แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 14 ...ตัวก่อปัญหา

ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไม่ห่างจากคอนโดของทินกรมากนัก ธราเดินอยู่ที่ชั้นสามของห้างนั้นอย่างรื่นเริง ระยะเวลาแปดปีไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปมากนัก ในตอนนี้กับในยุคปัจจุบัน ห้างก็เหมือนเดิม

หญิงสาวไม่รอช้า รีบเดินไปตรงแผนกเสื้อผ้าทันที หลังจากที่เธอซื้อชุดพวกนี้เสร็จแล้ว เธอคิดว่าจะซื้อของไปทำให้ทินกรทานเป็นการขอบคุณที่ให้เงินเธอยืม แต่ยังเดินต่อไปได้ไม่ไกลนัก เสียงเอะอะโวยวายจากด้านหน้าก็ดังขึ้น ธราปราดเข้าไปในบริเวณนั้นโดยเร็ว มีผู้คนมากมายยืนมุงอะไรสักอย่าง เมื่อร่างบางแทรกเข้าไปด้านหน้าก็พบว่ามีหญิงสาวสองคนกำลังทะเลาะตบตีกันอยู่ที่พื้น

“แกนั่นแหละ! ที่มายุ่งกับคุณกรของฉัน ออกไปห่างๆ เลยนะยะ รู้ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร!” หญิงสาวคนหนึ่งที่แลดูจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแผดเสียงลั่นอย่างไม่เกรงใจผู้คนรอบข้าง

ธรายืนมองนิ่งอึ้งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือทำไมทุกคนที่ยืนดูกลับไม่เข้าไปช่วยห้าม รปภ.ของที่นี่ก็ไม่ยอมขึ้นมาดู ไม่ได้ต่างจากตอนที่เธอจับโจรแล้วไม่มีใครช่วยเลยสักนิด

“แกต่างหาก คุณกรน่ะของฉันย่ะ ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่ง ฉันจะตบให้หน้าแกแหกเลยเอาสิ!” หญิงสาวอีกคนขึ้นคร่อมแล้วตะโกนด้วยเสียงที่ไม่เบากว่าคนแรก

“พอเถอะค่ะ พวกคุณ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิคะ แค่ผู้ชายคนเดียวจะทะเลาะกันไปทำไม” ธราปรี่เข้าไปจับร่างทั้งคู่แยกออก โดยไม่ฟังเสียงปรามจากรอบข้าง หญิงสาวทั้งคู่ยังคงดึงดันที่จะสู้กันต่อ จนร่างบางต้องเข้าไปแทรกกลางและผลักฝ่ายหนึ่งออกอย่างแรง

หญิงสาวที่โดนผลักหันมามองเธอด้วยสายตางุนงง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเมื่อครู่ยันกายลุกขึ้นมามองธรา และเอ่ยพร้อมกันจนแทบกลายเป็นประสานเสียง “อะไรของเธอเนี่ย!”

“ก็พวกคุณจะทะเลาะกันทำไมล่ะคะ ที่นี่มันที่สาธารณะ ควรจะรู้บ้างสิว่าอะไรควรไม่ควร แล้วคนที่มามุงนี่ก็แปลก ทำไมไม่มีใครห้ามสักคน” ธราสะบัดเสียงอย่างอารมณ์เสีย

“คัต!!! อะไรเนี่ย” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นไม่ห่างนัก ธรากวาดหาต้นตอของเสียงโดยเร็ว

“พวกเขาจะเข้ามาห้ามทำไมล่ะยะ ก็พวกฉันถ่ายละครกันอยู่ เธอนั่นแหละ เสร่อเข้ามาทำไม” หญิงสาวคนเดิมเอ่ยอย่างหงุดหงิดไม่แพ้ธราในตอนแรก แต่ก็ผสานไปด้วยเสียงหัวเราะจากรอบข้าง

หญิงสาวรีบยืนขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอายนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเมียงมองหาต้นตอเสียงผู้กำกับเมื่อครู่

เธอก้มหน้ามองฝ่าเท้าตัวเองพร้อมทั้งเดินเร็วจนแทบวิ่งออกจากบริเวณนั้น ไปให้ห่างจากเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนเธอเป็นตัวตลกคนหนึ่ง แต่ยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ขาเรียวก็สะดุดเข้ากับสิ่งของบางอย่างล้มลง ส่งผลให้อุปกรณ์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นล้มระเนระนาด

โพละ!

เสียงกล้องราคาแพงกระทบพื้นดังสนั่นไปทั่วบริเวณ บรรยากาศรอบข้างนิ่งงันราวกับโดนมนต์สะกด เสียงหัวเราะขบขันจากผู้คนเป็นสิบเงียบลงไปทันตา สีหน้าของคนในบริเวณนั้นซีดเผือดเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แต่คนที่เครียดที่สุด เห็นจะเป็นร่างบางที่ล้มฟุบอยู่กับพื้นโดยมีกล้องตัวนั้นอยู่ห่างแค่เอื้อมมือ

...ซวยบรรลัยแล้วยายชลเอ๊ย!

“นี่เธอ! ทำอะไรลงไปน่ะ รู้ไหมว่ากล้องตัวนี้ราคาเท่าไหร่” เสียงดุเข้มดังขึ้นด้านบนศีรษะของธรา หญิงสาวเหลือบมองไล่ระดับตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนแลเห็นใบหน้าคมเข้มขาวผ่องสะอาดตา ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านบนของเธอมองมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเจ้าปัญหานั้นคือใคร

“ยายลิง!” ทินกรเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่ก็ดังพอที่จะให้หญิงสาวที่กองอยู่ตรงพื้นได้ยิน ดวงหน้าหวานมองหน้าเขาสลับกับกล้องที่พื้นอย่างขอความเมตตา

เขาสะบัดหน้าหนีเป็นการปฏิเสธทางอ้อมว่าจะไม่จ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแทนเธอเป็นอันขาด หญิงสาวฟุบหน้าลงกับพื้นไม่อยากรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เธออาจจะโดนเรียกเงินแสน ซึ่งเป็นเงินที่เธอไม่มีจ่าย หลังจากนั้นผู้กำกับกองนี้ก็จะลากเธอเข้าตาราง ติดคุกอยู่ที่ยุคนี้นานนับปี เมื่อกลับไปในยุคปัจจุบันได้เธออาจโดนไล่ออกจากงาน อันนาไม่รับต้นฉบับจากเธออีกต่อไป ไหนจะมีประวัติติดตัวว่าเคยเข้าคุกเข้าตาราง ทิพย์สุดาจะไม่ยอมเป็นเพื่อนเธอ และไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบคนประวัติไม่ดีอย่างเธอเป็นแน่

ยิ่งคิดใบหน้าหวานนั้นก็ยิ่งเหยเก เมื่อนึกไปถึงเรื่องต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเวลานี้ เธอเหม่อนิ่งอยู่กับพื้นจนไม่ได้สังเกตว่าทินกรขยับออกห่างไปตอนไหน จนกระทั่งมีเสียงนุ่มทุ้มของใครบางคนดังขึ้น

“นี่คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงคุ้นหูละม้ายว่าจะห่วงใยหญิงสาวเจ้าปัญหาดังขึ้นข้างกายเธอ ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงพร้อมกับที่ธราเอียงหน้าไปมอง

“อ้าว ชล!” ปารวัตรอุทานดังจนคนแถวนั้นมีท่าทีสนใจ ธรามองเขาอย่างนิ่งอึ้งพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“พี่...ปุ่น...พี่ทำงานในกองถ่ายเหรอคะ” ดวงตากลมโตมองปารวัตรอยู่ไม่นานนักก็หันกลับไปมองกล้องที่ตกอยู่ที่พื้นอีกครา ก่อนเอ่ยละล่ำละลักจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ชล...ชลขอโทษค่ะ ชลไม่ได้ตั้งใจ ชลไม่รู้ว่าถ่ายละครกันอยู่ แล้วพอจะเดินหนีก็เลยทำให้...”

“ไม่เป็นไรหรอก ลุกขึ้นมาก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยพูด”

มือหนาจับร่างบางให้ยืนขึ้น สายตาอบอุ่นสานสบกับดวงตากลมโตที่มองมาอย่างรู้สึกผิด ใครบางคนแถวนั้นที่เหมือนจะทนมองภาพตรงหน้าไม่ได้นานนัก ก็เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย

“จะยืนมองหน้ากันอีกนานไหมครับ ไม่ยักรู้นะครับเนี่ย ว่าคุณปุ่นจะรู้จักกับผู้หญิงลักษณะแปลกๆ อย่างนี้ด้วย” น้ำเสียงหยันๆ ดังขึ้น คนที่ปารวัตรไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระเอกหนุ่มชื่อดัง ทินกร...

“วันก่อนฉันเคยทำกาแฟหกใส่เสื้อพี่ปุ่นน่ะค่ะ” ธราเอ่ยตอบโดยไม่มองหน้าเขา

“เขาก็เลยเอาเสื้อพี่ชายเขามาให้ผมเปลี่ยนน่ะครับ วันที่พวกคุณทักกันมาผมแต่งตัวแปลกไปนั่นแหละ” ปารวัตรตอบไปอย่างไม่ยี่หระ เหมือนไม่สนใจสักนิดว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนที่ทำให้ข้าวของเขาเสียหาย

ผู้กำกับหนุ่มคงไม่ได้สังเกตสีหน้าของพระเอกที่เขาสนทนาด้วยสักนิดว่าดวงตาคมดุนั้นวาวโรจน์เพียงใดหลังจากฟังประโยคเมื่อครู่นี้จบ

ทินกรเบนสายตามองหน้าธราอย่างคาดคั้นเอาความจริง แต่ฝ่ายนั้นกลับเอาแต่หลบตา ไม่รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น เสียงหวานเจื้อยแจ้วในวันนั้นดังย้อนกลับมาอีกครา

‘คุณเพลิง ฉันไม่มีชุดเลย นี่ฉันก็ใส่ชุดเดิมจากเมื่อวานนะเนี่ย ขอเสื้อผ้าคุณสักสามตัวสิ’

ทินกรขบกรามแน่น ยิ่งเห็นเจ้าตัวปัญหาเอาแต่ยืนเงียบหลบตาเขาก็ยิ่งบันดาลโทสะ ยิ่งนึกไปถึงวันที่ปารวัตรแต่งตัวผิดแปลกไปจากเดิมจนคนอื่นชมก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น

‘อ้าวคุณปุ่น ทำไมวันนี้แต่งตัวแปลกๆ ล่ะคะ ไม่เคยเห็นใส่แบบนี้เลย’

‘เป็นเสื้อยี่ห้อเดียวกับที่ผมชอบใส่เลยครับ’

‘เหรอครับ แต่ผมแต่ง ยังไงก็เท่สู้คุณไม่ได้แน่ๆ’

ก็จะดูไม่ดีได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเสื้อผ้าที่ผู้กำกับหนุ่มใส่ในวันนั้น เป็นชุดของเขาที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีก่อนซื้อน่ะสิ!
...นี่แม่นั่นกล้าดียังไง เอาเสื้อผ้าเราไปให้คนอื่นใส่โดยไม่ขออนุญาต

ดวงตาคมดุจ้องมองธรานิ่ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสานสบกับเขา พลางนึกไปถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในคืนนี้ทันที เธออาจโดนไล่ออกจากห้อง!

“แล้วยังไงครับ ผู้หญิงซุ่มซ่ามคนนี้เป็นตัวปัญหาที่ทำให้กล้องราคาเกือบแสนของกองเสียหาย ไหนจะทะเล่อทะล่าเข้ามาวุ่นวายตอนถ่ายละครอีก” ทินกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันกว่าตอนแรกมากนัก โดยที่สายตาไม่ละไปจากธราเลยแม้แต่วินาทีเดียว “จะไม่จัดการสักหน่อยเหรอครับ หรือว่าแค่เอามายืนจ้องตาก็ถือว่าชดใช้ค่าเสียหายได้แล้ว”

“นี่คุณ พูดให้ดีๆ หน่อยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้มันพังสักหน่อย” ธราเชิดหน้าเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัวสายตาดุคู่นั้นของทินกรสักนิด แม้ในใจจะประท้วงว่าตนเป็นฝ่ายผิดก็ตาม

“แล้วน้ำหน้าอย่างคุณจะทำอะไรได้ หรือว่าถ้าไม่มีเงินจ่าย ก็จะขอไปนอนห้องคุณปารวัตรเป็นการชดใช้!” น้ำเสียงเข้มดังก้องไปทั่ว สายตาดุดันนั้นกดต่ำราวกับเธอเป็นเพียงกรวดดินไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ

ธรายืนกำหมัดแน่นพร้อมทั้งจ้องหน้าทินกรอย่างเคืองแค้น แม้ว่าเธอจะเป็นคนไปขออยู่กับเขา แต่เขาก็ไม่มีสิทธิมาพูดจาดูถูกเธอแบบนี้

“คุณพูดอะไรน่ะ ทำไมดูถูกผู้หญิงแบบนี้ล่ะครับ น้องเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้หรอก” ปารวัตรก้าวมาเบื้องหน้าเพื่อปกป้องธรา ทินกรเองก็ก้าวออกไปประชันหน้ากับเขาอย่างถือดีเช่นกัน

“พี่เพลิงคะ ใจเย็นๆ สิ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ ดูสิ คนมองกันหมดแล้ว” อัจฉราปราดเข้ามาเกาะแขนพระเอกหนุ่มเป็นเชิงปราม พลางชำเลืองมองคนมุงที่ยังคงไม่ไปไหน กลับมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ แต่ละคนต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพไว้ อัจฉราเดาได้ไม่ยากว่าพรุ่งนี้จะต้องเห็นเรื่องราวนี้เป็นข่าวแน่นอน

“แล้วคุณปารวัตรผู้เป็นสุภาพบุรุษ จะให้แม่นี่รับผิดชอบยังไงไม่ทราบ ดูจากสภาพแล้วเขาคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากล้องของคุณแน่” ทินกรเอ่ยถามพลางหัวเราะในลำคอ ปารวัตรยืนมองเขานิ่ง ยากที่จะตอบอะไรออกไป

“เอาแบบนี้ได้ไหมคะพี่ปุ่น พอดีชลว่างงานอยู่พอดี ให้ชลมาช่วยทำงานในกองถ่ายเป็นการชดใช้ดีไหมคะ แล้วคนไหนเป็นผู้กำกับล่ะคะ เดี๋ยวชลไปขอเขาเอง” หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่ว แต่ก็พบเพียงแค่ไทยมุงที่ยืนล้อมอยู่เท่านั้น

ปารวัตรขำเล็กน้อย พร้อมทั้งชี้เข้าหาตัวเอง “พี่เนี่ยแหละ ผู้กำกับ”

หญิงสาวเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในใจมากกว่าเดิม ก่อนที่เธอจะนั่งคุกเข่าที่พื้น ยกมือไหว้ปลกๆ

“ชลขอโทษค่ะ ที่ทำให้งานของพี่เสียหาย ชลทำให้พี่ปุ่นลำบากอีกแล้ว ชลขอโทษจริงๆ นะคะ” หญิงสาวพนมมือผงกหัวรัวเร็ว แต่ชายหนุ่มที่เพิ่งทรุดตัวลงนั่งด้านข้าง กลับเอาแต่ขำคิกคักพร้อมทั้งลูบศีรษะเธออย่างปลอบประโลม

“ไม่เป็นไรๆ เอาตามที่ชลบอกก็ได้ มาทำงานชดใช้แล้วกัน แล้วเดี๋ยวพี่ให้เงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทนด้วย ตกลงไหม” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก แต่คนที่ไม่เห็นด้วยก็ยังคงยืนกรานคัดค้านอยู่ดี

“เพื่ออะไรครับ เขาทำของเราพัง เขาก็ต้องให้เราสิถึงจะถูก จะไปให้เงินเขาเพื่ออะไร” ทินกรกอดอกยืนมองหญิงชายทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ

“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เขาทำงานให้เรา เราก็ต้องให้เป็นสินน้ำใจเขาน่ะถูกแล้ว มาทำงานให้ฟรีๆ ทุกวัน ก็อดตายกันพอดีสิครับ ขอให้เรื่องนี้เป็นสิทธิการตัดสินใจของผมเองดีกว่า” ปารวัตรอธิบายอย่างอดกลั้น แม้ว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจทินกรเลยเช่นกันว่าจะต้องโมโหขนาดนี้เพื่ออะไร ทั้งที่ตนเองก็ไม่ใช่เจ้าของกล้องราคาเหยียบแสนนั้น

“แล้วแต่นะครับ ถ้าคิดว่าจะเอาคนซุ่มซ่ามอย่างนี้มาทำงาน จากที่กล้องพังแค่ตัวเดียว หลังจากนี้อาจจะเจ๊งหมดทั้งกองเลยก็ได้” พระเอกหนุ่มสรุปความด้วยสีหน้ายียวน ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมในมุงออกไปจากตรงนั้น อัจฉราส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา

“ฟ้าขอโทษแทนพี่เพลิงด้วยนะคะพี่ปุ่น เขาชอบพูดอะไรไม่คิดแบบนี้เสมอ แต่เรื่องนี้ฟ้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องโมโหขนาดนั้น เอ่อ...ขอโทษคุณด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณฟ้า เขาเป็นดาราดัง จะทำตัวแบบนี้ก็คงเป็นเรื่องปกติมั้งคะ” ธราเอ่ยเสียดสีอย่างอดไม่ได้ พลางนึกไปว่าหากทินกรเป็นคนคุยง่ายอย่างเมื่อคืน เธอคงจะอยากช่วยทำให้เขากลับมาดังมากกว่าที่เขาเป็นตอนนี้ คนนิสัยแบบนี้น่ะเหรอที่สมควรจะอยู่ในวงการต่อไป

ปารวัตรนั่งมองหญิงสาวทั้งคู่สักพัก ก่อนเอ่ยออกมา “พี่เองก็ไม่เข้าใจ ถึงปกติคุณเพลิงจะอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นขนาดนี้สักที”

ผู้กำกับหนุ่มละความสนใจจากพระเอกคนดัง แล้วเดินไปหยิบกล้องตัวนั้นมาตรวจเช็คดูอีกทีก็พบว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก และมันก็ยังเปิดติดอยู่ด้วย หากนำไปเข้าศูนย์ตรวจเช็คอีกนิดก็คงดีเหมือนเดิมแล้ว ปารวัตรอ้าปากกำลังจะบอกธรา แต่เมื่อคิดดูอีกที

...ไม่บอกดีกว่า เธอจะได้มาทำงานให้เรา

ชายหนุ่มยืนยิ้มอยู่นานเมื่อมองแผ่นหลังของหญิงสาวร่างเล็ก นี่ยังโชคดีที่กล้องตัวนี้เขาเอาของส่วนตัวมาใช้เฉพาะกิจ เพราะกล้องส่วนรวมของกองถ่ายเข้าศูนย์อยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถตัดสินใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ได้เป็นแน่

“ชลเคยรู้จักคุณเพลิงก่อนหน้านี้ไหม พี่จำได้ว่าคุณเพลิงอยู่คอนโถแถวๆ ที่ชลอยู่ด้วยนะ” ปารวัตรที่ยืนมองอยู่นานเอ่ยชวยคุย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของสาวคนนี้ชะมัด

“ชลไม่บังอาจเอื้อมไปรู้จักดาราดังหรอกค่ะพี่ปุ่น ชลก็รู้แค่ว่าเขาชื่อเพลิง แล้วแฟนเขาก็ชื่อฟ้า” หญิงสาวตอบแบบไม่ต้องคิด แค่นี้เหตุการณ์มันก็แย่ลงมากแล้ว หากบอกออกไปว่ารู้จักกัน เธอคงโดนทินกรฆ่าปาดคอตายก่อน

“ฟ้าน่ะนิสัยดีมากเลยนะ พี่เคยร่วมงานกับเขามาก่อนแล้วล่ะ ไม่น่ามาคบกับคุณเพลิงเลยจริงๆ” ปารวัตรเอ่ยอย่างจริงจัง สายตาจับจ้องไปที่หนุ่มสาวที่กำลังงอนง้อกันอยู่หลังร้านเสื้อ ธราเองก็มองตามเขา พลางนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง

“คุณฟ้าอะไรเนี่ย เขาเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ ทำไมใครๆ ถึงไม่คิดว่าเขาสร้างภาพบ้างล่ะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นทันทีที่หญิงสาวถามจบ ปารวัตรลูบหัวเธอเหมือนเด็กน้อยก่อนตอบ

“ไม่มีทางหรอกชล ฟ้าน่ะนิสัยดีมาก ไม่มีใครหรอกที่จะสร้างภาพปกปิดตัวตนได้ดีขนาดนั้น อย่างคุณเพลิงน่ะบางทีต่อหน้ากล้องเขาก็สร้างภาพเหมือนกันนะ แต่พออยู่กับแค่ทีมงาน เขาก็เป็นอย่างที่เห็นน่ะแหละ เอางี้นะ ไม่ว่าจะหน้ากล้องหรือหลังกล้อง หากมีเรื่องอะไร ทุกคนก็พร้อมจะเชื่อฟ้ามากกว่าคุณเพลิง เพราะฟ้าเขาวางตัวดี นิสัยดีมาตั้งแต่ต้น จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย ทุกคนเลยรักเขา พอจะเข้าใจไหม”

ปารวัตรอธิบายมายาวเหยียด ธราจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเข้าใจในคำตอบของเขา ถึงแม้ว่าจะมีเสี้ยวหนึ่งในใจที่ค้านก็ตาม สายตาเธอจับจ้องไปที่อัจฉรา พินิจใบหน้าที่ขาวเนียนสวยใสนั้น ก็ไม่แปลกเลยที่คนจะมองว่าเธออ่อนต่อโลกเพียงใด เพราะอย่างนี้นี่เองข่าวทำร้ายร่างกายแฟนสาวของทินกร เลยทำให้เขาดับลงได้ไม่ยาก ก็เพราะทุกคนเลือกที่จะเชื่อนางฟ้าของวงการมากกว่าเขาน่ะสิ

ทินกรที่เดินหัวเสียออกมาจากการถกเถียงกับปารวัตรเมื่อครู่นั้นต้องหยุดเดินกะทันหันและย้อนกลับมามองอัจฉราที่เดินตามไม่ห่าง

“พี่เพลิง ฟ้าไม่เข้าใจพี่เลยนะคะ ทำไมพี่จะต้องอาละวาดเสียงดังขนาดนั้น คนถ่ายรูปพี่กันเยอะแยะไปหมดเลย พรุ่งนี้มันต้องมีข่าวแน่ๆ และถ้าเรื่องมันไปถึงพี่เกลล่ะก็...”

“พอเหอะฟ้า” ทินกรเอ่ยขัดก่อนที่อัจฉราจะพูดจบ ใบหน้านั้นเบื่อหน่ายเต็มที “ฟ้าดูสิ่งที่คุณปารวัตรเขาตัดสินใจสิ จะบ้าหรือเปล่า ก็ยายนั่นทำของพัง แทนที่จะให้ชดใช้ กลับให้ทำงานแล้วยังให้เงินอีก บ้ากันไปหมด”

“นั่นมันก็เป็นเรื่องที่พี่ปุ่นเขาต้องตัดสินใจเองนี่คะ ทำไมพี่ต้องดูอคติกับผู้หญิงคนนั้นจังล่ะคะ เขาอาจะทำงานดีก็ได้”

“ไม่มีทางหรอก คนซุ่มซ่ามเงอะงะแบบนั้น มีแต่จะทำให้งานเสียเปล่าๆ คุณปารวัตรเองก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น สวยก็ไม่สวย” ชายหนุ่มยืนกอดอกแน่น ทำเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น นั่นยิ่งทำให้อัจฉราฉงนเข้าไปใหญ่

“พี่รู้ได้ไงว่าพี่ปุ่นเขาชอบผู้หญิงคนนั้น ฟ้ายังไม่เห็นว่าเขาจะอะไรเลยนะคะ พี่จับผิดเขาเกินไปหรือเปล่า”

“นี่ฟ้าชักจะเข้าข้างผู้กำกับคนนั้นมากเกินไปแล้วนะ” ทินกรเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเดินไปแล้วโดยทิ้งให้อัจฉราอยู่กับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ

...ปกติพี่เพลิงไม่เคยพูดจาดูหงุดหงิดใส่เราแบบนี้เลย กะอีแค่เรื่องผู้หญิงคนนั้น ทำให้พี่เพลิงอารมณ์เสียขนาดนี้เชียวเหรอ

หญิงสาวหันกลับไปมองตัวก่อเหตุอีกครา ร่างเล็กผิวสีน้ำผึ้งดูบอบบาง ไหนจะดวงหน้าหวานนั่นอีก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบกันแน่ๆ เธอมั่นใจ





เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2559, 21:24:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2559, 21:24:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 877





<< ตอนที่ 13 ....คำขอโทษ   ตอนที่ 15 ...ตัวตนของจันทรา >>
Zephyr 5 ก.ค. 2559, 22:33:20 น.
ยิ่งอ่านยิ่ฃไม่ชอบฟ้าแฮะ
รู้สึกนางแปลกๆ
เหมือนซ่อนอะไรไว้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account