จองจำดวงใจ
...ตราบใดที่หัวใจยังมีรักและชิงชัง ตราบนั้นความทรงจำอันแสนสุขและทุกข์เศร้าก็จะเป็นเสมือนเงาที่ติดตามเราไปทุกหนแห่งชั่วนิจนิรันดร์...

ด้วยสายใยแห่งรักและความผูกพันทำให้หัวใจศศิวิมลยืนยันกับตัวเองหนักแน่นว่า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์วิสุทธิ์สุนทร คือ เด็กหนุ่มคนเดียวกันกับที่เธอเฝ้ารอคอยการกลับมาถึงสิบปีเต็ม แม้ว่าเขาจะแตกต่างจากเดิมไปมากเพียงใด และเมื่อการแต่งงานกะทันหันตามคำสัญญาต้องดำเนินขึ้นศศิวิมลกลับค้นพบว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีแม้จะแค่ในนามกลับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไร้หัวใจ ทายาทมหาเศรษฐีสหรัฐที่สวมรอยเข้ามาและใช้เธอเป็นสะพานเพื่อฮุบกิจการทั้งหมดของอังคพิมาน

ทั้งที่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้พ้นเงื้อมือชั่วช้า ทว่าสัญชาตญาณในหัวใจยังเชื่อมั่นและสายสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อยแต่งดงามที่เกิดขึ้นระหว่างกันกลับกลายเป็นพันธนาที่จองจำเธอไว้มิให้หลุดพ้นไปจากเขา จะทำอย่างไรหากต้องเลือกระหว่างทรยศครอบครัวกับทำร้ายชายผู้เป็นหัวใจ เธอจะเลือกอะไรหากรู้ว่าทุกทางเลือกนั้นต้องจบลงด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น

" ต่อให้เป็นนักโทษถูกล่ามโซ่ไว้ในกรงขัง หรือเป็นคนธรรมดาที่ถูกกรอบของสังคมบีบบังคับ ขอเพียงหัวใจยังโบกโบยเป็นอิสระได้ การจองจำเพียงกายนั้นก็ไร้ความหมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเราถูกพันธนาการเสียแล้ว ต่อให้ดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างไรก็หลุดพ้นจากการจองจำนี้ไปไม่ได้หรอก เหมือนกับหัวใจของเล็กที่ถูกความรัก ความผูกพัน และความทรงจำที่มีต่อเขามัดแน่น ทั้งที่รู้ดีเหลือเกินว่าควรหนี แต่เท้าทั้งสองข้างกลับก้าวไปไม่พ้นใจเสียที ”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 6

--- แวะคุยกันนิดหน่อยนะคะ ---

อย่างที่ได้อ่านกันไปในบทที่แล้วนะคะ จะเห็นว่าตาภาคเย็นชาน่ากลัวมาก เดี๋ยวจะเข้าสู่ดาร์กไซด์กันทั้งภาคทั้งศิระเลยค่ะ = ="(คนเขียนแลซาดิมส์)ในเรื่องนี้คนเขียนจะชอบบทบาทของรสามากที่สุดล่ะ บทนี้เอาเพลงเสน่หาร้องโดยคุณสุภัทรามาให้ฟังเพราะมากค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=-M4N9B4eGts ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ มีอะไรแวะทักทายกันในคอมเม้นหรือที่เฟสบุ๊กได้นะคะ

------------------------
บทที่ 6

หากจะกล่าวถึงกลุ่มเครือโรงแรมที่นิตยสารท่องเที่ยวในต่างแดนและชาวต่างชาติยกย่องให้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในประเทศไทย ย่อมต้องมีชื่อของอังคพิมาน โฮเต็ลติดอยู่ในอันดับต้นๆของรายชื่อทั้งหมด

อังคพิมานโฮเต็ลตั้งอยู่ในสุขุมวิท ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยมีตระกูลอังคพิมานเป็นเจ้าของ ตัวอาคารรวมถึงการตกแต่งภายในผสมผสานระหว่างสไตล์บาโรกกับโมเดิร์นได้อย่างลงตัวรายล้อมด้วยสวนที่ออกแบบแยกระหว่างสวนป่าร่มรื่นกับสวนสไตล์เมดิเตอเรเนียน เอกลักษณอันโดดเด่น เลื่องลือเรื่องการบริการดีเลิศ ทำให้นักธุรกิจต่างชาติสนใจร่วมลงทุน ปัจจุบันมีโรงแรมในเครือนี้อยู่ถึงแปดสาขา กระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

โรงแรมขนาดความสูงสามสิบชั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครได้โดยรอบแห่งนี้ จัดพื้นที่ชั้นบนสุดให้แก่คณะกรรมการระดับสูงใช้เป็นสถานที่ทำงาน จัดการประชุมและผ่อนพักได้ด้วยการแยกห้องพักให้เป็นสัดส่วน มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา

ภายในห้องประธานคณะกรรมการบริหารขนาดใหญ่คล้ายกับห้องสูทราคาแพงของโรงแรม...ศิระถอดสูทสีเทาพาดไว้บนโต๊ะ ถลกแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวจนถึงข้อศอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เพ่งสมาธิจดจ่อกับการพิจารณาบริษัทผู้รับเหมาซึ่งยื่นซองประมูลราคาโครงการก่อสร้างโรงแรมสาขาใหม่ในภูเก็ต

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลือกบริษัทผู้รับเหมามาดูแลโครงการใหญ่ เพราะประเด็นสำคัญสำหรับเขาหาใช่เรื่องใครให้ราคาถูกที่สุด แต่เป็นการตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความซื่อตรงของบริษัทเหล่านั้น เมื่อคัดสรรได้แล้วยังต้องโน้มน้าวคณะกรรมการที่เห็นต่างให้เห็นเชื่อและลงมติสนับสนุนการตัดสินใจของเขา

หน้าผากของเขาย่นเป็นริ้วรอยลึก การที่มลธิกาและคณะกรรมการอื่นไว้วางใจเขา กลายเป็นความกดดันจนหลายคราถึงกับนอนไม่หลับ แต่ที่พักนี้เครียดหนักคงเพราะข่าวการกลับมาของภาควัฒน์ที่ทำให้ระแวงใจกลัวจะถูกชิงคนสำคัญยิ่งกว่าดวงไปอีกครา

ไฟสัญญาณตรงเครื่องอินเตอร์คอมกระพริบถี่ ศิระเหลือบเห็นพอดีจึงกดรับ ได้ยินเลขานุการหน้าห้อง
รายงานว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งมาขอเข้าพบ

“ เมื่อเช้าคุณลดาแจ้งว่าผมไม่มีนัดลูกค้าเวลานี่นี้ครับ ”

“ ใช่ค่ะ แต่คุณวิกานดาเธอแจ้งว่า นัดกับคุณศิระไว้เป็นการส่วนตัว ”

นามที่เลขานุการแจ้งให้ทราบทำคนฟังถึงกับถอนหายใจใหญ่ แทบโยนเอกสารการประมูลในมือทิ้ง อุตส่าห์คิดว่าหล่อนจะถอยทัพเพราะไม่เห็นหน้าค่าตาหลายวัน พอชะล่าใจเข้าหน่อยเล่นบุกมาหากันถึงที่ทำงานเลยหรือ

“ คุณใหญ่คะ ดิฉันอยากปรึกษาเรื่องการร่วมทุนระหว่างนิปปอน รอยัลกับทางอังพิมาน โฮเต็ลนะคะ ดิฉันขออนุญาตคุณป้าเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้นัดกะทันหันนะคะ” ว่าที่คู่หมั้นสาวถือวิสาสะยกอินเตอร์คอมของเลขานุการหน้าห้องขึ้นมาพูดให้เขารับฟังด้วยตัวเอง

...ถึงขนาดนี้หากไม่เชิญเข้ามาคงเสียมารยาทเกินไป ชายหนุ่มตัดสินใจยอมให้เข้าพบ

วิกานดาปรากฏตัวหลังบานประตูมาในชุดสูทสีครีมกระโปรงสอบสั้นเหนือเข่า นวยนาดมาหยุดทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อนฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของห้อง ขาเพรียวงามยกไขว่ห้าง ประสานมือตรงหน้าตักสง่างามเช่นครั้งแรกที่พบกัน

“ เชิญครับ มีอะไรว่ามาเลย ” ศิระบอกทั้งที่ยังไล้สายตาอ่านรายละเอียดเอกสารในมือ แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา พอเหลือบตามองเล็กน้อยก็เห็นหญิงสาวเหลียวมองรอบห้องก่อนจะหันกลับมาหาชายหนุ่ม แย้มริมฝีปากอิ่มสีโอโรสกว้าง ดวงตาสีอ่อนฉายแววหยอกล้อในวินาทีที่เห็นริ้วรอยแห่งความตึงเครียด

“ ท่าทางคุณใหญ่จะงานยุ่ง คงอดหลับอดนอนมาหลายวันแล้วสิท่า ”

“ ใช่ครับ ทางเรากำลังจะมีโรงแรมที่ภูเก็ตเลยมีแต่เรื่องยุ่ง ว่าแต่คุณวิมีอะไรก็พูดมาเถอะครับจะได้ไม่เสียเวลา ” เอ่ยอย่างสุภาพและใจเย็น ความเป็นนักธุรกิจจำเป็นต้องกดเก็บความรู้สึกไว้ใต้สีหน้าเรียบเฉยปกติ

วิกานดายังเงียบเพียงอมยิ้มน้อยๆ ยกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาครู่หนึ่งก็เงยหน้ามาจ้องเขาไว้

“ คุณพ่อกับวิอยากร่วมทุนกับที่นี่นะคะ แต่เรื่องรายละเอียดอื่น ถ้าคุณใหญ่อยากรู้ ช่วยเลี้ยงข้าวกลางวันวิสักมื้อสิคะ ไม่ต้องไปไหนไกลหรอกค่ะ แค่ลงไปกินข้าวกันที่ห้องอาหารของโรงแรมข้างล่างก็พอแล้ว ” หล่อนเสนอ ใช้วิธียกเอาเรื่องผลประโยชน์มาต่อรองล่อให้อีกฝ่ายยอมจำนนสานความสัมพันธ์ด้วยจนได้นั้นทำศิระเกือบตกเก้าอี้

“ ความจริงผมอยากทราบนะครับ แต่ผมยังจัดการเรื่องงานไม่เสร็จ กลางวันนี้คงไม่กินอะไรนอกจากกาแฟ...เอาไว้วันหลังสะดวกเมื่อไหร่ผมจะติดต่อคุณวิกลับไปแล้วกันนะครับ ” เลือกเหตุผลเรื่องงานมาเป็นข้ออ้างในการผลักไสผู้หญิงที่ป้าถูกตาต้องใจให้กลับไปเสีย
แต่ว่าที่คู่หมั้นสาวไม่ถอยหลังกลับง่ายตามความประสงค์...หล่อนเพียงส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ทอดสายตาอ่านรายชื่อบริษัทผู้รับเหมาหน้าซองบนโต๊ะ

“ กำลังเลือกบริษัทผู้รับเหมาอยู่หรือคะ ” นิ้วเรียวหยิบซองเหล่านั้นมาดูในระยะใกล้ แล้วเริ่มแจกแจ้งรายละเอียดของบริษัทผู้รับเหมาราวกับเคยใช้บริการมาแล้วทุกสำนักงาน

ศิระอดประหลาดใจในตัวผู้หญิงอย่างวิกานดาไม่ได้...ผู้หญิงสวยและเก่งรอบรู้หาได้ไม่ง่าย การใช้ชีวิตร่วมกันอาจช่วยส่งเสริมธุรกิจของทั้งสองให้เจริญรุดหน้า แต่น่าเสียดายที่คงเป็นเพียงความคิด เพราะหัวใจเขายึดมั่นในตัวใครคนหนึ่งจนไม่อาจขยายขอบเขตได้อีกแล้ว

“ วิบอกข้อมูลคร่าวๆให้แล้ว ตอนนี้คุณใหญ่มีเวลาว่างพอจะไปทานข้าวกับวิหรือยังคะ ” เจ้าหล่อนถาม...มั่นใจว่าคราวนี้คนตรงหน้าจะไม่ปฏิเสธคำร้องขอ

“ ก็ได้ครับ...ในเมื่อคุณวิช่วยผม ผมจะเลี้ยงข้าวคุณวิสักมื้อแล้วกัน ”

วิกานดาดีดนิ้วราวกับคะเนไว้แต่แรก...ชายหนุ่มรวบเก็บเอกสารทั้งหมดใส่กลับเข้าแฟ้มก่อนจะลุกขึ้นผายมือเชิญหญิงสาวให้ออกจากห้องไปพร้อมกัน...สองหนุ่มสาวย่างเท้าไปบนพรมนุ่มลวดลายสวยงามกระทั่งถึงหน้าลิฟต์ วิกานดาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าสะพายไว้ในห้องทำงานของศิระ

“ เดี๋ยววิไปเอาเอง คุณใหญ่รอที่นี่นะคะ ” เจ้าหล่อนบอก รีบกลับไปภายในห้องทำงาน ฉวยกระเป๋าที่วางบนเก้าอี้มาสะพายได้ก็ไล้มือสัมผัสขอบโต๊ะเบาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมากดอะไรบางอย่างก่อนจะยอมออกจากห้องไป

******************

มีคนเคยกล่าวว่า ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ อรพิณที่ประสบเคราะห์กรรมนานหลายปีไม่เคยเชื่อในคำเหล่านี้จนกระทั่งวันที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและพลังชีวิตของตนเองใกล้หมดลงไปทุกที การกลับมาของลูกชายผู้เป็นทายาทคนเดียวที่จะค้ำจุนวงตระกูลให้ดำรงสืบไปถือเป็นฟ้าหลังฝนที่สวยงามของนางยิ่งนัก

ภาควัฒน์นั่งพิงพนักเก้าอี้หนังนิ่มสบายในห้องทำงานที่ครั้งหนึ่งเป็นของบิดา ฟังปลายสายรายงานข้อมูลน่าสนใจผ่านบลูทูธที่เสียบค้างไว้ตรงหู เลื่อนปลายนิ้วบนแท็บเล็ตพินิจกราฟแสดงข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นรวมจำนวนที่แต่ละคนถือครองไว้โดยมีทั้งเป็นตัวเลขโดยละเอียดและเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ให้เรียบร้อย

ดวงตาคมโดดเดี่ยวไล่รายชื่อจากบนลงล่าง เหยียดมุมปากพลางหัวเราะเบาในลำคอ...ชื่อของบริษัทการลงทุนในประเทศอังกฤษและบริษัทด้านจัดการสินทรัพย์ในดูไบ ซึ่งถือครองหุ้นในจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่ากันมีความสัมพันธ์กับทางครอมเวลแน่นแฟ้น...การขึ้นดำรงตำแหน่งของประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของทั้งสององค์กรเป็นผลมาจากการใช้อำนาจในทางลับจากนายใหญ่แห่งครอมเวลผลักดันสนับสนุน และหนี้บุญคุณในครั้งนั้นทำให้ไม่ว่าครอมเวลจะเอ่ยปากขอให้ช่วยอะไรจากสององค์กรนี้ย่อมไม่มีคำปฏิเสธ

“ เช็กให้หน่อยว่า โคเซ่กับอูเซนตอนนี้อยู่ที่ไหน...ใครอยู่ใกล้เมืองไทยที่สุดให้แจ้งไปว่าฉันอยากพบ สะดวกเมื่อไหร่นัดคุยได้เลย ” สั่งงานรวดเร็ว นั่งเงียบฟังปลายสายอีกครู่หนึ่งก็เปิดเช็กอีเมล์ส่วนบุคคลที่มีระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูลในระดับสูง โหลดไฟล์ที่แนบมาปรากฏเอกสารเนื้อความยาวหลายหน้าที่ฝ่ายข้อมูลทำไฮไลท์เป็นแถบสีเหลืองช่วยสรุปใจความสำคัญให้

ไม่มีคำพูดล่ำลา...ชายหนุ่มกดวางสายสิ้นสุดการติดต่อทันที เก็บแท็บแล็ตลงในลิ้นชักล็อกกุญแจแน่นหนาก่อนจะหยิบแฟ้มผลประกอบการที่อ่านค้างไว้มาดูสลับกับหยิบรายงานการผลิตสินค้าที่ได้รับการจำหน่ายสูงสุดและพบว่า โชเนนฟาวรับจ้างผลิตเครื่องสำอางและวิจัยให้กับบริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยี่ห้อดังในประเทศยักษ์ ผิดกับในประเทศตะวันออกกลางที่สินค้าของบริษัทได้รับการตอบรับค่อนข้างดี

เขาเอี้ยวตัวหยิบแฟ้มจากฝ่ายการตลาดอีกเล่มมาเปิดอ่าน พลันได้ยินเสียงเคาะประตูขัดจังหวะจึงวางแฟ้มลงบนโต๊ะ เดินไปปลดล็อกลูกบิดแล้วเปิดออก

ศศิวิมลยืนตัวตรงแน่วเหมือนทหารในวินาทีที่เห็นเขาปรากฏตัวหลังบานประตู...ริมฝีปากอิ่มจะแย้มแล้วก็หยุดยักแย่ยักยันอยู่เช่นนั้น

“ มีอะไร ” คิ้วเรียวเข้มเลิกสูงพลางถาม

“ คุณป้าให้มาตามพี่ภาคไปพบค่ะ ” หญิงสาวเม้มริมฝีปาก มองดูเขาอย่างหวาดหวั่น กว่าจะหลุดพูดได้ทีละคำช่างแสนยากเย็น

“ ขอเวลาสองนาที เดี๋ยวฉันตามไป ” สั่งเสียงเรียบ...คนได้ยินก็รีบพยักหน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับหายไปหลังบานประตูห้องในสุดของชั้นสอง

อรพิณนั่งทอดสายตามองหลานสาวของเพื่อนที่คลานเข่ามาหยุดข้างเตียงด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าแจ่มใสมีน้ำมีนวลมีสีเลือดขึ้นบ้างต่างจากแต่ก่อน เอื้อมมือสอดปลายนิ้วปัดเส้นผมที่เคลียพวงแก้มนวลทัดไว้ข้างหู หัวใจรักและเอ็นดูเป็นหนักหนา

“ มีคนชมเล็กว่าสวยบ้างไหมลูก ” นางเอ่ยถาม พินิจพิเคราะห์ความงามบนดวงหน้าเนียนหวานอมโศกที่ละม้ายคล้ายสตรีผู้ให้กำเนิด

“ นอกจากพี่ใหญ่แล้ว ตอนสมัยเรียนก็มีพี่ที่คณะพูดบ้างนะค่ะ แต่เล็กรู้อยู่แล้วว่าพี่เขาพูดเล่น ” ตอบพลางยิ้มกว้างจริงใจมิใช่เพียงแสแสร้งแกล้งถ่อมตน

เสน่ห์ของศศิวิมลหาใช่มีเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก…ความเป็นธรรมชาติไร้มารยา ทำทุกอย่างจากหัวใจต่างหากที่มัดใจให้ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ชิดหลงรัก เฉกเช่นนางกับสามีที่ถูกความดีของหญิงสาวมัดไว้ให้รักและเอ็นดูดังกับเป็นลูกสาวคนหนึ่ง

“ ป้าว่าเขาไม่ได้พูดเล่นกันหรอก เล็กเป็นคนสวยนะลูก สวยทั้งกายทั้งใจ จะว่าไปแล้วเล็กยิ่งโตยิ่งเหมือนแม่เขา มีที่ต่างกันหน่อยก็ตรงผมนี้แหละ มินเขาผมหยักศกไม่ตรงสวยแบบนี้ ” นางหวนคิดถึงน้องสาวของเพื่อนในความทรงจำเก่าก่อน

“ คุณป้ารู้จักแม่ของเล็กด้วยหรือค่ะ ” หล่อนถาม ออกอาการสนใจใคร่รู้ทุกคราที่ได้ยินใครเอ่ยถึงมารดา
ทว่าคนพูดกลับถอนหายใจ สีหน้าในยามนั้นหมองหม่นไม่อยากเล่าถึงเรื่องราวในหนหลัง โชคดีที่มีคนเข้ามาทำให้บทสนทนาเมื่อครู่ถูกลืมเลือนไป

เจ้าของห้องนอนใหญ่อมยิ้มพอใจเมื่อเห็นลูกชายเลือกทรุดลงนั่งกับพื้นห่างจากคนตัวเล็กที่นั่งพับเพียบตัวเกร็งเพียงคืบเดียว

“ มาแล้วเหรอลูก...ขอโทษนะที่แม่ต้องกวนภาคเวลาทำงาน ”

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ สำหรับแม่ผมมีเวลาให้เสมอ ” เขาว่าพลางยิ้มอ่อน คนเป็นแม่ก็ได้แต่ยิ้มตอบพอใจ

“ ช่วงนี้ภาคคงต้องเหนื่อยหน่อยนะลูก จะทำให้คณะกรรมการบริหารกับฝ่ายอื่นเชื่อใจนะ ต้องใช้เวลาสักหน่อย คณะกรรมการบริหารชุดนี้ถึงจะทำงานร่วมกับคุณพ่อมานานก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะยกมือเลือกใครเป็นผู้บริหารสูงสุดได้ง่ายๆ เขาต้องพิจารณาตามความเหมาะสม แต่อีกไม่นานหรอกลูก แม่เชื่อว่า เขาต้องยอมรับและสนับสนุนภาคเป็นประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของโชเนนฟาวแน่นอน ”
ดวงตาของผู้เป็นแม่วาวหลังกล่าวจบ เหตุที่ทำให้เชื่อมั่นเช่นนั้นก็เนื่องด้วยคณะกรรมการอาวุโสหลายฝ่ายอุตส่าห์โทรมาชื่นชมลูกชายในความเป็นคนหนุ่มที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไตร่ตรองตัดสินใจฉลาดและแม่นยำเหมือนผ่านประสบการณ์การทำงานมาอย่างโชกโชน…ความตรงไปตรงมาของพนักงานทำให้รากฐานบริษัทแข็งแกร่ง และการที่ลูกชายถูกชมเชยก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้เป็นแม่

คนนอกมองการสองแม่ลูกอยู่พักใหญ่ก็รู้สึกตัวได้ว่าควรถอยออกไป

“ รออยู่นี้แหละลูก...ป้ามีธุระต้องคุยกับเราสองคนพร้อมกัน ” นางรั้งไว้เช่นนั้นก่อนจะค่อยๆขยับกายลงต่ำให้ศีรษะเอนพิงหมอน จับจ้องดวงหน้าของลูกชายและหลานสาวของเพื่อนที่นางรักและเอ็นดูเป็นหนักหนายาวนานราวกับจะสลักภาพนี้ไว้มิให้สูญสลาย

“ เราสองคนคงรู้ดีว่า ตอนนี้แม่มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว สิ่งที่แม่ห่วงอยู่เรื่องเดียวก็มีแต่ภาคเท่านั้น และก่อนที่แม่จะต้องจากโลกนี้ไป แม่อยากให้เราสองคนช่วยทำอะไรให้แม่สักอย่าง ” นางหยุดพูด หลุดไอโขลกน่ากลัวจนชายหนุ่มกับหญิงสาวรีบเข้าไปดู ใช้เวลาหลายนาทีกว่าทุกอย่างจะยุติ

ในตอนแรกดูเหมือนว่าอาการจะทุเลาลง แต่ทันทีที่สองหนุ่มสาวเหลือบเห็นฝ่ามือเปื้อนเลือดก็หันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย...สัญญาณอันตรายแจ้งคนใกล้ชิดให้ระวัง

“ แม่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ ผมโทรตามหมอให้ดีกว่า ” กุลีกุจอหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง แต่มือผอมเย็นเฉียบกลับจับท่อนแขนของลูกไว้

“ อย่า...ขอให้แม่พูดกับภาคให้จบก่อน ตอนนี้แม่ยังไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อแม่สิ ร่างกายแม่ แม่รู้ ” นางคัดค้านด้วยแววตาเว้าวอน คนเป็นลูกแม้จะขัดใจแต่ก็พยักหน้ายอมให้แม่ทำตามต้องการ

อรพิณกำหมัดแน่นข่มอาการปวดร้าวที่แล่นทั่วร่างไว้ เดินหน้าพูดทุกอย่างในใจ...ขอให้ตนเองสมปรารถนาก่อนแล้วจะยอมให้มัจจุราชคร่าชีวิต

“ ก่อนที่แม่จะจากไป แม่ขอให้ภาคแต่งงานกับเล็กได้ไหมลูก ”

ใจความสำคัญในประโยคนั้นทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งตั้งใจฟังอย่างเป็นห่วงมาโดยตลอดถึงกับเบิกตากว้าง ความตระหนกทำให้หัวสมองว่างเปล่า มือเท้าชาแทบไม่รู้สึกรู้สา ทันทีที่สติกลับคืนก็ถึงกับร้องเสียหลง

“ แต่งงานเหรอคะ ”

อรพิณที่พยักหน้าสำทับความประสงค์อีกครั้ง...คนถามจึงมีอันหน้าซีดเผือด แทบไม่เชื่อหูว่าจะถูกขอร้องเช่นนั้น เลยไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี เลยได้แต่เหลือบมองภาควัฒน์ราวกับจะหาที่พึ่งช่วยเหลือ

“ จะแต่งเมื่อไหร่ดีครับ”

แทนที่จะได้ยินการปฏิเสธอย่างแข็งขัน...ทุกอย่างกลับตาลปัตรลงตรงที่เขาถามข้ามขั้นถึงวันแต่งงานหน้าตาเฉย ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของเขาทำเอาผู้เป็นแม่ถึงกับตกตะลึง ส่วนศศิวิมลนั้นหรือก็เพียงกระพริบตาปริบมองเขาปานเห็นสัตว์ประหลาด

“ แม่คงไปดูฤกษ์มาแล้วใช่ไหมครับ ” ถามเพราะรู้นิสัย หากแม่มารูปแบบนี้ได้ย่อมต้องเคยเอาดวงเขากับหญิงสาวข้างบ้านไปตรวจดวงชะตากับเจ้าอาวาสที่สนิทกันเรียบร้อยแล้ว

อรพิณเผยอริมฝีปากยังอึ้งอยู่ สักพักก็ล้วงมือหยิบเอากระดาษที่เจ้าอาวาสเขียนวันฤกษ์ดีมาให้เลือกส่งให้...ฤกษ์เร็วที่พระท่านให้อย่างเร็วที่สุดก็อีกสองเดือนข้างหน้า ช่วงเวลาหกสิบเอ็ดวันนั้นยาวนานและไม่มีหลักประกันใดให้แน่ใจได้ว่า แม่จะอยู่ได้เห็นความปรารถนาตนลุล่วง

“ ฤกษ์ที่ให้มาช้าเกินไป ” เขาเกริ่น “ ถ้าแม่ไม่ถือสาเรื่องขนบธรรมเนียมไทย ผมก็จะถือเอาฤกษ์สะดวกตัวเอง ผมว่าเป็นวันมะรืนนี้เลยดีกว่าครับ ถ้าจัดงานไม่ใหญ่โต คงใช้เวลาไม่มาก ”

การเสนอวันแต่งงานเร็วเป็นเรื่องเกินความคาดหมายของอรพิณไปมาก...แม้นายแพทย์ประจำตัวจะกำหนดเวลาชีวิตที่เหลือไว้อีกไม่มาก แต่นางก็สวดมนต์ภาวนาขอให้ตนเองอยู่ตระเตรียมงานและได้เห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาออกไปอีกหลายเดือน พอลูกมาท่านี้ยิ่งงงงัน

“ เล็กจะว่ายังไง ถ้าพี่จะขอให้เล็กแต่งงานกับพี่มะรืนนี้ ” หันไปถามความเห็น เลือกใช้สรรพนามให้มารดาเชื่อว่าทั้งคู่สนิทสนมกลมเกลียวกัน ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับฉงน

“ พี่ถือว่าที่เล็กเงียบคือไม่ปฏิเสธนะ ” ตกลงปลงใจให้เสร็จสรรพ มืออุ่นร้อนเอื้อมไปกุมมือเรียวเล็กเย็นจัดบนหน้าตัก บีบแล้วคลายเป็นจังหวะราวกับส่งสัญญาณให้ยอมรับ แต่หล่อนกลับขัดขืน พยายามดึงมือหนีจากการเกาะกุม...ยื้อกันอยู่พักใหญ่เลยต้องจำนนปล่อยให้มือแข็งปานคีมเหล็กจับไว้เช่นเดิม

“ เล็กคิดว่า ให้ป้าพิณกับแม่ใหญ่คุยกันก่อนดีกว่าไหมคะ ” หล่อนบอกเสียงอ่อน ในใจนึกรู้อยู่ตลอดว่า เขาไม่เคยเสน่หาอาทรกันเลยแม้แต่น้อย ที่ยอมตกปากรับคำก็คงเพราะเป็นประสงค์ของมารดา แล้วจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร

“ แม่เห็นด้วยกับเล็กเขานะภาค...ป้ามลเขาอาจจะไม่พอใจถ้าเรารวบรัดแต่งงานกับเล็กเขา จัดงานเงียบๆไม่ให้ใครรู้แบบนี้ มันเหมือนไม่ให้เกียรติกัน ไว้แม่คุยกับคุยกับป้ามลเรื่องนี้เรียบร้อย แล้วจะให้ผู้ใหญ่ที่แม่นับถือพาภาคไปสู่ขออย่างถูกต้องตามประเพณีอีกที น่าจะดีกว่า ” นางเห็นด้วยกับหลานสาวของเพื่อน

“ เอาเป็นว่า แม่คุยทาบทามเล็กกับป้ามลพอ เรื่องอื่นผมจัดการเอง รับรองว่าทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อยถูกต้องตามประเพณี เท่านี้นะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปคุยกับเล็กเขาข้างนอกอีกที ” ชายหนุ่มตัดบท...ไม่รอให้แม่อนุญาตก็จัดการฉุดแขนหญิงสาวขึ้นจากพื้น กึ่งจูงกึ่งลากพาหายเข้าไปในห้องทำงาน

ภาควัฒน์ปล่อยมือนุ่มเป็นอิสระทันทีที่ลับสายตาคน แขนทั้งสองกอดอกหลวมพลางจ้องเขม็งยังศศิวิมลที่ก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีไปกว่านี้

“ หมอเพิ่งบอกฉันว่า แม่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสองเดือน ”

วาจาเรียบเย็นของเขาทำลายความเงียบเหงาในห้องลง ทำเอาคนที่พรั่นพรึงตลอดเวลาถึงกับตื่นตะลึงเงยหน้าจ้องใบหน้าเคร่งขรึมที่เบนสายตายังรูปถ่ายบิดาในกรอบทอง

“ ฉันอยากให้ถือเสียว่าการแต่งงานของเราสองคนครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงก็พอ และไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ ฉันรับรองว่าจะไม่ล่วงเกินอะไรเธอ แค่อยู่กันไปจนกว่าจะถึงเวลาแล้วฉันจะหย่าให้...เธอเองก็รักแม่ฉันนี่ แค่แกล้งทำอะไรสักอย่างเพื่อให้แม่ฉันมีความสุข จะทำไม่ได้เชียวหรือ ”

ถ้อยวจีของเขาแม้จะเรียบเย็นคล้ายไม่รู้สึกรู้สา แต่หากได้จ้องลึกในดวงตาคมจะเห็นประกายอ่อนล้า

ศศิวิมลไม่ทราบมาก่อนเลยว่า อรพิณเหลือเวลาในชีวิตน้อยนิดถึงเพียงนั้น นั่นคงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาพยายามเร่งรัดวันแต่งงาน ทว่าเมื่อลองคิดในทางกลับกัน การแต่งงานจอมปลอมก็เหมือนหลอกลวงอรพิณมิใช่หรือ

“ คุณป้าอยากให้พี่ภาคแต่งงานเพราะคิดว่าจะมีคนคอยอยู่เคียงข้างตลอดชีวิต แต่ถ้าพี่แต่งงานกับเล็กเพราะอยากให้ป้าพิณสบายใจ มันก็เท่ากับว่า เรากำลังหลอกท่านอยู่ไม่ใช่หรือคะ ”

“ บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องโกหกเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข ฉันเองก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรหนัก ต่อให้ต้องหลอกลวงคนทั้งโลก แต่ถ้าแลกมากับความสุขสงบในบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตแม่ ฉันยอม ”

ความมุ่งมาดเด็ดเดี่ยวทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนเขาถอดเกราะเหล็กสู่ความเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ...ภายในอกรวดร้าวหนักอึ้ง ยามหวนคิดถึงภาพอดีตยามเยาว์ที่หัวใจหล่อนเคยยึดมั่นอยากอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้เขาตราบนานเท่านาน

ร่างเล็กสูดลมหายใจจ้องมองเขาพลางสูดลมหายใจ สุดท้ายก็เลือกตัดสินใจชะตากรรมด้วยตัวเองโดยไม่มีคนอื่นคอยกำหนดกะเกณฑ์หรือใช้อำนาจบงการ

“ เล็กจะแต่งงานกับพี่ภาคค่ะ ”
*************************

รถเก๋งยุโรปสีดำคันงานแล่นเข้ามาจอดตรงช่องว่างในโรงจอดรถของคฤหาสน์อังคพิมานซึ่งมียานพาหนะใช้โดยสารราคาแพงเรียงรายนับสิบคัน ศิระกดปุ่มล็อกรถเดินโซซัดโซเซเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง กระดุมเสื้อเชิ้ตและเนกไทถูกคลายออกและแทนที่จะมุ่งหน้ากลับเรือนใหญ่ไปพักผ่อน เขากลับเลือกไปหาน้องเป็นอันดับแรก

บนม้านั่งหินหน้าเรือนหลังเล็ก แสงไฟจากตะเกียงสวนและตัวบ้านสว่างจ้า หญิงสาวมัดผมม้าท่าทางทะมัดทะแมงนั่งฟังสมพรเล่าเรื่องในละครอย่างออกรสออกชาติ

“ พระเอกโง้โง่นะคะคุณสา อีนางร้ายมันหลอกใส่ยาในน้ำนางเอกก็ยังโง่หลงเชื่ออยู่ได้ ”

“ สาก็เห็นพระเอกมันโง่ทุกเรื่อง มาฉลาดเอาตอนจบนี้แหละ ” รสาเงียบเสียงลงทันทีที่เห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตรงมายังทางที่คนทั้งสองนั่งอยู่

ศิระหยุดยืนอยู่ห่างจากม้านั่งเล็กน้อย เหลือบมองเพื่อนของน้องสาวแวบหนึ่งก็หันไปทางตัวบ้านที่เงียบเชียบ

“ เล็กยังไม่กลับมาเหรอครับพี่สม ”

“ คุณเล็กเหรอคะ...กลับมาตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ คุยกับคุณสาอยู่พักหนึ่ง คุณผู้หญิงก็ให้คนมาตามไปเรือนใหญ่ ไม่รู้มีเรื่องอะไร จนป่านนี้ยังไม่ลงมาเลยค่ะ นี่ คุณสาเธอก็นั่งรอมาหลายชั่วโมงแล้วนะคะ ” สมพรรายงานโดยละเอียด

“ ไปเรือนใหญ่เหรอครับ ” เขาเอ่ยถามอย่างฉงนสงสัย...คฤหาสน์เหมือนเป็นดินแดนต้องห้าม มลธิกาไม่เคยพาหรืออนุญาตให้น้องสาวเขาเหยียบย่าง มีเรื่องด่วนก็จะเดินมาหาหรือให้คนใช้มาบอก ไฉนวันนี้ผู้เป็นป้าจึงเรียกตัวไปพบถึงเรือนใหญ่ได้

“ ค่ะ แต่ได้ยินพวกในครัวบอกว่า เห็นคุณภาคมาหาคุณผู้หญิงเธอด้วย เลยไม่รู้ว่าที่เรียกคุณเล็กขึ้นไปเกี่ยวอะไรกับคุณภาคหรือเปล่า ” พี่เลี้ยงยังเล่าต่อไปไม่หยุดปาก พาดพิงถึงบุคคลที่สาม ได้ยินเท่านั้นดวงหน้าอิดโรยของเขาถึงกับซีดขาวราวแผ่นกระดาษ แววตาเต็มตื้นด้วยความวิตกกระวนกระวาย

รสาสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของเขาได้เป็นอย่างดี...อีกหน่อยถ้ารู้ว่า เพื่อนของเธอกำลังจะกางปีกโผบินออกจากกรงนกที่คนบ้านนี้ใช้อำนาจความเป็นเครือญาติมาจองจำ คงมีอันได้เห็นคนช็อกตาตั้ง

“ คุณสาคุยกับคุณเล็กเธอแล้วไม่ใช่หรือคะ พอจะรู้หรือเปล่าว่า คุณผู้หญิงเรียกคุณเล็กไปทำไม ”
พอถูกถาม หญิงสาวที่รอจังหวะอยู่ก็ได้ทีพูดจายั่วอารมณ์ของศิระให้เดือดดาลพุ่งพล่านประหนึ่งไฟที่ไหม้ลามไปตามสายชนวน*ฝักแครอเวลาให้ดอกไม้ไฟระเบิดเกิดประกายสวยงาม

“ อะไรกันคะพี่สม เล่นคุยกับสาได้ตั้งนานสองนานไม่ถามก็นึกว่ารู้แล้วเสียอีก ที่คุณผู้หญิงของพี่สมเรียกเล็กไปเรือนใหญ่ก็เพราะอยากคุยเรื่องที่คุณแม่ของคุณภาควัฒน์มาทำเรื่องสู่ขอเล็กเขานะสิคะ ”

“ สู่ขอ ” ทั้งนายทั้งบ่าวประสานเสียงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“ ค่ะ ป่านนี้ที่ยังไม่ลงมาคงตกลงกันเรื่องสินสอดทองหมั้นกันอยู่ ได้ยินเล็กบอกว่าจะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สงสัยถ้าสาจะมาร่วมงานคงต้องซื้อชุดสำเร็จเพราะตัดไม่ทัน ”

ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยนักกับการตัดสินใจแต่งงานกะทันหันของเพื่อนมากนัก แต่อย่างน้อยการที่เพื่อนได้มีสิทธิ์เลือกตัดสินใจเองได้ถือเป็นสัญญาณที่ดีไม่ใช่หรือ

“ เออ แต่จะว่าไปสมัยก่อน พี่สมก็เห็นคุณภาคมาหาคุณเล็กเธอทุกวัน พอโตมาจะรักชอบถึงขั้นอยากแต่งงานด้วยก็คงไม่แปลกอะไร ” คนเป็นพี่เลี้ยงดูแลศศิวิมลมานานยังจำความผูกกันของเด็กทั้งสองได้ดี

“ บ้าเอ๊ย ” ศิระแผดเสียงลั่น ระเบิดอารมณ์โกรธเกรี้ยว...กดดันจากงานที่รุมเร้าแล้วพอมีเรื่องไม่ได้ดั่งใจมากระทบก็เริ่มหลุดจากความเป็นสุภาพบุรุษที่ผู้คนชื่นชม หุนหันวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นทันที

สมพรอ้าปากค้างกับความใจร้อนของหลานชายคุณผู้หญิงของตนเอง หันมาคนที่นั่งเท้าคางแย้มยิ้มแจ่มใส

“ พอเป็นเรื่องคุณภาคกับคุณเล็กทีไหร่ คุณใหญ่เป็นต้องโกรธแบบนี้ทุกที ไม่รู้จะหวงอะไรคุณเล็กเธอหนักหนา ทำเหมือนกับว่าจะให้คุณเล็กอยู่กับคุณใหญ่ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นแหละ คุณสาคิดเหมือนพี่สมไหมคะ ”

“ ก็คนเป็นพี่น้องกันก็ต้องหวงกันเป็นธรรมดา ขนาดคุณผู้หญิงของพี่สมพาผู้หญิงมาให้คุณศิระเลือกเล็กเขายังสนใจ นี่เล็กจะแต่งงาน คนเป็นพี่จะไม่สนใจได้ยังไงคะ ” รสาแกล้งพูดไปอย่างนั้น ก่อนจะหันมองไปในสวนสวยด้วยแสงไฟสลัวลาง แววตามีบางสิ่งลึกลับซ่อนเร้น

...หวง ในฐานะอะไรกันแน่ นั้นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวเกินกว่าจะคิด...

------------------------------
หมายเหตุ * ฝักแค - น. กระดาษห่อดินปืน ทําเป็นสายยาวแบน ๆ คล้ายฝักของต้นแค ใช้เป็นชนวน



ปาณณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2554, 15:16:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2554, 15:16:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2184





<< บทที่ 5   บทที่ 7 >>
violette 3 ส.ค. 2554, 16:00:17 น.
ชอบรสาจริงๆด้วยค่ะ
พี่ใหญ่แอบรักน้องเลกมานานแล้วแน่ๆเลย
พี่ภาคมาเย็นชาซะแบบนี้สงสารหนูเล็กจริงๆเน่อ


anOO 3 ส.ค. 2554, 18:38:23 น.
แม่นายภาคกับป้ามล ต้องรู้อะไรดีๆ แน่เลย
หรือว่าายใหญ่ก็รู้กับเค้าด้วย ถึงได้หวงขนาดนี้


ปูสีน้ำเงิน 4 ส.ค. 2554, 00:16:02 น.
ดีแล้ว เพราะนายใหญ่นี่ทำตัวไม่น่าไว้วางใจยังไงไม่รู้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account