มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น
ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น
ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้
Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล
ตอน: บทที่ 10
จนกระทั่งถึงร้านอาหารที่อยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งปลูกสร้างอย่างแข็งแรงกว่าบ้านเรือนร้านรวงทั่วไปเพราะทำจากปูน ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นสิ่งหายากในถิ่นนี้
มันจึงดูเป็นร้านที่ทันสมัยที่สุดของเกาะก็ว่าได้ แต่ตอนนี้มีผู้คนไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น หรคุณ จิญจายะกับโก๋นั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมของที่ซื้อมา
“ส่งของมาให้พวกผมเอาไปเก็บที่เรือก่อนดีกว่าครับ” หรคุณบอก พลางรับเอาของจากวาวพลอย โก๋เองก็รับเอาจากหัสตะ ก่อนที่ทั้งสองกับตันเตจะเอาของทั้งหมดไปเก็บที่เรือ
“พวกท่านจะรับอะไรกันดีขอรับ” ชายเจ้าของร้านที่โพกหัว สวมผ้ากันเปื้อนสีขาวขุ่นรีบออกมาต้อนรับ
“ที่นี่มีอะไรน่ากินบ้างล่ะ” หัสตะถาม พร้อมกับผายมือให้จิญจายะกับวาวพลอยนั่งลงก่อน แล้วเขาจึงนั่งตาม
เจ้าของร้านร่ายรายชื่ออาหารแปลกๆ ที่วาวพลอยไม่เคยได้ยินมาก่อนให้ฟัง และชายหนุ่มก็เลือกสี่ห้าเมนู ก่อนที่เจ้าของร้านจะตะโกนบอกคนงานด้วยภาษาพื้นเมืองของเกาะเสียงดังล้งเล้งไปทั่วร้าน
“พวกท่านพักที่ไหนกันล่ะ ถ้ายังไม่มีที่พักขอเชิญมาพักที่นี่ได้นะขอรับ” แล้วจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับแขกตรงหน้าอีกครั้ง
“เรากะว่าเดี๋ยวก็จะออกเดินทางกันต่อเลย คราวนี้คงไม่ได้พัก” หัสตะเป็นคนตอบเช่นเคย
“อย่างนั้นหรือ แต่ช่วงนี้มันเป็นช่วงมรสุมนะท่าน อันตราย ไม่ค่อยมีใครเดินเรือในเวลากลางคืนกันหรอกขอรับ อย่าว่าแต่เดินเรือกลางคืนเลย แม้แต่พวกพ่อค้าบนฝั่งหลายรายก็งดออกเรือกันตั้งสอง-สามเดือน ที่นี่เลยค่อนข้างเงียบอย่างที่เห็นนี่แหล่ะขอรับ” พ่อค้าบอกเล่าให้ฟัง หมายจะโน้มน้าวให้แขกพักสักคืนก็ยังดี
“อย่างนั้นเหรอ” หัสตะทำท่ารับรู้
“แต่พอดีเรารีบน่ะ ก็เลยแค่แวะซื้อเสบียง” ก่อนจะปฏิเสธต่อ
“พวกท่านจะไปไหนกันหรือขอรับ” เจ้าของร้านถามอีกครั้ง ขณะที่พวกหรคุณ โก๋ ตันเตกลับมาพอดี
“เกาะเชตะวา” หัสตะแกล้งตอบไป เกาะที่ว่าเป็นหนึ่งในหมู่เกาะมาเรติก เป็นศูนย์รวมของผู้คนไม่แพ้ที่นี่ แต่ขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยวมากกว่าการค้าขาย
“อ้อ... ที่นั่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้ฝั่งที่สุดในหมู่เกาะมาเรติก ใครๆ ก็ไปที่นั่นกัน แต่ช่วงนี้ได้ข่าวว่าพวกโจรสลัดกำลังออกอาละวาดนะขอรับ” เจ้าของร้านยังไม่วายจะบอกเล่าต่อ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากให้แขกกลุ่มนี้เปลี่ยนใจ หรือพูดความจริงกันแน่
“แต่ช่วงนี้เป็นหน้ามรสุม พวกมันไม่ได้เก็บตัวกันหรอกเหรอ” หรคุณถามด้วยความแปลกใจ
“มันมีบางกลุ่มที่อาศัยช่วงนี้หากินเป็นหลัก พวกท่านต้องระมัดระวังให้ดีนะขอรับ”
“ขอบใจท่านมากที่เตือน” หัสตะบอก ก่อนอาหารที่สั่งจะมาเสิร์ฟ เจ้าของร้านจึงขอตัวไป
วาวพลอยมองอาหารหน้าตาแปลกๆ ที่ทำมาจากพวกปลาทะเล กุ้ง ปลาหมึกสีคล้ำๆ เมนูเหล่านั้นมีทั้งทอด ต้ม และย่างราดด้วยซอสสีเขียวเข้มเหมือนสาหร่าย
แต่ต้องกินกับแป้งอบคล้ายขนมปังนุ่มๆ แต่กลับไม่มีกลิ่นนมเนย เธอและโก๋ทำตามคนในกลุ่ม ซึ่งทานกันอย่างคล่องแคล่ว ราวกับเป็นวัฒนธรรมของตัวเองกระนั้น
ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น ภายในร้านมีลูกค้าอยู่แค่สี่-ห้าโต๊ะ ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารเหมือนไม่มีใครสนใจใคร แต่หัสตะกลับรู้สึกว่ามีสายตาใครสักคน หรือกลุ่มหนึ่งมองมาทางโต๊ะของพวกเขาอยู่เป็นระยะ
พอชายหนุ่มหันไปหาที่มาของสายตานั้น ก็พบว่าเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีกันอยู่สามคน นั่งโต๊ะมุมในสุด กำลังมองมายังโต๊ะเขาอย่างสนใจผิดปกติ และหลบสายตาทันทีประสานสายตากับหัสตะ จากนั้นชายหนุ่มก็แอบสังเกตอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะเช่นกัน
ชายฉกรรจ์ทั้งหมดแต่งกายเหมือนชาวเกาะทั่วไป ที่สวมเสื้อผ้าฝ้ายเสียส่วนใหญ่ ใบหน้าคร้ามแดด บ้างก็เต็มไปด้วยหนวดเครา ท่าทางไม่น่าไว้ใจอย่างไรชอบกล
พอทานอาหารเสร็จหัสตะจึงรีบบอกให้ทุกคนกลับไปที่เรือในทันที และราวจะรู้ถึงความนัยของคำสั่งนั้น ขณะที่ลงเรือลูกน้องของเขาจึงไม่ปริปากพูดจาแม้แต่คำเดียว ทำให้วาวพลอยกับโก๋ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวพลอยไม่กล้าพูดไปด้วย
*-*-*-*-*-*
“หัสตะ เกิดอะไรขึ้น” หรคุณถามทันที หลังจากทุกคนขึ้นมาอยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว
“รีบออกเรือเลย มีอะไรบางอย่างไม่น่าไว้วางใจ” ชายหนุ่มตอบน้องชาย สายตายังกวาดมองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง
“หมายถึงกลุ่มผู้ชายสามคนนั้นหรือเปล่า” หรคุณเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน จึงถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ บางทีอาจจะเป็นพวกเดียวกับที่ตามล่าตัวเจ้าหญิงก็ได้ เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” หัสตะหันมาทางวาวพลอย
“เข้าไปข้างในกันเถอะคุณ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
คำว่า ‘เตรียมตัวให้พร้อม’ ของชายหนุ่มก็คือการเตรียมอาวุธ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเสื้อกันกระสุน เหมือนเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามรบยังไงยังงั้น ตอนที่จิญจายะส่งเสื้อกันกระสุนให้กับวาวพลอยและโก๋ ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างอึ้งๆ
“เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับสิ่งที่จะต้องเผชิญค่ะคุณวาวพลอย” จิญจายะตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงจังด้วยเช่นกัน
วาวพลอยรับเสื้อนั้นมา ก่อนที่จิญจายะจะออกไปข้างนอก ทิ้งให้หญิงสาวมองเสื้อกันกระสุนในมือ นี่แสดงว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆ แล้วใช่ไหมเนี่ย เธอถามตัวเอง
เรือออกจากเกาะมาได้หลายชั่วโมง บนเรือมีการสำรวจตรวจตราอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีเรือแล่นตามมาอย่างที่คาดกัน นั่นทำให้ทุกคนโล่งใจได้บ้าง ยกเว้นหัสตะ อะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“วันพรุ่งนี้จึงจะผ่านเขตเกาะนียา แต่เราคงไม่สามารถออกทางน้ำลึกอย่างที่ผ่านมาได้อีก เพราะเขตนี้มรสุมแรง” หรคุณตะโกนบอกหัสตะ ขณะที่ทุกคนยังนั่งอยู่ในห้องพักผ่อนที่อยู่ติดกัน
“แล้วจะหลบเลี่ยงได้ยังไงบ้าง” หัสตะถาม พลางรีบก้าวเข้าไปหาน้องชายยังส่วนควบคุมเรือ คนอื่นก็พลอยตามเขาไปด้วยความอยากรู้เช่นกัน
“ทางที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเข้าใกล้เกาะเพื่อหลบมรสุม เพราะเกาะนียาเป็นภูเขาสูงและหน้าผาเสียส่วนใหญ่ จะช่วยบังลมมรสุมได้” หรคุณส่งเครื่องมือสื่อสารที่มีหน้าจอขนาดประมาณแปดนิ้วมาให้พี่ชาย หัสตะรับมาดูพร้อมทำความเข้าใจสักครู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามนั้นได้เลย ว่าแต่คืนนี้เราอาจต้องเสี่ยงหน่อย จิญเธอพาคุณวาวพลอยไปพักเถอะ” ตอนท้ายเขาหันมาทางหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ไม่ไกล ทำให้สองสาวต้องกลับไปยังห้องพักตามคำสั่ง
“หลังจากพายุมรสุมครั้งนั้น เรายังไม่เคยเจอมรสุมอีกเลย แต่ทำไมที่นี่กลับเป็นช่วงมรสุมล่ะคะ” วาวพลอยถาม หลังกลับมาอยู่กันตามลำพังกับจิญจายะในห้องนอน
“เขตหมู่เกาะมาเรติกเป็นร่องผ่านของมรสุม จะมีช่วงฤดูมรสุมยาวนานกว่าทะเลแถบอื่นน่ะค่ะ อีกอย่างหรคุณไม่ได้ทำการสำรวจแถบนี้มาก่อน จึงไม่รู้แน่ชัดถึงเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัย เราคงต้องพึ่งเพียงสัญชาติญาณของเขาเท่านั้นแหล่ะค่ะตอนนี้” จิญจายะตอบ แต่ก็ไม่ได้มีความกังวลมากเท่าไหร่
“หมายความว่า เรามีสิทธิ์เจอกับมรสุมเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอคะ” ผิดกับคนฟัง จากประสบการณ์มรสุมคราวที่แล้วยังทำให้วาวพลอยหวั่นๆ ไม่หาย จิญจายะส่งยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างปลอบใจ
“ค่ะ โดยเฉพาะคืนนี้ เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ก็อย่างที่หัวหน้าบอกไม่ใช่แค่เรื่องมรสุมอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหญิงด้วยค่ะ แต่อย่าคิดอะไรมากเลยนะคะ เราจะดูแลเจ้าหญิงให้ดีที่สุดค่ะ” จิญจายะทั้งยืนยันและปลอบใจในคราวเดียวกัน
วาวพลอยได้แต่กล่าวคำขอบคุณ ทั้งที่ในใจยังไม่อาจหยุดคิดได้ เพราะเธอเห็นความกังวลอยู่ในท่าทีของหัสตะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากข่มตาให้หลับลงไปอย่างยากลำบาก และภาวนาขอให้บิดา มารดาช่วยให้ทุกคนปลอดภัย ก่อนจะหลับลงไป
เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างนอก ทำให้หญิงสาวทั้งสองที่นอนอยู่ในห้องตื่นขึ้นมาเกือบพร้อมกัน จิญจายะคว้าปืนพกบนหัวนอนมาถือไว้โดยอัตโนมัติ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณจิญ หรือมรสุม” วาวพลอยถามขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
ในโสตประสาทของหญิงสาวรับรู้ถึงการเอียงวูบไปมาของเรือชัดเจน แม้ไม่มากเหมือนคราวที่แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องผิดปกติ
“ไม่ใช่ค่ะ คงเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง คุณอยู่ในนี้นะคะ ฉันจะออกไปดู” จิญจายะยังไม่ทันเปิดประตูห้องเสียงดังเซ่งแซ่ก็แว่วเข้าหูมา
“โจรสลัดๆๆ ” เหมือนเสียงของตันเตที่ตะโกนแทรกเสียงอึกทึกครึกโครมบอกทุกคนในเรือ พร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดซ้อนๆ กัน
**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่
MEB
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntz
Ojc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2I
jtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30
ookbee
http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83
ebooks.in.th
http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%
81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E
0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/
Hytexts
http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883
นายอินทร์ปัณณ์
https://www.naiin.com/product/detail/184068/
ซีเอ็ด
https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174
banbanbook
http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110
กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2559, 20:27:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2559, 20:27:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 788
<< บทที่ 9 | บทที่ 11 >> |