มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 4



“หนูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่กับพ่อ ธาวัน หนูเป็นพระราชธิดาของ พระราชาเนวะสัญ กับ พระราชินีตุสิตา ผู้ปกครองเมืองริตถาวดีเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน และถูกปลงพระชนม์จากเหตุการณ์ปฏิวัติครั้งใหญ่” นางอัมพรยังบอกเล่าต่ออย่างระมัดระวัง

“ไม่จริง พลอยไม่เชื่อ นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะแม่”

เรื่องที่มาที่ไปของจี้และสร้อยเส้นนี้ว่าน่าช็อกแล้ว แต่เรื่องที่ตนไม่ใช่ลูกของคนที่เรียกว่าแม่มาตลอดชีวิตกลับสร้างความช็อกได้ยิ่งกว่า วาวพลอยจึงมีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นสิป้า อย่างกะนิยาย ไม่ก็ละครหลังข่าว ถ้าเจ๊พลอยเป็นเจ้าหญิง แล้วเจ๊พราวกับโก๋ล่ะเป็นอะไร เป็นเจ้าชาย เจ้าหญิงด้วยหรือเปล่า” โก๋ถามอย่างนึกสนุก แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของผู้เป็นป้าก็ต้องสลดลง

“มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด ในตอนนั้นแม่อยู่กับพ่อธาวันที่ริตถาวดี... ”

นางอัมพรเท้าความถึงความหลังเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนในประเทศริตถาวดี ซึ่งตอนนั้นได้มี นายพลติงสา ผู้นำสูงสุดของทหารได้ทำการก่อกบฏ หวังเป็นใหญ่ในริตถาวดี เขากับพรรคพวกได้ทำการโค่นล้มอำนาจของพระราชาเนวะสัญผู้ซึ่งครองราชย์ในตอนนั้น

ก่อนที่นายพลติงสาจะเข้าไปจับตัวพระราชาเนวะสัญและพระราชินีตุสิตาในตำหนัก แต่ทั้งสองพระองค์ได้สั่งให้ธาวัน ราชองครักษ์คนสนิทแอบพาเจ้าหญิงน้อย ซึ่งยังเป็นทารกออกมาจากเมืองหลวงได้ทัน

พร้อมกับมอบจี้เพชรยอดมงกุฎแห่งราชาให้เจ้าหญิงพระองค์น้อยติดตัวมา เผื่อว่ารอดชีวิตไปได้ วันหนึ่งจะได้กลับมากอบกู้ราชบัลลังก์จากพวกกบฏ

ราชองครักษ์ธาวันได้พาเจ้าหญิงมาให้ภรรยาชาวไทยคือนางอัมพร ที่อาศัยอยู่นอกเมืองหลวง ซึ่งเป็นบ้านของเขากับครอบครัว ธาวันกับนางอัมพรมีลูกสาววัยสองขวบอยู่หนึ่งคน

ด้วยรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับครอบครัวในไม่ช้า ราชองครักษ์ธาวันจึงจัดการหาทางส่งตัวภรรยากับลูกสาวและเจ้าหญิงตัวน้อยกลับมาเมืองไทย

พร้อมกับส่งตัวคนในครอบครัวของตน ไม่ว่าจะเป็นพี่ ป้า น้า อา ที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่กระจายออกไปตามนอกเมือง ป่าเขาเพื่อหนีเงื้อมมือของพวกกบฏ ก่อนที่ตัวเขาเองจะถูกพวกกบฏตามมาสังหารที่บ้าน

พร้อมๆ กับที่พระราชา พระราชินีก็ถูกปลงพระชนม์ในเมืองหลวงเช่นกัน ส่วนนางอัมพรเองก็เลี้ยงดูเจ้าหญิงมาเสมือนลูกคนหนึ่ง ไม่เคยแย้มพรายเรื่องเหล่านี้ให้เธอฟังมาก่อนเลย จนกระทั่งตอนนี้

“ถ้าเป็นเรื่องจริง ทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้พลอยฟังบ้างเลยคะ” หญิงสาวถามราวกับตัดพ้อ น้ำใสๆ คลอเอ่อในดวงตาคู่หวานซึ้งนั้น

“แม่ขอโทษ ตอนนั้นแม่ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ไม่คิดว่าคนที่ก่อกบฏจะถูกจับตัวได้ในอีกสิบกว่าปีต่อมา แม่คิดว่าทางริตถาวดีคงมีวิธีจัดการกับตัวเอง เพราะแม่ก็รู้มาว่าหลังจากจับพวกกบฏได้ทางริตถาวดีเองก็ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาแล้ว ไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องกลับไป”

“แล้วทำไมตอนนี้แม่ถึงผลักไสพลอยล่ะคะ” วาวพลอยถาม น้ำตาเริ่มรินไหลลงมาอาบแก้ม

ความจริงที่พึ่งได้รับรู้มันทำให้เธอทั้งสับสน ไม่เข้าใจ และมากกว่านั้นคือ... หวาดกลัว ซึ่งมันแปรมาเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจในที่สุด นางอัมพรเอื้อมมือไปจับมือบางของคนที่ตนรักเหมือนลูกแท้ๆ เอาไว้

“วาวพลอยลูกแม่ แม่พึ่งรู้ว่าทางริตถาวดีได้ให้คนออกสืบเสาะหาเจ้าหญิงและเพชรยอดมงกุฎราชามาโดยตลอด แม่เองก็พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดเหมือนกัน”

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกและครอบครัวของเราตอนนี้มันหนักหนาและร้ายแรงมาก แม่เองก็ไม่มีความสามารถปกป้องลูกกับครอบครัวของเราได้เลย แม่จึงต้องตัดสินใจส่งลูกกลับไปยังริตถาวดี” แม้จะเป็นเรื่องอ่อนไหว แต่นางอัมพรก็พยายามพูดออกไปด้วยความเข้มแข็ง

“เพราะพลอยทำให้แม่กับครอบครัวของเราเดือดร้อน ก็ได้ค่ะพลอยจะไปเพื่อให้ทุกคนปลอดภัย” หญิงสาวอดประชดด้วยความน้อยใจไม่ได้ นางอัมพรรีบสั่นศีรษะ

“ไม่ใช่เลยลูก สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของตัวลูกเองต่างหาก วาวพลอยอย่าใช้อารมณ์แล้วฟังแม่ ที่แม่จำต้องให้ลูกไปก็เพราะความจริงลูกเป็นเจ้าหญิงแห่งริตถาวดี เป็นองค์รัชทายาทในราชวงศ์เนวะ และที่สำคัญคือตอนนี้ก็มีคนสองฝ่ายที่ต้องการตัวลูก

“ฝ่ายหนึ่งออกตามหาเพื่อให้ลูกกลับไปปกครองริตถาวดี และสองคือฝ่ายที่ต้องการเอาชีวิตลูก เพื่อความปลอดภัยของหนูแม่จำเป็นต้องส่งลูกไปยังที่ที่ดูเหมือนอันตราย แต่มันจะปลอดภัยที่สุดเมื่อลูกไปถึง เชื่อแม่นะ ที่แม่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูก” นางอัมพรอธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะปล่อยน้ำตารินไหลลงมาด้วยความสะเทือนใจเช่นกัน

เพราะความรักที่มีให้กับวาวพลอยเหมือนลูกแท้ๆ ทำให้นางทนนิ่งเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ จึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อความปลอดภัยของตัวหญิงสาวเอง หรือต่อให้ต้องทำมากกว่านี้นางก็ยอม

“แม่... ” ทั้งสองโผเข้ากอดกันแล้วร้องไห้ เวลาผ่านไปชั่วครู่อารมณ์สั่นสะเทือนหัวใจนั้นจึงคลายลง

“ส่วนเอ็ง เจ้าโก๋ นับแต่นี้ต่อไปป้าจะให้เอ็งติดตามเจ๊พลอยไปริตถาวดี เอ็งจะตกลงไหม” นางอัมพรหันมาทางโก๋ที่แอบปาดน้ำตาอยู่ข้างๆ สองแม่ลูก

“ฮ้า! จริงเหรอป้า โอเค. เลย โก๋อยากไป ไม่ใช่อะไรหรอกนะ โก๋ก็แค่ห่วงเจ๊พลอย ยังไงเจ๊ก็เป็นพี่สาวของโก๋คนหนึ่ง” โก๋รีบรับปากในทันที ท่าทางตื่นเต้น แต่ก็ชะงักกึกเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“อ่า... เดี๋ยวนะป้าพร พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ป้าจะไม่ไปด้วยกันเหรอ” ก่อนจะมองคนเป็นป้าอย่างแปลกใจ

“ป้ายังไปด้วยตอนนี้ไม่ได้ ป้ามีอะไรมากมายต้องทำที่นี่” นางอัมพรบอก วาวพลอยกระตุกมือแม่ที่ยังจับกันอยู่ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูดกับน้องชาย

“ไม่นะคะแม่ ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริง พลอยก็ไม่อยากทิ้งแม่ไว้ที่นี่ ไปไหนเราก็ต้องไปด้วยกันสิคะ ไหนจะพี่พราวอีก ไม่รู้ล่ะค่ะพลอยจะไม่ไปไหนเด็ดขาด ถ้าไม่มีแม่กับพี่พราวไปด้วย” หญิงสาวรีบพูดขึ้นอย่างไม่ยอม นางอัมพรจึงลูบหัวเธอเบาๆ ราวกับปลอบประโลม

“แม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อจัดการอะไรอีกหลายอย่าง อย่าลืมสิลูก แม่ยังมีพี่พราว พอเสร็จเรื่องแล้วแม่กับพี่จะตามไปหาทันทีจ้ะ แม่รับรอง” นางอัมพรให้คำมั่น แววตาจริงจัง

“แต่... ”

“เจ้าหญิงของแม่ แม่รักลูกนะ แม้หนูจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ก็ตาม แม่ภูมิใจในตัวหนูเสมอ แม่เคยพร่ำสอนให้หนูเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว มั่นคง และเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่หนูจะได้ใช้มันจริงๆ อย่าทำให้แม่ผิดหวังสิลูก ลูกของแม่ไม่ใช่คนอ่อนแอ” นางอัมพรพูดออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง และให้กำลังใจอยู่ในที เจ้าของร่างบอบบางยังคงนิ่งฟัง

“ตอนนี้หนูไม่ได้มีแค่แม่ พี่พราว หรือเจ้าโก๋ที่ต้องคิดถึงเป็นห่วง แต่หนูมีประชาชนชาวริตถาวดีที่รอคอยการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาท ซึ่งก็คือหนู เจ้าหญิงชลันตา”

“เจ้าหญิงชลันตา” วาวพลอยทวนชื่อแสนประหลาดนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ นี่หรือคือชื่อที่แท้จริงของเธอ เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตา

*-*-*-*-*-*

เย็นย่ำที่ความมืดเริ่มคลอบคลุมไปทั่ว คือเวลาที่นางอัมพร วาวพลอยและโก๋ได้อำลาเจ้าอาวาส ก่อนจะเดินทางไปยังท่าเรือขนส่งสินค้าที่อยู่ในจังหวัดแห่งนี้

“อย่าบอกนะป้า ว่าเราจะเดินทางกันด้วยเรือสินค้า” โก๋ถาม

ขณะเดินตามหลังนางอัมพรอยู่ในท่าเรือ และเห็นแต่เรือขนส่งสินค้าหลายขนาด บ้างก็กำลังเข้าเทียบท่า บ้างก็กำลังออกจากท่า ที่ขนถ่ายตู้สินค้าก็มีมากมาย ดูวุ่นวายไปหมด

“ใช่ มันเป็นทางเดียวที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุด เพราะตอนนี้พวกที่ตามล่าเราดักเอาไว้ทุกทาง ยกเว้นทางทะเล มันอาจจะลำบากหน่อย แต่ก็ปลอดภัยที่สุด” นางอัมพรบอกด้วยความมั่นใจ

“ทำไมพวกนั้นต้องการฆ่าพลอยด้วยล่ะคะ แล้วเป็นพวกไหนกันแน่” วาวพลอยถามถึงสิ่งที่คับข้องใจ

“คงเป็นพวกคนที่เสียผลประโยชน์ แม่ก็ไม่รู้จักหรอกลูกว่ามีใครบ้าง แม่รู้แต่ว่ามีเพียงกลุ่มเดียวที่พอจะไว้ใจได้ นั่นก็คือ ท่านโสตถี ซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของลูก และเป็นคนที่ส่งคนมาพาลูกกลับไปริตถาวดีในครั้งนี้ หลังจากที่พวกเขาออกตามหาหนูมานานเหลือเกิน”

แต่ก่อนที่ทั้งหมดจะคุยกันต่อ ก็มีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหมือนคนทางฝั่งยุโรป กับหญิงสาวร่างสูงโปร่งหน้าตาเหมือนคนทางแถบเอเชียเดินตรงเข้ามาหา ทั้งสองอยู่ในชุดพนักงานเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งที่มีโลโก้ติดอยู่ตรงอกด้านซ้าย

“สวัสดีครับคุณอัมพร” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ทักทายนางอัมพร

นั่นทำให้วาวพลอยรู้สึกแปลกใจที่เขาพูดภาษาไทยได้ชัดเจน ทั้งที่ทุกอย่างในตัวเขาบ่งบอกความเป็นคนทางแถบตะวันตกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะผิวที่ออกขาวจัด ผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดสั้นรับกับใบหน้า

เช่นเดียวกับคิ้ว ดวงตาสีเทาอมฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ปากหยักได้รูป ไรหนวดเคราที่เขียวครึ้ม ส่งให้เครื่องหน้าคนต่างชาติของเขาดูชัดเจนและคมเข้มในคราวเดียวกัน

“สวัสดีค่ะ พวกคุณมาตรงเวลาดี” นางอัมพรกล่าว พลางส่งมือให้สองคนนั้นจับ แล้วจึงหันมาทางวาวพลอย

“พวกเขามีหน้าที่นำทาง และปกป้องคุ้มครองลูกระหว่างเดินทางไปริตถาวดี” หญิงสาวยกมือไหว้สวัสดี

“ยินดีที่ได้พบท่านค่ะเจ้าหญิงชลันตา ฉันชื่อ จิญจายะ ค่ะ แล้วนี่ก็คือหัวหน้า หัสตะ เรารับหน้าที่มาดูแลท่านโดยตรง” ผู้หญิงร่างสูงโปร่งกล่าว พร้อมค้อมหัวทำความเคารพ เธอไว้ผมซอยสั้น ผิวสีเข้ม ปากนิดจมูกหน่อย ท่าทางจริงจัง คล่องแคล่ว

“ยินดีเช่นกันค่ะคุณจิญจายะ คุณหัสตะ และนี่น้องชายฉัน ชื่อโก๋” โก๋โค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม

“แต่จะให้ดีเรียกฉันว่าวาวพลอยดีกว่านะคะ พอดีฉันพึ่งรู้ว่าตัวเองชื่อชลันตาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เองค่ะ จึงไม่ชินเท่าไหร่” วาวพลอยรีบออกตัวตามความจริง

“ใช่ ตอนนี้ยศถาบรรดาศักดิ์ควรเป็นความลับ เพราะมันอาจจะเป็นอันตรายได้” คนตัวโตหน้าเข้มบอกเสียงเรียบ ก่อนจะยกมือขึ้นมองนาฬิกา

“ถึงเวลาแล้ว เราคงต้องไปก่อน”

“แม่คะ” วาวพลอยโผเข้ากอดมารดาเอาไว้มั่น

“พลอยไม่อยากไปเลย แม่ขาพลอยไม่ไปได้ไหม ต่อให้ต้องตาย เราก็ตายด้วยกันเท่านั้นเอง พลอยไม่กลัวหรอกค่ะ”

“เด็กโง่ ตั้งแต่นี้ต่อไปหนูไม่ใช่ยัยวาวพลอยที่จะคิดอะไรตื้นๆ ได้อีกแล้วนะ หนูคือเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งริตถาวดีนะลูก” แม้จะดุไปอย่างนั้น แต่น้ำเสียงก็เจือความอ่อนโยน ดวงตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูและอาลัยยิ่งนัก

“พลอยไม่อยากเป็นอะไรทั้งนั้น พลอยอยากเป็นลูกแม่เหมือนเดิม มีชีวิตตามประสาเราเหมือนเดิม” หญิงสาวพร่ำน้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง

“แม่รู้จ้ะ แม่เองก็เหมือนกันไม่ว่าหนูจะเป็นใครหนูก็ยังเป็นลูกของแม่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความจริงก็คือความจริง มันถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องกลับบ้าน หนูต้องเข้มแข็ง ลูกของแม่ต้องทำได้” นางอัมพรลูบหัวเล็กที่ซบกับอกพร้อมให้กำลังใจ ทั้งที่น้ำตาของนางก็คลอเอ่อ

“หมดเวลาคร่ำครวญแล้ว ไปขึ้นเรือได้แล้ว” เสียงเข้มนั้นทำให้นางอัมพรดันร่างบอบบางของลูกสาวออกจากอ้อมอก ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียน และพยายามยิ้มอย่างที่คิดว่าสดใสที่สุด

“ไปทำหน้าที่ของลูกได้แล้ว” นางว่า วาวพลอยพนมมือไหว้แนบอก นางอัมพรจึงลูบหัวลูกสาวเบาๆ อีกครั้ง ก่อนที่โก๋จะกอดอำลาผู้เป็นป้าต่อ

“ดูแลเจ๊พลอยให้ดีนะหลานป้า” โก๋รับคำเสียงสั่น กลั้นน้ำตาที่คลอเอ่อ

ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวตามร่างสูงใหญ่ไปยังท่าเทียบเรือ ตรงไปยังเรือสินค้าขนาดใหญ่ลำหนึ่งที่จอดอยู่ท่ามกลางเรือมากมาย โดยมีหญิงสาวผมสั้นเดินตามอย่างระแวดระวัง

นางอัมพรยืนมองคนทั้งสี่จนลับจากสายตา แล้วจึงปาดน้ำตาทิ้ง และหันหลังกลับในทันที

ทั้งหมดก้าวไปตามบันไดเล็กๆ ด้านหลังที่ทอดไปสู่เรือสินค้าลำนั้น พอขึ้นไปถึงคนเป็นหัวหน้าก็พูดภาษาอังกฤษกับคนที่อยู่บนเรือ ราวกับว่าได้นัดกันเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี

พนักงานคนนั้นรีบพาคนทั้งหมดลงไปยังชั้นล่างสุดของเรือ ซึ่งเป็นที่พักของพนักงาน และมีห้องหับแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน พอมาถึงหน้าห้องพักด้านหลังสุด พนักงานก็เปิดประตูให้ก่อนจะปลีกตัวออกไป



“พวกคุณเข้าไปพักกันในห้องนี้นะ อย่าได้ออกมาเพ่นพ่านเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงที่หมาย จิญจะเป็นคนดูแลพวกคุณเอง”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่บอกก่อนจะก้าวจากไปจิญจายะเดินนำเข้าไปในห้อง วาวพลอยกับโก๋จึงก้าวตาม







**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToy
OntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6

NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%

A1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%

B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%

E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx

?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_

detail_book/1110




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2559, 20:43:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2559, 20:43:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 900





<< บทที่ 3   บทที่ 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account