มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 17



เพิงพักชั้นเดียวติดดินหลังยาว สร้างจากไม้ปีก มุงด้วยสังกะสีเก่าๆ ขึ้นสนิม ปลูกอยู่ภายใต้ดงไม้หนาทึบ ด้านหน้าเป็นลานโล่งกว้าง เพิงหลังนี้เป็นที่พักไม้ ที่มีทั้งท่อนซุงขนาดใหญ่ ไม้แปรรูปเพื่อรอการส่งออกขาย

เป็นหนึ่งในขั้นตอนอุตสาหกรรมด้านการป่าไม้ของริตถาวดีที่ทำกันอย่างถูกกฎหมาย ส่วนมากจะมีนายทุน และข้าราชการ คนใหญ่คนโตเป็นเจ้าของ

เพิงพักไม้แห่งนี้มีคนงานเป็นชายฉกรรจ์เกือบสิบคนคอยเฝ้าอยู่โดยรอบ ด้านหนึ่งของเพิงเป็นที่พักของคนงาน แต่ทว่าบัดนี้กลับมีสองร่างที่หมดสติถูกมัดมือมัดเท้านั่งหันหลังพิงกันอยู่บนพื้นที่เป็นดินถูกอัดจนแน่นเป็นมันวาว

โดยมีชายชุดดำสองคนคอยเฝ้าอยู่อย่างใกล้ชิด แล้วประตูไม้หยาบๆ ก็ถูกเปิดออก ชายชุดดำอีกคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา

“ว่าไงวะ เจ้านายจะให้ฆ่ามันเลยหรือเปล่า” คนที่เฝ้ารีบถามขึ้น เมื่อเห็นหน้าเพื่อนที่เข้ามาใหม่

“เจ้านายกำลังมา ยังไม่ให้ทำอะไรตอนนี้”

“แต่ก็คงไม่รอดใช่ไหมวะ น่าเสียดายฉิบ คนนี้ยังสาวยังสวย ไม่น่ามามีจุดจบอย่างนี้เลย” อีกคนหนึ่งว่า พลางมองหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติตาเป็นมัน

“อย่าแม้แต่จะคิดนะมึง นี่เจ้าหญิงรัชทายาทนะโว้ย! ” ทำให้อีกคนอดรนทนไม่ได้กระซิบเตือนเสียงเบา

“แล้วยังไงวะ เจ้าหญิงก็เจ้าหญิงสิ ไหนๆ ก็จะตายแล้ว ใครจะมาเอาผิดเราได้อีก” แต่ทั้งหมดก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา และจอดตรงหน้าเพิง คนที่พึ่งเข้ามารีบกลับออกไปให้การต้อนรับ ‘เจ้านาย’ ในทันที

“พวกมันอยู่ไหน” เจ้านาย หรือเจ้าชายอุชเชนถาม หลังลงจากรถมาพร้อมเสนาฯ ระสังและคนติดตามจำนวนหนึ่ง

“อยู่ด้านในขอรับเจ้านาย ยังไม่ได้สติเลยขอรับ” ชายคนนั้นตอบอย่างนอบน้อม

เพราะต้องการปิดบังฐานะที่แท้จริงของเจ้าชาย จึงไม่ได้พูดราชาศัพท์ ชายคนนั้นเดินนำเข้าไปยังห้องที่ใช้ขังผู้หญิงทั้งสองคนเอาไว้ พอเข้าไปถึงข้างในและเห็นร่างทั้งสอง อุชเชนก็มีสีหน้าแปลกใจ

“เงยหน้ามันขึ้นหน่อยซิ” เขาสั่ง ลูกน้องจึงรีบทำตามคำสั่ง

“นี่คือคนที่พวกแกตามล่าตัวมาตลอดตั้งแต่เมืองไทยใช่ไหม ไม่ผิดตัวแน่นะ” อุชเชนถาม ก่อนจะดึงรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เพื่อเทียบหน้าตาหญิงสาวคนที่ยังสลบอยู่

“ใช่ขอรับ มีอะไรหรือขอรับเจ้านาย” เจ้าชายอุชเชนมองรูปในมือกับหญิงสาวตรงหน้าสลับกันไปมาครู่หนึ่ง

“มันไม่ใช่เจ้าหญิงนี่ ถึงจะดูคล้าย แต่ก็ไม่ใช่” ก่อนจะส่งรูปให้เสนาฯ ระสังดูอีกคน

ภาพหญิงสาวร่างบอบบาง ผมยาว มีดวงหน้างามซึ้ง แม้มุมที่แอบถ่ายมาได้จะทำให้ดูคล้ายกันมากกับหญิงสาวที่จับตัวมาได้ แต่เมื่อเพ่งพิจารณาดูจริงๆ กลับเห็นความแตกต่างชัดเจน ทั้งปาก คิ้ว และจมูก

“ไม่ใช่จริงๆ ด้วย และผู้หญิงคนที่มีอายุนั่นข้าจำได้แล้ว มันคือนางอัมพรเมียของไอ้ราชองครักษ์ธาวัน” เสนาฯ ระสังพูดขึ้น หลังสังเกตหญิงวัยเดียวกันกับเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว

“เอาน้ำมาสาดมันซิ จะได้เค้นเอาความจริงกับมัน” เจ้าชายอุชเชนหันไปสั่งคนที่เฝ้าอยู่

“อย่าเลยท่าน” แต่เสนาฯ ระสังรีบยกมือขึ้นห้าม

“ทำไมล่ะท่านระสัง น่าเจ็บใจนัก โดนมันหลอกเอาได้” คนเป็นเจ้าชายมีท่าทางฮึดฮัดขึ้นมา เมื่อตระหนักว่าเสียรู้ผู้หญิงสองคนนี้เข้าแล้ว

“ให้พวกนี้มันทำเถอะ เราอย่าเสี่ยงเลย ไม่รู้ว่ามันจะเล่นตุกติกอะไรหรือแปล่า ทำอะไรอย่าให้เข้าตัว” เสนาฯ ระสังบอก ก่อนหันไปทางกลุ่มชายฉกรรจ์ที่รอรับคำสั่ง

“ทำทุกทางเพื่อเค้นเอาความจริงกับผู้หญิงสองคนนี้ ว่ามันเอาเจ้าหญิงตัวจริงไปไว้ไหน ได้เรื่องแล้วฆ่ามันทิ้งเสีย”

“ขอรับ ท่าน” ลูกน้องรีบรับคำอย่างแข็งขัน

แม้อุชเชนจะมีท่าทางฮึดฮัดขัดใจตามนิสัยมุทะลุ แต่ก็เห็นด้วยกับเหตุผลของเสนาฯ คู่ใจ จึงไม่คัดค้านอีก ก่อนทั้งคู่จะพากันกลับไป

เจ้าของร่างเพรียวบางเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่โดนน้ำเย็นๆ สาดใส่โครมใหญ่ ตะวันพราวลืมตาขึ้นอย่างสะลืมสะลือ พยายามตั้งสติอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ

“ฟื้นแล้วเหรอคนสวย” หญิงสาวเพ่งมองไปรอบๆ ระหว่างนั้นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

หลังจากเธอกับมารดาพากันหลบหนีการตามล่าอย่างหัวซุกหัวซุน ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ ในที่สุดก็ได้พบกับคนอีกกลุ่มที่บอกว่ามาจากญาติของเจ้าหญิงรัชทายาท

ซึ่งเข้าใจว่าตะวันพราวเป็นเจ้าหญิงรัชทายาท แม้ทั้งคู่จะไม่ไว้ใจ แต่ก็เสี่ยงให้คนกลุ่มนั้นพาออกมาจากเมืองไทย สองแม่ลูกคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนั้น ขอเพียงแต่ให้ถึงริตถาวดีก่อน แล้วค่อยคิดหาหนทางกันใหม่

แต่ทว่าเพียงเท้าแตะสนามบินของริตถาวดีได้เพียงไม่กี่นาที กลุ่มคนนำทางก็ถูกคนร้ายไม่ทราบฝ่ายฆ่าตาย ตะวันพราวกับนางอัมพรจึงต้องหนีเอาตัวรอดอยู่หลายวัน จนกระทั่งมาถูกจับได้ในครั้งนี้

“แม่คะ แม่” ตะวันพราวกระซิบเรียก พลางขยับมือที่ถูกมัดติดกันเพื่อปลุกมารดาอีกทาง และก็ใจชื้นขึ้นเมื่อนางอัมพรทำเสียงรับในลำคอเบาๆ พร้อมขยับมือตอบเช่นกัน

“ว่ายังไง ตอบมาซิว่าแกคือใคร และเจ้าหญิงรัชทายาทอยู่ไหน” ตะวันพราวได้แต่มองหน้าตาดุดันของอีกฝ่ายอย่างงงงัน เพราะเธอฟังภาษานั้นไม่ออกเลย

“อีนังนี่... ถามไม่ตอบ วอนเสียแล้วไหมล่ะ” มันเงื้อมือหมายจะตบ

“อย่านะ! อย่าทำเจ้าหญิง” แต่เสียงของนางอัมพรแทรกขึ้นเป็นภาษาเดียวกับมันเสียก่อน

“นี่ยังไงล่ะคือเจ้าหญิงรัชทายาท แกจะทำอันตรายเธอไม่ได้นะ”

“อย่ามาโกหก ถ้านังนี่เป็นเจ้าหญิงรัชทายาท แล้วคนในรูปนี้คือใคร” มันพูดพลางเอารูปของวาวพลอยโบกตรงหน้าของนางอัมพรกับตะวันพราว พอเห็นดังนั้นสองแม่ลูกก็นิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะได้สติ

“ฉันไม่รู้จัก พวกแกอย่ามาหาเรื่องดีกว่า ฉันบอกความจริงได้แค่ว่าคนที่พวกแกจับตัวมานี่แหล่ะ คือเจ้าหญิงรัชทายาทตัวจริง ถ้าพวกแกไม่อยากถูกสั่งประหารเจ็ดชั่วโคตรก็จงปล่อยตัวพวกเราไปเสีย” นางอัมพรยังคงยืนยันอย่างไม่ยอมแพ้

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ตลกว่ะ” แต่พวกมันกลับพากันหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนที่หนึ่งในสามจะหันกลับมาและกระชากผมของตะวันพราว แม้จะเจ็บแค่ไหนแต่หญิงสาวพยายามไม่ร้องออกมา

“หมดเวลาเล่นแล้ว บอกความจริงมา ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าอีนังนี่จริงๆ ด้วย”

“อย่านะ อย่าทำอะไรเธอนะ” นางอัมพรร้องขึ้นด้วยความตกใจ

“ถ้ายังงั้นพวกแกก็บอกมาว่าเจ้าหญิงอยู่ไหน อย่าเล่นลิ้นนะโว้ย ไม่อย่างนั้นอีนังนี่ตายแน่”

“อย่านะ! ก็ได้ๆ ฉันบอกพวกแกก็ได้ ตอนที่คนของท่านโสตถีถูกฆ่า ฉันพาเจ้าหญิงไปซ่อนตัวที่หมู่บ้านใกล้ๆ นี้เอง” นางอัมพรบอกมันอย่างละล่ำละลัก

“แกคือคนที่เดินทางมากับเจ้าหญิงอย่างนั้นสินะ แล้วอีนังนี่เป็นใคร” ตอนท้ายมันปรายตาไปทางตะวันพราว

“ผู้หญิงคนนี้คือคนในหมู่บ้านนั้น ที่ฉันเอามาล่อพวกแกต่างหากล่ะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใบ้ เจ้าหญิงตัวจริงกำลังรอพวกท่านโสตถีไปรับอยู่ที่นั่น ถ้าพวกแกมัวแต่อยู่ที่นี่คงไม่ทันแล้วล่ะ” ตอนท้ายนางกระตุ้นเล็กน้อย

“แกว่าอะไรนะ” และก็ได้ผล มันมีท่าทีไม่แน่ใจก่อนจะหันไปปรึกษากันครู่หนึ่ง และหันมาอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นพวกแกต้องพาพวกข้าไปหาเจ้าหญิงก่อนท่านโสตถี” ปืนในมือของมันหันมาจี้ที่หัวนางอัมพรแทน แต่คราวนี้นางอัมพรควบคุมสติได้เป็นอย่างดีแล้ว

“ก็ได้ๆ แต่พวกแกจะให้พวกฉันไปทั้งที่ไม่มีแรงอย่างนี้น่ะนะ” และความที่เป็นต่อ จึงพยายามยื้อเวลาออกไป

“ไปหาอาหารมาให้นังสองคนนี่ที แล้วเตรียมตัวออกไปข้างนอก” มันหันไปสั่งพรรคพวก ไม่นานหลังจากนั้นพวกคนร้ายก็นำอาหารมาให้

“แก้มัดก่อนสิ แล้วพวกฉันจะกินยังไง” นางอัมพรบอกพลางชูมือที่ถูกมัด

“เออ... แก้ให้มัน อย่าตุกติกนะโว้ย! ” มันขู่ ก่อนที่อีกคนจะแก้เชือกผูกมือให้สองแม่ลูก ซึ่งลอบมองสบตากัน

แล้วทั้งสองจึงลงมือทานอาหารด้วยอาการหิวโซ ระหว่างนั้นนางอัมพรก็หาโอกาสตอนคนเฝ้าเผลอกระซิบบอกเรื่องที่ตนเจรจากับพวกคนร้ายให้คนเป็นลูกสาวฟังไปคร่าวๆ ด้วย เพราะตะวันพราวไม่เข้าใจภาษาริตถาวดี

จนกระทั่งตะวันพราวทานหมดจาน จึงทำไม้ทำมือพร้อมส่งเสียงเหมือนคนใบ้ว่าอยากเข้าห้องน้ำ ก่อนทำท่าบิดตัวไปมาราวกับปวดเสียเต็มประดา นางอัมพรจึงแปลเป็นภาษาริตถาวดีอีกตามเคย คนเป็นหัวหน้าจึงโบกมือให้ลูกน้อง

“รีบๆ พามันไป เรื่องมากฉิบเป๋งเลย” พร้อมสบถอยู่ในที

หญิงสาวสบตากับมารดาที่ทานอาหารยังไม่เสร็จอย่างรู้กัน พอพวกมันแก้เชือกที่มัดเท้าออกเธอจึงตามคนร้ายคนหนึ่งที่นำไปยังห้องน้ำด้านหลัง ที่กั้นด้วยสังกะสีขึ้นสนิม

“รีบเข้าไปเลย อย่าโอ้เอ้” มันบอก พอตะวันพราวเข้าไปข้างในครู่หนึ่งจึงส่งเสียงร้องแบ่ะๆ ออกมา

“เฮ้ย! ร้องทำไมวะ” มันถามเสียงดัง หญิงสาวรีบเปิดประตูออกมา หน้าตาตื่นพลางชี้เข้าไปข้างใน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจในการสื่อสาร แต่มันก็เข้าไปดูพร้อมกับสบถอย่างรำคาญ

หญิงสาวจึงฉวยเศษไม้ที่วางระเกะระกะไปทั่ว ฟาดตรงท้ายทอยของคนร้ายไปครั้งหนึ่งสุดแรง ส่งผลให้มันฟุบลงบนพื้นห้องน้ำก่อนจะทันร้องออกมาด้วยซ้ำ ตะวันพราวกำลังจะกลับไปช่วยนางอัมพร แต่คนร้ายอีกคนคงได้ยินเสียงความผิดปกติจึงตามออกมา

หญิงสาวรีบหลบไปด้านข้าง พอมันถลันเข้าไปดูในห้องน้ำ เธอจึงฟาดมันด้วยท่อนไม้อีกคน แม้คนนี้จะต้องฟาดซ้ำไปหลายที แต่สุดท้ายก็แน่นิ่งไปอีกราย

ตะวันพราวรีบเข้าไปยังห้องที่นางอัมพรยังถูกมัดเท้าอยู่ มีคนร้ายอีกคนที่เป็นหัวหน้านั่งเฝ้าท่าทางหงุดหงิด พอมันหันมาเห็นเธอ ก็นึกรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ มันสบถไฟแล่บพร้อมทั้งปรี่เข้ามาหา

หญิงสาวฟาดไม้เข้าใส่มัน แต่คนร้ายตั้งตัวได้ ปัดจนไม้หลุดจากมือตะวันพราวกระเด็นไปทางนางอัมพร หญิงสาวจึงบุกเข้าไปต่อสู้กับมันด้วยมือเปล่าในทันที เพื่อไม่ให้คนร้ายมีโอกาสชักอาวุธ

ทั้งคู่จึงต่อสู้กันอุตลุด และตะวันพราวก็พลาดท่าโดนมันถีบกระเด็นไปใกล้กับที่นางอัมพรนั่งอยู่ คนร้ายปรี่ตามเข้าไปหมายจะขย้ำ แต่ทว่าไม้ท่อนเดิมก็ฟาดเข้าตรงศีรษะของมันเต็มแรง

“แม่!! ” ตะวันพราวร้องขึ้นเมื่อเห็นผลงานของมารดา ก่อนจะเตะซ้ำเข้าตรงชายโครงคนร้ายอีกครั้งจนมันล้มลงแน่นิ่ง

“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามพลางรีบเข้าไปแก้เชือกที่มัดเท้าแม่

“แม่ไม่เป็นไร แล้วลูกล่ะ” นางอัมพรถามอย่างเป็นห่วงเช่นกัน

“พราวก็ไม่เป็นไรค่ะแม่ เราหนีไปจากที่นี่เถอะค่ะ เดี๋ยวพวกมันฟื้นขึ้นมาจะแย่” ตะวันพราวบอกพลางกวาดสายตามองไปทางคนร้ายที่นอนสลบอยู่

“แต่พวกมันยังอยู่ข้างนอกอีกหลายคนนะลูก” นางอัมพรว่าอย่างหวั่นใจ พลางลุกขึ้นสะบัดแข้งขาแก้อาการเมื่อยขบ

“พวกนั้นคงเป็นแค่คนงานในโรงไม้นี้เท่านั้นแหล่ะค่ะแม่ แต่เราก็ต้องเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน”

ว่าแล้วหญิงสาวก็หันไปทางร่างใหญ่ที่นอนแน่นิ่งบนพื้น เธอรีบค้นตัวคนร้าย ได้ทั้งปืนพกและมีดสั้น ตะวันพราวจึงฉวยเอาไว้ติดตัว และสิ่งที่เจอตามมาส่งผลให้หญิงสาวแสยะยิ้มร้ายกาจ มันคือไฟแช็กนั่นเอง

“ไปกันเถอะค่ะแม่” เธอฉวยมือมารดาให้วิ่งตามออกไป

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เสียงตะโกนโหวกเหวกของคนงานก็ดังก้องไปทั่วฟังแทบไม่ได้ศัพท์ พร้อมกับควันไฟสีดำลอยขึ้นจากเพิงพักไม้หลังนั้น

และเปลวไฟสีแดงก็กระพือขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ตะวันพราวกับนางอัมพรหยุดวิ่ง หันไปมองภาพของความวุ่นวายโกลาหลนั้นครู่หนึ่ง สองแม่ลูกหันมาสบตากันด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงตั้งต้นหนีกันอีกครั้ง




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToy
OntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOT
E2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%
81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87
%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2559, 20:35:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2559, 20:35:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 805





<< บทที่ 16   บทที่ 18 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account