มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 18





ผ่านไปสี่-ห้าวัน อาการของวาวพลอยจึงหายดี พร้อมกับความคุ้นเคยกับชาวเกาะเริ่มมีมากขึ้นเช่นกัน หญิงสาวรู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้มองเห็นเธอกับหัสตะเป็นเหมือนคนในครอบครัว

ในตอนเช้าที่พวกเขาออกไปหาปลาหาสัตว์ทะเลต่างๆ ชายหนุ่มจะอาสาตามไปช่วย โดยปล่อยให้วาวพลอยคอยช่วยงานพวกผู้หญิงและเด็กๆ อยู่ที่เกาะ

ส่วนตอนเย็นก็กลับมาพักอาศัยอยู่กับครอบครัวของผู้เฒ่าอังวะที่บ้านใหญ่ ซึ่งมาตอนนี้มีสมาชิกในบ้านครบครัน เพราะช่วงหลังมานี้พายุมรสุมลดน้อยลงพวกผู้หญิงกับเด็กจึงไม่ได้ไปหลบอยู่ในถ้ำไหล่เขาเหมือนเคย

‘เกาะนียา’ อยู่ใต้สุดของหมู่เกาะมาเรติก เป็นเกาะขนาดกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโขดหิน หน้าผา มีป่าไม้ขึ้นแซมอยู่ตรงกลาง แม้แต่หาดทรายบางด้านก็ยังมีแท่งผาหินโผล่ขึ้นมาให้เห็นประปราย

นอกจากนี้เกาะนียายังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษรุนแรงไม่ว่าจะเป็นตะขาบ และงูอย่างที่หัสตะกับวาวพลอยได้เจอ ต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องพิษที่คร่าชีวิตได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่มีชาวเกาะกล้าย้ายถิ่นฐานมาอยู่อาศัย

จนกระทั่งผู้เฒ่าอังวะในวัยหนุ่มแน่น กับกลุ่มเครือญาติสองสามครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเกาะใกล้เคียงได้ตัดสินใจปลีกวิเวกย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อหาแหล่งทำมาหากินใหม่

และผู้เฒ่าอังวะเองก็มีวิชาความรู้ทางด้านป้องกันรักษาพิษสัตว์ติดตัวมา จึงทำให้อยู่กันมาได้หลายสิบปี มีลูกหลานขยายครอบครัวออกไปเกือบสี่สิบชีวิต แต่ทว่าก็ยังคงการปกครองแบบบ้านใหญ่เหมือนที่เคยเป็นมาแต่แรก

ชาวเกาะนียาอาจจะสร้างกระท่อมที่พักกระจายออกไป บางครอบครัวอาจจะกินอยู่เอง แต่ส่วนหนึ่งยังพักอาศัยกินอยู่ที่บ้านใหญ่เป็นหลัก

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นญาติ พี่น้องกัน เวลาหนุ่มสาวแต่งงานมีครอบครัวใหม่ ก็อาจจะแต่งเข้ามาอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็แต่งออกไปอยู่เกาะข้างเคียงหรือที่อื่นตามภูมิลำเนาคู่ชีวิตของตน ไม่มีการบังคับแต่อย่างใด

จึงทำให้เกาะนียามีชาวเกาะอยู่ไม่มากนัก ทั้งหมดยังคงอาชีพหาปลา หาสัตว์ทะเล แล้วจึงนำมารวบรวมกันเอาไว้เพื่อแปรรูป พอได้จำนวนมากก็นำไปขายให้กับเกาะข้างเคียง มีชีวิตเรียบง่าย อยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย

วาวพลอยรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่น่ารักเหล่านี้ แต่เพราะความที่เธอพูดภาษาชาวเกาะไม่ได้ จึงรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เวลาสื่อสารกันก็ใช้ภาษามือ และท่าทางเสียส่วนใหญ่

พอมีเวลาว่างทั้งเด็กและผู้หญิง แม้แต่หัสตะเองต่างก็ช่วยสอนภาษาชาวเกาะให้กับเธอ นอกเหนือไปจากภาษาริตถาวดีที่ชายหนุ่มพยายามสอนเธอมาโดยตลอด

วันหนึ่งหญิงสาวเดินตามเด็กๆ ไปตามชายหาดที่มีโขดหินแทรกอยู่ประปราย ช่วยเด็กๆ เก็บเปลือกหอยเพื่อนำไปทำอะไรสักอย่าง จนกระทั่งบ่ายจึงเห็นเรือเล็กที่ออกหาปลาหลายลำกลับมา หนึ่งในนั้นมีหัสตะร่วมเดินทางไปด้วย เธอกับเด็กๆ จึงรีบไปรออยู่ริมชายหาด

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันคุณ อย่าบอกนะว่ามารอผม” ชายหนุ่มกระเซ้าด้วยรอยยิ้มอย่างที่วาวพลอยคุ้นชิน

เพราะนับแต่มาติดเกาะด้วยกันเธอมักเห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาบ่อยขึ้นจนเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญทั้งเขาและเธอก็สนิทสนมกันมากขึ้น จนไม่มีช่องว่างอะไรระหว่างกันอีก ตรงกันข้ามยิ่งนานวันความรู้สึกผูกพันก็ยิ่งถูกถักทอแน่นแฟ้น

“เปล่าค่ะ ฉันมาเก็บเปลือกหอยกับเด็กๆ ต่างหาก ทำไมวันนี้กลับเร็วจังคะ” วาวพลอยถามเมื่อเขาเดินมาใกล้ พร้อมเข่งใส่พวกสัตว์น้ำที่หาได้ และปกติถ้าไม่มีพายุ พวกผู้ชายจะกลับมาเย็นกว่านี้มาก

“วันนี้เป็นวันพิเศษน่ะ พวกเราก็เลยกลับกันเร็วหน่อย” เขาบอก

“วันพิเศษ? ” วาวพลอยทำหน้าฉงน

“คุณจำเรื่องแต่งงานที่เรารับปากท่านผู้เฒ่าเอาไว้ได้ไหม” ทำให้ชายหนุ่มต้องเท้าความไปถึงเรื่องที่ทำให้คนฟังมีสีหน้าอิหลักอิเหลื่อขึ้นมาในทันที

“อะไรนะคะ ฉันนึกว่าลืมกันไปแล้วเสียอีก ไม่เห็นคุณบอกอะไรเลย” หญิงสาวว่า แต่ก็ไม่เต็มเสียงนัก

หัสตะไม่ได้บอกเธอไว้ล่วงหน้าจริงๆ ส่วนคนรอบข้างก็น่าจะพูดถึงกันบ้าง เพียงแต่เธอไม่รู้ภาษาของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง แม้จะพยายามเรียนรู้แต่ก็พูดและเข้าใจได้เพียงคำง่ายๆ เท่านั้น

“ไม่หรอก พวกเขารอให้คุณหาย และรอมรสุมลดลงต่างหาก แล้ววันนี้ก็เป็นวัน... เอ่อ... แต่งงานของเรา” คำตอบนั้นทำให้วาวพลอยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

“นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะเนี่ย” หญิงสาวถามอย่างไม่แน่ใจ เธอหวังว่าคนพูดจะหัวเราะแล้วบอกว่าแค่ล้อเล่นเท่านั้น แต่ทว่า...

“มันเป็นความจริง แต่คุณอย่าเครียด เอาเป็นว่าเขาให้ทำอะไรเราก็ทำไปก่อน คุณไม่เห็นเหรอว่าพวกเขาปรารถนาดีกับเราแค่ไหน” นั่นทำให้คนฟังพูดไม่ออก ชายหนุ่มจึงยิ้มให้กำลังใจ

“เรากลับเข้าบ้านกันเถอะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างเหมือนกัน” เขาชวน แต่พอเห็นร่างบางยังยืนนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดไม่หาย มือข้างที่ว่างจึงฉวยมือบางให้ออกเดินตาม

พอมาถึงบ้านหลังใหญ่ วาวพลอยก็เห็นบรรดาผู้หญิงต่างช่วยกันประดับตกแต่งบ้านและซุ้มไม้บริเวณลานทรายโล่งกว้างด้วยดอกไม้ เปลือกหอยรูปร่างสีสันสวยงามที่เธอช่วยเด็กๆ เก็บมานั่นเอง ทำให้เจ้าของร่างบอบบางหยุดยืนอยู่กับที่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ

พอคนเหล่านั้นมองเห็นเธอกับหัสตะก็พากันส่งเสียงหยอกเย้าในภาษาของตัวเอง แม้ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผะผ่าว

“พวกเขาแซวว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวน่ะ” ชายหนุ่มบอกท่าทางขัดเขินไม่น้อยไปกว่าเธอเลย ก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรีบก้าวเข้ามาหาพวกเขา แล้วพูดอะไรบางอย่าง พร้อมจับมือวาวพลอย

“เธอจะพาคุณไปแต่งตัว” หัสตะแปลให้ฟังอีกครั้ง

หญิงคนนั้นดึงมือหญิงสาวให้ก้าวตาม วาวพลอยจึงเข้าไปยังด้านในของบ้านหลังใหญ่ ซึ่งก็ถูกประดับประดาสวยงามเช่นกัน

*-*-*-*-*-*

ยามค่ำคืนบริเวณชายหาดหน้าบ้านชาวประมงหลังใหญ่ สว่างไสวด้วยแสงไฟจากคบเพลิงที่จุดเรียงรายเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ และกองไฟที่ก่อขึ้นกลางวงกลมนั้นกำลังลุกโชติช่วง ชาวเกาะทั้งชาย หญิง เด็กประมาณสี่สิบคนต่างนั่งล้อมรอบกองไฟ

เสียงกลองที่ทำขึ้นเอง และเสียงเพลง เสียงปรบมือของชาวเกาะแห่งนี้ดังเป็นท่วงทำนองครึกครื้น กลิ่นหอมของดอกไม้และกำยานกรุ่นอยู่ในบรรยากาศ ผสมปนเปกับกลิ่นอาหารคาวหวาน

ท้องฟ้าในค่ำคืนกระจะกระจ่างด้วยพระจันทร์ดวงกลมโต ดวงดาวมากมายต่างพยายามส่องแสงเล็กๆ แข่งกับแสงจันทร์ ราวกับต้องการร่วมแสดงความยินดีให้กับงานมงคลในค่ำคืนนี้เช่นกัน

ร่างสูงใหญ่อยู่ชุดเสื้อสีขาวคอกลม ผ่าอก แขนยาว กางเกงชาวเลสีน้ำเงิน สวมสร้อยที่ร้อยจากเศษปะการังที่คอ มาตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาดูเกลี้ยงเกลา สะอาดสะอ้าน ชายหนุ่มยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชาวเกาะผู้ชาย

ซึ่งบางคนก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาบอกเขาถึงพิธีการในค่ำคืนนี้ บางคนก็สอนเขาเรื่องการเข้าหออะไรไปโน่น นั่นทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่อดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มีเสียงโห่ฮากระเซ้าเย้าแหย่แทรกอยู่ไม่ได้ขาด

จนกระทั่งผู้เฒ่าอังวะออกมาจากบ้านใหญ่ทุกคนก็สลายตัวไปยืนอยู่ด้านข้าง ทิ้งให้เจ้าบ่าวยืนอยู่กลางลานพิธีเพียงลำพัง และหัสตะก็ต้องนิ่งงันเมื่อสายตาปะทะกับเจ้าของร่างบอบบาง ที่กำลังก้าวออกมาจากบ้านพร้อมกับผู้หญิงชาวเกาะอีกสอง-สามคน

วาวพลอยสวมเสื้อลูกไม้แขนกระตุกสีขาว คอกว้างจนถึงไหล่ กับผ้าถุงพื้นสีฟ้าลายดอกไม้สีสวยสดใส ทัดดอกไม้สีชมพูเอาไว้ที่หู บนศีรษะสวมมงกุฎที่ทำจากเปลือกหอย

ตรงคอและข้อมือก็สวมเครื่องประดับที่ทำจากเปลือกหอยเช่นเดียวกัน ดวงหน้างามซึ้งดูอ่อนหวาน น่ารัก แม้ไร้สีสันแต่งเติม หญิงสาวก้าวไปบนพื้นทรายอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่ชื่นชมความงดงามนั้น

รวมทั้งหัสตะเองก็ไม่อาจบังคับสายตาตัวเองได้ เขาจับจ้องร่างบางนิ่งงันอยู่อย่างนั้นราวกับต้องมนต์ จนกระทั่งหญิงสาวมาถึงข้างกองไฟที่มีเจ้าบ่าวยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“บัดนี้ก็ได้เวลาอันเป็นมงคลของพวกเจ้าทั้งสอง ในคืนพระจันทร์เต็มดวงหมายถึงความรักอันงดงามบริสุทธิ์ อีกทั้งยังหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่จะมีแต่ความสว่างไสว สวยงาม ร่มเย็น” ผู้เฒ่าอังวะผู้นำชาวเกาะประกาศ แล้วจึงหันมาทางหัสตะ

“เจ้ามีของขวัญจะมอบให้กับนางมิใช่หรือ” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากชายพก มันคือแหวนวงหนึ่ง

หัสตะจับมือข้างซ้ายของหญิงสาวขึ้นมา บรรจงสวมแหวนวงนั้นที่นิ้วนางและมันก็พอดีอย่างน่าอัศจรรย์ วาวพลอยมองแหวนวงนั้น เธอรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด และก็นึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนกับแหวนวงที่เธอเคยถูกใจในร้านขายเครื่องประดับบนเกาะสุตวานั่นเอง

หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มเหมือนจะถาม แต่เขาก็แค่ยิ้มอ่อนหวานให้กับเธอ ผู้เฒ่าจึงทำพิธีต่อด้วยการนำมือทั้งคู่มาจับกันไว้ทั้งสองข้าง

“พวกเจ้าทั้งสองจงสาบานสัญญาต่อกันตามคำของข้า” ท่ามกลางสักขีพยาน และพิธีการอันขรึมขลัง ดวงตาคู่สีเทาอมฟ้าของชายหนุ่มที่มองสบตาเจ้าสาวของเขานั้นเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง

“ข้าแต่ท้องทะเล ผืนทราย แสงไฟ สายลม ข้าทั้งสองขอกล่าวคำสัตย์สาบานว่าจะรักและเคียงคู่กันไปจนวันตาย จะไม่มีวันทอดทิ้งกัน ความรักของข้าทั้งสองจะเยือกเย็นดังสายน้ำ หนักแน่นดังผืนทราย อบอุ่นดังแสงไฟ โอนอ่อนดังสายลม” หัสตะและวาวพลอยกล่าวคำสาบานนั้นตามผู้เฒ่า

หญิงสาวรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์จนขนลุกซู่ หัวใจอิ่มเอมพองโตจนยากที่จะห้าม นี่หรือเปล่านะ... คือความรู้สึกของคนที่แต่งงาน ตั้งแต่รู้เรื่องตอนบ่ายวันนี้ จากนั้นมาวาวพลอยก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าสาวจริงๆ

เธอทั้งตื่นเต้นดีใจ มีความสุขกับสิ่งต่างๆ รอบข้าง จนกระทั่งตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงการแต่งงานแบบตกกระไดพลอยโจน ที่ทั้งเธอกับเจ้าบ่าวต่างก็รู้กันก็ตาม

เสียงสวดอวยพรแบบชาวเกาะในพิธีจบลงพร้อมกับพิธีขรึมขลัง จากนั้นเสียงกลอง เสียงไชโยโห่ร้องก็ดังก้องไปทั่วเกาะ กลีบดอกไม้ถูกโปรยปราย ขณะที่ผู้ร่วมงานต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี และพากันหยอกเย้าเจ้าสาว เจ้าบ่าว

“ท่านต้องหอมแก้มเจ้าสาวให้พวกเราดูนะ” เสียงชายคนหนึ่งบอกกับหัสตะ เขาจึงหันมาสบตาวาวพลอยที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“เอ่อ... เขาจะให้ผมหอมแก้มคุณ” ชายหนุ่มกระซิบบอก

“ตะ...แต่ว่า”

ก่อนที่หญิงสาวจะทันปฏิเสธ ชายคนนั้นก็ผลักหัสตะเข้าหาเจ้าสาว จนจมูกโด่งชนเข้ากับแก้มเนียน เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเฮฮาไปทั่ว แล้วจึงส่งเสียงเชียร์ให้เจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวบ้าง

วาวพลอยเหวอไปนิดหนึ่ง แต่หัสตะก็เอียงแก้มให้และส่งสายตามาบังคับกรายๆ จนทำให้เธอต้องเอาจมูกไปชนแก้มเขาเร็วๆ ทีหนึ่ง

“จูบกันหน่อย” แต่ก็ยังไม่สาสมใจ เพราะแขกชาวเกาะต่างเรียกร้องขึ้นมาอีก

หญิงสาวแทบจะมุดแผ่นดินหนี หัสตะเองก็ปาดเหงื่อ หน้าแดงอยู่ในความสลัวไม่แพ้กัน แต่เสียงเรียกร้องยังดังมาไม่ขาด จนกว่าจะได้เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวจุมพิตกัน

“ขอโทษนะคุณ” หัสตะกระซิบ แล้วตวัดร่างบอบบางเข้าแนบชิด

และปากหยักก็กดแนบกับริมฝีปากบางของหญิงสาวที่ตัวเกร็งขึ้นมาทันที แม้เสียงเฮจะดังลั่นเกาะ แต่สำหรับวาวพลอยแล้วเธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังหยุดหมุน

เมื่อหัสตะบรรจงเคล้าเคลียเรียวปากบางด้วยความนุ่มนวล อ่อนหวาน อีกทั้งได้นำพาเธอล่องลอยไปสู่ห้วงฝันอันแสนหวานอย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน

หัวใจสาวเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมานอกอก ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออกมา วาวพลอยมึนงงกับจุมพิตแสนหวานไหวอยู่ชั่วครู่

แล้วทั้งคู่จึงถูกแขกผู้น่ารักดึงออกไปเต้นรำรอบๆ กองไฟร่วมกับชาวเกาะหนุ่มสาว ที่จับคู่ใครคู่มัน มีทั้งท่าคล้องแขน และโอบกอดแนบชิดขณะเต้นไปตามจังหวะกลองและเสียงเพลงคึกคัก จนกระทั่งเหนื่อย

“ฉันไม่ไหวแล้วค่ะ พักก่อนดีกว่า” หญิงสาวว่า

หัสตะจึงพาเธอมานั่งพักอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่าอังวะที่นั่งอยู่กับคนอื่นๆ ต่างก็กำลังดื่มกิน พูดคุย และมองดูหนุ่มๆ สาวๆ เต้นรำ ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข จอกดินเผาทรงสูงใบเล็กถูกส่งมาให้ชายหนุ่ม

“นี่เป็นเหล้าหมักชั้นดีของพวกเรา มีไว้สำหรับงานฉลอง งานมงคล” ผู้เฒ่าบอก

หัสตะจึงรับมาและดื่มพรวดเดียวหมดเกลี้ยง พ่อเฒ่ายิ้ม ก่อนจะรินเหล้าจากเหยือกส่งให้วาวพลอยต่อ หญิงสาวจึงรับมาดื่มบ้าง

“อร่อยกว่าที่คิดอีกนะคะ” วาวพลอยบอก หัสตะแปลให้ผู้เฒ่าฟัง ชายชราหัวเราะชอบใจใหญ่

ด้วยความติดใจรสชาติหอมหวานของมัน ปกติหญิงสาวไม่ดื่มเหล้า เบียร์ เพราะไม่ชอบรสชาติขื่นๆ ขมๆ แต่เหล้าพื้นเมืองของชาวเกาะให้ความรู้สึกเหมือนได้ดื่มน้ำหวานและขนมนุ่มลิ้นผสมกัน แทบไม่รู้สึกถึงกลิ่นและรสแอลกอฮอล์

“มันมีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ผลไม้ และดอกไม้หลายอย่าง ต้องหมักไว้เป็นปีถึงจะได้รสชาติที่ดี” ว่าแล้วก็รินส่งมาให้วาวพลอยอีกหนึ่งจอก

“เบาๆ หน่อยคุณ ไอ้ตัวนี้มันออกฤทธิ์ช้าก็จริง แต่ก็เมาเหมือนกันนะ” หัสตะเตือน เมื่อเห็นหญิงสาวจิบเหล้าอย่างตั้งอกตั้งใจ

แม้ตัวเขาเองก็พึ่งเคยลิ้มรสเหล้าชนิดพิเศษนี้ แต่คิดว่าคงมีฤทธิ์ไม่ต่างจากเหล้าของผู้หญิงทั่วไปที่รสชาติดื่มง่าย แม้จะเมาช้าไปหน่อย แต่ถ้าดื่มเกินอัตราก็คงเมาเหมือนๆ กัน

“ก็มันอร่อยนี่นา คุณไม่ดื่มเหรอ” หญิงสาวว่าพลางยื่นจอกที่มีเหล้ามาให้ในตอนท้าย

ชายหนุ่มรับมาจิบนิดหนึ่งแล้วจึงส่งคืนให้เธอ วาวพลอยดื่มพรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง ความร้อนจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง และมันก็ทำให้เธอรู้สึกคึกคักขึ้นมา

“ขออีกจอกได้ไหมคะ” วาวพลอยส่งจอกให้ผู้เฒ่าที่มาตอนนี้เข้าใจถึงความต้องการของหญิงสาวดี โดยไม่ต้องให้หัสตะแปล

หัสตะมองดวงหน้าเนียนแดงซ่านของคนข้างตัวแล้วก็นึกขัน แล้วยิ่งท่าทางที่จิบเหล้าหมักอย่างติดอกติดใจนั่นแล้วก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มต้องหันหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยยิ้ม แต่ก็เพียงครู่เพราะจู่ๆ แขนเขาก็ถูกคนข้างตัวดึงทึ้ง



“ไปเต้นกันต่อเหอะคุณ เร็วๆ กำลังสนุกเลย” หญิงสาวทั้งดึงทั้งเร่งเร้า จนเจ้าของร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นแทบไม่ทัน แล้วก็ถูกคนตัวเล็กกว่าลากเข้าไปกลางวงเต้นรำอีกครั้ง




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntz
Ojc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE
2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8
%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87
%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2559, 20:50:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2559, 20:50:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 809





<< บทที่ 17   บทที่ 19 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account