มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 8



การเดินทางผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ ทุกวันเห็นแต่เพียงน้ำกับฟ้า ขณะที่คนอื่นๆ มีหน้าที่ของตัวเองในการสอดส่องดูแล ความปลอดภัย และโก๋เองก็มักจะขลุกอยู่ที่ห้องควบคุมเรือ ที่มีหรคุณรับผิดชอบอยู่

วาวพลอยจึงอาสาทำอาหาร และดูแลเรื่องในครัวช่วยจิญจายะ เพื่อทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง การได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนเหล่านี้ ได้พูดคุยกัน มันทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าพวกเขาก็มีความน่ารักอยู่ในตัวไม่น้อย ไม่ได้น่ากลัวอย่างภาพทหารรับจ้าง หรือทหารป่าที่เธอเคยจินตนาการไว้เลย

ยกเว้นเพียงตัว ‘หัวหน้า’ ที่มักจะทำหน้าตาเรียบเฉยติดเคร่งเครียด ไม่ได้หัวเราะ หยอกเย้าเหมือนคนอื่น เหมือนเขาแบกโลกเอาไว้กระนั้น แต่วาวพลอยก็ไม่ได้สนใจมาก หญิงสาวพยายามยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยไม่อยากให้เขาดูถูกเอาได้

ตั้งแต่เธอระเบิดอารมณ์ใส่เขาคราวนั้น หัสตะก็เหมือนจะพยายามสงบปากสงบคำลงมาก โดยเฉพาะในทางที่ไม่สร้างสรรค์ หรือก่อให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบแบบนั้น ทำให้บรรยากาศระหว่างเขากับเธอดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อย แม้ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยหยอกเย้าเหมือนคนอื่น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดให้ระคายใจ

ในค่ำคืนหนึ่ง ร่างบอบบางในชุดกางเกงขายาว และเสื้อยืดตัวโคร่ง ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ วาวพลอยกำจี้รูปดาวที่ห้อยคอเอาไว้ สายตามองไปยังท้องฟ้า ที่ระบายไปด้วยดวงดาวพร่างพราย

เธอไม่รู้ว่าพ่อ แม่ที่แท้จริงจะมองอยู่ไหม พ่อ แม่ที่เธอไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่มาตอนนี้ที่ได้รับรู้ หญิงสาวก็ปรารถนาจะได้พบเจอ อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับบุพการีทั้งสอง แม้ว่าทั้งคู่จะจากไปนานแสนนาน ทิ้งไว้เพียงแต่จี้อันนี้

และมันกำลังจะทำให้ชีวิตอันเรียบง่ายของเธอเปลี่ยนไป นับจากวันที่รู้ความจริง ตอนนี้วาวพลอยพยายามปรับตัวกับการเดินทางและสิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าอย่างสุดความสามารถ แม้ในใจจะยังห่วงคนที่เธอเรียกว่า แม่ มาตลอดชีวิตก็ตาม

‘ป่านนี้แม่จะเป็นยังไงบ้าง เสด็จพ่อ เสด็จแม่ หากท่านมองดูลูกอยู่ได้โปรดช่วยดูแล ปกป้องแม่อัมพรให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงด้วยเถิด ลูกขอสัญญาว่าลูกจะทำทุกอย่างที่ต้องทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้พวกท่านต้องผิดหวัง’

เจ้าของร่างบอบบางรำพึง ดวงตายังคงจ้องมองดวงดาวมากมายที่กำลังส่องแสงพร่างพรายบนฟากฟ้า ก่อนจะหันหลังกลับ แต่เธอกลับชนเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งในความมืด

“ว้าย!! ” วินาทีนั้นร่างสูงใหญ่ที่เธอชนก็รั้งตัวหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้ล้ม

“ผมเอง” เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้น

วาวพลอยดันตัวออกห่าง พลางมองเจ้าของร่างสูงใหญ่อยู่ในความมืด ด้วยหัวใจเต้นตูมตาม จะด้วยความตกใจหรือความแนบชิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจก็สุดรู้

“ผมขึ้นมาดูว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หัสตะเอ่ยต่อ เสียงของเขาฟังดูแปลกแปร่งเล็กน้อย

“คุณขึ้นมานานหรือยังคะ” ชายหนุ่มไม่ตอบในทันที ราวกับกำลังคิดหาคำตอบเหมาะๆ

“หรือว่าตามฉันมาติดๆ นี่แสดงว่า ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ที่ไหน พวกคุณก็จะติดตามฉันทุกฝีก้าวเลยสินะคะ” วาวพลอยอดทำเสียงประชดเล็กๆ ไม่ได้

“ความปลอดภัยของคุณสำคัญสำหรับเราเสมอ” หัสตะแบ่งรับแบ่งสู้ จนหญิงสาวค้อนขวับอยู่ในความมืด

“แน่จริงทำไมไม่ตามเข้าไปเฝ้าถึงในห้องน้ำเลยล่ะ” พลางบ่น

อุบอิบอยู่คนเดียว

“คุณว่าอะไรนะ” แต่คนหูดีดันได้ยินเสียนี่

“เปล่าค่ะ เอาเป็นว่าฉันประทับใจในการทำงานของคุณมาก ถ้าฉันได้พบกับคนที่จ้างคุณเมื่อไหร่ ฉันจะเสนอให้เขาจ่ายค่าจ้างคุณเพิ่มอีกเท่าตัวเลย โอเค.ไหมคะ” วาวพลอยประชดต่อ

แต่คนตัวโตกลับหัวเราะน้อยๆ อย่างชอบใจ และนั่นก็ทำให้เจ้าของร่างบอบบางถึงกับอึ้งในเสียงหัวเราะของเขา แม้จะเป็นการหัวเราะน้อยๆ ก็ตาม ‘อีตานี่หัวเราะเป็นด้วยแฮะ’หญิงสาวคิดขำๆ

“บางทีการทำตัวให้ชินกับการสูญเสียอิสรภาพหรือพื้นที่ส่วนตัว ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คนเป็นเจ้าหญิงควรทำ เพราะหากคุณไปถึงริตถาวดี มันเป็นสิ่งแรกที่คุณจะสูญเสีย” ชายหนุ่มพูดต่อ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนแอบอึ้งกับเสียงหัวเราะของตน

“ฉันจะจำไว้ค่ะ ว่าแต่ชื่อของคนริตถาวดีเหมือนภาษาบาลีสันสกฤตเลยนะคะ มันเกี่ยวข้องกับภาษาแปลกๆ ที่พวกคุณใช้กันอยู่ไหมคะ” หญิงสาวตั้งข้อสังเกต ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกตั้งแต่รู้จักชื่อตัวเองในภาษาริตถาวดีแล้ว

“ใช่แล้วล่ะ ริตถาวดีมีรากฐานสำคัญคือพุทธศาสนาเช่นเดียวกันกับเมืองไทย แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก แต่อย่างน้อยสิ่งที่ยังคงติดอยู่ในวัฒนธรรมของริตถาวดีอย่างเหนียวแน่นก็คือภาษานี่แหล่ะ

“ภาษาของริตถาวดีมีต้นตอมาจากภาษาบาลีก่อนจะพัฒนามาเป็นภาษาพูดและเขียนในปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่ชื่อคนหรือชื่อสถานที่ต่างๆ จะเป็นบาลีสันสกฤตไปด้วย ไม่ใช่เฉพาะริตถาวดีหรอกนะ แต่รวมถึงบ้านเมืองใกล้เคียงด้วย” ชายหนุ่มอธิบายยาวเหยียด ด้วยท่าทางผ่อนคลาย

“แล้วทำไมริตถาวดีในปัจจุบันถึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับศาสนาพุทธล่ะคะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างสนใจ

คงเป็นเพราะท่าทางผ่อนคลายของชายหนุ่ม และความกระตือรือร้นที่จะตอบคำถามของเธอ จึงทำให้วาวพลอยกล้าถามในสิ่งที่อยากรู้ ทั้งที่ปกติเธอจะอาศัยถามลูกทีมของเขามากกว่า

แต่ก็รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะดูเหมือนทุกคนไม่ได้เติบโตมาในริตถาวดี บางเรื่องจึงไม่มีคำตอบที่กระจ่างใจให้กับหญิงสาว เช่นเรื่องที่เธอกำลังถามหัสตะอยู่ในตอนนี้

“ก็ไม่เชิงว่าไม่ให้ความสำคัญ เพราะชาวบ้าน ประชาชนเองก็ยังคงรักษาประเพณี วัฒนธรรมและความเชื่อทางศาสนาดั้งเดิมเอาไว้อยู่ เพียงแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากทางการเหมือนในอดีตเท่านั้น นั่นอาจเป็นเพราะทางการเองก็มีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำก็ได้”

“เรื่องสำคัญอย่างนั้นเหรอคะ” หญิงสาวทวนคำอย่างไม่เข้าใจนัก

“คุณพอจะเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าโดยรวมแล้วริตถาวดีเป็นยังไง” และความสนใจใคร่รู้ก็ทำให้เธอต้องเอ่ยปากถามต่อ

“ริตถาวดีไม่ได้เปิดเหมือนบ้านเมืองที่คุณจากมา การเมืองภายในยังหาข้อสรุปไม่ได้ บ้านเมืองเลยย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้มีบทบาทอะไรเป็นที่ประจักษ์แก่โลก ก็เหมือนประเทศในโลกที่สามทั่วไปนั่นแหล่ะ แต่อาจจะดูล้าหลังกว่า เพราะมัวแต่คานอำนาจกันของเหล่าราชวงศ์” ชายหนุ่มบอกเล่า ท่าทางผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่คุยกัน

“คุณหมายถึงบรรดาญาติๆ ของฉันเหรอคะ” วาวพลอยถามด้วยความรู้สึกเศร้าในใจ กับความจริงที่พึ่งได้รู้

“ก็ประมาณนั้น แต่คุณไม่ต้องเสียใจไป มันเป็นปัญหาธรรมดาของโลก ไม่ว่าจะเป็นการปกครองระบบไหนก็ตามแต่”

“นั่นสินะคะ ถ้าฉันไปอยู่ตรงนั้นก็คงหนีไม่พ้นปัญหานี้เหมือนกันใช่ไหมคะ” หญิงสาวเปรยอย่างสะท้อนอยู่ในใจ จนคนฟังสัมผัสได้ไม่ยากกับความหดหู่ในน้ำเสียงนั้น

“ก็อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ตำแหน่ง

รัชทายาทมีสิทธิอำนาจมากกว่าผู้ที่กำลังคานกันอยู่ในตอนนี้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการที่เจ้าหญิงรัชทายาทยังมีชีวิตอยู่มันก็เป็นผลดีกับริตถาวดีในทุกด้าน คุณอย่ากังวลเลย” ชายหนุ่มสรุปพร้อมปลอบโยนในแบบของเขาในตอนท้าย หญิงสาวนิ่งคิดไปครู่หนึ่งอย่างยอมรับ ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้

“แล้วพ่อ แม่ของฉันตายได้ยังไงกันคะ คุณพอจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น” คำถามของเธอทำให้หัสตะเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง ก่อนจะทอดถอนใจ

“เห็นบอกว่ามีการก่อกบฏของนายทหารคนหนึ่ง ผมก็ไม่รู้อะไรมากหรอก เพราะตอนนั้นผมเองก็ยังเด็กเหมือนกัน มันผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว... ”

“หัวหน้าครับ หัวหน้า” เสียงเรียกที่ดังแทรกขึ้นทำให้หัสตะชะงัก

“ตันเต มีอะไร” เขาหันไปถามเจ้าของร่างดำตะคุ่มที่อยู่ตรงบันไดขึ้นสู่ดาดฟ้า

“พอดีท่านหรคุณจับสัญญาณหนึ่งได้ คิดว่าเป็นหมู่เกาะที่เรากะจะแวะหาซื้อเสบียงกันน่ะครับ” ตันเตรายงาน ชายหนุ่มทำเสียงรับในลำคอ

“หมู่เกาะเหรอคะ? ” วาวพลอยถามด้วยความแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องเกาะหรือแผ่นดินท่ามกลางทะเลอันแสนเวิ้งว้างนี้

“ใช่ เกาะนี้เป็นศูนย์กลางทางการค้าทางทะเลในหมู่เกาะแถบนี้ ผมว่าจะหาเสบียงเพิ่มอีกสักหน่อย พวกคุณเองก็จะได้ผ่อนคลายกันบ้างหลังจากเห็นแต่น้ำกับฟ้า ลงไปข้างล่างกันเถอะ” เขาอธิบาย และชวนเจ้าของร่างบอบบางในตอนท้าย พลางใช้ไฟฉายส่องทางเดินให้เธอก้าวลงไปก่อน

ห้องพักผ่อนที่อยู่ติดกันกับห้องควบคุมเรือชั้นสอง บนโต๊ะพับที่ตั้งอยู่ตรงกลาง มีแผนที่ เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์อันทันสมัย และเข็มทิศวางอยู่ตรงกลาง โดยมีทุกคนในเรือนั่งล้อมวงกันอยู่

ยกเว้นตันเต ซึ่งกำลังควบคุมการเดินเรือแทนหรคุณที่มาร่วมหารือเรื่องการแวะจอดยังเกาะที่ปรากฏในแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีผู้คนอาศัยอยู่ หลังจากทราบพิกัดแน่ชัดแล้ว

“ตอนนี้เราอยู่ใกล้หมู่เกาะมาเรติกมากที่สุด เราจะแวะที่เกาะสุตวา เพื่อหาเสบียง เติมน้ำมัน ยังไงก็เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเกาะนี้เป็นเพียงเกาะเดียวที่เราจะหาเสบียงได้ตามต้องการ

“แต่ก็เป็นเหมือนเมืองท่าที่ผู้คนพลุกพล่าน เราอาจจะต้องเสี่ยงหน่อย ต้องพยายามทำตัวให้เป็นจุดสนใจน้อยที่สุด” หัสตะสรุป หลังจากปรึกษาหารือกันดีแล้ว

“ค่ะ หัวหน้า” จิญจายะรับคำสั่ง

“หรคุณ นายคิดว่าจะสามารถนำเรือเข้าเทียบท่าของเกาะได้เร็วที่สุดตอนไหน” เจ้าของร่างสูงใหญ่หันไปถามน้องชาย ที่ยังก้มหน้าอยู่กับเครื่องมือสื่อสารในมือ

“อาจจะเป็นสายๆ พรุ่งนี้ ถ้าไม่มีปัญหา” หรคุณเงยหน้าขึ้นมาตอบ

“ตามนั้นเลยนะ ทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเองได้” หัสตะบอก ก่อนที่ทุกคนจะสลายตัวกันไป

ขณะที่พวกผู้ชายช่วยกันตรวจสอบเส้นทางเดินเรือ และคอยดูแลความเรียบร้อย วาวพลอยกับจิญจายะ พากันกลับเข้าห้องนอนตามปกติ นั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวได้รับการปฏิบัติเป็นประจำตั้งแต่เดินทางมา

จิญจายะมีหน้าที่คอยดูแลเธอ ในเวลาอยู่ในห้องส่วนตัวเช่นนี้ และช่วงหลังมานี้โก๋เองมักจะขลุกอยู่ที่ห้องควบคุมเรือกับพวกผู้ชายมากกว่า วาวพลอยกับจิญจายะจึงพักอยู่ด้วยกันเพียงสองคน

“โชคดีนะคะที่เราไม่เจอพายุเหมือนวันนั้นอีก” หญิงสาวพูดพร้อมกับล้มตัวลงนอนบนเตียงด้านหนึ่ง

และจิญจายะเองก็นั่งอยู่ตรงเตียงด้านตรงข้ามกัน พลางหยิบปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติคู่กายออกมาจากซอกเอวและวางไว้ข้างหัวนอน

“นั่นคงเป็นเพราะหรคุณเขาเคยเป็นนักเดินเรือน่ะค่ะ เขาจึงรู้เส้นทางเดินเรือดีพอสมควร ว่าบริเวณไหนเป็นทางผ่านของพายุ และทางที่จะเลี่ยงได้” จิญจายะบอก

“คุณหรคุณเก่งจังเลยนะคะ” นั่นทำให้วาวพลอยอดชื่นชมไม่ได้

“เขารักด้านนี้ค่ะ เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่ง จะเป็นรองก็แต่หัวหน้าเท่านั้น” คำตอบของจิญจายะทำให้หญิงสาวสนใจความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง

“คุณจิญคงสนิทกับพวกเขามากเลยนะคะ ถึงได้รู้เรื่องพวกเขาดีไปหมดทุกอย่าง”



“ก็ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ พวกเราโตมาด้วยกัน มีจุดมุ่งหมายเหมือนๆ กัน จึงสามารถร่วมทีมกันได้ นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้เรามีหน้าที่ต้องทำอีกเยอะ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้เราคงได้เปลี่ยนบรรยากาศทานอาหารกลางวันกัน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” จิญจายะไม่วายตัดบทในตอนท้ายเช่นเคย วาวพลอยจึงได้แต่เอ่ยราตรีสวัสดิ์ตอบกลับไป ก่อนจะหลับตาลงบ้าง






**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tf
aWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%81
%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B
8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2559, 13:30:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2559, 13:30:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 782





<< บทที่ 7   บทที่ 9 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account