: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 34 (100%)

“ผมบอกคนขับรถคุณให้กลับไปแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง” สาวัชบอกขณะเดินกลับไปที่รถด้วยกัน

“ขอบคุณค่ะ คุณสาวัชเหนื่อยไหมคะ”

“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยถามตัวเองอย่างนั้นสักที”

“งั้นวันนี้ก็ลองถามดูสิคะ” ดูก็รู้ว่าอิงอรุณพยายามหาทางงัดปากเขาให้พูด เขาเหลือบแลคนที่เดินอยู่เคียงข้างด้วยปลายตา เห็นได้ชัดว่าเธอจับตามองเขาอยู่ อิงอรุณ...เป็นห่วงเขา!

“ไม่เหนื่อยครับ” ชายหนุ่มตอบตามตรงขณะมาส่งหญิงสาวที่ฝั่งข้างคนขับ เขาจะไขกุญแจปลดล็อกรถ แต่...

“อ้าว! ตรงนี้มีแอ่งน้ำ รอก่อน เดี๋ยวผมขยับรถให้ รองเท้าคุณจะได้ไม่เปื้อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ” อิงอรุณดื้อพอดู เพราะเพียงเขาอ้อมรถไปอีกฟากและไขกุญแจ เธอก็ย่ำแอ่งน้ำตื้นๆนั้นเข้าไปเปิดประตู ก้าวขึ้นรถทันที “บ้าจัง! เลอะจนได้”

เสียงอุทานนั้นทำให้สาวัชซึ่งเพิ่งนั่งประจำที่เรียบร้อยส่ายหน้านิดๆด้วยความระอาระคนเอ็นดู เขาเอื้อมตัวไปเปิดลิ้นชักด้านหน้าหญิงสาว หยิบซองทิชชูมาส่งให้เธอ ครั้นเห็นของชิ้นอื่นในนั้น ชายหนุ่มก็รีบยกเก๊ะงับเข้าที่ทันที

“เอ๊ะ! นั่นมัน...” อิงอรุณเบียดตัวมาด้านหน้า ปลดสลักเปิดลิ้นชัก หยิบของที่เขาหมายจะซ่อนจากสายตาเธอไว้ออกมา “นี่ผ้าเช็ดหน้าของอิงนี่คะ มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

ชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยิน เสให้ความสนใจกับการสอดกุญแจและติดเครื่องรถ

“คุณสาวัชคะ” เธอเซ้าซี้ไม่เบา และคงรู้ตัวด้วยว่าเอ่ยแค่นั้นก็สำเร็จแล้ว

สาวัชนิ่งตริตรองชั่วครู่ แต่แทนที่จะตอบห้วนๆไร้หางเสียงเช่นทุกครั้ง เขากลับบอกเสียงอ่อน “คุณทิ้งไว้ที่ไหน ผมก็เก็บมาจากที่นั่นแหละ”

“อิงเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน แล้วก็ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือคะ ทำไมอิงจำไม่ได้เลย”

“วันที่ถูกกระชากกระเป๋า คุณใช้มันห้ามเลือด พอไปถึงโรงพยาบาล เขาแกะผ้าออกแล้วทำแผลให้ใหม่ พยาบาลกำลังจะเอาไปทิ้ง ผมเลย...เก็บมาน่ะ ผมว่าจะเอาไปคืนคุณ แต่ก็ลืมทุกที” ชายหนุ่มทำทีเป็นวุ่นวายอยู่กับการตั้งใจมองท้องถนน ไม่กล้าเหลียวไปดูปฏิกิริยาของคนข้างๆ “คุณเห็นวันนี้ก็ดีแล้ว รับคืนไปเลยสิ”

เสียงที่ดังขึ้นเบาๆบอกให้รู้ว่าอิงอรุณงับลิ้นชักปิดคืนที่ “ในเมื่อคุณเก็บได้ ก็ต้องถือว่าเป็นของคุณ อิงขอไม่รับคืนดีกว่าค่ะ”

หากเมื่อครู่หัวใจเขาเต้นวอลซ์แผ่วๆเนิบๆเพื่อรอลุ้นว่าจะได้รับคำตอบอย่างไร บัดนี้มันก็เปลี่ยนจังหวะเป็นรุมบ้าครื้นเครงได้ในพริบตา อิงอรุณช่างมีอิทธิพลกับหัวใจเขาอย่างน่าประหลาด เพราะแม้ในวันที่หัวใจหม่นมัวที่สุด เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือหดหู่ดังที่กลัว เพียงแค่มีเธออยู่เคียงข้าง โลกก็ดูจะไม่โดดเดี่ยวและเดียวดายเหมือนที่ผ่านมา

หญิงสาวคงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นแปลกๆที่รายล้อมอยู่รอบกาย จู่ๆเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “อ้อ...เกือบลืมบอกคุณสาวัชแน่ะ พรุ่งนี้รถอิงซ่อมเสร็จแล้วนะคะ จากนี้อิงคงไม่ต้องรบกวนให้คุณคอยรับส่งแล้ว”

“ผมไม่ได้ลำบาก”

“ถึงคุณไม่ลำบาก แต่อิงก็เกรงใจค่ะ”

“แล้วคุณต้องไปเอารถเองหรือเปล่า”

“น้าชมต้องพาคุณแม่ไปงานสมาคม อิงเลยกะว่าจะนั่งแท็กซี่ไปค่ะ”

“ไปแท็กซี่อันตราย เลิกงานแล้วเดี๋ยวผมพาไปเอง” เขาบอกลอยๆ ไม่ถามความเห็นอีกฝ่าย

“แต่ว่าคุณต้องไปงานศพคุณพ่อนะคะ”

“งั้นไปรับรถตอนบ่ายละกัน คุณได้รถแล้ว ผมค่อยไปงานศพ”

อิงอรุณขอบคุณด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง แค่นั้นก็ทำให้คนฟังปลาบปลื้มนักแล้ว สาวัชรีบเสเปลี่ยนเรื่อง ขับไล่บรรยากาศดีๆที่ตกหล่นอยู่ในหัวใจออก “แล้วคุณอยากกินอะไร คิดไว้หรือยัง”

“ดึกขนาดนี้ร้านอาหารคงปิดเกือบหมดแล้ว ไปตรงสำราญราษฎร์ไหมคะ แถวนั้นมีก๋วยจั๊บน้ำใสอร่อยมาก ทานอาหารร้อนๆจะได้คล่องคอหน่อย”

เมื่อตกลงใจได้แล้ว หญิงสาวก็บอกทางให้เขาขับรถไปยังจุดหมาย สาวัชจอดรถไว้ริมฟุตปาธ เดินข้ามถนนมานั่งที่โต๊ะเหล็กซึ่งจัดเป็นระเบียบอยู่บนทางเท้า หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ท่านผู้นำก็ชี้ไปยังถนนฟากตรงข้ามที่เขาจอดรถไว้

“ก๋วยจั๊บน้ำใสร้านนี้ขายแต่ตอนกลางคืนค่ะ ส่วนขนมจีบซาลาเปานี่มีทั้งวัน ตอนกลางวันขายฝั่งโน้น พอกลางคืนก็มาขายรวมกับก๋วยจั๊บ ตีหนึ่งก็ปิดร้านแล้ว รับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างจนคุณสาวัชทึ่งแน่นอน” อิงอรุณโฆษณาสรรพคุณประหนึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับเจ้าของร้าน

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่ละความพยายามที่จะทำให้เขาลืมเรื่องร้ายๆ เธอช่างใส่ใจและแสนดีจนเขาไม่อาจสรรหาถ้อยคำที่ตรงใจมาใช้ขอบคุณได้แม้เพียงเสี้ยวของสิ่งที่รู้สึกอยู่

“คุณเลิกขมวดคิ้วแล้ว เห็นแบบนี้อิงค่อยเบาใจหน่อย”

ชายหนุ่มชะงักกับข้อสังเกตนั้น ความใส่ใจห่วงใยเล็กๆน้อยๆของเธอทำให้เขารู้สึกละม้ายมีละอองสีทองเล็กๆโปรยปรายลงมารอบตัว เป็นยิ่งกว่าเชื้อเพลิงชั้นดีที่เป่าให้หัวใจเขาพองโตด้วยความตื้นตัน “ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณทำไมคะ?”

สาวัชส่ายศีรษะ ปฏิเสธที่จะอธิบายความรู้สึกของตัวเอง

“บางทีอิงก็รู้สึกเหมือนว่าอิงไม่รู้จักคุณเลย ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าคุณชอบก็ทำตัวขรึม คงแก่เรียน ยโส ไว้ตัว แต่หลายครั้งอิงก็คิดว่าคุณไม่ได้มีแต่แง่มุมแบบนั้นอย่างเดียวสักหน่อย”

“ผมก็เป็นเหมือนคนอื่นทั่วไป เป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึง”

อิงอรุณตาโต “คนที่เป็นดอกเตอร์แถมยังประสบความสำเร็จขนาดนี้ เรียกว่าธรรมดาไม่ได้หรอกค่ะ”

ชายหนุ่มสบตาเธอคล้ายผู้ใหญ่มองเด็กเล็กๆ เอ่ยช้าๆ “ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนนึงที่บังเอิญหัวดื้อและดันทุรังเรียนจนจบปริญญาเอกเท่านั้นเอง ถ้าวัดจากสิ่งที่ผมได้รับมาและเสียไป เรียกว่าประสบความสำเร็จไม่ได้หรอก ต้องบอกว่าผมล้มเหลวด้วยซ้ำ”

“คุณกำลังจะซ้ำเติมแล้วก็ตำหนิตัวเองเรื่องคุณพ่อใช่ไหมคะ”

“ผมแค่กำลังพยายามยอมรับความจริงให้ได้”

“เคยมีบอกว่าไม่ว่าเราจะทำดีกับพ่อแม่มากแค่ไหนก็ตาม แต่วันที่ท่านจากไป เราก็จะพบว่ามันยังไม่พอ เรายังทำดีได้มากกว่านี้อีก ทุกคนเป็นแบบนี้หมด อิงอาจไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณ เพราะอิงไม่เคยประสบกับความสูญเสียแบบนั้น แต่อิงบอกได้อย่างนึงว่าการซ้ำเติมตัวเองไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย คุณกลับไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ การปล่อยตัวเองให้อยู่กับความทุกข์ในช่วงเวลาแบบนี้เป็นเรื่องง่ายมากนะคะ แต่การยืนหยัดเข้มแข็ง อยู่กับปัจจุบันโดยไม่ทุกข์ต่างหากที่ยากกว่า จะเลือกเส้นทางที่ยากหรือง่าย ก็อยู่ที่คุณคนเดียวนะคะ”

“ผมไม่อยากเลือกสักอย่าง”

“คุณพ่อคุณไม่อยู่แล้ว แต่คุณสาวัชก็ยังมีแม่นะคะ อิงเชื่อว่าท่านคงจะเสียขวัญไม่น้อยไปกว่าคุณเลย ตอนนี้คุณต้องเป็นหลักประคับประคองให้คุณแม่ผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ด้วยนะคะ”

“คนอย่างผมน่ะเหรอจะเป็นหลักประคับประคองให้ใครได้”

“แหม...คุณเป็นถึงดอกเตอร์ที่แม้แต่ศาสตราจารย์ฝรั่งยังยอมรับ คนอย่างคุณน่ะเป็นหลักประคับประคองใครก็ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง ยังกล้าพูดว่าตัวเองล้มเหลวอีก อย่างนี้น่ะที่บ้านอิงเรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วนะคะ” เธอทำเสียงกระแทกกระทั้น

“คุณลำเอียงเข้าข้างผมน่ะสิ” สาวัชบอกเสียงเรียบ ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณล่ะ ความสำเร็จของคุณคืออะไร”

เธอนั่งเท้าคางสายตาเหม่อมองไปไกลราวกับกำลังชะลอภาพมาให้เขาได้เห็นตามไปด้วย ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นทำให้เขานึกถึงคำเพียงคำเดียว...ความสุข!

“อิงคิดถึงความสำเร็จไว้สองแบบค่ะ ถ้าไม่เอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ หาคนมาถือหุ้นพร้อมกับจ้างคนบริหาร อีกทางก็คืออิงจะปิดบริษัท” ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นยิ้มเมื่อเอ่ยจบ “แปลกใจใช่ไหมคะ”

เขาพยักหน้าขรึมๆ “เพราะคุณตอบคำถามโดยไม่หยุดคิด และผมก็คาดไม่ถึงด้วยว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้”

“ครั้งแรกที่คุยเรื่องนี้กับเพชร อิงก็แปลกใจค่ะ” เธอยอมรับโดยดุษณี “แต่อิงตั้งใจแบบนั้นจริงๆนะ ถ้าถึงจุดที่อิงอยากเกษียณแล้ว อิงคงปิดบริษัท เพราะไม่เคยคิดอยากจะส่งต่อบริษัทนี้ให้ลูกหลานของอิงเลย”

“เหตุผลล่ะ”

“คิวปิดแอสซิสแทนซ์เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของอิงค่ะ มันเป็นบริษัทแบบที่ทำให้คนเป็นเจ้าของมีความสุขมากๆเวลาเห็นความรัก เห็นคนรักกัน เห็นแง่มุมดีๆและการเริ่มต้นของคู่รักหลายๆคู่ แต่ลูกหลานของอิงอาจไม่ได้มีความสุขเวลาเห็นสิ่งเหล่านี้ก็ได้ พ่ออนุญาตให้อิงทำตามความฝันของตัวเองโดยไม่ต้องยึดติดกับสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชัน อิงถือว่านั่นคือของขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อจะมอบให้อิงได้ วันหน้าอิงก็อยากจะส่งต่อของขวัญแบบนั้นให้ลูกของอิงบ้าง ให้เขาได้ใช้ชีวิตได้เลือกเส้นทางอาชีพของตัวเอง ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งที่ตกทอดไปจากอิง ด้วยวิธีนั้นอิงว่ามันจะทำให้เขามีความสุขมากกว่าค่ะ ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาอยากเป็นผู้ช่วยกามเทพเหมือนกัน นั่นแหละ...อิงจะยกบริษัทให้เขาโดยไม่ลังเลเลย”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความทึ่ง เธอถ่ายทอดทุกความคิดออกมาราวกับนั่งอยู่กลางใจเขากระนั้น!

“แล้วคุณสาวัชล่ะคะ ความสำเร็จของคุณคืออะไร”

“ผมโลภมากน่ะ” สาวัชเงยศีรษะนิดๆทอดสายตามองไกลไปบนท้องฟ้า “ผมอยากได้ครอบครัวแบบโนบีตะ”

“คุณอยากมีโดราเอมอนเป็นของตัวเองเหรอคะ”

สาวัชบิดริมฝีปากอย่างเยาะหยัน ไม่หรอก...เขาไม่ได้ต้องการเจ้าแมวหุ่นยนต์กับกระเป๋าวิเศษนั่นสักนิด

“ผมเลือกครอบครัวที่เกิดมาไม่ได้ แต่ผมเลือกสร้างครอบครัวของตัวเองได้ วันนึงข้างหน้าครอบครัวของผมจะมีแค่พ่อ แม่ แล้วก็ลูก นี่ต่างหากครอบครัวอย่างโนบีตะที่ผมพูดถึง” สีหน้าเขาหมองลงโดยไม่รู้ตัว เพราะความคิดนี้เองที่ผูกเขาไว้กับความรู้สึกผิด จนผลักไสบิดาออกไป กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง ก็สายเกินไปเสียแล้ว เขาจะยอมให้ตัวเองเสียใจเพียงครั้งเดียว จากนี้เขาจะไม่ทำผิดซ้ำที่เรื่องเดิมอีก อิงอรุณพูดถูก เขายังมีแม่เหลืออยู่ จากนี้เขาต้องใช้ชีวิตให้ต่างไป จะปฏิบัติกับสาวิตรีอย่างที่ลูกคนหนึ่งสมควรปรนนิบัติมารดา เพื่อจะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดอย่างที่กำลังเป็นอยู่อีก

อิงอรุณยิ้มแจ่มใส “งั้นคุณสาวัชก็ต้องเปิดใจกว้างๆไว้นะคะ จะได้เจอคนที่จะมาสร้างครอบครัวกับคุณยังไงละ”

นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม เขาจึงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มเสมองเมินไปทางอื่น ยอมรับว่าลึกๆแล้วเขาก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าหากอิงอรุณรู้ว่าเขาคิดเช่นไร เธอจะมีปฏิกิริยาที่แปลกเปลี่ยนไปหรือเปล่า

“คุณสาวัชมีใครคนนั้นอยู่ในใจบ้างหรือยังคะ” ในที่สุดเธอก็ถามในสิ่งที่เขาไม่อยากตอบจนได้

“ผมยังไม่รู้เลยว่าอยากได้คนแบบไหนมาสร้างครอบครัวด้วยกัน” เขาเลี่ยงไปทางอื่นอย่างแนบเนียน

“สิ่งสำคัญสิ่งแรกเลยก็คือเป็นคนที่ถูกใจคุณสาวัชไงคะ” อิงอรุณตอบทันควันตามรูปแบบของผู้ช่วยกามเทพเป๊ะ

“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเป็นความรู้สึกแบบไหนถึงจะเรียกว่าถูกใจ ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบใครแบบนั้น ผมก็เลยไม่รู้ว่าการถูกใจใครสักคนมันต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง” เขาตอบตามตรง

“จะไปยากตรงไหนคะ คนที่ถูกใจก็หมายถึงใครสักคนที่เวลาไม่ได้เจอกัน เราจะอยากเห็นหน้าคนนั้นตลอดเวลา เห็นอะไรก็อยากเล่าอยากแบ่งปันให้เขาฟัง แต่พออยู่ใกล้เข้าจริงๆกลับตื่นเต้น นึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรดี สมองมันว่างเปล่าไปหมด กังวล คาดหวัง กลัวอีกฝ่ายจะเบื่อหรือไม่อยากคุยกับเรา จะพูดแต่ละคำก็คิดแล้วคิดอีก อยากให้คนฟังรู้สึกดีที่สุด เป็นคนที่คุณสบายใจตอนอยู่ใกล้ๆ อยากรู้เรื่องราวของเขา แล้วก็ไม่อายที่จะเปิดเผยตัวเองให้เขารู้จัก ทำนองนี้น่ะค่ะ”

สาวัชนึกภาพตามที่อิงอรุณบอกช้าๆ ภาพใครคนหนึ่งผุดขึ้นในใจเขาตามแต่ละประโยคของเธอ เพิ่งจะไม่นานมานี้เองที่เขาพบว่าตัวเองมีนิสัยประหลาด เขานับวินาทีคอยให้ถึงตอนเช้าและเวลาเลิกงานไวๆ

ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนพักกลางวันเขายังชอบไปยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างมองไปยังสำนักงานข้างๆ หวังให้ใครคนนั้นเพิ่งก้าวออกจากอาคารกำลังจะไปรับประทานอาหารกลางวันพอดี หากวันไหนมีเหตุบังเอิญเช่นนั้น เขาจะรู้สึกว่ามันเป็นวันดี และหากเธอกำลังยิ้มอยู่ นั่นคือโชคดีทวีคูณ

เขาไม่เคยสนใจอยากรู้ว่าไฉนตัวเองถึงทำเรื่องแปลกๆเช่นนั้น เพิ่งมั่นใจก็ตอนที่อิงอรุณนั่งอยู่ตรงหน้าเขา!

ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าเชื่องช้า นี่เอง...คำอธิบายของความรู้สึกประหลาดล้ำที่เกิดขึ้นในใจ เธอพูดมันได้ถูกต้องหลายส่วน แต่ก็ยังไม่หมด

สาวัชเอ่ยขึ้นบ้าง "ไม่ว่าใครคนนั้นจะทำอะไร เราก็รู้สึกว่าถูกต้อง ดีงาม น่าชื่นชมไปหมด ขณะเดียวกันก็นึกสงสัยกับตัวเองอยู่เสมอว่าเราคงดีไม่พอ คงไม่คู่ควรกับเธอคนนั้น ทำให้เราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากทำตัวเองให้ดีกว่านี้ ดียิ่งๆขึ้นไป เผื่อว่าใครคนนั้นจะมีสายตาเหลียวมามองเราบ้าง ผมพูดถูกไหม"

คนฟังพยักหน้าสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะอมยิ้มมีเลศนัย "คุณพูดถูกเป๊ะเลยค่ะ นี่แสดงว่าคุณสาวัชนึกออกแล้วใช่ไหมคะว่าเคยมีความรู้สึกแบบนี้ให้กับใคร"

"เรียกว่าผมเพิ่งมีโอกาสได้รู้สึกแบบนี้กับใครสักคนดีกว่า"

"ใครเป็นผู้หญิงโชคดีคนนั้นหรือคะ บอกอิงบ้างได้ไหม" เธอขยับนั่งตัวตรง สนใจกับทุกคำพูดของเขาชัดเจน

"รอให้ผมมั่นใจอะไรๆกว่านี้ก่อน รับรองว่าผมจะบอกคุณอิงเป็นคนแรกแน่นอน" สาวัชสบตาหญิงสาวนิ่งๆ ไม่พยายามซ่อนรอยระยับในดวงตาขณะมองเธอด้วยความเอ็นดู

อิงอรุณยิ้มกว้างดุจพออกพอใจอย่างยิ่งกับคำตอบนั้น

ชายหนุ่มมองกิริยาของเธอด้วยความเอ็นดู เขาไม่เร่งเร้าให้อิงอรุณสำรวจความรู้สึกตัวเอง ยังมีเวลาให้เธอค่อยๆทำความรู้จักและคุ้นเคยกับเขาไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่าเส้นทางนี้จะไปจบลงตรงไหน เขาก็อยากให้ทั้งหมดเริ่มต้น...จากวันนี้







♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



ตอนเขียนแผนก่อการรัก ทำให้คนอ่านตามรอยไปชิมข้าวหมูแดงมาละ
วันนี้มาพร้อมก๋วยจั๊บแทน 5555
ใครอยู่ กทม. ตามไปชิมก๋วยจั๊บที่อิงอรุณพาสาวัชไปกินได้เลย
ชื่อร้านก๋วยจั๊บนายโต อยู่ตรงสำราญราษฎร์ค่ะ
ใกล้ๆผัดไทยประตูผีนั่นแล
เป็นร้านก๋วยจั๊บน้ำใส หอมพริกไทย เครื่องในสะอาด
ร้านประจำของสิริณเลยค่ะ อร่อยมาก
ขนมจีบ ซาละเปา ราคาสูงก็จริง
แต่ต้องจัดมาขึ้นโต๊ะไหว้ทุกเทศกาลนะเออ
เชื่อเก๊า เก๊าชิมมาแล้ว 5555


แจ้งเพื่อทราบ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์นี้
สิริณหนีเที่ยว
งดลงนิยายสามวันนะคะ
ใครคิดถึงหนูอิงกับสาวัช
แนะนำให้อ่านตอนแรกซ้ำใหม่ค่ะ
ไม่แน่นะ...อาจมีหลายคนเดาทางได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เพราะเบาะแสทั้งหมดอยู่ในเล่มนี่แหละ
แอบอยู่ตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย :D

สุขสันต์วันหยุดยาวสำหรับชาวธนาคารด้วยค่ะ







สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มิ.ย. 2559, 12:48:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มิ.ย. 2559, 12:48:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1502





<< ตอนที่ 34 (50%)   ตอนที่ 35 (50%) >>
กาซะลองพลัดถิ่น 30 มิ.ย. 2559, 14:35:32 น.
พูดถึงอาหารยามดึก คนไกลบ้านท้องร้องจ๊อก ๆ น้ำลายสอ อยากทานมั๊งจัง...
ดร.จะบอกเป็นอิงคนแรกก็น่าจะใช่นะ ให้เวลาอิงไปจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ที่มีทีท่าจะไม่เรียบร้อยในเร็ววันก่อนดีกว่าเนอะ


Kim 30 มิ.ย. 2559, 14:52:20 น.
ไรเตอร์น่ะจะไปตั้งสามวัน แล้วจะหนีบพี่ด๊อกไปด้วย แบบนี้ไม่ยอม


พอใจ 30 มิ.ย. 2559, 17:35:22 น.
เส้นทางนี้จะจบตรงไหน จบตรงหัวใจดร. นี่ล่ะค่ะ ฮิ้วววว แล้วเมื่อไหร่อิงจะสำรวจใจตัวเองอย่างที่บอกกับสาวัชบ้างนะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 มิ.ย. 2559, 19:47:20 น.
จิงๆ ที่เขียนละเอียดขนาดนี้ กะจะให้คนอ่านตามรอยไปกินชะป้ะ 5555555 ก็ว่าทำไม๊ฉากละเอียดยิบเลยยยย


sumitt777 30 มิ.ย. 2559, 21:07:19 น.
คุณสาวัช ดูเหมือนไม่ได้กังวลเลยว่าคุณหนูอิง กำลังจะแต่งงาน...เฮ้ออ อดทนรอวันจันทร์ค่ะ ^_^เที่ยวให้สนุกนะคะไรท์เตอร์


Zephyr 30 มิ.ย. 2559, 23:43:46 น.
โอยยยย เข้ามาอ่านเที่ยงคืน
เราจะไปหาก๋วยจั๊บจากไหนเนี่ย
แง พรุ่งนี้ต้องไปตามกินแภวบ้าน
พี่วัช้ริ่มชัดเจน
อิงเธอรู้ตัวรึยัง


Zephyr 30 มิ.ย. 2559, 23:48:59 น.
แอบไปอ่านตอนแรกที่แอบลืมรายละเอียดไปแล้วมา
แม่ให้เวลาจนกว่าจะรักผู้ชายคนนี้
จบอเมริกา
นามสกุลดัง
ฐานะเท่าเทียม
ผู้ใหญ่ ฝ่ายชายถูกใจอิง

ทำไมอ่านละยิ้มแก้มแตก
แอบฟินเงียบๆ หึหึ


konhin 1 ก.ค. 2559, 00:20:45 น.
อิงไม่กล้าถามตัวเองหล่ะมั้งเนี่ย แต่ดันกล้าถามสาวัชซะงั้น


goldensun 1 ก.ค. 2559, 17:26:00 น.
คำพูดของอิงทำให้สาวัชนึกออก แต่อิงกลับไม่เคยถามตัวเองมั้งคะ
แล้วทำไมเวลาสาวัชยอมรับว่ามีคนที่ชอบแล้ว อิงกลับยิ้มดีใจรับซะงั้น ยังไงกันแน่คะ ไม่แอบเสียใจ หรือว่าพอรู้ตัวคะ


wane 2 ก.ค. 2559, 00:22:04 น.
แสดงว่าอิงไม่รู้ใจตัวเองเลยเหรอ พูดแนะนำเค้าไปเรื่อย ไม่มีแอบเสียใจบ้างอย่างที่คุณ goldensun ว่านั่นแหล่ะ

ขอบคุณ คุณ Zephyr ที่กลับไปอ่านแล้วมาสรุปให้ คำใบ้ ที่บอกมานี่ คุณด๊อก ชัดๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account