แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 12 ...ความลับของคนสองคน

แสงอรุณยามเช้าแยงตาหญิงสาวให้ตื่นจากที่นอน ร่างบางลุกขึ้นมาด้วยความหนักหน่วงในความรู้สึก วันเวลากำหนดส่งนิยายของเธอใกล้เข้ามาทุกวัน เธอยังมามัวอยู่ในอดีต หากกลับไปยุคปัจจุบันได้ มีวี่แววว่าเธอจะได้โดนเปลี่ยนงานใหม่เป็นแน่

ธราไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าเดินขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเป็นเวลานานเท่าไหร่ เพราะเธอไม่ชินเลยจริงๆ กับการอยู่แบบว่างๆ ไร้จุดหมายเช่นนี้ จะขอตามทินกรไปศึกษาการถ่ายทำด้วย ก็เกรงจะโดนเฉดหัวออกจากที่นี่เอา แถมอีกอย่าง เขายังทำตัวไม่ดีไว้เมื่อคืนอีก ไม่ได้สำนึกผิดสักนิดว่าตนเป็นคนไปก่อความวุ่นวายให้เขาก่อน

ระหว่างทางที่เดินกลับลงมานั้น เธอก็เห็นอัจฉรายืนอยู่สุดทางเดินของชั้น ไม่ห่างจากห้องของทินกรมากนัก ดวงตาคู่งามหันมาสานสบกับเธออย่างตื่นๆ ซึ่งธราทำได้เพียงยิ้มฝืนกลับไปให้นางเอกสาวเท่านั้น

ยืนจ้องกันไปมาไม่นานนัก ทินกรก็เปิดประตูออกมาจากห้องในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินดูดี เขาหันมามองหน้าเธอแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือไม่ที่ในดวงตาเขามีความรู้สึกผิดปะปนอยู่ด้วย

“คุณคะ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครได้ไหมคะ ถือว่าฉันขอร้อง” อัจฉราเอ่ยเสียงหวานกับธรา ปราดสายตาแวบหนึ่งไปที่พระเอกดัง หญิงสาวยิ้มกริ่มในคำพูดของนักแสดงสาว

“เรื่องไหนดีคะ เรื่องที่คุณมาอยู่ห้องคุณเพลิง หรือว่าเรื่อง....” ธราหยุดพูดพลางหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับทินกร ซึ่งเขาเองก็มีสีหน้าหงุดหงิดเต็มที

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยฟ้า ก็แค่คนธรรมดา จะมีสิทธิมีเสียงอะไรไปบอกใคร” ชายหนุ่มไม่รอคำโต้เถียงจากหญิงสาว พร้อมทั้งจูงมืออัจฉราเดินลงไปด้านล่างทันที ซึ่งเจ้าลิงกังก็ยังคงเดินตามไม่ลดละ ตลอดทางเดิน อัจฉราหันมามองเธอตลอดด้วยสายตาแปลกๆ สายตาที่ธราเองก็เข้าใจดีว่ามันคืออะไร

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณฟ้า ฉันไม่ไปบอกใครหรอก ฉันมันก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว” ปลายประโยคเสียงแข็งทีเดียว

คนไร้ค่า...ทินกรพูดอย่างนี้มาตลอด

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้เธอก่อนจะขึ้นรถไปกับทินกร

ชายหนุ่มผู้เป็นคนขับไม่ได้สนใจอะไรนักว่าเด็กตัวแสบจะเอาไปบอกใครหรือเปล่า เพราะเขาเชื่อมั่นพอสมควรว่าคนปากเก่งอย่างเจ้าหล่อนไม่น่าจะผิดสัญญา

“พี่เพลิงคะ มันจะดูไม่ดีหรือเปล่าคะที่มีคนเห็นเราอยู่ด้วยกัน” หญิงสาวข้างกายหันมาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาลอบยิ้มอย่างเอ็นดูพลางลูบศีรษะทุยนั้นเบาๆ

“ไม่หรอก พี่เชื่อว่าเขาไม่เอาไปบอกใครนะ” คำตอบนั้นทำเอาหญิงสาวหันกลับมามองหน้าเขาแทบจะทันที อะไรที่ทำให้ชายหนุ่มผู้ทะนงในตัวเองเชื่อใจคำพูดของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จัก

แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่าอีกเรื่องหนึ่งที่เธอเครียด ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนเมื่อครู่เห็นว่าเธออยู่กับทินกรทั้งคืนเท่านั้น หากแต่เป็นเพราะเจ้าหล่อนได้ยินคำพูดบางอย่างจากเธอต่างหาก คำพูดที่ทินกรต้องไม่มีวันรับรู้เรื่องนี้





ดวงตากลมโตมองรถคันหรูที่ขับออกไปจนลับตาด้วยความรู้สึกหลากหลาย สาเหตุที่แท้จริงในการทำให้ตะวันต้องดับแสงลง อาจไม่ใช่เพราะดวงตะวันเองหรอก บางทีก็เป็นหัวใจของดวงตะวันมากกว่าที่สร้างบาดแผลความทุกทรมานในใจของชายคนนี้ และอาจเป็นคนทำลายชีวิตเขาเสียเอง

เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนหมุนตัวกลับอย่างกะทันหันโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนอยู่ข้างหลังเธอ ชนคนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่การที่ชนแล้วแก้วกาแฟที่เขาถือมันหกใส่เสื้อเขานี่สิ

“ว้าย!”

ธราก้มมองแก้วกาแฟและเศษน้ำแข็งที่กระจายอยู่ที่พื้นอย่างรู้สึกผิด ก่อนที่สายตานั้นจะไล่ระดับสูงขึ้นจนถึงใบหน้าของชายคนนี้ ผิวกร้านคล้ำแดดแต่ก็ยังดูเนียนละเอียด ดวงหน้าสไตล์ไทยแท้ ปล่อยผมยาวระลำคอแบบยุ่งๆ ร่างกายค่อนข้างผอมแต่ปราดเปรียว

“ขอโทษนะคะคุณ ฉันไม่ทันมอง เลอะหมดเลยดูสิ” มือเล็กนั้นปัดไปที่เสื้อของเขาอย่างลวกๆ แต่เขากลับเลิกคิ้วมองเธอ พลางขำเบาๆ ให้กับการกระทำนั้น

“แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไงดีล่ะ นี่ผมต้องรีบไปทำงานด้วยนะ ถ้าไปสภาพนี้คงไม่ไหว มันเหนียวตัว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นแบบไม่จริงจังมากนัก อีกทั้งใบหน้าคมก็ยังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่กลับตอกย้ำให้หญิงสาวรู้สึกผิดเข้าไปอีก

“ฉันมันแย่จริงๆ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” เธอมองเขาหน้าแหย พลางนึกขึ้นได้ “คุณขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องฉันก่อนดีกว่าค่ะ ฉันว่าฉันมีเสื้อที่คุณน่าจะใส่ได้”

ไม่รอให้ชายหนุ่มตอบ แต่เธอกลับกระชากข้อมือเขาเดินขึ้นคอนโดไปอย่างเร่งรีบ ปารวัตรมองมือเล็กที่เกาะกุมข้อมือเขาไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อที่ตากไว้ที่ระเบียงมาสองตัว เอามาทาบทับกับร่างกายเขาทีละตัว ก่อนจะสรุปเอาเองโดยไม่ถาม

“ตัวสีเทานี่เหมาะกับคุณมากกว่า ดูเท่ แบบขรึมๆ” เขาเลิกคิ้วสูง

“นี่เสื้อคุณเหรอครับ” ถามพลางมองชุดที่หญิงสาวใส่อยู่ขณะนี้ก็เป็นเสื้อแขนยาวตัวโคร่งที่ใหญ่และยาวจนคลุมเข่า ซ่อนรูปร่างเพรียวบางไว้อย่างมิดชิด

หญิงสาวยิ้มร่า สะบัดหน้ารัวเร็ว “ไม่ใช่หรอกค่ะ ของ...พี่ชายน่ะค่ะ แต่เขาอยู่ห้องอื่น”

“มันจะดีหรือครับ ผมแกล้งคุณเล่นเฉยๆ นะ จริงๆ ผมไปทำงานชุดนี้ก็ได้”

“ไม่ได้ค่ะ มันเป็นความผิดฉัน คุณเปลี่ยนเสื้อแล้วก็เอาเสื้อคุณไว้ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะซักคืนให้ ปรับผ้านุ่มหอมๆ เชียวค่ะ” ธราตอบอย่างร่าเริง แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อน เธอจึงเอ่ยต่อ “อย่าดื้อสิคะ นี่คุณจะเปลี่ยนเองดีๆ หรือจะให้ฉันเปลี่ยนให้”

เธอไม่เพียงพูดเฉยๆ แต่กลับก้าวเข้ามาอย่างอุกอาจ ราวกับว่าจะเปลี่ยนเสื้อให้จริงๆ ทำเอาชายหนุ่มต้องถอยหลังหลบแทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไรครับ ผมเปลี่ยนเองดีกว่า” เขาตอบขำๆ ตลกตัวเองที่ถูกผู้หญิงใสๆ อย่างเธอไล่ต้อน

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มือบางก็ยื่นมารับเสื้อที่เลอะกาแฟไปจากเขา เขาส่งให้อย่างเต็มใจ หากว่ามันจะทำให้เขาได้เจอผู้หญิงทะเล้นตรงหน้านี้อีกครั้ง

“แล้วผมจะเอาเสื้อผมคืนได้ยังไงล่ะครับ” หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจดเบอร์โทรศัพท์ในห้องให้เขา

“โทรมาหาฉันได้ที่เบอร์นี้เลยนะคะ ฉันชื่อชลค่ะ”

“ผมชื่อปารวัตรนะครับ เรียกปุ่นก็ได้ จริงๆ ผมก็อยู่คอนโดไม่ไกลจากที่นี่หรอก ไว้จะแวะมาเอานะ” เขายิ้มอบอุ่น พร้อมทั้งเอ่ยต่อ “อ้อ ผมว่า คุณน่าจะเด็กกว่าผมเยอะอยู่ เรียกผมว่าพี่ละกัน น้องชล”

หญิงสาวยิ้มหวาน “ได้ค่ะพี่ปุ่น แล้วเจอกันนะคะ”

ชายหนุ่มเดินกลับออกมาจากห้องของหญิงสาวหน้าทะเล้นอย่างเชื่องช้า โดยที่หญิงคนนั้นคงไม่รู้ว่าหลังจากพ้นประตูห้องเธอมาแล้ว เขารีบวิ่งจนร่างแทบจะถลาไปกับพื้นเมื่อมองนาฬิกา และเสียงโทรเข้าไม่รู้กี่สายจากคนในกองที่โทรตาม
เสียความน่าเชื่อถือหมด ผู้กำกับไปกองละครสาย!

ร่างสูงปราดเปรียวใช้เวลาไม่นานนักในการเดินทาง เขารีบเข้าไปในกองละคร ทีมงานหลายคนเอ่ยทักในการแต่งตัวของเขาที่มันเป็นเสื้อผ้ามีราคา ผิดจากที่เขาเคยใส่เพียงตัวละ 100-200 ตามตลาดเท่านั้น มันไม่ใช่ว่าเขายากจนอะไรหรอก แต่เขาคิดว่าเงินมีค่ามากกว่าการเอามาเสียไปในสิ่งที่ไม่สำคัญ

“อ้าวคุณปุ่น ทำไมวันนี้แต่งตัวแปลกๆ ล่ะคะ ไม่เคยเห็นใส่แบบนี้เลย” ดาว ทีมงานสาวที่เด็กที่สุดในกองเอ่ยทักขึ้นเป็นคนแรก

“ใช่ค่ะ แต่มันก็ดูดีไปอีกแบบนะคะพี่ปุ่น” อัจฉราพูดเสริม แต่ชายหนุ่มข้างกายนั้นกลับรู้สึกแปลกๆ กับชุดที่ผู้กำกับใส่

“เป็นเสื้อยี่ห้อเดียวกับที่ผมชอบใส่เลยครับ” รอยยิ้มเหยียดๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าพระเอกหนุ่ม

...แต่โทษที ไม่มีทางดูดีไปกว่าเราได้หรอก

“เหรอครับ แต่ผมแต่ง ยังไงก็เท่สู้คุณไม่ได้แน่ๆ” ปารวัตรเอ่ยหยอกล้อ ราวกับรู้ประโยคที่ดังอยู่ในใจของทินกร

“นั่นไม่น่าใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณมาสาย และเราควรเริ่มถ่ายกันสักที เดี๋ยวตอนเย็นผมมีงานต่อ” เสียงทุ้มของทินกรเอ่ยอย่างจริงจังจนอัจฉราต้องหยิกแขน

ปารวัตรได้เพียงแต่มองตามหลังทินกรที่กำลังเดินไปเข้าฉากอย่างไม่เข้าใจ นักแสดงดังคนนี้ไม่ชอบใจอะไรเขาขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงจะพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยสักที






เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ค. 2559, 11:37:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ค. 2559, 11:37:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1051





<< ตอนที่ 11 ...คนที่ใครก็มองว่าเลว   ตอนที่ 13 ....คำขอโทษ >>
Zephyr 2 ก.ค. 2559, 23:30:22 น.
นั่นสิ พี่เพลิงเกลียดขี้หน้าพี่ปุ่นจัง
มีเบื้องลึกกันรึป่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account