: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 34 (50%)

แสงตะวันสุดท้ายลาลับยอดไม้ไปนานแล้ว สายลมโชยชายมาเป็นระยะช่วยพัดพาความร้อน บรรเทาความอบอ้าวไปได้บ้าง สตรีและบุรุษในเครื่องแต่งกายไว้ทุกข์ทยอยกันเดินทางมาเคารพศพไม่ขาดสาย ศาลาสวดอภิธรรมคลาคล่ำด้วยผู้คน เก้าอี้เรียงรายล้นออกมาด้านนอกบ่งชัดว่าผู้ตายเป็นที่นับหน้าถือตาต่อผู้คนในวงกว้างเพียงใด พวงหรีดพร้อมถ้อยคำแสดงความเสียใจจากทั่วสารทิศถูกจัดวางรอบศาลา ส่งกลิ่นหอมเศร้าอวลตลบ

หีบศพไม้จำปาสีน้ำตาลเข้มวางเด่นอยู่กลางศาลา ช่อมาลีสีสดจัดประดับไว้ใต้รูปถ่ายที่อัดขนาดใหญ่พิเศษ บุรุษในรูปอวดยิ้มแจ่มใสให้กับทุกคนที่เข้ามาแสดงความคารวะเป็นครั้งสุดท้าย

เพียงก้าวเข้ามาในศาลา อิงอรุณก็กวาดตามองหาคนที่เธอเป็นห่วงทันที สาวัชสวมชุดผ้าดิบไว้ทุกข์ตามประเพณีจีน นั่งคุกเข่าอยู่หน้าหีบศพ คอยจุดธูปส่งให้แก่แขกที่มาเคารพศพ

ดารณี ริสา และวัชระ ในเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันคอยเดินต้อนรับและทักทายแขกเหรื่อ ส่วนสาวิตรีถูกกีดกันให้แต่งชุดดำปกติปะปนอยู่กับหมู่ญาติ มิได้รับอนุญาตให้ออกมาต้อนรับแขกในฐานะ ‘เจ้าภาพ’ ดังคนอื่นในครอบครัว

อิงอรุณทักทายสามแม่ลูก จากนั้นแยกตัวเข้าไปกราบพระพุทธ แล้วจึงมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าหีบเพื่อรอเคารพศพ คอยจนสาวัชส่งธูปให้แขกคนอื่นครบแล้ว จึงยื่นมือไปรับธูปจากชายหนุ่มบ้าง

เธอพินิจอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย ใบหน้าสาวัชซูบเซียว หนวดเคราเป็นแนวเขียวครึ้มรอบปากและคางทำให้เขาดูทรุดโทรมกว่าที่พบครั้งสุดท้าย ดวงตาทอดมองมาที่เธอเป็นประกายนิดๆ แต่ก็มากพอแล้วที่จะทำให้เธอเบาใจ

หญิงสาวพนมมือบอกกล่าวกับธนาในใจอยู่ครู่ใหญ่ หลังจากปักธูปแล้วจึงมานั่งคุกเข่าอยู่เคียงข้างสาวัช ช่วยจุดธูป ให้เขารับไปส่งต่อให้แขกอีกทอดหนึ่ง

“คุณดูโทรมมากเลย คุณโอเคไหมคะ” อิงอรุณพึมพำถามพอให้ได้ยินกันสองคน

ชายหนุ่มลูบหน้า “ตามธรรมเนียมจีน ช่วงไว้ทุกข์เขาห้ามโกนหนวดน่ะ นอกนั้นผมโอเคดี ขอบคุณมาก”

เมื่อทราบว่าลักษณะภายนอกของเขาเป็นไปเพราะประเพณี คนฟังจึงโล่งใจ นึกว่าเขาจะระทดท้อหมดอาลัยจนไม่ยอมดูแลตัวเองเสียอีก “แล้วนี่คุณทานอะไรบ้างหรือยังคะ”

“ผมยังไม่หิว คุณล่ะ”

“ทานมาแล้วค่ะ” อิงอรุณโกหก นึกขอขมาศีลข้อสี่อยู่ในใจ ขืนบอกว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรมา สาวัชคงเป็นกังวลร้อนใจแน่ๆ และนั่นละ...สิ่งสุดท้ายในโลกที่เธออยากให้เกิดขึ้น

ภาพสาวัชที่โรงพยาบาลเมื่อวานติดตาจนเธอแทบหลับไม่ลง หลังฟังข่าวร้ายและเข้าไปกราบแทบเท้าธนาเป็นครั้งสุดท้าย สาวัชกลายเป็นเด็กชายเล็กๆไปในพริบตา เขาเซซังราวกับนกปีกหักออกจากห้องฉุกเฉิน ดวงตาเหม่อลอยคลอด้วยหยาดน้ำตา เขาเดินลากขาวนไปมาดุจคนหลงทางอยู่นาน สุดท้ายจึงผลักประตูหลบไปซ่อนตัวที่บันไดหนีไฟ

หญิงสาวไม่ต้องพยายามทำอะไรให้เบามือเลย เพราะสาวัชปิดรับการรับรู้ทุกอย่างจากภายนอก ขนาดเสียงประตูหนีไฟงับเข้าที่ซึ่งดังก้องสะท้อนไปในความเงียบงัน ก็ไม่อาจทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนหรือมีปฏิกิริยาตอบรับ ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าซุกกายที่สั่นเทาเบียดแนบกับผนังราวกับกำลังหาที่พึ่งพิง

อิงอรุณทรุดกายลงข้างๆ หมายเพียงกุมมือของอีกฝ่ายไว้ ย้ำให้เขาอุ่นใจว่าเธอจะอยู่ตรงนั้นไม่ว่าเมื่อไรก็ตามที่เขาต้องการ ทว่าสาวัชกลับรวบตัวเธอเข้าไปกอด มันรวดเร็วจนเธอไม่ทันเตรียมใจ หะแรกหญิงสาวตัวแข็งด้วยความตกใจ พลันที่หยดน้ำตาร้อนๆซึมผ่านเสื้อมาแตะแต้มผิวตรงบ่า เธอเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าชีวิตของเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกเลย

หญิงสาวเคยเห็นผู้ชายร้องไห้มาแล้ว แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ คนที่แสดงออกเสมอว่าเย็นชา ไม่แคร์โลก บุคลิกแข็งๆจนเหมือนว่าเขาจะไม่มีวันงอด้วยซ้ำ ทว่าเธอกลับได้เห็นช่วงเวลาที่เขา...รานสลาย ไม่เหลือเค้าของดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์ ที่น่าเกรงขามให้เห็นเลย

อิงอรุณประจักษ์ว่าสาวัช ‘ไว้ใจ’ เธอมากเพียงใด เธอเป็นคนแรกที่ข้ามกำแพงสูงเข้าไปสู่ตัวตนแท้จริงของเขา ตัวตนที่เต็มไปด้วยบาดแผลในหัวใจ เปราะบาง หวาดกลัวการสูญเสีย ภาพภายนอกเขาอาจสมบูรณ์แบบด้วยคุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ ทว่าลึกลงไปในหัวใจ สาวัชกลับขาดไร้ไปเสียทุกสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ความรัก

ตลอดทั้งชีวิตอิงอรุณไม่เคยอยากเป็นหรืออยากมีอะไร เพราะเธอมีเธอเป็นทุกสิ่งดังปรารถนาเสมอ ทว่าวินาทีนั้นเองหญิงสาวเพิ่งตระหนักว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน...การได้ปกป้องและเป็นกำลังใจให้ใครบางคน และเธอไม่เคยอยากปกป้องและเป็นกำลังใจให้ใครมากเท่าที่กำลังรู้สึกอยู่ต่อหน้าสาวัชในตอนนั้นเลย

การสวดอภิธรรมเป็นไปอย่างเรียบง่าย ทุกครั้งเมื่อพระจะเริ่มสวดมนต์จบใหม่ สาวัชจะลุกไปจัดกระดาษเงินกระดาษทองเผาตามประเพณี อิงอรุณตามไปช่วยเขาเงียบๆไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่ตามลำพังคนเดียว

กว่าแขกจะทยอยลากลับก็เกือบสามทุ่ม สาวัชไม่ออกไปทำหน้าที่เจ้าภาพ แต่นั่งหน้าหีบศพมองรูปถ่ายของธนานิ่งๆ ไม่พูดจากับใคร

“อิงหิว ไปทานข้าวเป็นเพื่อนอิงหน่อยสิคะ” อิงอรุณนั่งลงเคียงข้าง ชวนดื้อๆด้วยรู้ว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะ ‘บังคับ’ ให้อีกฝ่ายยอมกินข้าว

“เมื่อกี้คุณไม่ได้กินข้าวต้มปลาเหรอ” เขาหมายถึงอาหารที่เจ้าภาพจัดเลี้ยงแขกระหว่างการพักสวดอภิธรรม

“ไม่ได้กินค่ะ อิงรอทานพร้อมคุณสาวัช คุณจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานเหรอคะ” อิงอรุณถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว สาวัชไม่มีวันยอมลุกไปไหนเด็ดขาด เขาเชื่อว่าการทำทุกอย่างในงานนี้ให้ดีงามที่สุด คือหนทางสุดท้ายเพื่อทดแทนแก่บิดาผู้วายชนม์ ทั้งยังเป็นวิธีเดียวที่จะชดเชยวันเวลาซึ่งเขาและธนาไม่เข้าใจกันในอดีต

จริงอยู่ว่าสิ่งที่สาวัชคิดไม่ผิด แต่เธอก็ว่ามันไม่ถูกต้องที่จะทรมานสังขารร่างกายตัวเองเพื่อคนที่จากไปแล้ว ที่สำคัญ...เธอรู้แก่ใจว่าในหีบศพนั้นคือความว่างเปล่า หลังการชันสูตรพลิกศพแล้ว แทนที่โรงพยาบาลจะคืนร่างไร้ลมหายใจให้ญาติเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนา เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับอายัดศพไว้

อิงอรุณไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่พอเดาได้ว่าเรื่องยุ่งยากกำลังคอยอยู่ข้างหน้าแน่นอน หากสาวัชไม่ดูแลตัวเองให้ดี เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม วันที่มรสุมลูกใหม่พัดพาเข้ามา เขาคงซวนเซจนไม่อาจดำรงตนได้ดังที่ผ่านมา

“ผม...” ได้ยินเขาเริ่มประโยค เธอก็รู้แล้วว่าเดาไม่ผิดเลยสักนิด

อิงอรุณจำต้องแทรกขึ้นทั้งที่รู้ว่าเสียมารยาท “คุณแม่และพี่สาวพี่ชายคุณก็กำลังจะกลับแล้ว คุณจะอยู่ทำไมคะ”

“ผมจะคอยจุดธูปให้เตี่ย” เขาชี้กระถางธูป ซึ่งต้องจุดธูปใหญ่หนึ่งดอกให้ติดไฟไว้ตลอดห้ามดับเด็ดขาด

“จ้างเด็กวัดทำให้สิคะ พรุ่งนี้คุณยังต้องไปทำงานนะคะ จะมาอยู่วัดคอยจุดธูปได้ยังไง เตี่ยคุณทราบเข้า คงไม่ชอบใจนักหรอก ใช้คนไม่ถูกประเภทเลย เอางี้...เดี๋ยวอิงไปหาคนมาทำหน้าที่นี้ให้นะ คุณจะได้ไปทานข้าวเป็นเพื่อนอิง” เธอยิ้มตาใส เล่นบทผู้หญิงเอาแต่ใจคล่องแคล่วสุดๆ

เพียงเห็นสาวัชมีท่าทีละล้าละลัง เธอจึงแตะแขนเขาเบาๆ กะพริบตาปริบ ออดเสียงอ่อย “นะคะ”

ชายหนุ่มนิ่งคิดครู่เดียว สุดท้ายจึงพยักหน้าอย่างสิ้นท่า

“เดี๋ยวอิงไปหา...”

“ไม่ต้อง ผมจัดการเอง” สาวัชตบหลังมือเธอที่ยังวางอยู่บนแขนเขาเบาๆ “คุณอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมมา”

อิงอรุณพยักหน้ากระตือรือร้น มองตามชายหนุ่มไปด้วยรอยยิ้มเบาใจ แต่แล้วเงามืดที่บังแสงไฟจากด้านหลังก็ทำให้เธอเอี้ยวตัวไปดู พลันสีหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่กลับแปรเป็นยิ้มเจื่อนในพริบตา

“งานก็เลิกแล้วทำไมยังไม่กลับล่ะอิง” แพรวเพชรกอดอกขมวดคิ้วพลางทรุดตัวลงนั่งพับขาเคียงข้าง

“อ๋อ...อิงก็กำลังจะกลับนี่แหละ นี่มากราบคุณธนาอีกครั้งก่อนกลับไง” เธอนึกคำโกหกแรกได้ ก็โพล่งออกไปทันที ทั้งยังเสก้มลงกราบหีบศพอีกครั้ง เพื่อเลี่ยงการสนทนา

“แล้วเทพรออยู่ตรงไหนเหรอ ทำไมเราไม่เห็นเลย” แพรวเพชรทำทีมองหาเจ้าของชื่อที่อยู่ในบทสนทนา

อิงอรุณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เธอลืมชวนพันเทพไปสนิทเลย “คือ...เห็นเทพยุ่งๆ เลยไม่ได้ชวนน่ะ”

“อิงกับเทพนี่เป็นว่าที่คู่หมั้นที่รักและให้เกียรติ เชื่อใจกันดีเนอะ ไม่กวนอีกฝ่าย ให้อิสระกันเต็มที่ดีจัง สงสัยเพราะยิ่งใกล้งานหมั้น ก็ยิ่งดูเหมือนจะรักกันมากขึ้นใช่ไหม” แพรวเพชรยิ้มนิดๆ ทำให้เธอไม่กล้าฟันธงว่าเพื่อนประชดหรือเปล่า

“เพชรจะกลับแล้วใช่ไหม กลับเลยก็ได้นะ วันนี้เราให้น้าชมมาส่งแล้วก็รอรับกลับด้วย” อิงอรุณหาทางตัดบท

แพรวเพชรสบตาเธอนิ่งๆ ทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินเข่าเข้าไปนั่งหน้ากระถางธูป ทำความเคารพศพอีกครั้ง แล้วลุกกลับไปเงียบๆ

อิงอรุณมองตามหุ้นส่วนบริษัทไปด้วยความหนักใจ แพรวเพชรฉลาดเสมอ แม้ไม่คาดคั้นให้ตอบ แต่เพื่อนคงมั่นใจว่าเธอต้องเก็บไปคิดแน่นอน





♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



ซีน "มาไม่ทัน" ของสาวัช

เป็นฉากที่สิริณรักที่ลำดับต้นๆในนิยายเรื่องนี้

ใครยังมีคนที่รักอยู่ใกล้ตัว

บอกรักกันทุกวัน กอดกันทุกวันนะคะ

เชื่อสิริณเถอะ ต่อให้กอดกันแค่ไหน ทำดีต่อกันแค่ไหน

แต่วันนึงข้างหน้า ทุกคนจะพบว่ามันยัง "น้อยเกินไป" อยู่ดี

สิริณผ่านมาแล้ว T_T












สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2559, 11:25:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2559, 11:25:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1188





<< ตอนที่ 33 (100%)   ตอนที่ 34 (100%) >>
พอใจ 29 มิ.ย. 2559, 12:39:16 น.
ซึ้งมากเลยค่ะ ใจหายนะคะ ถ้ามีวันนั้นเกิดขึ้น จริงแบบที่คุณสิริณว่าค่ะ เราว่าเราทำเต็มที่ แต่สุดท้ายมันก็ยังน้อยอยู่ดี...


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 มิ.ย. 2559, 13:16:30 น.
งืมมม ทำไมไรท์ตัดจบเศร้าขนาดเน้ ไม่เอานะ โอ๋ๆๆๆๆ แต่อย่างน้อย เราว่าดร. ยังโชคดีนะ ที่คิดได้ว่า เตี่ย แสดงความรักกับตัวเองไว้ยังไงบ้าง กับบางคนนะ....ขนาดเค้าจากไปแล้วยังมองไม่เคยเห็นถึงความรักของพ่อแม่เลย น่าสงสารกว่าเยอะ


goldensun 29 มิ.ย. 2559, 20:19:35 น.
เห็นด้วยค่ะ ที่ยังดีที่รู้ว่าเตี่ยรัก แถมมองย้อนกลับไป ก็ไม่ได้ทำให้เตี่ยอับอายขายหน้า นำความภูมิใจในความสำเร็จด้านการศึกษามาให้ แต่ก็กลบคำว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำดีกว่านี้ตอนที่เตี่ยยังมีชีวิตอยู่
เรื่องข้างหน้าหนักแน่ ไหนจะเรื่องอิงจะหมั้น เรื่องการตายที่ส่อปัญหาของเตี่ยอีก เอาใจช่วยดร.ค่ะ


konhin 29 มิ.ย. 2559, 21:17:15 น.
อ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้อ่ะ


wane 30 มิ.ย. 2559, 05:47:50 น.
มีการอายัดศพด้วย .... ต้องมีเรื่องตามมาแน่ๆ


Zephyr 30 มิ.ย. 2559, 09:41:56 น.
โหยยยย ขะน้ำตาแตกก็คอมเม้นไรท์นี่ละ
อ่านละสงสารมาตลอด ซึม อึน
เจอเม้นไป ขอลาไปหยิบทิชชู่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account