แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 15 ...ตัวตนของจันทรา

นี่เป็นครั้งแรกที่ทินกรต้องเดินวนเวียนอยู่ในห้องเพื่อรอใครบางคนกลับมา สิ่งที่เขาทำคือการแง้มประตูดูตรงทางเดินว่าคนที่เขารอคอยนั้นมาถึงหรือยัง ขณะนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำอย่างนั้น เขาชะเง้ออยู่แวบหนึ่งก่อนจะเห็นร่างบางเดินหัวเราะคิกคักมากับชายหนุ่มร่างสูง พระเอกหนุ่มแง้มประตูแคบๆ จนแทบปิดเพื่อจะแอบฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่

“ขอบคุณมากนะคะพี่ปุ่นที่ไปเดินเลือกเสื้อเป็นเพื่อน” หญิงสาวยิ้มหวานให้เขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อยู่กับชลก็สนุกดีนะ อ้อ...แล้วโทรศัพท์ที่พี่ซื้อให้น่ะ ใช้ด้วยนะ ถ้าไม่มีคนให้โทรหา ก็โทรมาหาพี่ก็ได้ ไปนะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ อ้อ ถ้าพี่ถึงห้องแล้วจะโทรบอก” ปารวัตรเอ่ยติดตลกก่อนจะเดินออกไป

หญิงสาวยืนมองอยู่หน้าห้องจนลับตา ครั้นมองไม่เห็นชายหนุ่มที่มาส่งเธอแล้ว ก็เตรียมไขกุญแจเข้าห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่ทินกรรวบร่างเธอไว้แล้วดันประตูเข้าไปอย่างรุนแรง

เมื่อประตูปิดลง หญิงสาวดันร่างเขาออกไปจนกระแทกผนังห้อง ใบหน้าคมเข้มนั้นดูน่ากลัวกว่าทุกคราที่พบกัน

“นี่คุณเพลิง เข้ามาแบบมีมารยาทกว่านี้ไม่ได้หรือไงคะ” เธอแผดเสียงกร้าวพร้อมทั้งถอยหลังไปโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าย่างสามขุมเข้ามาหา

“ทำไม? ต้องการมารยาทหรือไง แต่การเอาเสื้อผมไปให้คนอื่นใส่เนี่ย มันก็เรียกว่าไม่มีมารยาทเหมือนกันนะ”

“เรื่องนี้มันใหญ่ขนาดที่ทำให้คุณโกรธขนาดนั้นเลยเหรอคะ โอเค ฉันขอโทษค่ะ แต่มันก็จำเป็นจริงๆ นะ ฉันทำเสื้อเขาเลอะ ฉันต้องรับผิดชอบ”

“โดยการเอาเสื้อของผมไปให้เขา?” ชายหนุ่มทวนคำเสียงสูง ร่างกายแข็งแกร่งกำยำย่างเท้าเข้าหาเธอมากขึ้นกว่าเดิมจนธราถอยไปชนขอบเตียง

เธอคงจะล้มลงไปกระแทกกับเตียงนุ่มหากไม่มีมือหนารั้งเอวเธอไว้แนบชิด ลมหายใจเธอเข้าออกไม่เป็นจังหวะเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดศีรษะเธออยู่ขณะนี้ ความใกล้ชิดทำเอาหญิงสาวหวาดหวั่น ปกติทุกทีคนที่เป็นฝ่ายไล่ต้อนเขาต้องเป็นเธอ และคนที่มักจะเดินเลี่ยงการสัมผัสก็คือเขาไม่ใช่หรือ

“ก็ฉันขอโทษแล้วไง คุณจะเอาอะไรอีก ปล่อยได้แล้วค่ะ วันนี้ฉันเหนื่อย” ร่างบางดันแผงอกหนาออกไปให้พ้นตัว แต่ก็ไม่เป็นผลมากนักเมื่อคนตรงหน้ากลับรั้งร่างเธอไว้แน่นกว่าเก่า

“เหนื่อยเหรอ? เหนื่อยเพราะไปกับคุณปารวัตรน่ะเหรอ ผมไม่อยากจะคิดเลยนะว่าคุณเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน น่าสงสารพ่อแม่คุณจริงๆ ที่มีลูกใจง่ายแบบนี้”

“นี่คุณ! มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าฉันใจง่าย ไอ้การที่คุณไม่ชอบขี้หน้าฉัน แล้วก็มาด่าฉันฉอดๆ ตราหน้าว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่วิสัยที่ลูกผู้ชายควรทำหรอกนะคะ”

ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าเธอนิ่ง นัยน์ตาแฝงวี่แววความโกรธขึ้งไว้อย่างไม่คิดจะปิดบัง หากแปรสายตาของเขาเป็นไฟ แน่นอนว่ามันคงจะแผดเผาหญิงสาวตรงหน้าให้เหลือเพียงเถ้ากระดูก

“อ๋อครับ ผมว่าผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมไม่ใช่พระเอก คุณลืมหรือเปล่า” ทินกรปล่อยร่างบางนั้นให้เป็นอิสระ ก่อนเอ่ยต่อ “และผมก็อยากให้คุณรู้ไว้อย่างหนึ่ง ผมไม่ชอบใช้อะไรต่อจากใคร เพราะฉะนั้นถ้าคุณเอาเสื้อผมไปให้คนอื่นใส่แล้ว ผมไม่รับคืนอีก และผมจะคิดหนี้คุณเพิ่มตามราคาเสื้อทั้งสามตัวนั้นที่อยู่กับคุณ”

เขาไม่รอคำตอบรับจากหญิงสาว เมื่อพูดในสิ่งที่ใจคิดจบ ร่างสูงก็หันหลังเดินกลับไปยังประตูทันที หากคราวนี้กลับเป็นธราที่เข้าไปขวางหน้าเขาไว้

“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่อยากให้ฉันทำงานในกองถ่าย” ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง จ้องเธอกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยโดยไม่มีทีท่าจะเอ่ยอะไรออกมาสักคำ นั่นไม่ใช่เพราะอารมณ์โทสะที่คุกรุ่นอยู่ในใจเขาตอนนี้หรอกที่ทำให้ไม่อยากตอบ แต่นั่นเป็นเพราะเขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ต่างหากว่าเพราะอะไร

เขารู้เพียงว่าเขากำลังรู้สึกพาลเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น รู้สึกพ่ายแพ้ กลายเป็นที่สอง นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่พระเอกดังอย่างทินกรควรจะมีเลยสักนิด

เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบไป ธราจึงเอ่ยต่อ “ฉันเชื่อว่าคุณมีเหตุผลนะคะคุณทินกร ฉันแน่ใจว่าที่คุณโมโห มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อ แต่น่าจะเป็นเพราะคุณไม่อยากให้ฉันไปทำงานที่นั่น บอกได้ไหมคะว่าเพราะอะไร”

“คนปากมากอย่างคุณ สักวันฟ้าจะต้องรู้แน่ ทางที่ดีอยู่ห่างๆ ฟ้าไว้จะดีกว่า นี่คือสั่งครั้งสุดท้ายจากผม!” คำพูดพาลๆ จากคนตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เชื่อใจฉันเถอะค่ะคุณเพลิง ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนเรื่องคุณฟ้า แต่ฉันก็อยากให้คุณรู้ไว้นะ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ นั่นไม่เกี่ยวกับฉัน และฉันพยายามที่จะช่วยคุณแล้ว” ธราพูดอย่างจริงจังจนทินกรเลิกคิ้วสูง “ฉันเตือนคุณจริงๆ นะ ทำใจเรื่องคุณฟ้าไว้บ้างนะคะ”

“ทำไม” สั้น ห้วน ไม่ใช่วิสัยของทินกรเลยสักนิด

“ฉันเห็นคุณรักเขามาก ฉันเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครเสียใจ ไม่ว่าจะคุณหรือคุณฟ้าก็ตาม” ธราสบตาเขานิ่ง ดวงตาคมดุคู่นั้นก็ไม่ละไปทางอื่นเช่นกัน และหากเธอสังเกตสักนิดคงจะเห็นความหวาดหวั่นในนั้น ราวกับว่าคำพูดของเธอเมื่อครู่ไปกระทบกับสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ

“ถ้าคุณรู้ว่าผมรักเขามาก คุณก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีวันทำให้เขาเสียใจ” ทินกรพูดจบก็เดินผ่านหน้าเธอไปทางประตูทันที ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อทบทวนบางอย่าง “ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่มีทางทำให้ผมกับฟ้ามีปัญหากันแน่นอน”

ชายหนุ่มเดินออกไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ทรุดตัวลงนั่งอยู่กับพื้นหลังจากฟังเขาพูดจบ เธอยังคงคิดตามคำพูดของเขา ไม่ได้สนเลยสักนิดว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายนั้นจะดังอยู่อีกกี่รอบ

ทินกรรักผู้หญิงคนนั้นมากเหลือเกิน มากจนเธอแน่ใจว่าเขาไม่มีทางทำร้ายผู้หญิงคนนี้ลงแน่ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม เขาต้องไม่ทำ เธอเชื่อเช่นนั้น





“ฮั่นแน่พี่ปุ่น รับเด็กใหม่เข้าทำงานวันแรกก็ดูแลดีถึงขั้นไปรับกันมาเชียวนะคะ” ดาว ทีมงานสาวเอ่ยทักทายปารวัตรด้วยสีหน้าแจ่มใส พร้อมส่งรอยยิ้มนั้นมาให้ธราด้วยอีกคน เมื่อเห็นว่าปารวัตรและธรามากองถ่ายด้วยกัน

หญิงสาวยิ้มตอบ รู้สึกเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ดูใจดีที่สุด ในขณะที่หญิงร่างท้วมจนเกือบอ้วนคนหนึ่งมองเธออย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก

“มันอาจจะเป็นเพราะเด็กใหม่ไม่มีปัญญาเดินทางมาเองหรือเปล่าหรอก” คำพูดเหน็บแนมกระแทกกระทั้นนั้นแสดงออกถึงความในใจอย่างโจ่งแจ้ง ธราเลิกคิ้วสูงจ้องหน้าคนพูดอย่างงุนงง

“ไม่หรอกครับอ้อยใจ ผมไปรับเธอมาเองแหละ พอดีรู้จักกัน” ปารวัตรยิ้มตอบไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานที่ชื่ออ้อยใจรู้สึกดีกับเธอขึ้นเลยสักนิด

“อ๋อ ที่แท้ก็เด็กเส้น!” จบประโยค อ้อยใจก็ไม่รอต่อล้อต่อเถียงกับใครอีกเมื่อหันไปเห็นกัญกรขับรถเข้ามาในกองถ่ายอย่างเร่งรีบ เธอรีบวิ่งออกไปหาทันทีที่ร่างเพรียวระหงนั้นลงจากรถคันงาม

“เพลิงอยู่ไหนอ้อยใจ! ไปเรียกเพลิงมาหาฉันเดี๋ยวนี้!” สีหน้าและแววตาดุดันนั้นทำให้อ้อยใจไม่กล้าแม้เอ่ยคำใดออกไป เธอทำได้เพียงแค่รีบไปตามทินกรที่กำลังแต่งตัวมาให้เร็วที่สุด

ธรามองอย่างงุนงง ก่อนหันไปกระซิบถามปารวัตร “ใครกันคะพี่ปุ่น”

“คุณเกลน่ะ ผู้บริหารใหญ่ของต้นสังกัดคุณทินกรกับน้องฟ้า แถมยังลงมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคู่นี้ด้วยตัวเองเลยล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังกว่ากันมากนัก แต่ถ้อยคำนั้นยิ่งทำให้หญิงสาวสงสัยหนักกว่าเดิม

“เป็นถึงผู้บริหารใหญ่ แล้วทำไมต้องลงมาดูแลเด็กเองล่ะคะ”

“นั่นก็เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สงสัย แต่ถ้าให้พี่เดานะ เพราะคุณเกลรักและเอ็นดูทั้งคู่มากๆ ไงล่ะ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือตอนนี้ในวงการ คุณทินกรกับน้องฟ้า ดังที่สุด ทั้งคู่มีฉายาว่า ตะวันจันทราของวงการ คุณเกลเลยมาดูแลเองเลย คงคิดว่าคนอื่นทำส่วนนี้ไม่ดีเท่าเขาล่ะมั้ง”

ทั้งคู่คุยกันได้เพียงเท่านั้น บรรยากาศรอบข้างก็เงียบกริบเมื่อทินกรออกมาถึงตัวกัญกร สาวใหญ่หยิบหนังสือพิมพ์ภายในรถเขวี้ยงใส่เขาอย่างแรง

เขาหยิบขึ้นมาอ่านดูคร่าวๆ ก่อนถามอย่างไม่จริงจังและไม่โกรธเคืองในการกระทำของผู้บริหารสาว “ข่าวผม? ทำไมครับพี่เกล”

“ยังจะถามอีกเหรอว่าทำไม! เมื่อวานมีเรื่องอะไรกัน ทำไมเพลิงถึงได้มีข่าวลงหน้าหนึ่งแบบนี้” กัญกรแว้งถามผู้คนที่อยู่โดยรอบ แต่ทุกคนก็ยังคงเงียบ ร่างเพรียวนั้นก้าวเข้ามาหาปารวัตร “คุณปารวัตรสามารถตอบได้ไหมคะ ว่าข่าวหน้าหนึ่งวันนี้ ที่บอกว่าคุณและเพลิงทะเลาะกัน ถึงขั้นจะชกต่อยกันในห้าง หมายความว่ายังไง”

เสียงเข้มดุดันของกัญกรดังก้องไปทั่ว จนพระเอกหนุ่มเจ้าปัญหาต้องเข้ามาปรามไว้

“ใจเย็นๆ สิครับพี่เกล”

“งั้นเพลิงตอบพี่มาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน” เมื่อเห็นว่านักแสดงหนุ่มในสังกัดไม่ตอบ กัญกรก็หันมาคาดคั้นถามจากปารวัตรอีกครั้ง “ว่าไงคะคุณปารวัตร”

“เอ่อ...ขออนุญาตนะคะ ให้ฉันเล่าได้ไหมคะ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างผู้กำกับหนุ่มนั้นไม่รั้งรอที่จะเสนอตัวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กัญกรฟังสักนิด เมื่อเธอแน่ใจว่าเธอเป็นต้นเหตุของเรื่อง

กัญกรที่อารมณ์กราดเกรี้ยวอยู่เมื่อครู่ กลับยืนกอดอกและมองเธอหัวจรดเท้า “เธอเป็นใคร”

“ฉันเป็นทีมงานใหม่ของพี่ปุ่น เอ่อ...คุณปารวัตรน่ะค่ะ พอดีเมื่อวานนี้ฉันทำอุปกรณ์ในกองถ่ายเสียหาย คุณปารวัตรเลยรับฉันเข้าทำงานเป็นการชดใช้ แต่คุณเพลิง เอ๊ย! คุณทินกรไม่ยอม เลยเถียงกันนิดหน่อยค่ะ” ครั้นหันไปเห็นแววตาดุพร้อมกับเสียงจิ๊จ๊ะจากพระเอกหนุ่ม ทำเอาธราต้องรีบเอ่ยต่อ “แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลยนะคะ คุณทินกรเขาแค่ไม่เห็นด้วย เลยตักเตือนพี่ปุ่นเฉยๆ เองค่ะ ฉันว่าคนที่เห็นเหตุการณ์อาจจะตีความกันไปเอง”

“จริงเหรอเพลิง” ผู้บริหารใหญ่หันไปถามเด็กในสังกัด ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารัวเร็ว

สักพักหนึ่งนั่นแหละกว่ากัญกรจะหันกลับมามองดวงหน้าหวานใสอ่อนเยาว์ของทีมงานใหม่ และหันไปเอ่ยถามปารวัตรด้วยเสียงที่ผ่อนลงกว่าเดิมมากนัก

“แล้วคุณรับคนซุ่มซ่ามเข้ามาทำงานทำไมล่ะคะ เดี๋ยวก็พังยิ่งกว่าเดิมหรอก”

ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “ผมมีวิธีการตัดสินใจของผมครับ”

สาวใหญ่ทำเพียงแค่ยักไหล่ ก่อนจะเดินออกไปหาอัจฉราที่ยืนรออยู่นอกวงสนทนา ทินกรทำท่าจะเดินตามไป แต่ก็หันมามองธราและปารวัตรแวบหนึ่ง

“วิธีการตัดสินใจของคุณปารวัตรนี่ก็ฉลาดดีนะครับ เอาลูกหนี้มาไว้ใกล้ตัวใกล้ใจ แทะเล็มไปทีละนิดละหน่อย เดี๋ยวก็ใช้หนี้ครบเอง...ใช่ไหมครับ”

ทินกรหัวเราะร่วน แต่ดันทิ้งระเบิดไว้ลูกเบ้อเริ่ม หญิงสาวกำหมัดกัดฟันแน่น อย่านะ อย่าให้เธอเจ็บแค้นจนต้องแฉเขาซะล่ะ
“ถ้าพระเอกโดนต่อยปากแตกนี่ จะยังถ่ายละครต่อได้หรือเปล่าคะพี่ปุ่น” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงดัง หมายให้คนที่กำลังเดินจากไปได้ยิน และก็จริงดังคาด สายตาดุหันมาถลึงใส่เธอจนลูกตาแทบหลุด แต่ไม่ได้ทำให้เธอหวาดหวั่นใดๆ มีเพียงเสียงหัวเราะดั่งผู้ชนะดังไล่หลังร่างสูงไปเท่านั้น

“นี่ชล ทำไมกล้าไปพูดอย่างนั้นกับคุณทินกรล่ะ ทีมงานที่ทำงานมานานๆ ยังไม่กล้าพูดเลยนะ” ปารวัตรหันมากระซิบถามแกมขำๆ

“ทำไมจะไม่กล้าล่ะคะ เขาไม่ได้เป็นคนให้เงินเดือนชลเหมือนพี่ปุ่นนี่คะ” พูดไปแล้วก็กระดากปาก จริงอยู่ที่ทินกรไม่ได้เป็นคนให้เงินเดือน แต่เขาก็ให้ที่พัก ให้เสื้อผ้า เธอไม่ควรอ้าปากเถียงเขาเลยด้วยซ้ำ

หึ! เขาเรียกให้ยืมต่างหาก ทินกรก็คิดเงินคืนจากเธอทุกบาททุกสตางค์ อย่ามาลำเลิกบุญคุณกันเชียว

หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “ชลอยากให้คุณทินกรรู้สักทีว่าเขาไม่ได้อยู่สูงกว่าใคร อยากให้เขาเข้ากับคนอื่นได้จังค่ะ”

คำตอบรับคือแรงกระชับที่หัวไหล่ ปารวัตรตบไหล่เธอเบาๆ เป็นเชิงเห็นด้วย สายตามองไปที่พระเอกหนุ่มซึ่งกำลังมีทีท่าอธิบายบางอย่างให้กัญกรฟังอย่างจริงจัง

ธราเด็กกว่าทินกรเสียอีก เธอยังคิดได้ แต่เขาคนนั้นล่ะ เมื่อไหร่จะคิดได้เสียที




“พี่เกล นี่พี่ไม่คิดจะเชื่อที่ผมพูดเลยเหรอครับ ผมบอกไปแล้วว่าเป็นอย่างที่แม่เด็กนั่นพูดน่ะแหละ” ทินกรพยายามอธิบายให้กัญกรฟังอย่างยากเย็น เมื่ออีกฝ่ายทำทีท่าไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่

“จริงๆ ค่ะพี่เกล เรื่องมันมีแค่นั้นจริงๆ ค่ะ ฟ้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์” อัจฉรารีบเสริม แต่เหมือนว่าคำพูดนั้นยิ่งทำให้กัญกรอารมณ์เสีย

“อยู่ในเหตุการณ์? แล้วทำไมถึงไม่รู้จักห้ามเพลิงบ้างล่ะฟ้า มีข่าวบ่อยๆ เดี๋ยวก็พากันดับหมดหรอก” ร่างเพรียวหยัดยืนขึ้นจากเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่ดวงหน้าสะสวย

“อย่าไปดุฟ้าเลยครับพี่เกล ฟ้าห้ามแล้ว ผมไม่ฟังเอง แล้วอีกอย่างคือผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร พี่ก็เห็นนี่ว่าผมกับคุณปารวัตรยังร่วมงานกันได้เหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้ทะเลาะรุนแรงอย่างที่เป็นข่าวแน่นอนครับ ผมรับรอง”

กัญกรยืนกอดอก มองหน้าหนุ่มสาวทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนเอ่ยถาม “งั้นพี่ขอถามอะไรหน่อย ผู้หญิงคนนั้นมีความสำคัญอะไรให้เพลิงต้องลดตัวลงไปถกเถียงกันเรื่องแม่นั่น”

“ไม่ครับ ผมแค่อยากให้คุณปารวัตรคิดถึงเรื่องความเหมาะสมก็เท่านั้น”

“ทำตัวดีๆ บ้างนะเพลิง บางทีพี่ก็เหนื่อยที่ต้องมาตามแก้ข่าวเพลิงเยอะๆ พี่ยังจำที่เพลิงบอกพี่ได้นะว่าอยากเป็นนักแสดง และในวันนี้ที่เพลิงได้เป็นแล้ว ทำไมถึงก่อเรื่องไปทั่ว” กัญกรส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา นึกภาพเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นอยู่เต็มหัวใจในตอนนั้น กับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ช่างเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

“ขอโทษครับพี่เกล” ทินกรเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยๆ ไม่บอกอารมณ์ว่ารู้สึกผิดจริงหรือไม่ ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น ไม่ได้สนใจอะไรอีก

ก็แค่ข่าว แค่ภาพพจน์จอมปลอม ทำไมเขาต้องสนใจ ชีวิตเขาไม่มีทางแย่กว่านี้ได้หรอก ไอ้ที่ผ่านมาได้ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าแย่ที่สุดแล้ว!

กัญกรมองตามเขาอย่างเหนื่อยหน่ายเป็นที่สุด ถ้าไม่ติดว่าคนที่ทำนิสัยแบบนี้เป็นทินกร เธอคงตัดเขาออกจากสังกัดได้ง่ายๆ สายตาพลันเหลือบไปเห็นอัจฉราที่ใบหน้าเศร้าสร้อยกว่าที่เคยก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก

“เป็นอะไรไปฟ้า” กัญกรแตะไหล่อัจฉราเบาๆ ดวงตาคู่งามนั้นเงยขึ้นสานสบกับเธอ ก่อนปรายตามองตามพระเอกหนุ่ม

“ฟ้ารู้สึกเหมือนพี่เพลิงแปลกๆ ไปค่ะ ตั้งแต่วันที่ไปจ่ายเงินค่ารักษาหมาของพี่เพลิงด้วยกัน มีน้องในคลินิกบอกฟ้าว่าวันก่อนนั้น เห็นพี่เพลิงมากับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ พอฟ้าถาม เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร ไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยมีข่าวออกหรือเปล่าน่ะค่ะ อีกอย่างเดี๋ยวนี้พี่เพลิงเขาดูขี้หงุดหงิดผิดปกติ ฟ้าไม่รู้ว่าฟ้าทำอะไรผิด” ดวงหน้าหวานก้มลงต่ำ แต่ก็ยังทำให้ผู้บริหารสาวใหญ่แอบเห็นน้ำตาที่คลอหน่อยอยุในดวงตาคู่งาม

“หงุดหงิดใส่ฟ้าด้วยเหรอ” กัญกรเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจเป็นที่สุด แม้จะรู้ว่าทินกรเป็นคนโมโหร้ายขนาดไหน แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดไม่ดีกับหญิงสาวคนนี้ แล้วนี่อะไร จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อหู

“ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ก็ดูอารมณ์เสียใส่บ้าง” ใบหน้าเบ้เหมือนคนจะร้องไห้ของนางเอกสาว ก็ทำให้กัญกรอ่อนใจ
อัจฉราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ก่อนเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “ฟ้ากลัวค่ะพี่เกล ยิ่งเห็นพี่เพลิงเปลี่ยนไปแบบนี้ ฟ้ากลัวว่าผู้หญิงในข่าวจะมาทำให้เขาสนใจฟ้าน้อยลง พี่เกลก็รู้ใช่ไหมคะว่าที่ผ่านมาฟ้าแย่แค่ไหนตอนไม่มีพี่เพลิง ฟ้ากลัวเขาผิดสัญญา กลัวทุกอย่างที่สร้างมาจะพังลง”

กัญกรพยักหน้าอย่างคนเข้าอกเข้าใจกันดี เธอรั้งร่างบางของหญิงสาวตรงหน้ามากอดไว้อย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะฟ้า พี่เชื่อว่าเพลิงเขาไม่ไปไหน แต่ยังไงก็ตาม เดี๋ยวพี่จะคอยสังเกตดูเขาไว้ เขาไม่มีทางมีใครได้แน่ๆ”

อัจฉรากอดตอบผู้บริหารสาว ก่อนสะอึกสะอื้นออกมาอย่างอดไม่ไหว ใบหน้าโศกเศร้าที่ไม่ว่าใครมองก็ต้องสงสารจับใจ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับมีความรู้สึกอย่างอื่นปะปน นอกเหนือจากความเสียใจที่อัดอั้นอยู่ในอกขณะนี้

ตะวัน...จะต้องอยู่คู่จันทราตลอดไป ไม่มีทางที่อะไร หรือใคร จะมาแยกได้จนกว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามประกาศิตของเธอเองเท่านั้น เธอมั่นใจ!





เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2559, 20:35:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2559, 20:35:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 816





<< ตอนที่ 14 ...ตัวก่อปัญหา   ตอนที่ 16 ...ความลับพระเอก >>
Zephyr 16 ก.ค. 2559, 15:53:18 น.
นางฟ้าโรคจิต
ยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบนางมากขึ้นๆๆๆๆๆ
พี่เพลิงตาสว่างเถอะ จันทราแบบนี้ไม่ไหวนะ
พร้อมจะเป็นจันทรคราสตลอดเวลา
กลืนกินพระอาทิตย์แบบนี้ ขอลาก่อน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account