มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 15



ตอนเช้าอากาศสดใส ตามสภาพภูมิอากาศปกติเฉพาะของเกาะแห่งนี้ วาวพลอยตื่นขึ้นพร้อมกับพละกำลังที่กลับคืนมา อาการไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยก็ได้หายไปแล้วเช่นกัน

หลังจากอาหารเช้าซึ่งมีเพียงผลไม้ผ่านไป หัสตะก็ได้พาหญิงสาวออกเดินทางเลียบชายฝั่ง แรกเริ่มยังเป็นโขดหินอย่างที่เคยเห็นมาตลอดเวลาตั้งแต่ติดอยู่ที่เกาะแห่งนี้

แต่เพียงครึ่งวันผ่านไปสภาพโดยรอบจึงเปลี่ยนมาเป็นโขดหินสลับกับหาดทรายเป็นระยะ พอดีกับเสียงต่างๆ ที่หัสตะเคยได้ยินตั้งแต่เมื่อวานเริ่มชัดเจนขึ้น

แต่ทว่าก็เป็นช่วงเวลาที่พายุฝนเริ่มตั้งเค้าและเทกระหน่ำลงมาอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่หยุดเดิน

“ไหวไหมคุณ” หัสตะถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวเดินช้าลง ด้วยแรงต้านของพายุฝน

แต่วาวพลอยยังคงพยักหน้า เพราะการเดินต่อไปจะทำให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น ซึ่งตามที่หัสตะคาดการณ์ไว้เสียงผู้คนที่ได้ยินเมื่อครู่เดินไปอีกไม่นานคงจะเจอ แม้ตอนนี้เสียงเหล่านั้นจะถูกกลบด้วยพายุฝนก็ตาม ชายหนุ่มจับมือบางเอาไว้มั่น แล้วจึงเอาตัวบังพายุฝนอยู่ข้างหน้า

ร่างบอบบางเปียกปอนก้าวตามร่างสูงใหญ่ไปอย่างยากลำบาก แต่ขณะเดียวกันนั้นเอง... วูบหนึ่งของความรู้สึก เหมือนมีอะไรบางอย่างขยับอยู่ระหว่างข้อเท้ากับน่องของเธอ

แต่วาวพลอยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะกางกางตัวโคร่งที่เปียกแนบลำตัวจึงทำให้รู้สึกแบบนั้น เธอจึงไม่สนใจอีก แต่เพียงชั่วอึดใจก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงน่อง เหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มเล็กๆ แต่หนักหน่วง รุนแรง

“โอ๊ย!! ” ร่างบางถึงกับเซถลาด้วยเสียศูนย์ หัสตะดึงมือของเธอเอาไว้

“เป็นอะไรไป ข้อเท้าแพลงหรือเปล่า” เขารีบถามด้วยอารามตกใจ

“มะ...ไม่ใช่ มีอะไรบางอย่างอยู่ในกางเกง มันกัดน่องของฉันค่ะ” วาวพลอยหน้าเบ้ มือข้างหนึ่งบีบเหนือเข่าข้างที่โดนกัดเพื่อให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง

หัสตะรีบรั้งร่างของเธอเอาไว้ไม่ให้ล้ม พลางก้มลงถลกปลายกางเกงตัวโคร่งขึ้นจนเห็นต้นตอของสาเหตุ มันเป็นตะขาบตัวเท่านิ้วโป้งสีดำสนิท ชายหนุ่มจับมันด้วยมือเปล่า

ก่อนจะกระชากอย่างแรงจนมันขาดเป็นสองท่อนและโยนทิ้งไปอย่างรวดเร็ว หัสตะก้มลงมองแผลตรงน่องของหญิงสาว ซึ่งมีรอยเขี้ยวเล็กๆ แต่ไม่มีรอยเลือดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

ตัววาวพลอยเองก็ตกใจกับขนาดของตะขาบตัวนั้นจนนิ่งอึ้ง ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับอาการชาจากจุดที่ถูกกัดเริ่มแผ่กระจายออกไป จนเธอไม่สามารถกระดิกได้ แต่เจ้าของร่างบางก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปตรงแผลที่ถูกกัด

“นั่นคุณจะทำอะไรคะ” วาวพลอยถาม

“ผมจะดูดพิษออก คุณอยู่นิ่งๆ นะ”

“แต่นี่ไม่ใช่งูนะคะ จะได้ดูดพิษออกได้” หญิงสาวทักท้วง นึกอยากจะชักเท้ากลับ แต่ก็ชาจนไม่สามารถควบคุมได้เลย

“ต้องลองดูก่อน” หัสตะว่า ตามหลักการที่ใช้กันมา หากร่างกายได้รับพิษเข้าไปไม่ว่าทางใดก็ตาม วิธีแก้ที่ง่ายที่สุดก็คือหาทางเอาพิษออก

ชายหนุ่มจึงก้มลงประกบปากตรงจุดที่ถูกกัดอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อรับรู้ได้จากสัมผัสภายในปากว่าไม่มีพิษ เลือด หรือสิ่งแปลกปลอมใดๆ ออกมาอย่างที่ควรจะเป็น

หัสตะพยายามดูดแล้วบ้วนทิ้งซ้ำๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม หรือสิ่งที่เขาทำจะไม่ได้ผล ความคิดนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มหวาดหวั่นในใจยิ่งนัก

“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง” หัสตะถาม ท่ามกลางความหวาดหวั่นกังวล ความห่วงใยยังคงฉายชัดในสีหน้าท่าทางของชายหนุ่ม

“มันปวดมาก มันชาด้วยค่ะ ฉันขยับไม่ได้” วาวพลอยหน้านิ่วด้วยความปวดและชาที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถอดเข็มขัดออกมารัดเหนือแผลนั้น

“อดทนเอาหน่อยนะคุณ ผมจะอุ้มคุณไปเอง” ก่อนจะตวัดเอาร่างบางขึ้นมาอุ้มพาดบ่า แล้วรีบก้าวฝ่าพายุไปยังจุดหมายปลายทาง

ความเจ็บปวดยังคงโหมซัดใส่ร่างบอบบางไม่ต่างไปจากพายุฝนที่ซัดกระหน่ำ ความชาเริ่มคืบคลานขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบกลืนกินไปทั่วทั้งร่าง วาวพลอยรู้สึกมึนงงในสมอง และดวงตาก็พร่าพรายลงทุกที

ข้างหน้าประมาณเกือบยี่สิบเมตร มีแสงไฟดวงเล็กวูบไหวให้เห็นท่ามกลางพายุฝน นั่นทำให้หัสตะใจชื้น

“วาวพลอย อย่าหลับนะ แข็งใจเอาไว้ ใกล้จะถึงแล้ว” หัสตะบอก แต่ทว่ามาตอนนี้เจ้าของร่างที่เขาอุ้มอยู่ไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว

หัวใจของชายหนุ่มหล่นวูบ แต่เขาไม่มีเวลาอ้อยอิ่ง หัสตะจึงต้องรีบเร่งไปต่อไปอย่างเดียวเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคนในอ้อมแขนอาจจะไม่มีโอกาสฟื้นตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้

พอเข้าใกล้แสงไฟวูบไหวนั้น เขาเห็นเงาดำตะคุ่มของสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ชายหนุ่มเร่งฝีเท้ายิ่งกว่าเดิม แม้จะดูเหมือนไม่ทันใจ แต่ก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่นั้นจนได้

แม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่บรรยากาศที่มืดครึ้มก็ทำให้บ้านหลังนี้ต้องจุดตะเกียงเจ้าพายุไว้ด้านนอกทำให้หัสตะมองเห็นแต่ไกลและจับทิศทางได้ พอมีถึงหน้าประตู ชายหนุ่มจึงรีบเคาะระรัว

“มีใครอยู่บ้างไหมครับ ช่วยพวกเราด้วย! ” พร้อมกับส่งเสียงร้องเรียกแข่งกับเสียงลมฝนอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งประตูถูกเปิดออก

“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” ชายวัยกลางคนที่ออกมาเปิดประตูถามเป็นภาษาชาวเกาะที่หัสตะเข้าใจดี

“ช่วยพวกเราด้วยครับ เพื่อนผมถูกตะขาบกัด” ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักบอกด้วยภาษาเดียวกัน

ชายคนนั้นมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า พอดีกับมีชายแก่หลังค่อม และเด็กหนุ่มอีกสอง-สามคนตามออกมาดู ชายวัยกลางคนที่มาเปิดประตูหันไปบอกคนอื่นๆ ที่ตามมาด้วยภาษาของเขา

“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ชายชราหลังค่อมเพียงคนเดียวในกลุ่ม มีท่าทางแข็งแรงคล่องแคล่วบอก ก่อนก้าวนำไปด้านใน

ในบ้านกว้างขวางถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน มีตะเกียงวางไว้เป็นจุดๆ หัสตะวางร่างของหญิงสาวลงบนแคร่กลางบ้าน ท่ามกลางความสนใจของคนในบ้านที่มีแต่ผู้ชาย ห้า-หกคน

ชายชราหลังค่อมที่เหมือนเป็นผู้นำสั่งให้คนอื่นๆ เตรียมเสื้อผ้า อาหาร และยามาให้ ก่อนที่เขาจะสำรวจบาดแผลตรงน่องของวาวพลอย

“เห็นตัวมันหรือเปล่า” ชายชราถาม สายตายังจับจ้องแผลของหญิงสาวอย่างครุ่นคิด

“ครับ มันเป็นตะขาบตัวสีดำสนิท แต่เป็นมันวาวไปทุกส่วนเลยครับ”

“อ้อ... ตะขาบหินนั่นเอง มันมีอยู่เฉพาะเกาะนียาเท่านั้น พิษของมันก็ร้ายกาจมาก หากรักษาไม่ทันอาจจะทำให้กลายเป็นอัมพาตถาวร หรือไม่ก็ตายได้” ชายชราบอก ส่งผลให้หัสตะตกใจเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านผู้เฒ่า ช่วยเพื่อนผมด้วยนะครับ” ชายหนุ่มขอร้องเสียงละล่ำละลัก หน้าตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและปริวิตก

“เราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้าหนุ่มนี่ก่อน ไม่อย่างนั้นความเย็นจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อเกร็งไปใหญ่ พวกเจ้ามาช่วยเจ้าหนุ่มคนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนเจ็บหน่อย เร็วเข้า! ” ชายชราหันไปทางคนหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆ สอง-สามคน ซึ่งก็รีบเข้ามาหมายจะช่วย

“เอ่อ... คือ มีผู้หญิงไหมครับ พอดีเธอเป็นผู้หญิงน่ะครับ” แต่หัสตะรีบร้องขึ้นเสียก่อน

“อ้าว อย่างนั้นหรอกหรือ พวกผู้หญิงก็เข้าไปหลบพายุที่ถ้ำตรงไหล่เขาหมด จะตามกันมาก็คงไม่ทันการ เอาอย่างนี้ เจ้าพานางมาเจ้าก็เป็นคนจัดการก็แล้วกัน พานางเข้าไปในห้องนั่นเถอะ” ว่าแล้วชายชราก็หันไปสั่งคนอื่นๆ ให้เตรียมยา น้ำร้อน สิ่งของที่ต้องใช้ในการรักษา ทุกอย่างเป็นไปอย่างรีบเร่ง

วาวพลอยถูกพามานอนบนแคร่ในห้องเล็กๆ ที่เป็นสัดส่วน หัสตะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผู้หญิงให้เธอ ซึ่งคงเป็นของผู้หญิงในบ้านนี้ ชายชราหลังค่อมที่เรียกกันว่า ผู้เฒ่าอังวะ ได้ทำการรักษาหญิงสาวด้วยการนำสมุนไพรบางอย่างสีเทาๆ มาพอกแผลทิ้งไว้ครู่หนึ่ง

แล้วจึงใช้มีดกรีดปากแผลรีดเค้นเลือดออกมา เลือดนั้นมีสีคล้ำในคราวแรก แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงตามปกติ จากนั้นก็ล้างด้วยยาสมุนไพรผสมน้ำอุ่น พอกด้วยสมุนไพรสีเทาๆ ตัวเดิมเป็นขั้นตอนต่อมา

หัสตะมองดูการรักษาอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน และคอยช่วยหยิบจับสิ่งต่างๆ จนกระทั่งแผลของวาวพลอยที่พอกด้วยยาสมุนไพรถูกพันด้วยเศษผ้าเหลือใช้ที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เขารู้สึกประหลดใจนักที่มาตอนนี้สามารถเอาพิษออกจากแผลของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย

“ทำไมเมื่อกี้ผมพยายามดูดพิษถึงไม่มีอะไรออกมาเลยล่ะครับ” ชายหนุ่มถามอย่างข้องใจ

“พิษของตะขาบชนิดนี้เวลาเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้เส้นเลือดและระบบของเหลวทุกอย่างบริเวณนั้นแข็งตัว ถ้าไม่ได้เอาพิษออกมันก็จะลามไปทั่วร่าง วิธีเอาพิษออกต้องใช้ว่านสมุนไพรดูดพิษก่อนแล้วค่อยกรีดปากแผลเพื่อรีดพิษออกมา” ผู้เฒ่าอังวะอธิบาย

“อย่างนั้นเหรอครับท่านผู้เฒ่า” ชายหนุ่มรำพึงด้วยรู้สึกทึ่งกับความรู้ใหม่ที่ได้รับ และมากกว่านั้นคือทึ่งในตัวผู้เฒ่าคนนี้เป็นอย่างยิ่ง

“จากนี้ไปเจ้าจะต้องคอยเฝ้านางเอาไว้จนถึงพรุ่งนี้ ถ้าตัวร้อนก็ให้เช็ดด้วยน้ำอุ่น แล้วให้คอยบีบนวดตั้งแต่ขาลงไปเป็นระยะ เพราะพิษของตะขาบหินรุนแรงมาก เคยมีพวกชาวเกาะที่อื่นตายเพราะมันมาหลายคนแล้ว” ผู้เฒ่าอังวะบอกกับชายหนุ่ม

“แล้วเธอจะเป็นอะไรมากไหมครับท่านผู้เฒ่า” หัสตะมองเจ้าของร่างบางที่ยังไม่ได้สติ ความห่วงใยระคนกังวลไม่จางไปจากใบหน้าของเขาเลยสักนิด

“ข้ารีดพิษของมันออกแล้ว แม้จะไม่หมดแต่ก็ไม่อันตรายถึงชีวิตแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงอาการไข้ และอาจจะชาด้วยจึงต้องคอยนวดให้บรรเทาอย่างไรเล่า ส่วนว่านสมุนไพรดูดพิษจะต้องคอยเปลี่ยนทุกสามชั่วโมง แล้วข้าจะมาดูบ่อยๆ ก็แล้วกัน” คำตอบของชายชราทำให้หัสตะใจชื้นขึ้นมา

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่ามากครับ” เขารีบค้อมหัวให้ ด้วยความโล่งใจและซาบซึ้ง

“ไม่เป็นไร อะไรที่พอช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป เดี๋ยวเจ้าเองก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทานอาหารร้อนๆ แล้วค่อยมาเฝ้านางก็ได้” ผู้เฒ่าบอก ชายหนุ่มจึงรับคำในที่สุด

*-*-*-*-*-*

พระราชวังหลวงเนวะ แห่งริตถาวดี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ด้านในเขตพระราชวังนอกจากจะมีตำหนักตุสิตา ซึ่งเป็นตำหนักส่วนพระองค์ของอดีตพระราชาเนวะสัญและพระราชินีตุสิตาที่ถูกปิดเอาไว้แล้ว

ยังมีตำหนักของเจ้าชายอุชเชน และเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์

ราชนิกุลต่างๆ กระจัดกระจายกันอยู่ภายในเขตกำแพงของพระราชวังอันกว้างใหญ่

ตำหนักหลังหนึ่งอยู่ติดกับตำหนักตุสิตา เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์ผู้มีบทบาทกับริตถาวดีมากที่สุดทั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาและปัจจุบัน

นั่นก็คือตระกูลของ เสนาบดีโสตถี ผู้ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นญาติลูกพี่ของอดีตพระราชาเนวะสัญ และท่านโสตถีกับครอบครัวต่างก็มีบทบาทหน้าที่ ในการปกปักรักษาริตถาวดีมาตั้งแต่สมัยที่พระราชา

เนวะสัญยังคงมีชีวิตอยู่

ยิ่งตอนนี้ลูกชายทั้งสองได้เติบใหญ่ เต็มไปด้วยความสามารถทางด้านการทหารตามที่ได้ร่ำเรียนมา จึงมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในกองทัพ ปาระมี บุตรชายคนโต พึ่งขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ของริตถาวดีท่ามกลางความเห็นชอบจากทุกฝ่าย

ส่วน ปาระมัต บุตรชายคนรอง ก็เป็นเสนาธิการทหาร ลูกสาวคนเล็กเรียนจบแพทย์มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลหลวง เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ครอบครัวได้รับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า

ท่านโสตถีก็เรียกลูกชายทั้งสองเข้าไปคุยกันต่อในห้องทำงาน โดยภรรยากับบุตรสาวคนเล็กไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับบ้านเมืองที่ทั้งสามพ่อลูกรับผิดชอบโดยตรงและต้องปรึกษาหารือกัน

“เรื่องเจ้าหญิงไปถึงไหนแล้วล่ะปาระมี พ่อเห็นมีคนส่งข่าวมาหาเจ้าวันนี้นี่ใช่ไหม? ” ท่านโสตถีเอ่ยถามบุตรชายคนโต

“ใช่แล้วครับท่านพ่อ คนของเราที่ส่งไปพบเจ้าหญิงรัชทายาทแล้ว พยายามจะพากลับมาที่ริตถาวดี แต่คนของเรากลับถูกฆ่าตายทั้งหมดหลังลงจากเครื่องบินครับ ส่วนเจ้าหญิงเลยหายตัวไปตั้งแต่ตอนนั้น” ชายหนุ่มรายงานกับบิดา ด้วยท่าทางติดกังวลไม่น้อย

“พวกมันไม่ยอมรามือจริงๆ พ่อกลัวแต่เจ้าหญิงจะเสียทีพวกมัน” ท่านโสตถีเปรยขึ้นอย่างวิตกอีกคน

“นั่นสิครับ คนที่ทำงานให้อุชเชนไม่ธรรมดานะครับท่านพ่อ ผมว่าเราควรตามหาตัวเจ้าหญิงให้เจอก่อนพวกมันนะครับ” ปาระมัตออกความเห็นบ้าง

“ถ้าอย่างนั้นนายเลือกคนฝีมือดีๆ ไปทำงานนี้นะ ให้คนติดตามความเคลื่อนไหวของพวกอุชเชนด้วย” ปาระมีที่ครุ่นคิดหาวิธีได้รีบสั่งการน้องชาย

“ครับท่านพี่ แต่ผมว่าง่ายกว่านั้นเราถล่มอุชเชนให้สิ้นซากไปเลยดีกว่าไหมครับ” ตอนท้ายปาระมัตอดระบายอารมณ์โมโหออกมาไม่ได้

“ไม่ได้นะปาระมัต นั่นมันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเลย” ท่านโสตถีค้านบุตรชาย

“แต่สิ่งที่มันทำก็ไม่ถูกต้องเหมือนกันนะครับท่านพ่อ” ปาระมัตท้วง

“พ่อรู้ แต่อย่าลืมสิว่าอุชเชนเป็นเจ้าชาย เราตัดสินเขาด้วยวิธีนั้นไม่ได้ เพราะเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายโจ่งแจ้ง เขายังมีแรงหนุนอยู่ไม่น้อย เท่าที่เราคานอำนาจเขาได้ครึ่งต่อครึ่งก็บุญแล้ว” ผู้เป็นบิดาเตือนสติลูกชายคนรอง พร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วง

“สรุปแล้วเราทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอครับ ท่านพ่อ” ปาระมัตยังคงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่บิดาพูด

“มันก็แค่ตอนนี้เท่านั้น รอให้เจ้าหญิงรัชทายาทกลับมาถึงวังหลวงเมื่อไหร่ ทุกอย่างคงคลี่คลาย” ท่านโสตถีพูด สายตาจับจ้องไปเบื้องหน้า แต่ในใจพร่ำภาวนาให้สิ่งที่หวังจงเป็นจริงในเร็ววัน

“นั่นสิ ก่อนอื่นเราคงต้องติดตามหาตัวเจ้าหญิงให้เจอก่อน” ปาระมีรีบออกความเห็นต่อ

“แต่ถ้าไม่เจอ หรือเจ้าหญิงพลาดท่าเล่าท่านพี่ จะให้อุชเชนมันขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งริตถาวดีอย่างนั้นหรือ” ปาระมัตหันมาถามพี่ชาย ที่ก็นิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ย

“อุชเชนก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาคู่ควร หากไม่แล้ว... บางทีการปกครองแบบพวกโลกตะวันตกก็เป็นทางเลือกที่เราควรศึกษา แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับริตถาวดีก็ตาม ที่สำคัญตอนนี้ขอให้เจ้าหญิงสามารถรอดชีวิตกลับมาเท่านั้น” ปาระมีบอกน้องชาย ปาระมัตเองก็หันไปสบตาบิดา ที่พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่บุตรชายคนโตพูดทุกประการ




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=Y
ToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiN
zEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%
E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%
AA%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2559, 21:10:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2559, 21:10:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 844





<< บทที่ 14   บทที่ 16 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account