เรียงหัวใจฝัน:กิ่งหัวใจ...ใบรัก (เปิดจอง 31 เม.ย. 59- 31 กรกฎาคม 59)
ผู้หญิงห้าวปากร้ายใจแข็งมือหนัก กับ ผู้ชายปากจัดเจ้าชู้จัดมือไวเรื่องวุ่นวายชักเกิดเมื่อคนสองคนที่ถูกแยกด้วยวันเวลากลับมาเจอกันอีกครั้งในคราบของวิศวกรโรงงานกับทนายหนุ่ม และอาจเพราะสายสัมพันธ์ที่ดี(มั้ง)ตั้งแต่เด็กไอ้กุ้งหัวแหลมเลยชักอยากจะลองรักยัยรำพัดดูซักที
Tags: ไอ้กุ้งหัวแหลมกับยายรำพัด,กรี,ลลิตรภัทร,ดราม่า,วัยเด็ก,เรียงหัวใจฝัน,ร้อย:เรียง:เพียง:คำ
ตอน: บทที่ ๓ 4/4
“คุณแม่ขา... กุ้งนะ... กุ้งเค้าเอาช็อคโกแลตมาฝากรภัทรค้า!”
เจ้าตัวคนตะโกนหอบถุงขนมวิ่งหน้าเริ่ดผ่านชานบ้านเข้ามาหาคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กรีมองใบหน้ามอมๆ นั้นก่อนจะถอนหายใจ แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงแม่ย้อยร้องห้ามดังมาตามหลัง
“เบาๆ ค่ะคุณรภัทร อย่าวิ่งค้า อย่าวิ่ง!”
และนั่นแหละเจ้าหล่อนคงไม่สนใจ เพราะยังตะโกนลั่น
“คุณแม่ขา” เจ้าตัวเล็กมาหยุดลงตรงหน้ายิ้มหวานจ๋อย “คุณแม่...คุณแม่ดูนะค้า กุ้งเอามาฝากรภัทรค่า!”
ผู้เป็นแม่ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมกวักมือเรียก ก่อนรับเอาคนตัวเล็กที่เดินเข้าไปหากอดคลอเคลีย แวบหนึ่งที่กรีสังเกตเห็นในดวงตาคู่สวยของคุณป้า มีแววเศร้าสร้อยปะปน
“โตแล้วนะคะรภัทร... ไม่อายพี่กุ้งบ้างหรือลูก พี่กุ้งมองอยู่นะคะ”
ดวงตากลมโตมองเป๋งก่อนจะส่ายหน้ายิ้มร่า “ไม่-อาย-ค่า กับกุ้ง รภัทรไม่อาย!”
ลัลน์ลลิตมองบุตรสาวอย่างแสนรัก แล้วบอกเล่าเสียงอ่อนๆ ดูเหมือนจะเหนื่อยกับการพูดคุย “เห็นเขาบ่น... ว่ากุ้งจะมาแต่ไม่มาหลายวันแล้ว ก็บ่นอยู่นั่นแหละจนเราขี้เกียจจะฟัง ว่าแต่กุ้งกับนินน่ะเป็นยังไง อยู่โน่นสาวแหม่มคงติดกันเกรียวสิ”
“ใครคะ... ไหนใครติดแหม่ม แล้วแหม่มน่ะ แหม่มอะไรคะ”
เด็กหญิงซักท่าทางอยากรู้อยากเห็น
กรีที่ขี้เกียจฟังคนพูดมากเลยต้องรีบตัดบท “รภัทรไงครับ แหม่ม...แหม่มแก้มแดง!”
เด็กหญิงไม่เข้าใจจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ ส่งยิ้มให้ทั้งแม่ตัวและเขา กรีส่ายหน้าเหลียวมองตามสายตาของลัลน์ลลิตที่จับอยู่ที่บุตรสาวอย่างรักใคร่... ในขณะที่มือหนึ่งซึ่งแทบจะมีแต่หนังหุ้มกระดูกกกกอดคนตัวเล็กไว้ เขาเลยขยับเข้าไปชิดตักกุมมืออันบอบบางของคุณป้าไว้มั่นอีกคน
ลัลน์ลลิตยิ้มกับเขา วางมือน้อยของลลิตรภัทรไว้บนมือเขาบอกเสียงเบา “ฝากน้องด้วยนะกุ้ง”
“ครับผม คุณป้าไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลรภัทรอย่างดี”
เขารับคำในทันที ทำให้ได้รับยิ้มหวานอีกครั้งจากคุณป้ามารดาของเด็กหญิง ซึ่งยิ้มแต้แล้วเข้ามากอดคอเขาพร้อมหอมแก้มซ้ำๆ เหมือนอย่างที่เคยทำเวลาจะอ้อนใครๆ
เกือบเดือนที่บ้านสวนสดใสขึ้น เมื่อมีกรีเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกคน แต่ระยะเวลานั้นก็ช่างสั้นเหลือในความรู้สึกของคนที่กำลังจะจากกันอีกครั้ง
คราวนี้ลลิตรภัทรไม่งอแง แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะว่าง่ายเหมือนปีผ่านๆ มา เด็กหญิงดูกระวนกระวายเหมือนมีอะไรในใจ และพยายามอย่างยิ่งที่จะยึดกรีไว้เป็นหลัก
ครั้นพอเขาถาม เจ้าตัวเล็กก็ตอบว่าไม่มีอะไร เพียงแต่บอกว่ารู้สึกแปลกๆ ลลิตรภัทรบอกว่าเหมือนจากกันครั้งนี้เราจะไม่ได้เจอกันอีก
ระย้าพอรู้ก็เอ็ดเอาที่คุณหนูพูดเป็นลาง ไม่ต่างจากน้าหยาดกับพี่หยด กรียิ้มรับไม่ว่าอะไรบอกเพียงเด็กหญิงคิดมากไปเท่านั้นเอง เพราะตลอดสี่ห้าปีที่ผ่านมา เขาก็ยังกลับมาหาเธอเหมือนทุกครั้ง
เหตุการณ์นั้นก็เหมือนกับทุกครั้งที่เกิดการจากลา แม้เด็กหญิงจะโตแล้วแต่กรีก็ยังอุ้มลลิตรภัทรได้สบาย ทั้งคู่เดินนำตรงไปยังรถยนต์ที่จอดรอ มีระย้า หยาดหทัย หยดฤดีและปุลินเดินตามหลังเพื่อส่งแขกเหมือนเคย
“น่าอีกหน่อยพี่กุ้งก็กลับแล้ว ทีนี้ขี้คร้านรภัทรจะเบื่อหน้าพี่กุ้ง”
หนุ่มน้อยบอกติดตลก ทว่าเด็กหญิงไม่ขำด้วย และยังคงทวงสัญญา “ไม่เอา กุ้งต้องสัญญามาก่อน ว่าปีหน้าก็จะมาหารภัทรอีกน่ะ”
“อืมก็ได้ ว่าแต่คราวหน้าเอาอะไรเป็นของฝากดี”
“ไม่เอา รภัทรไม่เอาอะไรก็ได้ แต่... แค่กุ้งสัญญานะ”
กรียิ้มอ่อน “ไม่เอาเรียกพี่กุ้งสิครับ นะพี่กุ้ง”
“ถ้าเรียกแล้วสัญญานะ” เขาหัวเราะพยักหน้ารับ “พี่กุ้งสัญญาว่าจะมาหารภัทรอีกนะค้า... สัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้รภัทรต้องคอยเก้อ... สัญญาได้ไหมค้า นะคะพี่กุ้ง”
“สัญญาซิครับ พี่กุ้งจะกลับมาหารภัทรนะ”
กระนั้นแม้จะได้สัญญา แต่เด็กหญิงก็ยังไม่วายอ้อน “พี่กุ้ง... พี่กุ้ง
ไม่ไปได้ไหม” เมื่อได้ยินเสียงคนขับรถเอ่ยเตือนดังมาแว่วๆ ว่าถึงเวลาจะต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ เพราะตอนนี้เกือบสี่โมงเย็นแล้ว... เลยทำให้คนที่เกาะคอไว้แน่นเป็นลูกหมี เอ่ยเสียงเครือ “คุณพ่อก็มาหารภัทรแค่เสาร์อาทิตย์ คุณแม่ก็ไม่สบาย รภัทรกลัว”
“พี่กุ้งต้องไปครับ พี่กุ้งต้องกลับไปเรียนต่อ ภัทรรอพี่กุ้งหน่อยนะ แล้วพี่กุ้งจะกลับมาหาภัทรแน่นอน”
“สัญญานะ” วงแขนคนอยากได้สัญญาคลายลง หากหนุ่มน้อยกลับรัดวงแขนแน่นเข้า
“สัญญาครับ พี่กุ้งจะกลับมาหารภัทรแน่ๆ พี่กุ้งไม่ปล่อยให้รภัทรต้องอยู่คนเดียวหรอก รออีกหน่อยนะ พี่กุ้งเรียนจบปุ๊บกลับมาหารภัทรปั๊บ”
ใบหน้ามอมกลมป๊อกยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำสัญญา... จนเขาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มเปรอะๆ นั่น ซ้ายขวาหนักๆ อีกทีให้สมกับที่ต้องจากกันไปไกล โดยไม่ได้เห็นหน้ายาวนานเป็นปี
มือน้อยอุ่นๆ ยังสอดจับกับมือกรีแม้กระทั่งเขากำลังจะขึ้นไปนั่งในรถยนต์แล้ว เขาปลดมันออกอย่างช้าๆ รู้สึกใจหายเมื่อปิดประตูรถยนต์ และเห็นเจ้าตัวเล็กยืนส่งด้วยดวงตาฉ่ำน้ำพร้อมกับบรรดาพี่เลี้ยง
ในอกมันวาบลึกแปลกๆ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ต้องจากกัน
กรีมองภาพบ้านสวนในเงาไม้นั้นอย่างอาวรณ์ โดยเฉพาะภาพของเด็กหญิง อย่างหวังจะให้มันติดอยู่ในใจไปอีกนาน จนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง หนุ่มน้อยปลอบตัวเอง อีกหนึ่งปี... อีกหนึ่งปีเขาก็จะได้เจอเธอ
ปีนี้หนาวมาไว หน้าฝนเลยสั้นลงกว่าปกติ อากาศเย็นลงในตอนกลางคืนจนต้องผ้าห่ม และสวมเสื้อผ้าหนาๆ
บ้านสวนกลับมาเงียบอีกครั้ง เดี๋ยวนี้ถนนหนทางดีขึ้นมากจนคนไม่ค่อยใช้เรือเป็นพาหนะ ผลไม้ในสวนที่มีก็เริ่มไม่ค่อยให้ผลแล้ว ลลิตรภัทรได้ยินมารดาเปรยๆ ว่าจะเปลี่ยนจากปลูกส้มกับส้มโอเป็นกล้วยหอมแทน
พักนี้เด็กหญิงเห็นมารดาเริ่มไม่ค่อยลุกไปไหน ส่วนมากจะอยู่แต่บนบ้าน พอลุกจากเตียงก็ออกมานอนที่เก้าอี้ยาวริมระเบียง ตัวก็ผอม คงเพราะรับประทานอะไรไม่ได้มาก ลลิตรภัทรเคยถามว่าทำไมแม่กินข้าวน้อย ผู้เป็นแม่ก็ยิ้มและตอบกลับมาว่าไม่ค่อยหิว
บางครั้งลลิตรภัทรเคยเห็นแม่กินยาเกือบจะเป็นกำมือ เคยเพียรถามมารดาก็ตอบแค่ว่าไม่สบาย และห้ามเธอบอกเรื่องนี้แก่บิดา ในวันหยุดที่กลับมาบ้านสวน
ยามค่ำคืนลลิตรภัทรกลัวมารดาเหงาที่บิดาไม่อยู่ด้วย จึงขอมานอนกับแม่อยู่บ่อยครั้ง และคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืน
แสงไฟปิดลงแล้ว แสงสว่างที่มีก็เป็นเพียงแค่แสงจันทร์เดือนเพ็ญที่สาดเข้ามาในห้องที่เปิดหน้าต่างไว้ ลมพัดผ่านแผงมุ้งลวดเข้ามาต้องม่านบังตาจนปลิวสะบัด ลลิตรภัทรนอนกอดแม่อยู่บนเตียงซุกตัวเข้าหาความอบอุ่น และได้รับการโอบรัดแรงขึ้น
เด็กหญิงนอนฟังเสียงของมารดาที่ร้องเพลงกล่อมอย่างเพลิดเพลิน ฝ่ามือบอบบางนั้นลูบแผ่นหลังบุตรสาวไปมาเบาๆ
“เอาละ นอนได้แล้วนะคะคนดี ดึกแล้ว”
เพลงจบลงแล้ว ลัลน์ลลิตหอมหน้าผากบุตรสาวเบาๆ
“แม่รักหนูนะคะรภัทรคนดี จำไว้ว่ารภัทรต้องเข้มแข็งนะลูก ไม่ว่าจะเจออะไรวันข้างหน้า รภัทรต้องห้ามอ่อนแอเพราะรภัทรเป็นแก้วตาของแม่ เป็นดวงใจของคุณพ่อ เวลาแม่ไม่อยู่ รภัทรจะต้องยิ้มกว้างๆ นะรู้มั้ย”
“ทำไมคะ คุณแม่จะไปไหนคะ ทำไมไม่พารภัทรกับคุณพ่อไปด้วย”เด็กหญิงนอนซุกอกซักเสียงจ๋อยๆ
ลัลน์ลลิตยิ้ม “แม่ก็พูดเผื่อไว้น่ะลูก เวลาคุณแม่ไปที่ไกลๆ เวลาที่เราไม่อยู่ด้วยกัน ให้รภัทรมองขึ้นไปบนฟ้านะลูก ตอนที่รภัทรเหนื่อย หรือท้อ แม้แต่เสียใจ ให้มองขึ้นไปบนนู้น เพราะตอนนั้นแม่ก็จะมองหารภัทรเหมือนกัน สัญญานะจ๊ะรภัทร”
รอยยิ้มสุดท้ายอ่อนหวาน... ราวกับปลอบประโลม
ลลิตรภัทรเงยหน้าขึ้นมองยิ้มแป้น
“สัญญาค่ะคุณแม่ แต่... แล้วเราจะมองดาวดวงไหนคะ ถึงจะตรงกัน เพราะดาวเต็มฟ้าไปหมดเลย”
ลัลน์ลลิตไม่ตอบ เธอหัวเราะเบาๆ จูบที่หน้าผากของบุตรสาว
ลลิตรภัทรหอมแก้มมารดา ซุกหน้ากับอกอุ่นและค่อยหลับใหลไป
คืนนั้นเธอนอนฝันดีทั้งคืน แม้ยามตื่นงัวเงียก็ยังได้เห็น ‘คุณแม่’ หลับพริ้มกอดเธอไว้
ทว่าน่าแปลก... ที่แม้ลลิตรภัทรจะเขย่าเรียกเท่าไหร่ คุณแม่ก็ไม่ตื่น กระทั่งเด็กหญิงต้องวิ่งออกไปร้องเรียกหาพี่เลี้ยงทั้งสาม คนแรกที่วิ่งมาหาหน้าตาตื่นคือ ‘พี่ป๊อก’ พอเธอเล่าว่าลัลน์ลลิตไม่ยอมตื่น หนุ่มน้อยก็หน้าซีดวิ่งลงจากเรือนใหญ่กลับไปร้องเรียกมารดากับน้าๆ
จากนั้นความวุ่นวายอลหม่านก็เกิดขึ้น
ใครหลายคนที่ลลิตรภัทรไม่เคยเห็นหน้ามาพาคุณแม่ไป เด็กหญิงถูกกันไว้ให้อยู่กับระย้าเพื่อเดินทางตามไปทีหลัง เด็กน้อยเริ่มรู้สึกถึงความหวาดหวั่นที่ไม่มีตัวตน ลลิตรภัทรร้องเรียกหามารดา และต้องการบิดา ทว่าที่อยู่ข้างกายกลับเป็นพี่เลี้ยงทั้งสามและปุลิน
ระย้าบอกว่าแม่ของเธอไม่สบายให้เด็กหญิงเป็นเด็กดี ลลิตรภัทรทำตามไม่งอแงอีก บ่ายวันเดียวกันเด็กหญิงไปหามารดาที่โรงพยาบาล
เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยเห็นคนไม่สบาย หากระย้าไม่จับตัวไว้ในตอนเข้าไปเยี่ยม ลลิตรภัทรคงเข้าไปกระชากสายระโยงระยางนั้นออกจากร่างของลัลน์ลลิต เด็กหญิงตะเบ็งเสียงหวังปลุกมารดาให้ตื่น จากนั้นก็ถูกอุ้มออกมานอกห้อง ลลิตรภัทรร้องไห้
เด็กหญิงร้องไห้สะอื้น... กระซิก จนหลับไป
กลางคืนลลิตรภัทรสะดุ้งตื่นร้องไห้จ้า ร้องเรียกหามารดา บิดา แต่กลับพบหน้าเพียงพี่เลี้ยง
มันเป็นความเปล่าดาย หงอยเหงาและน่าหวาดหวั่นสำหรับเด็กหญิงอายุเพียงเท่านี้ เด็กผู้ไร้เดียงสา เด็กที่โลกทั้งใบเล็กจ้อยมีเพียงคนในครอบครัวเป็นคนสำคัญ เด็กผู้ซึ่งไม่เคยสูญเสีย
อาการของลัลน์ลลิตไม่ได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทรุดลง ระย้าคอยดูแลคุณหนู ส่วนหยาดหทัยกับหยดฤดีพลัดเวรกันมาเฝ้านายผู้หญิงของบ้าน ปุลินที่พอรู้ความก็คอยดูแลบ้านสวนให้ระหว่างที่ระย้าพาคุณหนูมาที่โรงพยาบาล
เดือนพฤศจิกายนปีนี้อากาศหนาว ฟ้าหม่นเป็นสีมัวๆ ไม่สดใส
และในวันที่สองของการเข้าโรงพยาบาลของลัลน์ลลิต ลลิตรภัทรก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นอายุมากกว่าแม่กับพ่อของเธอ
ระย้าแนะนำว่านี่คือ หม่อมเจ้าหญิงวลัยฤดี ‘คุณย่า’ ของเธอ
หม่อมมารดาของคุณชายรวิภัทรทรงมีวรองค์เล็กบางระเหิดระหง ท่วงท่าเต็มไปด้วยสง่าราศี ฉวีขาว เกศาตัดสั้นดัดเข้าทรงน้อยๆ วงพักตร์ดูคล้ายกับนัดดามากกว่าโอรสเสียอีก จะผิดกันก็ตรงดวงเนตรชั้นเดียวที่เรียวรีกว่า และริมโอษฐ์ที่บางเฉียบเท่านั้น
ส่วนคนสนิทเป็นหญิงวัยสี่สิบกลางๆ หน้าดุ ตาคม
ลลิตรภัทรมองแล้วไม่ใคร่อยากเข้าใกล้นัก เพราะแม้ท่านเป็น ‘คุณย่า’ ของเธอ แต่หาได้มีความอุ่นใจใดไม่เกิดแก่เด็กหญิง ท่าทางวางตัวและสายตาที่มองมาเรียบเฉยเสียจนลลิตรภัทรไม่กล้าเข้าใกล้
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ประโยคนั้นถามระย้าที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ใกล้ๆ ลลิตรภัทรกุมมือพี่เลี้ยงตามอง ‘คุณย่า’ อย่างขลาดๆ เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองระย้า จึงทำให้คนต้องตอบดูอึดอัดใจ เลยได้แต่บอกอ้อมแอ้ม
“เหมือนเดิมมังคะท่านหญิง”
“อ้อ!” เท่านั้นไม่มีประโยคสนทนาใดเกิดขึ้น ลลิตรภัทรกระตุกมือระย้า ดวงตายังหล่อหยดน้ำ ถามเสียงเจือสะอื้น
“รภัทรจะหาคุณพ่อ แม่ย้อย คุณพ่ออยู่ไหน”
เด็กหญิงงอแงถามหาบิดาอย่างเอาแต่ใจ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาหาใช่จากปากระย้าไม่ เพราะหม่อมเจ้าหญิงวลัยฤดีตรัสตอบแทน
“คุณพ่อของเธอไม่สบาย จึงมาไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นเด็กนักเลยลลิตรภัทร เธอควรโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว”
===============================================================
ดีค้า พายัยรำพัดกับไอ้กุ้งหัวแหลมมาส่งค่า ^O^
คุณZephyr เฟอร์รี่จัง แอร๊ยยยยยย อย่าขู่ มาม่าซองที่หนึ่งเริ่มได้ งานเข้าแล้วววววว
และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ นะค้า ขอบคุณมากๆ ค่า
สำหรับวันนี้หนอนน้อยไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า ส่วนคืนนี้หลับฝันดี ราตรีสัวสดิ์ค่า
เจ้าตัวคนตะโกนหอบถุงขนมวิ่งหน้าเริ่ดผ่านชานบ้านเข้ามาหาคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กรีมองใบหน้ามอมๆ นั้นก่อนจะถอนหายใจ แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงแม่ย้อยร้องห้ามดังมาตามหลัง
“เบาๆ ค่ะคุณรภัทร อย่าวิ่งค้า อย่าวิ่ง!”
และนั่นแหละเจ้าหล่อนคงไม่สนใจ เพราะยังตะโกนลั่น
“คุณแม่ขา” เจ้าตัวเล็กมาหยุดลงตรงหน้ายิ้มหวานจ๋อย “คุณแม่...คุณแม่ดูนะค้า กุ้งเอามาฝากรภัทรค่า!”
ผู้เป็นแม่ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมกวักมือเรียก ก่อนรับเอาคนตัวเล็กที่เดินเข้าไปหากอดคลอเคลีย แวบหนึ่งที่กรีสังเกตเห็นในดวงตาคู่สวยของคุณป้า มีแววเศร้าสร้อยปะปน
“โตแล้วนะคะรภัทร... ไม่อายพี่กุ้งบ้างหรือลูก พี่กุ้งมองอยู่นะคะ”
ดวงตากลมโตมองเป๋งก่อนจะส่ายหน้ายิ้มร่า “ไม่-อาย-ค่า กับกุ้ง รภัทรไม่อาย!”
ลัลน์ลลิตมองบุตรสาวอย่างแสนรัก แล้วบอกเล่าเสียงอ่อนๆ ดูเหมือนจะเหนื่อยกับการพูดคุย “เห็นเขาบ่น... ว่ากุ้งจะมาแต่ไม่มาหลายวันแล้ว ก็บ่นอยู่นั่นแหละจนเราขี้เกียจจะฟัง ว่าแต่กุ้งกับนินน่ะเป็นยังไง อยู่โน่นสาวแหม่มคงติดกันเกรียวสิ”
“ใครคะ... ไหนใครติดแหม่ม แล้วแหม่มน่ะ แหม่มอะไรคะ”
เด็กหญิงซักท่าทางอยากรู้อยากเห็น
กรีที่ขี้เกียจฟังคนพูดมากเลยต้องรีบตัดบท “รภัทรไงครับ แหม่ม...แหม่มแก้มแดง!”
เด็กหญิงไม่เข้าใจจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ ส่งยิ้มให้ทั้งแม่ตัวและเขา กรีส่ายหน้าเหลียวมองตามสายตาของลัลน์ลลิตที่จับอยู่ที่บุตรสาวอย่างรักใคร่... ในขณะที่มือหนึ่งซึ่งแทบจะมีแต่หนังหุ้มกระดูกกกกอดคนตัวเล็กไว้ เขาเลยขยับเข้าไปชิดตักกุมมืออันบอบบางของคุณป้าไว้มั่นอีกคน
ลัลน์ลลิตยิ้มกับเขา วางมือน้อยของลลิตรภัทรไว้บนมือเขาบอกเสียงเบา “ฝากน้องด้วยนะกุ้ง”
“ครับผม คุณป้าไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลรภัทรอย่างดี”
เขารับคำในทันที ทำให้ได้รับยิ้มหวานอีกครั้งจากคุณป้ามารดาของเด็กหญิง ซึ่งยิ้มแต้แล้วเข้ามากอดคอเขาพร้อมหอมแก้มซ้ำๆ เหมือนอย่างที่เคยทำเวลาจะอ้อนใครๆ
เกือบเดือนที่บ้านสวนสดใสขึ้น เมื่อมีกรีเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกคน แต่ระยะเวลานั้นก็ช่างสั้นเหลือในความรู้สึกของคนที่กำลังจะจากกันอีกครั้ง
คราวนี้ลลิตรภัทรไม่งอแง แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะว่าง่ายเหมือนปีผ่านๆ มา เด็กหญิงดูกระวนกระวายเหมือนมีอะไรในใจ และพยายามอย่างยิ่งที่จะยึดกรีไว้เป็นหลัก
ครั้นพอเขาถาม เจ้าตัวเล็กก็ตอบว่าไม่มีอะไร เพียงแต่บอกว่ารู้สึกแปลกๆ ลลิตรภัทรบอกว่าเหมือนจากกันครั้งนี้เราจะไม่ได้เจอกันอีก
ระย้าพอรู้ก็เอ็ดเอาที่คุณหนูพูดเป็นลาง ไม่ต่างจากน้าหยาดกับพี่หยด กรียิ้มรับไม่ว่าอะไรบอกเพียงเด็กหญิงคิดมากไปเท่านั้นเอง เพราะตลอดสี่ห้าปีที่ผ่านมา เขาก็ยังกลับมาหาเธอเหมือนทุกครั้ง
เหตุการณ์นั้นก็เหมือนกับทุกครั้งที่เกิดการจากลา แม้เด็กหญิงจะโตแล้วแต่กรีก็ยังอุ้มลลิตรภัทรได้สบาย ทั้งคู่เดินนำตรงไปยังรถยนต์ที่จอดรอ มีระย้า หยาดหทัย หยดฤดีและปุลินเดินตามหลังเพื่อส่งแขกเหมือนเคย
“น่าอีกหน่อยพี่กุ้งก็กลับแล้ว ทีนี้ขี้คร้านรภัทรจะเบื่อหน้าพี่กุ้ง”
หนุ่มน้อยบอกติดตลก ทว่าเด็กหญิงไม่ขำด้วย และยังคงทวงสัญญา “ไม่เอา กุ้งต้องสัญญามาก่อน ว่าปีหน้าก็จะมาหารภัทรอีกน่ะ”
“อืมก็ได้ ว่าแต่คราวหน้าเอาอะไรเป็นของฝากดี”
“ไม่เอา รภัทรไม่เอาอะไรก็ได้ แต่... แค่กุ้งสัญญานะ”
กรียิ้มอ่อน “ไม่เอาเรียกพี่กุ้งสิครับ นะพี่กุ้ง”
“ถ้าเรียกแล้วสัญญานะ” เขาหัวเราะพยักหน้ารับ “พี่กุ้งสัญญาว่าจะมาหารภัทรอีกนะค้า... สัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้รภัทรต้องคอยเก้อ... สัญญาได้ไหมค้า นะคะพี่กุ้ง”
“สัญญาซิครับ พี่กุ้งจะกลับมาหารภัทรนะ”
กระนั้นแม้จะได้สัญญา แต่เด็กหญิงก็ยังไม่วายอ้อน “พี่กุ้ง... พี่กุ้ง
ไม่ไปได้ไหม” เมื่อได้ยินเสียงคนขับรถเอ่ยเตือนดังมาแว่วๆ ว่าถึงเวลาจะต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ เพราะตอนนี้เกือบสี่โมงเย็นแล้ว... เลยทำให้คนที่เกาะคอไว้แน่นเป็นลูกหมี เอ่ยเสียงเครือ “คุณพ่อก็มาหารภัทรแค่เสาร์อาทิตย์ คุณแม่ก็ไม่สบาย รภัทรกลัว”
“พี่กุ้งต้องไปครับ พี่กุ้งต้องกลับไปเรียนต่อ ภัทรรอพี่กุ้งหน่อยนะ แล้วพี่กุ้งจะกลับมาหาภัทรแน่นอน”
“สัญญานะ” วงแขนคนอยากได้สัญญาคลายลง หากหนุ่มน้อยกลับรัดวงแขนแน่นเข้า
“สัญญาครับ พี่กุ้งจะกลับมาหารภัทรแน่ๆ พี่กุ้งไม่ปล่อยให้รภัทรต้องอยู่คนเดียวหรอก รออีกหน่อยนะ พี่กุ้งเรียนจบปุ๊บกลับมาหารภัทรปั๊บ”
ใบหน้ามอมกลมป๊อกยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำสัญญา... จนเขาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มเปรอะๆ นั่น ซ้ายขวาหนักๆ อีกทีให้สมกับที่ต้องจากกันไปไกล โดยไม่ได้เห็นหน้ายาวนานเป็นปี
มือน้อยอุ่นๆ ยังสอดจับกับมือกรีแม้กระทั่งเขากำลังจะขึ้นไปนั่งในรถยนต์แล้ว เขาปลดมันออกอย่างช้าๆ รู้สึกใจหายเมื่อปิดประตูรถยนต์ และเห็นเจ้าตัวเล็กยืนส่งด้วยดวงตาฉ่ำน้ำพร้อมกับบรรดาพี่เลี้ยง
ในอกมันวาบลึกแปลกๆ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ต้องจากกัน
กรีมองภาพบ้านสวนในเงาไม้นั้นอย่างอาวรณ์ โดยเฉพาะภาพของเด็กหญิง อย่างหวังจะให้มันติดอยู่ในใจไปอีกนาน จนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง หนุ่มน้อยปลอบตัวเอง อีกหนึ่งปี... อีกหนึ่งปีเขาก็จะได้เจอเธอ
ปีนี้หนาวมาไว หน้าฝนเลยสั้นลงกว่าปกติ อากาศเย็นลงในตอนกลางคืนจนต้องผ้าห่ม และสวมเสื้อผ้าหนาๆ
บ้านสวนกลับมาเงียบอีกครั้ง เดี๋ยวนี้ถนนหนทางดีขึ้นมากจนคนไม่ค่อยใช้เรือเป็นพาหนะ ผลไม้ในสวนที่มีก็เริ่มไม่ค่อยให้ผลแล้ว ลลิตรภัทรได้ยินมารดาเปรยๆ ว่าจะเปลี่ยนจากปลูกส้มกับส้มโอเป็นกล้วยหอมแทน
พักนี้เด็กหญิงเห็นมารดาเริ่มไม่ค่อยลุกไปไหน ส่วนมากจะอยู่แต่บนบ้าน พอลุกจากเตียงก็ออกมานอนที่เก้าอี้ยาวริมระเบียง ตัวก็ผอม คงเพราะรับประทานอะไรไม่ได้มาก ลลิตรภัทรเคยถามว่าทำไมแม่กินข้าวน้อย ผู้เป็นแม่ก็ยิ้มและตอบกลับมาว่าไม่ค่อยหิว
บางครั้งลลิตรภัทรเคยเห็นแม่กินยาเกือบจะเป็นกำมือ เคยเพียรถามมารดาก็ตอบแค่ว่าไม่สบาย และห้ามเธอบอกเรื่องนี้แก่บิดา ในวันหยุดที่กลับมาบ้านสวน
ยามค่ำคืนลลิตรภัทรกลัวมารดาเหงาที่บิดาไม่อยู่ด้วย จึงขอมานอนกับแม่อยู่บ่อยครั้ง และคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืน
แสงไฟปิดลงแล้ว แสงสว่างที่มีก็เป็นเพียงแค่แสงจันทร์เดือนเพ็ญที่สาดเข้ามาในห้องที่เปิดหน้าต่างไว้ ลมพัดผ่านแผงมุ้งลวดเข้ามาต้องม่านบังตาจนปลิวสะบัด ลลิตรภัทรนอนกอดแม่อยู่บนเตียงซุกตัวเข้าหาความอบอุ่น และได้รับการโอบรัดแรงขึ้น
เด็กหญิงนอนฟังเสียงของมารดาที่ร้องเพลงกล่อมอย่างเพลิดเพลิน ฝ่ามือบอบบางนั้นลูบแผ่นหลังบุตรสาวไปมาเบาๆ
“เอาละ นอนได้แล้วนะคะคนดี ดึกแล้ว”
เพลงจบลงแล้ว ลัลน์ลลิตหอมหน้าผากบุตรสาวเบาๆ
“แม่รักหนูนะคะรภัทรคนดี จำไว้ว่ารภัทรต้องเข้มแข็งนะลูก ไม่ว่าจะเจออะไรวันข้างหน้า รภัทรต้องห้ามอ่อนแอเพราะรภัทรเป็นแก้วตาของแม่ เป็นดวงใจของคุณพ่อ เวลาแม่ไม่อยู่ รภัทรจะต้องยิ้มกว้างๆ นะรู้มั้ย”
“ทำไมคะ คุณแม่จะไปไหนคะ ทำไมไม่พารภัทรกับคุณพ่อไปด้วย”เด็กหญิงนอนซุกอกซักเสียงจ๋อยๆ
ลัลน์ลลิตยิ้ม “แม่ก็พูดเผื่อไว้น่ะลูก เวลาคุณแม่ไปที่ไกลๆ เวลาที่เราไม่อยู่ด้วยกัน ให้รภัทรมองขึ้นไปบนฟ้านะลูก ตอนที่รภัทรเหนื่อย หรือท้อ แม้แต่เสียใจ ให้มองขึ้นไปบนนู้น เพราะตอนนั้นแม่ก็จะมองหารภัทรเหมือนกัน สัญญานะจ๊ะรภัทร”
รอยยิ้มสุดท้ายอ่อนหวาน... ราวกับปลอบประโลม
ลลิตรภัทรเงยหน้าขึ้นมองยิ้มแป้น
“สัญญาค่ะคุณแม่ แต่... แล้วเราจะมองดาวดวงไหนคะ ถึงจะตรงกัน เพราะดาวเต็มฟ้าไปหมดเลย”
ลัลน์ลลิตไม่ตอบ เธอหัวเราะเบาๆ จูบที่หน้าผากของบุตรสาว
ลลิตรภัทรหอมแก้มมารดา ซุกหน้ากับอกอุ่นและค่อยหลับใหลไป
คืนนั้นเธอนอนฝันดีทั้งคืน แม้ยามตื่นงัวเงียก็ยังได้เห็น ‘คุณแม่’ หลับพริ้มกอดเธอไว้
ทว่าน่าแปลก... ที่แม้ลลิตรภัทรจะเขย่าเรียกเท่าไหร่ คุณแม่ก็ไม่ตื่น กระทั่งเด็กหญิงต้องวิ่งออกไปร้องเรียกหาพี่เลี้ยงทั้งสาม คนแรกที่วิ่งมาหาหน้าตาตื่นคือ ‘พี่ป๊อก’ พอเธอเล่าว่าลัลน์ลลิตไม่ยอมตื่น หนุ่มน้อยก็หน้าซีดวิ่งลงจากเรือนใหญ่กลับไปร้องเรียกมารดากับน้าๆ
จากนั้นความวุ่นวายอลหม่านก็เกิดขึ้น
ใครหลายคนที่ลลิตรภัทรไม่เคยเห็นหน้ามาพาคุณแม่ไป เด็กหญิงถูกกันไว้ให้อยู่กับระย้าเพื่อเดินทางตามไปทีหลัง เด็กน้อยเริ่มรู้สึกถึงความหวาดหวั่นที่ไม่มีตัวตน ลลิตรภัทรร้องเรียกหามารดา และต้องการบิดา ทว่าที่อยู่ข้างกายกลับเป็นพี่เลี้ยงทั้งสามและปุลิน
ระย้าบอกว่าแม่ของเธอไม่สบายให้เด็กหญิงเป็นเด็กดี ลลิตรภัทรทำตามไม่งอแงอีก บ่ายวันเดียวกันเด็กหญิงไปหามารดาที่โรงพยาบาล
เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยเห็นคนไม่สบาย หากระย้าไม่จับตัวไว้ในตอนเข้าไปเยี่ยม ลลิตรภัทรคงเข้าไปกระชากสายระโยงระยางนั้นออกจากร่างของลัลน์ลลิต เด็กหญิงตะเบ็งเสียงหวังปลุกมารดาให้ตื่น จากนั้นก็ถูกอุ้มออกมานอกห้อง ลลิตรภัทรร้องไห้
เด็กหญิงร้องไห้สะอื้น... กระซิก จนหลับไป
กลางคืนลลิตรภัทรสะดุ้งตื่นร้องไห้จ้า ร้องเรียกหามารดา บิดา แต่กลับพบหน้าเพียงพี่เลี้ยง
มันเป็นความเปล่าดาย หงอยเหงาและน่าหวาดหวั่นสำหรับเด็กหญิงอายุเพียงเท่านี้ เด็กผู้ไร้เดียงสา เด็กที่โลกทั้งใบเล็กจ้อยมีเพียงคนในครอบครัวเป็นคนสำคัญ เด็กผู้ซึ่งไม่เคยสูญเสีย
อาการของลัลน์ลลิตไม่ได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทรุดลง ระย้าคอยดูแลคุณหนู ส่วนหยาดหทัยกับหยดฤดีพลัดเวรกันมาเฝ้านายผู้หญิงของบ้าน ปุลินที่พอรู้ความก็คอยดูแลบ้านสวนให้ระหว่างที่ระย้าพาคุณหนูมาที่โรงพยาบาล
เดือนพฤศจิกายนปีนี้อากาศหนาว ฟ้าหม่นเป็นสีมัวๆ ไม่สดใส
และในวันที่สองของการเข้าโรงพยาบาลของลัลน์ลลิต ลลิตรภัทรก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นอายุมากกว่าแม่กับพ่อของเธอ
ระย้าแนะนำว่านี่คือ หม่อมเจ้าหญิงวลัยฤดี ‘คุณย่า’ ของเธอ
หม่อมมารดาของคุณชายรวิภัทรทรงมีวรองค์เล็กบางระเหิดระหง ท่วงท่าเต็มไปด้วยสง่าราศี ฉวีขาว เกศาตัดสั้นดัดเข้าทรงน้อยๆ วงพักตร์ดูคล้ายกับนัดดามากกว่าโอรสเสียอีก จะผิดกันก็ตรงดวงเนตรชั้นเดียวที่เรียวรีกว่า และริมโอษฐ์ที่บางเฉียบเท่านั้น
ส่วนคนสนิทเป็นหญิงวัยสี่สิบกลางๆ หน้าดุ ตาคม
ลลิตรภัทรมองแล้วไม่ใคร่อยากเข้าใกล้นัก เพราะแม้ท่านเป็น ‘คุณย่า’ ของเธอ แต่หาได้มีความอุ่นใจใดไม่เกิดแก่เด็กหญิง ท่าทางวางตัวและสายตาที่มองมาเรียบเฉยเสียจนลลิตรภัทรไม่กล้าเข้าใกล้
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ประโยคนั้นถามระย้าที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ใกล้ๆ ลลิตรภัทรกุมมือพี่เลี้ยงตามอง ‘คุณย่า’ อย่างขลาดๆ เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองระย้า จึงทำให้คนต้องตอบดูอึดอัดใจ เลยได้แต่บอกอ้อมแอ้ม
“เหมือนเดิมมังคะท่านหญิง”
“อ้อ!” เท่านั้นไม่มีประโยคสนทนาใดเกิดขึ้น ลลิตรภัทรกระตุกมือระย้า ดวงตายังหล่อหยดน้ำ ถามเสียงเจือสะอื้น
“รภัทรจะหาคุณพ่อ แม่ย้อย คุณพ่ออยู่ไหน”
เด็กหญิงงอแงถามหาบิดาอย่างเอาแต่ใจ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาหาใช่จากปากระย้าไม่ เพราะหม่อมเจ้าหญิงวลัยฤดีตรัสตอบแทน
“คุณพ่อของเธอไม่สบาย จึงมาไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นเด็กนักเลยลลิตรภัทร เธอควรโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว”
===============================================================
ดีค้า พายัยรำพัดกับไอ้กุ้งหัวแหลมมาส่งค่า ^O^
คุณZephyr เฟอร์รี่จัง แอร๊ยยยยยย อย่าขู่ มาม่าซองที่หนึ่งเริ่มได้ งานเข้าแล้วววววว
และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ นะค้า ขอบคุณมากๆ ค่า
สำหรับวันนี้หนอนน้อยไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า ส่วนคืนนี้หลับฝันดี ราตรีสัวสดิ์ค่า
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2559, 20:04:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2559, 20:04:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 1112
<< บทที่ ๓ 3/4 | บทที่ ๔ 1/4 >> |
ดังปัณณ์ 26 มิ.ย. 2559, 20:04:53 น.
เปิดจองชุด เรียงหัวใจฝัน
-รอยเล่ห์ลวงใจ
-กิ่งหัวใจใบรัก
-ใจภักดิ์เพียงเธอ
( ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙)
กำหนดส่งวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙
#รอยเล่ห์ลวงใจ ราคา 295 บาท ลดราคาเหลือ 280 บาท
#กิ่งหัวใจใบรัก ราคา 325 บาท ลดราคาเหลือ 310 บาท
#ใจภักดิ์เพียงเธอ ราคา 289 บาท ลดราคาเหลือ 274 บาท
ค่าจัดส่งฟรี
พิเศษโปรโมชั่นสำหรับการสั่งซื้อชุดเรียงหัวใจฝันทั้งชุด จากราคา 909 บาท ลดเหลือ 850 บาท
แถมฟรี!!
นิยายเรื่องสั้น ‘กล่องไดอารี่ในความทรงจำของคำว่ารัก:ทำไมต้องรัก’ 1 เล่ม
(โปรโมชั่นนี้ สำหรับการสั่งซื้อผ่านเพจ: ร้อย:เรียง:เพียง:คำ นะคะ)
ชำระได้ที่
บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ น.ส. นภาพร ลีทอง
ธนาคารกรุงเทพ สาขา ถนนรัชดา-สี่แยกสาธุประดิษฐ์
เลขที่บัญชี 195-4-63401-8
ธนาคารกสิกรไทย สาขา ซีคอนสแควร์
เลขที่บัญชี 908-2-00089-2
แจ้งการจองหรือโอนได้ที่
e-mail: ao_sdj@hotmail.com
FB: ร้อย:เรียง:เพียง:คำ
ร้านออนไลน์เราก็มีนะคะ ^^
สอบถามได้ที่ร้าน Booksforfun ตามลิงก์นี้เลยค่ะ http://goo.gl/ZgFOp5
หรือ ร้านนิยายรัก ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ http://goo.gl/rzznzV
หรือ ร้าน Book To Go ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ http://goo.gl/I0ybNn
ฝากพี่เรกับอาวินด้วยนะคะ คืนนี้หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่ะ
เปิดจองชุด เรียงหัวใจฝัน
-รอยเล่ห์ลวงใจ
-กิ่งหัวใจใบรัก
-ใจภักดิ์เพียงเธอ
( ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙)
กำหนดส่งวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙
#รอยเล่ห์ลวงใจ ราคา 295 บาท ลดราคาเหลือ 280 บาท
#กิ่งหัวใจใบรัก ราคา 325 บาท ลดราคาเหลือ 310 บาท
#ใจภักดิ์เพียงเธอ ราคา 289 บาท ลดราคาเหลือ 274 บาท
ค่าจัดส่งฟรี
พิเศษโปรโมชั่นสำหรับการสั่งซื้อชุดเรียงหัวใจฝันทั้งชุด จากราคา 909 บาท ลดเหลือ 850 บาท
แถมฟรี!!
นิยายเรื่องสั้น ‘กล่องไดอารี่ในความทรงจำของคำว่ารัก:ทำไมต้องรัก’ 1 เล่ม
(โปรโมชั่นนี้ สำหรับการสั่งซื้อผ่านเพจ: ร้อย:เรียง:เพียง:คำ นะคะ)
ชำระได้ที่
บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ น.ส. นภาพร ลีทอง
ธนาคารกรุงเทพ สาขา ถนนรัชดา-สี่แยกสาธุประดิษฐ์
เลขที่บัญชี 195-4-63401-8
ธนาคารกสิกรไทย สาขา ซีคอนสแควร์
เลขที่บัญชี 908-2-00089-2
แจ้งการจองหรือโอนได้ที่
e-mail: ao_sdj@hotmail.com
FB: ร้อย:เรียง:เพียง:คำ
ร้านออนไลน์เราก็มีนะคะ ^^
สอบถามได้ที่ร้าน Booksforfun ตามลิงก์นี้เลยค่ะ http://goo.gl/ZgFOp5
หรือ ร้านนิยายรัก ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ http://goo.gl/rzznzV
หรือ ร้าน Book To Go ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ http://goo.gl/I0ybNn
ฝากพี่เรกับอาวินด้วยนะคะ คืนนี้หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่ะ
Zephyr 28 มิ.ย. 2559, 20:16:28 น.
ขอตบคนแก่ หึหึ
สงสารรภัทรจัง
คุณพ่อเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร และทำไม
ทำไมไม่มาหาเมียรักและลูกเลย
พ่อต้องเหตุผลดีมากนะคะ
ไม่ดีนี่ นำทีมไปถล่มเลย ขอบอกตรงนี้
ขอตบคนแก่ หึหึ
สงสารรภัทรจัง
คุณพ่อเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร และทำไม
ทำไมไม่มาหาเมียรักและลูกเลย
พ่อต้องเหตุผลดีมากนะคะ
ไม่ดีนี่ นำทีมไปถล่มเลย ขอบอกตรงนี้