: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 36 (33%)

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถญี่ปุ่นกลางเก่าก็มาถึงจุดหมาย เพียงเห็นรถกู้ภัยที่จอดอยู่หน้ารั้วของบ้านเดี่ยวหลังกะทัดรัดซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ หญิงสาวก็รีบลงจากรถก้าวพรวดเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว สาวัชเข้าเกียร์ดับเครื่องรถแล้วเดินตามเข้าไปเช่นกัน ตลอดทางอิงอรุณไม่เล่าหรือเกริ่นให้เขาฟังก่อนเลยว่าต้องพบเจอกับอะไร แต่เดาจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่ดังเป็นระยะ ทำให้พอเดาได้ว่าน่าจะมีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นที่ ‘บ้าน’ มีคนบาดเจ็บ และกำลังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ

รถกู้ภัยอีกคันเพิ่งแล่นเข้ามาจอดหน้ารั้ว เจ้าหน้าผู้ชายสี่คนสวมเสื้อเครื่องแบบสีเทาเข้มปักเครื่องหมายด้านหลังเป็นโลโก้ชื่อมูลนิธิเปิดท้ายรถ คว้าเปลสนามและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลคนละไม้ละมือเดินแกมวิ่งไปยังหลังบ้าน และนั่นยิ่งทำให้สาวัชมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเขาคิดถูกที่ตัดสินใจมากับอิงอรุณ ผู้หญิงตัวเล็กๆจะสะสางเรื่องนี้คนเดียวได้ยังไง โดยเฉพาะท่ามกลางชายฉกรรจ์แปลกหน้าเช่นนี้!

สายตาของเจ้าหน้าที่สองคนที่เดินสวนกลับไปหยิบของ ทำให้เขารีบขยับเข้าประชิดตัวหญิงสาว คว้าข้อศอกจับเธอไว้ทั้งหมายเป็นหลักประคองและแสดงความคุ้มครองโดยอัตโนมัติ เขาไม่เข้าใจว่าเธอเกี่ยวข้องกับบ้านหลังกระจ้อยที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์นี้ได้อย่างไร บ้าน...ที่มองยังไงก็น่าจะแคบกว่าห้องที่เล็กที่สุดในคฤหาสน์เทียมสุบรรณ

อิงอรุณพึมพำขอบคุณโดยไม่หันมามองเขา เธอเดินนำไปทางด้านข้างของตัวบ้านอย่างคนชำนาญพื้นที่ และเพียงก้าวพ้นตัวบ้านมาเห็นสวนด้านหลังชัดๆ สาวัชก็ชะงัก คนข้างกายเขาผงะ ยกมือปิดปากกลั้นเสียงร้อง ทั้งยังหมุนตัวหันหลังรวดเร็วละม้ายต้องการเวลาทำใจกับภาพที่เพิ่งเห็น

สาวัชบีบไหล่หญิงสาวเบาๆอย่างปลอบโยนและเห็นใจ “ไหวไหม”

เธอพยักหน้าหงึกๆ ทว่าสีหน้าเผือดซีดจนน่ากลัว กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งทั่วบริเวณ ทำให้สาวัชดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าด้านในของเสื้อแจ็คเก็ตออกมาพับกลับข้างแล้วส่งให้เธอ “ของใหม่ ผมยังไม่ได้ใช้ เอาปิดจมูกไว้ เผื่อจะทำให้รู้สึกดีขึ้น คุณอยู่ตรงนี้แหละ ผมจะไปถามรายละเอียด เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง”

เขาคอยจนมั่นใจว่าเธอจะไม่เป็นลมแน่ๆ แล้วจึงให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง เบื้องหน้าเขานอกจากสนามหญ้าเล็กๆขนาดกว้างยาวไม่เกินด้านละสี่เมตรแล้ว ยังมีอาคารปูนชั้นเดียวอีกหนึ่งหลังสร้างเลียบแนวกำแพงรั้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอยู่บนขอบกำแพงหลังบ้าน ผู้ชายตัวเล็กแกร็นผิวกร้านเกรียมนอนคว่ำหน้าค้างอยู่บนนั้นโดยมีเหล็กปลายแหลมยาวเกือบสี่สิบเซ็นติเมตรเสียบทะลุหัวไหล่ข้างขวา หน่วยกู้ภัยสี่คนยืนอยู่บนกองหินดินปูนชิดกำแพงรั้ว ช่วยกันยกตัวผู้เคราะห์ร้ายไว้ ขณะคนงานก่อสร้างใช้เครื่องตัดเหล็กตัดที่ด้านล่างของแท่งเหล็กซึ่งเสียบคาอยู่อย่างระมัดระวังมิให้กระเทือนบาดแผล กลุ่มคนงานที่เหลือช่วยกันทะยอยเคลียร์พื้นที่รอบๆ เพื่อให้ทีมกู้ภัยซึ่งประคองคนเจ็บไว้ยืนได้สะดวกขึ้น

เสียงโหวกเหวกโวยวาย เสียงสั่งการดังสลับกับเสียงโอดโอยของคนเจ็บและเสียงเครื่องตัดเหล็กเสียดหู กลิ่นคาวเลือดคลุ้งปะปนกลิ่นเหม็นไหม้ของโลหะที่ถูกตัดชวนให้สะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง

“เกิดอะไรขึ้นครับ” สาวัชถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งยืนสั่งการอยู่

“คุณเป็นใคร” ฝ่ายนั้นถาม ไม่ยอมให้ข้อมูลง่ายๆ

“เจ้าของบ้านครับ” เขารับสมอ้างรวดเร็ว การแสดงตัวเช่นนี้จะเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของเขา และเพิ่มความปลอดภัยให้อิงอรุณมากกว่าบอกความจริงว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้สักอย่าง

“คนงานขึ้นไปทาสีบนหลังคาเรือนเล็ก แล้วก็ลื่นตกลงมาไหล่เสียบรั้วอย่างที่เห็นนี่แหละ พวกผมเพิ่งมาถึงได้สักพัก”

“เหล็กเสียบทะลุอวัยวะสำคัญหรือเปล่า”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “น่าจะโดนแค่ไหล่ แต่เพราะเขาตกลงมาแรง ลงลึก แถมยังโดนเหล็กสองแท่ง เลยต้องเสียเวลาตัดเหล็กนานหน่อย ดูจากความชันของหลังคา ต้องบอกว่าโชคดีมากที่โดนไหล่ แล้วก็มีคนอยู่ด้วย ถึงมีคนโทร.ตามพวกผม และหาฐานสูงๆมารองให้คนเจ็บยืน แผลถึงไม่กระเทือนมาก ไม่งั้นคงหมดสติไปละ”

“ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ ตะโกนเรียกเลยนะครับ ผมจะอยู่ตรงหน้าบ้าน”

เจ้าหน้าที่กู้ภัยยืดคอหันไปมองอิงอรุณแล้วพยักพเยิด “ครับ เชิญเลย พาแฟนคุณออกไปน่ะดีแล้ว อยู่ตรงนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เห็นแล้วจะติดตาจิตตกเปล่าๆ”

“แฟน?” เขาทวนคำ เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังรู้สึกคันยิบๆแปลกๆในหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก

“คนงานบอกว่ากำลังสร้างเรือนหออยู่ ไม่น่าเกิดเรื่องอย่างนี้เลย ยังไงก็เอาใจช่วยให้เสร็จทันกำหนดนะครับ เฮ้ยๆ กดปากแผลไว้หน่อย เลือดออกใหญ่แล้ว” ตอนท้ายเขาหันไปกำชับเพื่อนร่วมงาน ทั้งยังผละไปสมทบกับคณะกู้ภัย

ทว่าคนฟังกลับมึนงง ไม่เคยรู้สึกว่าสมองทำงานช้าเช่นนี้มาก่อนเลย เรือนหองั้นเหรอ! เรือนหอของใคร แล้วทำไมอิงอรุณต้องเป็นธุระมาดูแลอุบัติเหตุที่นี่ ลางสังหรณ์บางอย่างกรีดระงมในหัว ชายหนุ่มปัดมันทิ้งทันที ไม่หรอก! นี่ไม่ใช่เรือนหอของอิงอรุณ เธอแค่รับปากมาดูแทนเพื่อนสักคนเท่านั้น แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ลึกที่สุดในใจ สาวัชทำใจให้เชื่อสิ่งที่ย้ำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มกลับไปสมทบกับอิงอรุณ แตะข้อศอกดันให้เธอย้อนกลับไปทางหน้าบ้าน

“เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” เธอขยุ้มแขนเสื้อเขาไว้เพื่อรั้งให้หยุดเดิน

“ไม่โดนจุดอันตราย คิดว่าคงอาการไม่หนักมากหรอกครับ”

หญิงสาวถอนหายใจเฮือก

“คนงานก่อสร้างบอกว่าที่นี่จะสร้างเป็นเรือนหอ” สาวัชเปรยลอยๆ

“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”

“เดาว่าคงไม่ใช่ของคุณ”

หญิงสาวหลบตาเขาทันที

“อิงอรุณ” ชายหนุ่มพบว่าการเอ่ยชื่อเธอครั้งนี้ ทิ้งร่องรอยขมๆไว้ในปากในคออย่างบอกไม่ถูก

“ค่ะ นี่เรือนหอของอิงเอง อิงกำลังจะหมั้นวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้” เธออุบอิบแผ่วเบากระท่อนกระแท่น

สาวัชรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกหินก้อนใหญ่ทุบที่ศีรษะ สมองถูกโพรงว่างเปล่าขนาดมหาศาลพุ่งเข้ายึดกุมพื้นที่จนไม่เหลือไว้ให้ความคิดอ่านใดหลุดลอดมาได้ สายตาที่ทอดมองอิงอรุณเต็มไปด้วยความงุนงงและประหลาดใจ

“อาทิตย์นี้งั้นเหรอ”

วิธีที่หญิงสาวหลบตาเขาบอกชัดกว่าการยอมรับตรงๆเสียอีก

ดอกเตอร์หนุ่มรู้สึกละม้ายแข้งขาอ่อนแรงกะทันหัน เขารีบยันมือกับผนังใกล้ตัวเพื่อเป็นหลักพยุง การหายใจ การหาคำพูดดูราวจะเป็นเรื่องยากที่สุดในตอนนี้

“แล้วที่เรา...” ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างร้าวราน ภาพความทรงจำต่างๆระหว่างเขากับอิงอรุณทวนย้อนมาในหัวดุจสายน้ำหลาก ทุกเรื่องราวนับจากวันที่พบกันครั้งแรก ที่สถานีตำรวจ...เขารับหญิงสาวที่กำลังซวนเซไว้มิให้ล้ม โอบประคองพาเธอไปโรงพยาบาลครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหัวเราะ รอยยิ้มรู้เท่าทัน ความฝัน ความลับมากมายที่แบ่งปันให้กัน รวมถึงอ้อมกอดที่เธอมอบให้ในวันที่มืดมิดที่สุดของชีวิตเขา

ถ้าเธอกำลังจะหมั้น แล้วความอาทรเหล่านั้นคืออะไร! หรือที่ผ่านมา มีเพียงเขาที่ ‘รู้สึก’ ไปเองเพียงฝ่ายเดียว

หญิงสาวตาแดงก่ำ แต่ไม่มีน้ำตาสักหยด เธอยื่นมือมาตรงหน้าเขา สาวัชมองด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าอิงอรุณกำลังส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้เขา ดวงตางามวาวคลอเป็นประกายเอ่ยขอโทษเขาด้วยสายตาคู่นั้น

ชายหนุ่มงุนงงกับกิริยาของเธอ ครั้นรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ารำคาญบนใบหน้า สาวัชจึงปัดมันออกอย่างไม่ให้ความสนใจ พลันเขาถึงเข้าใจว่าไฉนอิงอรุณจึงเสนอผ้าเช็ดหน้าให้เขา

หยดน้ำวาวที่แต้มอยู่บนมือเขาบอกแทนทุกอย่างแล้ว สาวัชมองมันอย่างไม่เชื่อสายตา นี่น่ะหรือ...ที่เรียกว่าน้ำตา!

ชายหนุ่มเงยขึ้นสบตาอิงอรุณด้วยความหมองไหม้ เธอหลบตาเขาอีกครั้ง สาวัชจึงเลื่อนสายตาไปยังผ้าเช็ดหน้าในมือบอบบาง ไล่ขึ้นไปยังสร้อยข้อมือแพลทินัมที่ห้อยอัญมณีหลากสีตุ้งติ้ง พลันความเข้าใจทั้งหมดก็กระจ่างแก่ใจ

ไม่ใช่ความรู้สึกดีๆ ไม่ใช่ความเอื้ออาทรหรือเป็นความพิเศษที่มีให้กันหรอก มีแค่เขาที่หลงงมงายชื่นชมไปกับมิตรภาพที่เธอมอบให้ เพียงเพราะไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วอิงอรุณก็แค่...เวทนาเขาเท่านั้น!

“ที่แท้คุณก็สงสารผมนี่เอง”

อิงอรุณยื่นมือมาคว้าท่อนแขนเขาและกุมไว้ ส่ายศีรษะแรง ละล่ำละลักบอก “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น”

“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น แล้วมันเป็นอย่างไหน คุณจะหมั้นอยู่อาทิตย์นี้นี่แล้ว แต่กลับไม่เคยบอกผมสักคำ จะรอให้ผมเห็นข่าวในคอลัมน์สังคมเองเหรอ”

“อิงเคยบอกคุณแล้ว” อิงอรุณตะกุกตะกัก สีหน้าประหนึ่งใกล้ร้องไห้เต็มแก่ มือที่ยึดท่อนแขนเขาไว้กำแน่นดุจจะไม่มีวันปล่อยให้เขาหลุดมือไป “แต่คุณไม่เชื่อ อิงก็เลยไม่รู้จะทำยังไง”

“เคยบอกผมแล้ว” สาวัชพึมพำทวนความทรงจำยากเย็น เธอเคยบอกเขาแล้ว “คุณหมายถึง...คุณจะหมั้นและแต่งงานกับพันเทพ...งั้นเหรอ”

ศีรษะเล็กๆผงกเบาๆอย่างยอมจำนน

สาวัชกะพริบตาช้าๆ เบือนหน้าไปทางอื่นกะทันหัน คำพูดปลิวหายไปจากสมองทั้งหมด ความเสียดายอย่างหนึ่งรื้นขึ้นในใจโดยไม่ทันควบคุม

สาวัชมองอิงอรุณด้วยความรู้สึกโหวงเหวงอันแสนประหลาด เขารู้จักพันเทพมากกว่าที่ใครคิด รู้กระทั่งเรื่องส่วนตัวหรือรสนิยมของหมอนั่น แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้อะไรเลย น่าเสียดายจริงๆ

“แต่ว่าพันเทพ...” คำพูดต่อไปติดอยู่แค่ปลายลิ้น มันไม่ถูกต้องหากจะเอ่ยถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะพันเทพหมดโอกาสในการอธิบายตัวเองโดยสิ้นเชิง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเขาไม่มีวันยอมใช้วิธีสกปรกเพื่อให้อิงอรุณหันมาหาเขาเด็ดขาด คนอย่างดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์ มีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะทำเรื่องอย่างนั้น

อิงอรุณมีสีหน้าหลากใจ เธอเอียงคอนิดๆสบตาเขาอย่างตรวจตรา พลันดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้าง งึมงำเสียงพร่า มองออกว่าตกใจแท้จริง “คุณจะพูดอะไร”

สาวัชสะบัดศีรษะเบาๆ หน้าเจื่อน ไม่ใช่ธุระของเขาที่ต้องเอาเรื่องส่วนตัวของใครมาโพนทะนา “ช่างมันเถอะ”

ดวงตากลมวาวที่สบสานกับเขามีร่องรอยหวาดหวั่นฟุ้งกระจาย มือที่กำอยู่บนท่อนแขนจิกแน่นโดยไม่รู้ตัว “ช่างไม่ได้ค่ะ คุณจะพูดอะไร ถ้าคุณเข้าใจผิด อิงจะได้อธิบายให้ฟัง”

“ผมเข้าใจไม่ผิดหรอก แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะต้องเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องส่วนตัวของพันเทพอยู่ดี” เขาตัดบท

หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่ามีพิรุธ และนั่นทำให้สาวัชเริ่มเดาบางสิ่งได้ลางๆ หรือเธอรู้รสนิยมส่วนตัวของพันเทพ แต่ก็ยังตัดสินใจจะแต่งงานกับผู้ชายคนนัั้น

“อย่าบอกนะว่า...คุณรู้อยู่แล้วน่ะ” เขาตะกุกตะกักถาม ทั้งที่หัวอกหัวใจหัวใจห่อเหี่ยวชอบกล

หญิงสาวเม้มปากนิ่งๆ นานกว่าจะเอื้อนเอ่ยวจี “คุณทราบได้ยังไงคะ”

“คอนเนคติกัต” เขาตอบสั้นๆ แต่เข้าใจได้ง่าย

อิงอรุณหลับตาราวกับปรารถนาซ่อนความรู้สึกจากสายตาเขา ดวงตาที่ลืมขึ้นสบสานกับเขาอีกครั้งมีร่องรอยสลด “เปิดเผยมากเลยเหรอคะ”

“ไม่มีใครรู้หรอก ผมแค่...รู้โดยบังเอิญน่ะ” สาวัชขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

“คุณคงไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง...ใช่ไหมคะ”

หากอารมณ์ตอนรู้ว่าเธอกำลังจะเป็นของผู้ชายคนอื่นเมื่อครู่เป็นศูนย์ ตอนนี้ก็เรียกว่าติดลบชนิดไร้ขีดจำกัด

น่าขัน เธอกลัวเขาเอาเรื่องของพันเทพไปป่าวประกาศให้ชาวโลกรู้ เขาไม่ทำตัวน่าสมเพชขนาดนั้นหรอก เธอต่างหากที่ทำเรื่องไม่เข้าท่าเลยสักนิด อิงอรุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เธอเป็นเจ้าของบริษัทจับคู่ได้ยังไง ถึงไม่รู้ว่าการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักตัวเองมันทรมานแค่ไหน

“มันไม่ใช่ธุระของผม คุณสบายใจได้ ผมไม่ใช่คนปากโป้ง”

หญิงสาวก้มหน้าเสหลบตาเขาละม้ายละอายใจ

สาวัชอยากรู้นักว่าเธอรู้สึกผิดที่มองเขาในแง่ร้าย หรือไม่กล้าสู้หน้าเพราะเขาบังเอิญรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของพันเทพเข้าโดยไม่ตั้งใจ

“คุณรักเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลยว่าน้ำเสียงตนเองจะขมขื่น สิ้นหวังได้มากขนาดนี้

“ขอใช้สิทธิ์ไม่ตอบคำถามนี้ค่ะ” อิงอรุณตัดบท และเสเหลียวมองรอบตัว “ข้างในมีเก้าอี้พับ เดี๋ยวอิงไปหาเก้าอี้มาให้คุณสาวัชนั่ง” เธอกุลีกุจอก้าวผ่านโครงวงกบที่ยังไม่ใส่บานประตูเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

สาวัชก้าวยาวๆตามไปคว้าแขนรั้งหญิงสาวไว้ “อิงอรุณ”

เธอหันมาสบตาเขาช้าๆ “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของอิงนะคะ”

“ขอโทษ” เขาปล่อยแขนอิงอรุณราวกับแตะต้องโดนเหล็กร้อนเผาไฟ

“คุณสาวัช...”





♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



ไหนๆๆ อ่านตอนเมื่อวานนี้แล้วใครเดาถูกบ้างงงงง

อยากลองคาดเดาตอนของวันพรุ่งนี้อีกไหมคะ อิอิ :D








สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2559, 11:57:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2559, 11:57:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1317





<< ตอนที่ 35 (100%)   ตอนที่ 36 (50%) >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ก.ค. 2559, 12:14:20 น.
เออ ราดเดาไม่ได้จริงด้วย
บางทีก็ฝุ่นเข้ามาเนอะ ต้องให้คนอื่นช่วยปัด
ดร. มานี่มาเด๋วเค้าช่วยปัด!!!!!


กาซะลองพลัดถิ่น 6 ก.ค. 2559, 14:09:09 น.
อ๋อยยยย ....สงสาร ดร จัง เจอพายุแต่ละลูกโหมกระหน่ำพัดเข้ามานี่ หนักหนาหัวใจกันมากเลยทีเดียว ...
โดยเฉพาะกับ อิง ดร คงมึน งง ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี


Zephyr 6 ก.ค. 2559, 16:50:50 น.
จะเดินหนีไป ไปเจ็บคนเดียว
หรืออาละวาดเจ็บคู่
หรือเป็นเพื่อนให้อิงดีละสาวัช


goldensun 6 ก.ค. 2559, 19:35:39 น.
เพราะรู้ว่าพันเทพเป็นยังไง ดร.เลยเข้าใจว่าอิงอ้างเป็นแฟน แถมตอนนี้ยังเข้าใจว่าอิงรักพันเทพจริงซะอีก
หารู้ไม่ แต่งงานแบบผลประโยชน์ร่วมกัน รู้ว่าจะแต่งอย่างนี้ ดร.คงต้องถอยแล้วละค่ะ


konhin 6 ก.ค. 2559, 20:03:23 น.
ให้ดร.หายไปจากอิงดีกว่า คนสำคัญที่กว่าจะรู้เมื่อหายไป ดูดิว่ายังจะดื้อแพ่งแต่งอีกมั้ย


พอใจ 6 ก.ค. 2559, 21:24:52 น.
ดร.ขราาา หนีออกมาอย่างที่หลายๆคนว่าก็ดีนะคะ ชักจะหมั่นไส้อิง ดื้อไปเพื่ออะไร อ

รักคนที่ไปรักคนอื่น แถมเป็นเพศเดียวกันด้วย จะทำใจไหวเร้อ!!! ดื้อไปแล้วก็ต้องทนให้ได้นะอิงเอ๋ย พูดแล้วขึ้น หนูอิงนะหนูอิง


Kim 6 ก.ค. 2559, 21:52:45 น.
เบื่อยัยอิง ความคิดแต่ละอย่างเหมือนไม่ใช่ผู้ใหญ่ อยากให้สาวัชทิ้งยัยอิงไปเลยไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก


wane 9 ก.ค. 2559, 01:45:28 น.
เวลาเกิดเหตุร้ายแรง เค้าไม่มีการกันพื้นที่ไม่ให้คนนอกเข้าเหรอคะ นี่อิงกับคุณด๊อกเดินเข้าไปถึงข้างใน ไม่มีใครว่าอะไรซักคน หรือเพราะไม่ใช่ตำรวจ เลยไม่มีการกันพื้นที่เกิดเหตุคะ แอบงงนิดๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account