รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)

Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ

ตอน: ตอนที่ 10/2

ตอนที่ 10/2
ภายในห้องทรงพระอักษรที่ถูกใช้เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินส่วนพระองค์ของกษัตริย์สินนพที่เคย
สงบกลับเร่าร้อนดั่งไฟ กษัตริย์สินนพทรงพระพิโรธเหลือจะกล่าวเมื่อทหารมากราบบังคมทูลถวายรายงานว่า
นักรบผู้เก่งกล้าของสินธุล้มตายเป็นจำนวนมากจากการปะทะกับทหารหิรัณย์ที่มีกำลังน้อยกว่าทว่ากลับทรง
ระงับพระอารมณ์ได้ผิดกับองค์รัชทายาทที่กริ้วจัด พระทนต์ขบกันแน่น กำพระหัตถ์ทุบโต๊ะแรงๆ

“เจ็บใจนัก ไอ้อคิน มันร้ายนัก เสียทีได้ชื่อว่านักรบผู้เก่งกล้าของสินธุ ท่านพ่อ น่าจะทำโทษทหาร
ขี้ขลาดพวกนี้บ้าง” รัชทายาทจิรัชย์ตรัสอย่างไม่สบพระอารมณ์

“จิรัชย์ ลูกใจร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ จะสู้กับคนเจ้าเล่ห์อย่างอคินต้องใจเย็นมากกว่านี้”

“ท่านพ่อ ลูกทนใจเย็นไม่ไหว สินธุเราไม่เคยแพ้ใครอย่างหมดสภาพเช่นนี้มาก่อน แถมเกียรติของลูก
ยังถูกหยามอีก แค้นนี้ลูกต้องเรียกคืนจากไอ้อคินให้สาสม”

“พ่อรู้ พ่อเข้าใจ เชื่อพ่อ พ่อมีแผนจะจัดการกับหิรัณย์อยู่แล้ว”

“ท่านพ่อจะทำอย่างไร”

“เราจะใช้รัตนเป็นหมากในการล่อให้หิรัณย์มาติดกับ” องค์รัชทายาททรงเข้าพระทัยทันที
ถึงแผนของพระราชบิดา พระโอษฐ์หยักงามยิ้มอย่างพอพระทัย

“จริงสิลูกลืมไป เราต้องเรียกคืนจากรัตน หาเหตุอ้างเพื่อส่งกำลังเข้าไปยึดรัตน เมื่อนั้นหิรัณย์
ต้องยกทัพมาช่วย จากนั้นเราจะตลบหลังหิรัณย์ เพราะตีรณธรต้องร่วมเล่นละครกับเราเพื่อหลอกล่อ
ไอ้อคินให้มาติดกับ”

“ฉลาดสมกับเป็นรัชทายาทสินธุ แต่แผนนี้จะใจร้อนไม่ได้ ต้องรอไปสักพักก่อน รอให้น้องหญิง
ของลูกส่งข่าวมาก่อนเราค่อยดำเนินการ พักเรื่องนี้ไว้ก่อนดีกว่า พ่อคิดว่าใกล้เวลาที่จะสู่ขอลูกสะใภ้คนงาม
จากรัตนนครมาเป็นตัวประกันสูงศักดิ์ เพื่อบีบบังคับตีรณธรให้เลือกข้างได้แล้ว”

รัชทายาททรงพระสรวลดังๆเมื่อเอ่ยถึงเรื่องอิสตรี

“เห็นทีลูกต้องรีบไปสานสัมพันธ์กับนางพญาหงส์ผู้สูงศักดิ์ก่อน ดูจะง่ายกว่าการบีบบังคับตีรณธรอีก”
ตรัสจบก็เสด็จจากไป

กษัตริย์สินนพทรงพอพระทัยที่เปลี่ยอารมณ์ของรัชทายาทได้ ทรงทราบดีว่า จุดอ่อนของพระราชโอรส
คือเรื่องผู้หญิง แต่หารู้ไม่ว่าราชโอรสของพระองค์ไม่คิดจะรอ ทรงใช้ให้ทหารมหาดเล็กนำจดหมายไปให้
พระขนิษฐาหาทางทำให้องค์ตีรณธรทรงยอมให้สินธุส่งทหารเข้าไปในรัตนนครโดยอ้างเหตุให้ความคุ้มครอง
ชาวรัตนจากกองโจรที่เที่ยวปล้นชาวบ้านตามชายแดน แม้แต่รถม้าพระที่นั่งที่ส่งราชกุมารีอัมภัสชาไปยังหิรัณย์
ยังถูกปล้น
===============================================================

องค์อคินทรงอุ้มเจ้าสาวของพระองค์มาถึงฝั่งหิรัณย์แล้วแต่คนในอ้อมพระกรกลับไม่ยอมลืมพระเนตร
“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เกล้ากระหม่อมนำองค์หญิงมาส่งถึงหิรัณย์แล้ว ลืมพระเนตรได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ
ไม่อย่างนั้นเกล้ากระหม่อมจะคิดว่าองค์ญิงอยากอยู่ในอ้อมกอดของเกล้ากระหม่อมนาน ดีพ่ะย่ะค่ะ ถูกใจ
เกล้ากระหม่อมมากที่สุด”

รับสั่งล้อเลียนนั้นมีผลทำให้ดวงพักตร์งดงามแดงเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่พระอุระแข็งแกร่งจะถูกทุบ
แรงๆจากคนในอ้อมพระก่อนดิ้นลงพื้น องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆแล้วปล่อยคนในอ้อมพระกรลงพื้นจากนั้น
ก็เสด็จไปหาชาครและวรธรที่ยืนรอรับเสด็จอยู่

“ขอบใจชาคร วรธรที่มาช่วยทัน ชยธรเป็นอย่างไรบ้าง” ทรงห่วงใยคนของพระองค์เสมอ

“ข้าพระองค์ให้ท่านชยธรกลับไปพักรักษาตัวที่เมืองหลวงก่อน ท่านชยธรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จะได้เตรียมงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสให้ทันที่พระองค์ทรงกำหนดไว้พ่ะย่ะค่ะ” วรธรการบังคมทูลให้ทรงทราบ

“ดี..ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าจงรู้จักว่าที่ราชินีหิรัณย์ในอนาคตไว้ราชกุมารีอัมภัสชา องค์หญิงหม่อมฉัน
ขอแนะนำนักรบผู้เก่งกล้าของเราให้รู้จัก ชาครกับวรธร”

สองในสามนายทหารราชองครักษ์คนสนิทแห่งองค์อคินผู้มียศสูงกว่าทหารราชองครักษ์ทั่วไปและมี
ตำแหน่งไม่เล็กในหิรัณย์นครจนผู้คนเคารพยำกรงไม่น้อยต่างพร้อมใจกันก้มศีรษะลง ยกมือวันทยาหัตถ์เพื่อ
แสดงความเคารพสูงสุดแด่องค์ราชินีในอนาคตซึ่งผิดจากธรรมเนียมของรัตนนครที่แค่โค้งศีรษะเฉยๆ

“พวกข้าพระองค์ขอน้อมถวายความจงรักภักดีเสมอด้วยองค์อคินพ่ะย่ะค่ะ” ชาครและวรธรกล่าว
ปฎิญาณตนอย่างเป็นทางการ คุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือหนึ่งวางไว้ที่อก อีกมือวางไว้ด้านหลังแสดงถึงการให้คำมั่น
สัญญาตามที่ลั่นวาจาไว้

ว่าที่ราชินีทรงคาดไม่ถึง แค่ก้าวแรกที่ทรงเหยียบแผ่นดินหิรัณย์ก็ได้รับการต้อนรับเสมอเหมือนเป็น
ส่วนหนึ่งของหิรัณย์แล้วจึงทำให้อดระลึกถึงถ้อยรับสั่งของพระอัยยิกาไม่ได้

‘จริงสินะ จากนี้ไปฐานะของเราก็จะต้องเปลี่ยนไป ไม่ใช่ราชกุมารีของรัตนนครอีกต่อไป’ เมื่อทรงรับรู้
ถึงความจริงข้อนี้ก็ให้รู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยวยิ่งนัก มองไปตรงไหนก็พบแต่ชาวหิรัณย์ น้ำพระเนตรเริ่มเอ่อคลอ
ดวงเนตรกลมโตคู่งาม

องค์อคินทรงเข้าพระทัยในความรู้สึกของอีกฝ่ายดี พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงมั่นคงยื่นไปกุมพระหัตถ์เล็ก
นุ่มนิ่มไว้ ทรงบีบเบาๆอย่างปลอบประโลม การกระทำของพระองค์สร้างความอบอุ่นในหทัยของว่าที่ราชินีได้
น้ำพระเนตรหายไปในที่สุด ดวงพักตร์งดงามยิ้มพลางเอื้อนเอ่ยด้วยพระสุรเสียงหวานไพเราะจับใจคนฟังว่า

“เราขอขอบใจท่านทั้งสองที่ให้ทั้งเกียรติและมอบความภักดีให้กับเรา เพื่อตอบแทนความภักดีของ
ชาวหิรัณย์ที่มีให้กับเรา เราอัมภัสชาขอให้สัญญาว่า นับจากนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหิรัณย์
เราจะเป็นส่วนหนึ่งของหิรัณย์เสมอ” พระสุรเสียงแม้จะหวานแต่หนักแน่นจริงจังนัก

สองนายทหารราชองครักษ์มองหน้ากัน ในใจทั้งสองต่างเข้าใจ สมแล้วที่จะมาเป็นรัตนมณีล้ำค่า
ข้างกายองค์อคินและชาวหิรัณย์ในภายหน้า คิดพลางอดส่งสายตาชื่นชมว่าที่ราชินีในอนาคตไม่ได้

ดวงเนตรกลมโตงดงามเห็นสายตาชื่นชมของสองนายทหารราชองครักษ์แล้วรู้สึกไม่เหมาะสมกับ
ตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ได้รับในเวลานี้สักเท่าไร นึกแล้วขำ เห็นทีจะมีว่าที่ราชินีหิรัณย์นครนี่แหละที่มอมแมม
ที่สุด ผมยาวสลวยถักเป็นเปียไว้อย่างสวยงามหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง เครื่องประดับกับมงกุฏได้สูญหายไประหว่าง
หลบหนีการตามล่า ชุดสวยก็เปื้อนเลอะเทอะไปหมด แต่องค์อคินทรงดูแย่มากกว่าในความคิดของว่าที่ราชินี
ทว่าพระองค์กลับไม่ใส่พระทัยนัก

“รถม้าอยู่ไหนชาคร รีบนำข้าไป พวกเราต้องไปถึงพระตำหนักอุดรก่อนค่ำ ไม่อย่างนั้นคนที่เดือดร้อน
คือพวกเจ้า” พระสุรเสียงช่างเฉียบขาดยิ่งนัก

ชาครรีบนำเสด็จทั้งสองพระองค์ไปยังรถม้าพระที่นั่งคันใหญ่สีทอง ตบแต่งอย่างสวยงามมีม้าเทียมรถ
อยู่แปดตัว ข้างๆม้าเทียมรถมีทหารร่างสูงใหญ่ยืนอยู่คอยรับเสด็จทั้งสองพระองค์ พอทั้งสองพระองค์เสด็จ
ขึ้นไปประทับแล้วทหารทั้งแปดนายก็ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเทียมรถพระที่นั่งเพื่อออกเดินทางไปยังพระตำหนัก
อุดรก่อนค่ำ นำหน้ารถม้าพระที่นั่งด้วยชาครกับกองทหารในสังกัดรั้งท้ายด้วยวรธรกับกองทหารในสังกัด

ภายในรถม้าพระที่นั่ง ว่าที่ราชินีทรงแปลกพระทัยเมื่อเห็นการตบแต่งภายในรถ หลังประทับนั่งเป็น
ที่เรียบร้อยแล้วก็มีม่านไม้ไฝ่ตกลงมาคลุมปิดทั้งสี่ด้านทำให้คนภายนอกมองไม่เห็น ภายในแทนที่จะเป็นเก้าอี้
กลับเป็นเบาะใหญ่นุ่มนิ่มบุด้วยผ้าไหมสีขาวนวลดูเหมือนฟูกมากกว่า มีผ้าห่มผืนหนาพับวางอยู่หัวมุมกับ
หมอนหลายใบ ตรงกลางมีโต๊ะไม้ตัวเล็กอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะมีอาหารอยู่เต็มไปหมด

ว่าที่ราชินีทอดพระเนตรแล้วดวงเนตรกลมโตคู่งามก็จ้องมององค์อคินเหมือนต้องการคำอธิบาย
องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆ

“เนื้อหม่อมฉันไม่อร่อย ถ้าหิวก็กินเนื้อหมักนี่ดีกว่า เป็นเนื้อหมักพิเศษอาหารพื้นเมืองของชาวหิรัณย์
องค์หญิงคนดีของหม่อมฉันลองชิมดูหน่อยนะ” ทรงใช้ตะเกียบคืบเนื้อสีน้ำตาลไหม้ราดด้วยน้ำดำๆกลิ่นฉุน
นิดหน่อยแต่หอมแปลกยื่นให้ทว่าพระหัตถ์เรียวงามกลับผลักออกอย่างไร้ไมตรี

“หม่อมฉันไม่หิว หิวก็ทานเองสิ ไม่ต้องมาบังคับให้คนอื่นทานด้วย เนื้ออะไรก็ไม่รู้”

“ทานหน่อยนะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปแล้วจะแย่ ทั้งวันมัวแต่หนีการตามล่า ยังไม่มีเวลาพักทานอาหารเลย
หม่อมฉันไม่อยากให้เจ้าสาวของหม่อมฉันอดตาย กลัวชาวรัตนหาว่าหิรัณย์ยากจนค่อนแค้นแม้แต่ราชกุมารี
อัมภัสชายังต้องมาอดตายแล้วหม่อมฉันจะแย่ ทานเถอะนะองค์หญิง หม่อมฉันป้อนให้ เนื้อหมูป่านี่อร่อยที่สุด
ลองสักคำนะองค์หญิงคนดี” พระสุรเสียงออดอ้อนได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด ซ้ำร้ายยังทรงขยับพระวรกายสูงใหญ่
มาใกล้ด้วย ทรงร้ายกาจนัก

“หม่อมฉันทานเองได้ ทรงอยู่ใกล้ๆหม่อมฉันทานไม่ถนัด” เมื่อจนหนทางที่จะเลี่ยงว่าที่ราชินีก็ทรงยอม
เสวยเนื้อหมูป่าจนได้เพราะเกรงว่าหากไม่เสวยสงสัยไม่มีที่เหลือให้ประทับนั่งแน่เพราะถูกคนเจ้าเล่ห์ขยับรุกล้ำ
มาเบียดชิดจนแทบจะไม่มีที่ถอยหนีแล้ว

องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆก่อนค่อยๆขยับพระวรกายสูงใหญ่ออกห่างวรกายหอมละมุนอย่างเสียดาย
ว่าที่ราชินีเสวยเนื้อหมูป่าหมักได้มากเพราะรสชาติอร่อยกลมกล่อมนุ่มละมุนลิ้นอย่างไม่น่าเชื่อหรือว่าเพราะ
ความหิวกันแน่ถึงทำให้ทานได้มาก

จากนั้นองค์อคินก็ทรงยื่นถ้วยน้ำแกงร้อนๆให้หลังว่าที่ราชินีเสวยเนื้อหมูป่าหมักไปมากพอควรแล้ว
“ดื่มน้ำแกงนี้ตบท้าย เป็นอันเสร็จพิธีกินหมูป่าหมัก” ว่าที่ราชินีรับมาเสวยต่อพอหมดก็ทูลว่า

“หม่อมฉันอิ่มแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ทานอีกนะเพคะ กลัวท้องแตกตายก่อนได้ได้เป็นราชินีแห่ง
หิรัณย์”

องค์อคินพอได้ถ้อยยินคำประชดนั้นก็ทรงพระสรวลเบาๆพลางส่ายพระพักตร์ให้กับว่าที่ราชินีปากร้าย
ของพระองค์ จากนั้นพระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงก็ยกโต๊ะอาหารออกไปวางด้านข้างแล้วพระวรกายสูงใหญ่ทำท่าจะ
แอนลงไปนอนแต่ต้องยั้งไว้เมื่อว่าที่ราชินีของพระองค์เอ่ยขัดขึ้น

“หม่อมฉันมีคำถามจะถามพระองค์”

“ได้ องค์หญิงสงสัยอะไรจะตอบให้หมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว” ทรงยอมย่างง่ายดายแต่สายพระเนตร
นี่สิบอกให้รู้ว่าต้องมีอะไรตามมาแน่

“แน่นะเพคะ”

“แน่..แต่หม่อมฉันเพลียอยากนอน ขอนอนก่อนนะ องค์หญิง” จากนั้นก็ทรงทอดพระวรกายสูงใหญ่
แอนลงกับเบาะสีขาว พระเศียรทอดลงบนตักของอีกฝ่ายแล้วทรงหลับพระเนตรลงพร้อมเสียงกรนเบาๆราวกับ
ผู้ที่อดหลับอดนอนมาหลายราตรีเมื่อพบที่นอนนุ่มนิ่มจึงล้มตัวลงนอนอย่างหมดสภาพดั่งเช่นองค์อคินในเวลานี้
แม้ว่าที่ราชินีจะพยายามผลักพระเศียรหนักๆให้พ้นพระเพลานุ่มนิ่มก็ไม่เป็นผลจึงทรงตะโกนดังๆใกล้พระ
กรรณแทน

“ตักหม่อมฉันไม่ใช่หมอนให้พระองค์หนุนนะเพคะ” ทว่าพระวรกายสูงใหญ่ยังคงนิ่งไม่ขยับจาก
พระเพลานุ่มนิ่มแต่ประการใด

เมื่อไม่มีทีท่าว่าองค์อคินจะรู้สึกพระองค์ ว่าที่ราชินีก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ‘ก็ได้ ยอมอุทิศตักต่าง
หมอนให้หนุนหัวก็ได้ คนเจ้าเล่ห์แห่งหิรัณย์’ แต่พอดวงเนตรกลมโตสดใสงดงามเห็นพระพักตร์คมเข้มรกไป
ด้วยหนวดเครานั้นดูอิดโรยเหนื่อยล้านักพระหทัยก็อ่อนลงทันที

‘จริงสิทรงสู้กับนักล่ามาทั้งวันคงเหนื่อยและเพลียมาก ถึงได้หลับอย่างคนหมดสภาพ’ นิ้วพระหัตถ์
เรียวงามนุ่มนิ่มลูบเบาๆไปทั่วพระพักตร์อิดโรยแล้วทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยเมื่อสัมผัสถูกหนวดเคราบน
พระพักตร์คมเข้ม ‘ถ้าให้โกนหนวดเคราออกจะทรงยอมหรือไม่ น่าลอง’ คิดได้ดังนั้นจึงทรงก้มพระพักตร์งดงาม
ลงไปใกล้ๆแล้วทูลกระซิบเบาๆ

“ทรงรู้หรือไม่ว่าหม่อมฉันไม่เคยชอบผู้ชายไว้หนวดไว้เคราเลย ดูแล้วน่ากลัวออก แต่สำหรับพระองค์
คงเป็นข้อยกเว้นมั้ง แต่ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ยังอยากเห็นใบหน้าไร้หนวดเคราของพระองค์อยู่ดี องค์อคินของ
หม่อมฉัน” เรียวพระโอษฐ์สวยสดงดงามนุ่มนิ่มสัมผัสเบาๆลงบนพระนลาฏ(หน้าผาก)แห่งองค์อคินก่อนค่อยๆ
ขยับออกห่างจากนั้นดวงเนตรกลมโตคู่งามก็ค่อยๆปิดลงและบรรทมหลับไปด้วยความเพลียและง่วงจัดโดย
ไม่ทราบสาเหตุ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
**** รักชอบเรื่องนี้ต้องทนหน่อยนะคะ ช่วงนี้คนเขียนงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลามาลงให้แต่จะพยายามมาลงให้จนจบ
และไม่ทิ้งไปนาน๕๕๕๕๕๕๕๕



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2559, 19:53:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2559, 19:53:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1089





<< ตอนที่ 10/1   ตอนที่ 10/3 (100%) & 11/1 >>
Zephyr 16 ก.ค. 2559, 15:41:53 น.
แน่ะๆๆๆ หลับคู่เลยป่าวน้า
รึคนเจ้าเล่ห์ตื่นแล้ว แกล้งหนอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account