกสั่นขวัญแขวนที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ส่งผลให้ในใจของวาวพลอยเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และมากกว่านั้นคือ... ความหวาดกลัว

“อะไรนะเจ๊ เป็นไปได้ยังไงกัน หรือว่าลุงจันทร์ดักฉุดป้าพรกลางทางเสียก่อน” โก๋ไม่วายหยอกถึงหนุ่มรุ่นลุงที่มาแอบชอบนางอัมพร แต่คนเป็นพี่สาวทำหน้าดุใส่

“ไม่ใช่เรื่องตลกนะโก๋ พี่จะออกไปตามหาแม่ พี่จะไปแถวบ้านป้าน้อย ป้าสุขก่อน” หญิงสาวบอกพลางก้าวออกจากห้องรับแขก โก๋เองก็วิ่งตามออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน



“เดี๋ยวโก๋ไปแถววินเองเจ๊ เผื่อใครจะเห็นป้า”






**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่
MEB
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOn
tzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE
2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30
ookbee
http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83
ebooks.in.th
http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8
%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87
%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/

Hytexts
http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883

นายอินทร์ปัณณ์
https://www.naiin.com/product/detail/184068/

ซีเอ็ด
https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174

banbanbook
http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มิ.ย. 2559, 14:38:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2559, 14:38:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 822





<< บทที่ 1   บทที่ 3 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account