โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร
ตอน: บทที่ ๑ - งานเต้นรำ [2]
สายรุ้งเห็นเขาไม่ชัด แต่พอจะมองออกว่าเขาเป็นผู้ชายด้วยชุดทักซิโด้ ผูกหูกระต่ายสีดำบริเวณลำคอ มีผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับทบอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท ปล่อยชายให้เลยออกมาเล็กน้อย หญิงสาวอยากจะสำรวจมากกว่านั้นเพราะใคร่รู้เหลือเกินว่าใครกันหนอ...ใครกันที่จดๆจ้องๆเธออย่างสนอกสนใจเช่นนั้น แต่เพราะคู่เต้นรำมายืนอยู่ตรงหน้าเธอจึงจำต้องละสายตาจากมาและเพ่งสมาธิอยู่กับหน้าที่สำคัญของตัวเองเสียก่อน
สายรุ้งเต้นไม่เก่ง ไม่สวยสง่าเท่ากับสายฝน...ไม่สิ เทียบกับสาวเดบูตองส์คนอื่นแล้ว เธอคิดว่าฝีมือตัวเองเทียบไม่ติดเลยสักนิด โชคดีที่คู่เต้นของเธอถนัดในเรื่องนี้ เธอจึงเต้นออกมาได้ดีกว่าที่คิด
คู่เต้นของเธอนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง ชื่อว่าประณพ อายุมากกว่าเธอสี่ปี เป็นพี่ที่แสนดี และเอ็นดูเธอไม่น้อย
“ขอบคุณนะคะพี่ณพ ถ้าไม่ได้พี่ณพช่วย รุ้งแย่แน่เลย” สายรุ้งกระซิบบอกหลังจากเพลงจบลง เธอย่อตัวอย่างพยายามให้ชดช้อยและสง่างามที่สุด แต่มันกลับดูผืนๆ ขัดๆ และเก้งก้าวอย่างไรไม่ทราบได้
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า พี่เต็มใจช่วยอยู่แล้ว”
ประณพเอ่ยจบก็โบกมือลา ตรงดิ่งไปหาสาวคนหนึ่ง สะสวย หุ่นดี ผมยาวสลวย...ตรงเสป็คของเขาทุกอย่าง ดูท่าว่าคงจะเล็งไว้ตั้งแต่งานเริ่มแล้วกระมัง
สายรุ้งมองอีกฝ่ายยิ้มๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อภารกิจในคืนนี้สำเร็จลุล่วงในที่สุด แม้จะไม่ได้เพอร์เฟคอย่างที่บิดาหวังแต่เธอก็มั่นใจว่าทำได้ดีระดับหนึ่ง หญิงสาวหมุนตัวกำลังจะเดินออกจากฟลอร์ก็ต้องชะงักไป เมื่อพิธีกรประกาศว่าเปิดโอกาสให้หนุ่มๆมาชวนสาวเดบูตองส์เต้นรำได้ ใจดวงน้อยร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
อะไรกัน...ในสคริปต์ไม่ได้ระบุไว้ว่าเธอจะต้องเป็นฝ่าย ‘ถูกเลือก’ นี่นา ถ้าเป็นแบบนี้....
สายรุ้งกัดริมฝีปากตนเอง รู้ดีว่าความไร้ตัวตนของเธอ จะต้องทำให้บิดาขายหน้าแน่ๆ เพราะคงไม่มีหนุ่มคนไหนมาขอเธอเต้นรำอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เสียงซุบซิบจะระบือไปไกลราวกับไฟลามทุ่ง แล้วท่านก็จะอับอายที่ลูกสาวคนเล็กของท่าน ‘ขายไม่ออก’
สายรุ้งไม่สนหรอกว่าตนเองจะถูกมองข้ามหรือละเลยครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เธอห่วง คือความรู้สึกของบิดาเท่านั้นเอง หญิงสาวกวาดตามองไปรอบห้อง สองตาเต็มไปด้วยความคาดหวังกึ่งร้องขอ เวลานั้นเริ่มมีหนุ่มๆสามสี่คนเดินออกมาแล้ว พวกเขาเดินตรงไปหาสาวเดบูตองส์ที่ยืนอยู่ริมสุดอีกฝั่งหนึ่ง อีกสามคนตรงมาหาพี่สาวของเธอ...ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดหวัง สายฝนมีเสน่ห์ต่อหนุ่มๆมาแต่ไหนแต่ไร และเธอรู้ดีว่าผู้ชายเกือบทุกคนในที่นี่ล้วนแล้วแต่อยากจะทำความรู้จักกับพี่สาวเธอทั้งนั้น
รอแล้วรอเล่า รอด้วยใจเต้นระทึก รอจนทุกคนได้คู่หมดแล้ว เหลือแต่เธอ...ที่ไร้คู่
สายรุ้งเหงื่อตก นึกเวทนาตัวเอง แต่ก็ไม่มากไปกว่าสงสารบิดา
...จะมีสักครั้งบ้างไหมที่เธอจะทำให้ท่านภูมิใจบ้าง
หญิงสาวคิดอย่างสะท้อนใจ ไม่อาจทนแบกหน้ายืนอยู่ตรงนั้นได้ จึงทำท่าจะเดินออกจากฟลอร์ ไปหลบมุมอยู่ที่ไหนสักแห่ง...เงียบๆคนเดียวเหมือนเคย ในเวลานั้นเอง บางอย่างที่อุ่นจัดก็รัดรึงข้อมือของเธอไว้ ส่งกระแสความร้อนพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจอันหนาวเหน็บอย่างรวดเร็ว
สายรุ้งหันกลับไปมอง ใจกระตุกวูบเมื่อดวงตาสานสบกับดวงตาคู่นั้น...คู่ที่เธอเห็นก่อนหน้านี้
เวลานั้นทำนองเพลงเปลี่ยนไปเป็นเพลงเนิบช้า แผ่วหวาน เธอจำเพลงนี้ได้ มันเป็นเพลงโปรดของเธอ
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมได้ไหมครับ”
เขาเลื่อนมาจับมือเธอไว้ ดึงรั้งเบาๆ สายรุ้งไม่ได้ขัดขืน กลับก้าวตามเขาราวกับถูกมนตร์สะกด
ผู้ชายคนนี้ตัวสูง ดูเผินๆเหมือนจะผอม แต่แท้จริงแล้วบึกบึนไม่น้อย ช่วงไหล่กว้าง แผ่นอกกำยำ...กว้างขวางมากพอที่จะปกป้องใครคนหนึ่งได้
ปลายคางและแนวกรามของเขาสะอาดสะอ้านแต่ก็ยังเห็นไรหนวดเขียวจางๆ พร้อมกับกลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆให้ความรู้สึกแห่งบุรุษเพศแบบที่เธอไม่ค่อยได้สัมผัสนัก ริมฝีปากของเขาบางราวกับอิสตรี จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มโค้งสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแต่ทรงพลัง
หากสายตาของเขาเปรียบเสมือนคมมีด ดวงตาของเธอก็เปรียบเสมือนปุยนุ่น...ปลายคมมีดสะบัดเล็กน้อย เธอก็พลันลอยฟุ้งกระจัดกระจายอย่างไร้ทิศทาง
เขาจับมือเธอวางบนไหล่ และแตะมือบนเอวเธออย่างนุ่มนวล พาเธอเคลือนไหวอย่างช้าๆตามท่วงทำนองของบทเพลง
เสียงเพลงนั้นวะแว่วหวานหู...เป็นเพลงที่เธอโปรดปราน
I have died every day waiting for you
Darling, don't be afraid I have loved you
For a thousand years
I'll love you for a thousand more[1]
A thousand years...เพลงประกอบภาพยนตร์แวมไพร์อันโด่งดัง ช่างไพเราะและนุ่มหู ชวนให้คนฟังเคลิบเคลิ้ม
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของเธอก็จริง แต่ยามอยู่ในอารมณ์อันชวนตระหนกเช่นนี้ เพลงนี้กลับคล้ายเสียงกลองดังตึกๆตักๆอยู่ในหัวตามจังหวะการก้าวเท้าของเธอ
“คุณไม่ชอบเต้นรำใช่ไหม”
เขาชวนคุย เสียงของเขานุ่มชวนฟัง มันสะท้อนอยู่ในอกของเธอ...เป็นจังหวะเดียวกับการเต้นของหัวใจ
“ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆตามสัญชาตญาณแล้วก็ปิดปากเงียบตามเดิม
“มือคุณเย็น ตื่นเต้นหรือกลัวครับ”
เขาพยายามสร้างความเป็นมิตรกับเธอ ซึ่งชายหนุ่มน้อยคนนักที่จะทำเช่นนี้ เพราะหากไม่มองผ่านเลยไปก็จะทักทายพอเป็นพิธีและตามมารยาทเท่านั้นเอง สายรุ้งจึงประหม่ามากกว่าเดิม ใจเต้นโครมครามราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงรัก
“ว่าไงครับ ไม่ตอบแบบนี้...อย่าบอกนะว่าคุณกลัวผม”
เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท หญิงสาวจึงรีบกะพริบตาเรียกสติของตนเอง
“เปล่าค่ะ รุ้งไม่ได้กลัวคุณ แค่กำลังหาคำตอบให้คุณค่ะ”
“แล้วได้คำตอบรึยังครับ”
เขาถามยิ้มๆ และเธอก็ผ่อนคลายมากพอที่จะยิ้มตอบเขาแล้ว
“ทั้งสองอย่างค่ะ รุ้งไม่ค่อยได้ออกงานแบบนี้ก็เลยตื่นเต้น แล้วรุ้งก็ซุ่มซ่ามมากกก...” เจ้าตัวลากเสียงยาวให้น้ำหนักกับคำพูดของตัวเอง “เลยกลัวว่าจะทำให้คุณพ่อขายหน้าน่ะค่ะ”
เขาหัวเราะเบาๆ เสียงของเขาดังอยู่แค่ในลำคอเท่านั้น แต่กลับก้องกังวานอย่างประหลาด
ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ชวนให้สาวๆหลงรัก กอปรกับหน้าตาอันหล่อเหลาด้วยแล้ว น่าแปลกที่เขามาขอเธอเต้นรำ
ทำไมหนอ...
พลันที่ถามตัวเอง เธอก็ได้คำตอบ
...ถ้าไม่ใช่เพราะสงสาร ก็สมเพชเวทนากระมัง
สาวเดบูตองส์คนเดียวที่ถูกทิ้งให้ยืนเดียวดายกลางฟลอร์เต้นรำน่าอับอายขายหน้าน้อยเสียเมื่อไร เขาคงเป็นคนใจดี มีเมตตาจึงอยากช่วยเธอก็เท่านั้นเอง
สายรุ้งไม่ได้หวังถึงขั้นว่าเขาจะสนใจเธอ หรือเห็นว่าเธอมีตัวตนหรอก แต่คำตอบที่ให้กับตัวเองก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเหี่ยวแฟบลงทันใด หญิงสาวหลุบสายตาลงจับจ้องเพียงกระดุมเม็ดที่สองบนอกเขา ซ่อนแววตาของความผิดหวังไว้ หากเธอก็เศร้าได้ไม่นานหรอกเพราะคุ้นชินกับสภาพแบบนี้มาตลอดชีวิตแล้ว เมื่อเขาชวนคุยอีกครั้ง เธอก็ต่อบทสนทนาได้ทันที
“ทำไมถึงกลัวละครับ คุณไม่น่าจะทำอะไรให้คุณพ่อขายหน้าได้เลยนะ”
“ผิดแล้วค่ะ รุ้งน่ะทำให้คุณพ่อขายหน้าออกจะบ่อย” เมื่อเริ่มคุ้นเคย เธอก็คุยเจื้อยแจ้วได้มากขึ้น “โดยเฉพาะตอนออกงาน รุ้งชอบทำตัวเปิ่นๆ ป้ำๆเป๋อๆ แถมยังซุ่มซ่ามอีกด้วยค่ะ”
“ผมยังไม่เห็นว่าคุณจะเป็นแบบนั้นเลย” ประกายตาของเขาวิบวับขึ้นมาเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป “ผมว่าคุณน่ารัก”
น้อยครั้งที่จะมีหนุ่มสักคนชมเธอ จึงช่วยไม่ได้ที่สายรุ้งจะรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“น่ารักในแบบที่คุณเป็น...แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“จริงเหรอคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ในเวลาเดียวกันนั้นก็ตวัดสายตาไปมองพี่สาวที่เต้นรำด้วยท่วงท่างามสง่า “รุ้งไม่คิดว่าเป็นแบบรุ้งจะดีหรอกค่ะ ต้องอย่างพี่ฝน...ทั้งสวย ทั้งสง่าแล้วก็ไปทุกเรื่องเลยค่ะ รุ้งอยากเป็นแบบนั้น”
“เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดไม่ใช่หรือครับ จริงอยู่...คนส่วนใหญ่อาจจะชอบพี่ของคุณ แต่คุณก็อย่าลืมว่าอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีใครสักคนที่ชอบคุณเหมือนกัน”
เป็นคำปลอบใจ หรือเป็นคำบอกกลายๆว่าเขาชอบเธอหนอ...สายรุ้งไม่อาจมองจ้องสบตาเขาอีกเพราะตอนนี้หัวใจของเธอหกคะเมนตีลังกาไปหลายตลบแล้ว
“ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณที่ให้กำลังใจรุ้ง”
หลังจากนั้นก็นิ่งเงียบกันไป พักใหญ่ๆที่เดียวกว่าเขาจะเอ่ยทำลายความเงียบ และกลบเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามของเธอ
“ผมยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย” เขาส่งยิ้มให้เธอก่อนจะเอื้อนเอ่ยชื่อของตัวเองด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ผมกรครับ...พนมกร สุริยไพศาล”
“รุ้งค่ะ สาย...”
“สายรุ้ง นาฏยรัตน์” พูดยังไม่ทันจบ เขาก็ต่อให้เสียแล้ว “ผมจำได้แม่นเลยครับ”
ไม่คิดว่าจะมีใครจดจำชื่อเธอได้ในครั้งแรกที่ได้พบกันเช่นนี้ สายรุ้งทั้งประหลาดใจ ประทับใจและดีใจอย่างประหลาด เธอยิ้มให้เขาจนตายิบหยี และบอกตัวเองว่าจะจดจำชื่อเขาไว้ด้วยตั้งใจว่าวันหน้าจะส่งของขวัญไปให้เขาเพื่อขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตเธอในวันนี้
[1] เพลง A Thousand Years ขับร้องโดย Christina Perri

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2559, 08:21:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2559, 08:22:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1566
<< บทที่ ๑ - งานเต้นรำ [1] | บทที่ ๒.๑ - จุดเริ่มต้นของกับดัก >> |