ซุลนูรอยน์...The man with two lights

ซุลนูรอยน์ (Zul Nurain) คือ ผู้ครอบครองรัศมีทั้งสอง
หรือ ผู้มีสองรัศมี


คือ เรื่องราวความรักความผูกพันธ์ในครอบครัว...
และการสร้างครอบครัวภายใต้เงื่อนไขที่ถูกใครบางคนวางขึ้นมาเพื่อให้ตัวละครในเรื่องขับเคลื่อนชีวิตเดี่ยวไปสู่ชีวิตคู่...
จากชีวิตคู่...ไปสู่ครอบครัว


โดยมี 'บ้าน' เป็นรางวัลให้กับผู้ชนะที่ทำตามเงื่อนไข
ทั้งหมดได้...จนจบเกม


เมื่ออึกหนึ่งเหมือน 'ไฟเย็น'

ส่วนอีกหนึ่งเหมือน 'น้ำร้อน'

และ...

เมื่อร้อนกระหาย...ดับได้ด้วยน้ำเย็น
แล้วถ้าร้อนรนด้วยกิเลสของความอยาก...จะดับด้วยกับอะไร

และ

บ้านจะอบอุ่นได้...จะต้องใช้อะไรอบถึงจะอุ่น...


และ

ซุลนูรอยน์...จะเป็นฉายาของใคร ???


Tags: ดราม่า คาเวห์ มัสรานี มัสลัน นิมัสรา โซรัน ซูไฮล่า ซุลนูรอยน์ ผู้ครอบครองรัศมีทั้งสอง ความสัมพันธ์ในครอบครัว บ้าน

ตอน: ลำที่ 50 คลื่นความหวั่นไหว


เพียงไม่นาน…ปัญหาก็ค่อยๆคลี่คลายลงเรื่อยๆ…แม้ยังไม่ถึงกับดีพอหรือน่าไว้วางใจ
แต่นิมัสราก็เริ่มผ่อนคลายลงเมื่อพนักงานลาออกน้อยลงและมีพนักงานใหม่
มาสมัครงานเพิ่ม ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น

“ความจริง…ฉันอยากได้หมอนวดแผนไทยเก่งๆ…แต่ไม่รู้จะไปตามหาตัวได้ที่ไหน…
สมัยนี้หมอเก่งๆหายาก…”

“ไม่เหมือนหมอในอาบอบนวดใช่มั้ยครับ…” คาออสว่า นิมัสรายิ้ม

“ค่ะ…แบบนั้นหาง่าย…แต่ขอบอกเอาไว้เลยนะคะว่าฉันจะไม่ยอมให้
ภาพลักษณ์บริษัทของฉันกลายเป็นสปาอาบอบนวดเด็ดขาด…”

“ครับ…ผมก็เห็นด้วยว่าเราต้องปรับเรื่องของโฆษณา พวกภาพที่ใช้ในโฆษณา
ต้องไม่ใช่ภาพหวือหวาหรือใช้ภาพหญิงสาวนอนให้หมอนวดตัว…ด้วยสีหน้าสุขสบาย…
อย่างที่ใครๆเขาทำกัน…”

“แล้วควรจะให้เป็นยังไงดีคะ…”

“ใช้พวกสมุนไพรหรือไม่เราก็ต้องสร้างมาสคอตออกมาเป็นตัวแทน”
นิมัสราขมวดคิ้ว แววตาครุ่นคิด

“มาสคอตหรือคะ…อืมมมม…เป็นตัวอะไรดีน้า…”

หญิงสาวใช้ปากกาเคาะศีรษะไปพลางคิดไปพลาง ทำให้อีกคนแอบมอง
ท่าทางนั้นของหญิงสาวด้วยความเพลิดเพลิน…ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อนิมัสราอุทาน
พร้อมกับดีดนิ้วเผาะ ฉีกยิ้มกว้างๆเมื่อหันไปทางตู้โชว์ในห้องทำงานของตน

“ฉันนึกออกแล้วคะว่าเราจะใช้อะไรเป็นมาสคอต…” ชายหนุ่มเอียงคอ หรี่ตา
เลิกคิ้วสูงได้น่าชวนมอง

“อะไรครับ…” นิมัสราลุกขึ้นไปหยิบของที่อยู่ในตู้โชว์ออกมาแล้วยื่นให้เขา
ชายหนุ่มรับมาแล้วมองของในมือ เลิกคิ้วแทนคำถาม

“ลูกประคบยิ้มดีมั้ยคะ…ใส่รอยยิ้มให้กับมัน…เราจะใช้ลูกประคบ…เป็นมาสคอต
คอยโปรโมทให้กับเรา…” ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย

“ผมว่าดีเลยนะ…แต่…จะให้ใครออกแบบหน้าตาลูกประคบให้เราดี…”

นิมัสราชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทันทีพร้อมรอยยิ้มสดใส ดูน่ารักน่ามอง
จนคนมองนึกอยากจะหอมแก้มป่องๆนั้นสักฟอดสองฟอด

“ฉันวาดการ์ตูนเก่งน้า…เคยได้รางวัลด้วย…” นิมัสรารีบออกตัวราวกับกลัวว่า
จะไม่ได้งานนี้มาทำ

“คุณเนี่ยนะ…”

“ช่าย…” หญิงสาวลากเสียงยานคาง รอยยิ้มไม่ได้ขาดไปจากใบหน้า

“อย่าบอกนะว่า…ได้รางวัลวาดการ์ตูนตอนอยู่ช้ันประถมศึกษา”
นิมัสราหัวเราะชอบใจที่มีคนเดาทางเธอถูก

“รู้อีก…”

“ผมควรไว้ใจคุณดีมั้ยเนี่ย…”

“ไว้ใจได้แน่นอนค่ะ…เพราะฉันยังสนใจวาดการ์ตูนอยู่…จะลองให้ฉันโชว์ฝีมือดูมั้ยล่ะคะ…
ถ้าไม่ผ่านอนุญาตให้เปลี่ยนนักออกแบบได้”

“เอาสิครับ…อยากดูฝีมือคุณเหมือนกันว่าจะสมราคาคุยรึเปล่า…”

นิมัสรายิ้มกว้างแล้วยกใหล่น้อยๆขึ้นลงสามเที่ยวพร้อมกับโยกหัวใหล่ไปมา
ด้วยสีหน้าร่าเริงเบิกบาน

“แต่ถ้าผ่าน ขอค่าออกแบบด้วยนะคะ…” ว่าพลางแบมือออก

“ผมต้องจ่ายให้คุณหรือนี่…”

“อ่ะแน่นอน…”

“นี่คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า…นี่มันบริษัทคุณนะคร้าบคุณผู้หญิง…”

นิมัสราหัวเราะชอบใจทีเดียว ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“บริษัทของเราต่างหากค่ะ…ใช่ของฉันคนเดียวซะเมื่อไหร่…”

คนฟังถึงกับชะงัก รู้สึกแปลกๆในหัวใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘ของเรา’จากปากของนิมัสรา

“ทำไมคะ…หรือว่าฉันพูดผิด…อีกแล้ว…” หญิงสาวเลิกคิ้วสูง เอียงคอถามเขาด้วยแววตาสงสัย

“ไม่ครับ…ไม่ผิด…แค่คิดว่า…ผมควรจะให้ค่าตอบแทนเป็นอะไรดี…”

“เรื่องนั้นเอาไว้หลังจากเห็นผลงานของฉันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็ได้นะคะ…
เพราะว่า…ฉันน่ะ…เรียกค่าตัวสูงนะ…จะบอกให้…”

“ถึงไม่บอกผมก็รู้ครับ…ว่าคุณน่ะ…ค่าตัวแพง…”

นิมัสรากระตุกหัวคิ้ว รู้สึกแปร่งๆหูกับประโยคนี้ของเขา

“ไปวาดมาสคอตดีกว่า…เย็นนี้ไม่ไปกินข้าวด้วยนะคะ…เพราะว่ามีนัดแล้ว…นัดด่วนซะด้วย”

ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นทันที

“จะไปไหนครับ…”

“ก็ไปหานางแบบสิคะ…”

“นางแบบ?” ชายหนุ่มตีหน้ามึน

“ค่ะ…นางแบบสำหรับมาสคอตของฉันยังไงล่ะคะ…เจ้าลูกประคบไง…
อยากได้ที่สวยและน่ารักกว่านี้…” ว่าแล้วก็คว้าลูกประคบในมือเขากลับเข้าตู้ดังเดิม

“จะลองสร้างรอยยิ้มให้กับมันแล้วตกแต่งสีสันลงไปดูค่ะ…
แล้วคุณจะพบว่านางแบบมาสคอตของฉันน่ะ…น่ารักขนาดไหน…

และ…ขอโทษด้วยนะคะ…ที่ฉันคงต้องทำความรู้จักกับนางแบบของฉันนานพอสมควร
เลยไปทานข้าวเย็นตามที่นัดกันไว้ไม่ได้แล้ว…”

“นัดด่วนที่ว่าของคุณก็คือนัดกับนางแบบที่ว่านี่เนี่ยนะ…”

“ใช่แล้วค่ะ…และ…ฉันต้องไปแล้วค่ะ…นางแบบของฉันจะได้สวยเสร็จสมบูรณ์
ทันก่อนเปิดตัวโฆษณาตัวใหม่บนนิตยสารฉบับล่าสุดที่ไปขอขึ้นหน้าปกเขามาได้…”

ว่าแล้วก็เดินเฉิดฉายออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มสดใส…ทิ้งอีกคนให้นั่งมองตาม
ด้วยแววตาเป็นประกาย…ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก…
แล้วยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ…







“เข้าไปได้ม้ัยคะ…” เสียงนั้นดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตู
นิมัสราที่กำลังขมักเขม้นและเพลิดเพลินอยู่กับการขีดเขียนเส้นสายลวดลาย
ลงบนลูกประคบที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะจำนวนหลายลูกในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
เงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนออกไปว่า

“เข้ามาสิอัสมีอา ประตูไม่ได้ล็อก…”

ร่างของอัสมีอาจึงเดินเข้ามาพร้อมกับถาดสำรับอาหาร กลิ่นหอมๆของมัน
ทำให้จมูกของนิมัสราเผลอสูดกลิ่นเข้าไปพร้อมกับทำจมูกฟุตฟิดได้น่าเอ็นดู
ในสายตาของผู้คุม

“อาหารค่ำค่ะ…”

“แปลกจัง…วันนี้มีบริการอาหารเสริฟถึงห้องเลย…”

ผู้คุมลอบยิ้มก่อนจะวางถาดอาหารบนโต๊ะตรงระเบียงห้องที่นิมัสราใช้นั่งทำงานอยู่ในขณะนี้
ลอบมองไปยังลูกประคบยิ้มสยามหลากหลายแบบของนิมัสราบนโต๊ะ
แล้วยิ้มตรงมุมปากน้อยๆ

“คุณคาออสให้คนนำมาให้ค่ะ…” นิมัสราถึงกับเลิกคิ้วสูง
เงยหน้าจากภาพลูกประคบยิ้มของตนชั่วครู่เพื่อจ้องหาคำตอบจากอัสมีอา

“ทำไมเขาต้องให้คนนำอาหารมาให้ฉันล่ะคะ…”

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ…อยากจะทานมั้ยคะ ถ้าไม่…ฉันจะนำไปเก็บ”

เสียงขรึมๆนั้นทำให้นิมัสราหันไปพิจารณาอาหารที่ถูกนำมา
แล้วพบว่ามันเป็นของโปรดของเธอทั้งนั้น แล้วจะให้อัสมีอานำไปเก็บได้ยังไง
ในเมื่อเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย…

“หิวพอดี…วางไว้เถอะ…เดี๋ยวที่เหลือ…ฉันจัดการต่อเองค่ะ…”

มุมปากของผู้คุมกระตุก แล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ

พอลับร่างของอัสมีอา นิมัสราก็รีบวางดินสอในมือลง หันไปจับช้อนส้อมแล้วลงมือ
จัดการอาหารตรงหน้าเรียบ…ไม่เหลือ…เพียงไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ…

“เป็นรสชาติที่หากินได้ยากนะเนี่ย…เขาไปสรรหามาจากร้านไหนหนอ
วันหลัง…สงสัยต้องให้พาไปกินหน่อยแล้ว…”

เสียงน้อยๆเอ่ยขึ้นขณะยกสำรับนำไปล้างในห้องครัว…เพราะไม่อยากรบกวนใคร
ให้ต้องมาวุ่นวายเดือดร้อนกับแค่จานชามไม่กี่ใบ…ที่เธอเป็นคนทำให้มันสกปรก…

เสร็จแล้วจึงกลับขึ้นห้องไปเพื่อสานต่อเรื่องงานที่ทำค้างไว้…
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีๆที่ได้รับความเอาใจใส่จากคาออส

นานวันเธอก็ยิ่งรู้สึกประหลาดๆในหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…
เขาได้กลายเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเธอ…

ทำให้คืนนั้นนิมัสราได้แบบมาสคอตที่ถูกใจในที่สุด…แน่นอนว่ามันถูกใจเธอ
แต่อาจจะไม่ได้ถูกใจคนอื่นๆ…วันพรุ่งนี้เธอจะลองนำเสนอให้คาออสดู
ว่าเขาคิดเห็นเป็นยังไง แล้วค่อยนำเข้าที่ประชุมต่อจากนั้น…

แม้นว่าท้ายที่สุด…ทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่ที่การตัดสินของเธอกับคาออสก็ตาม…
แต่เธอก็อยากให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้ร่วมงานท่านอื่นๆด้วย…






“สวยและน่ารักดีครับ…เหมาะทีเดียว…ผมชอบ…” เขาบอกตามตรง
ด้วยแววตาเป็นประกายแห่งความพึงพอใจในผลงานของเธอ

นั่นจึงส่งผลให้นิมัสราถึงกับตัวลอย ยิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบเลยทีเดียว

“คุณชอบตัวเดียวกันกับฉันเลยค่ะ…”

นั่นเพราะนิมัสรานำลูกประคบยิ้มที่เธอคัดสรรมาจากที่ได้ทำขึ้นทั้งหมดเมื่อคืนห้าชิ้น
ห้เขาเลือกดู และเขาก็เลือกตรงกันกับที่เธอถูกใจ…นับว่าใจตรงกันเลย…

“สวยทุกตัว…แต่ตัวนี้…” เขายกมันขึ้นมาแล้วมองมันก่อนจะช้อนตาขึ้นมองเธอ

“เห็นแล้วนึกถึงรอยยิ้มของคุณ…”

เขาใช้โทนเสียงทุ้มนุ่มกับแววตาหวานซึ้งเมื่อเอ่ยประโยคนั้น

“สดใส…เบิกบาน…ดูแล้วสบายตาสบายใจดีครับ…น่าจะเรียกลูกค้าได้ไม่น้อยเลย”

เขาแจกแจงด้วยแววตาที่ทำให้นิมัสราถึงกับรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว

“ผมให้ผ่านครับ…” เขาบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ขอบคุณค่ะ…”

“หมดปัญหาไปหนึ่ง…เหลืออีกหนึ่งปัญหา…เร่ืองของหมอนวด…
เพราะตอนนี้เราขาดหมอนวดฝีมือดี…ถ้าหมอนวดเก่งและนวดดี ลูกค้าติดใจ
เขาจะกลับมาหาเราพร้อมกับพรรคพวกอีกเรื่อยๆ…และอาจจะช่วยเราโฆษณาด้วยอีกทาง…”

เขาวางแบบมาสคอตของเธอลงแล้วเริ่มคลี่ปัญหาอีกอย่างออก

“คุณเห็นว่ายังไงครับ…” เมื่อเขาเปิดให้เธอแสดงความเห็น
นิมัสราจึงพูดด้วยมุมมองของตนเองว่า

“หมอเก่งๆมักเป็นหมอพื้นบ้านค่ะ…อยู่ตามชนบท…และส่วนใหญ่เป็นผู้เฒ่า…
เพราะว่ารับการถ่ายทอดวิชาความรู้ที่เขาเรียกว่าภูมิปัญญาชาวบ้านมาเป็นทอดๆ…
จากรุ่นสู่รุ่น…เป็นศาสตร์ในการนวดที่เป็นการรักษาบำบัดโรคได้ด้วย…
ไม่ใช่แค่นวดเพื่อคลายเส้นเท่านั้น

คนในยุคนี้เป็นโรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เลือดลมใหลเวียนไม่สะดวก
เป็นผลมาจากการกิน การใช้ชีวิต ที่สำคัญไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไม่ค่อยได้ออกแรง…
ทำงานนั่งโต๊ะเสียส่วนใหญ่…

ดังนั้น…สิ่งที่ฉันอยากจะให้เกิดขึ้นก็คือ…การส่งเสริมการกิน…และการออกกำลังกาย…
ฉันอยากสร้างผลิตภัณฑ์สร้างเสริมสุขภาพ…อยากมีร้านเล็กๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
ของร้านนวดของเรา…ในแต่ละสาขา…

มีสถานที่ออกกำลังกายหรือฟิตเนสอยู่ติดๆกัน…หรืออยู่ในตึกเดียวกันเลยยิ่งดี…
อย่างเช่นโยคะ…

และอยากให้มีโรงเรียนสอนนวดที่เป็นของเราเอง…โดยจะหาอาจารย์เก่งๆ…
หมอนวดระดับเซียนมาถ่ายทอดวิชาการนวดให้กับพนักงานของเรา
หรือคนนอกที่สนใจจะมาเรียน ใครที่มีแววมีฝีมือดีเราก็เก็บเอาไว้กับเรา…ให้ทำงานกับเรา…
เรียกว่าผลิตคนเพื่องาน…” ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ

“น่าสนใจนะ…ผมสนใจเลยทีเดียวล่ะ…แต่เรื่องโยคะ…ถ้าจะทำ เราต้องแยกเพศ
ไม่ให้ชายหญิงปะปนกัน…”

“ฉันก็คิดว่าคงต้องอย่างนั้นค่ะ…จะได้เป็นสัดส่วน…”

“ถ้าลูกค้าอยากได้ความเป็นส่วนตัว เราก็จะมีห้องส่วนตัวสำหรับฝึกโยคะให้…” เขาแนะ

“ก็ดีนะคะ…ฉันเห็นด้วย…”

“ส่วนโซนออกกำลังกายหรือฟิสเนต…เราก็จะแยกชายหญิงไม่ให้ปะปนด้วย…
อยู่คนละช้ันได้ยิ่งดี โดยเฉพาะห้องน้ำ ต้องปลอดภัย…ซึ่งไม่ง่ายที่จะสร้างและดูแล…
เราต้องระดมทุน…”

นิมัสราเห็นด้วยเรื่องความปลอดภัย…ชายหญิงแยกกันไม่ปะปนกันนั้นย่อมปลอดภัย
มากกว่าปล่อยให้มีการปะปนกัน…และควรมีการดูแลความปลอดภัยที่ดีและเข้มงวด…
ลูกค้าจะได้เบาใจไร้กังวลขณะมารับบริการ…

นิมัสราจึงเริ่มจดรายละเอียดที่คุยกันกับเขาเป็นการส่วนตัวเอาไว้กันลืม
ลงในสมุดพกของเธอที่มักจะพกติดตัวไปไหนต่อไหนเสมอ
มันสามารถเขียนและวาดเส้นได้…แม้ว่าหลายคนจะใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมืออิเลคตรอนิก
แทนสมุดพกแต่เธอยังคงหลงรักการเขียนด้วยมืออยู่

ชายหนุ่มมองภาพความตั้งใจจริงของหญิงสาวแล้วรู้สึกผิดที่เขาเคยมองผู้หญิงคนนี้
ติดลบไปหมด…ทั้งๆที่คนเรานั้นย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว
มีจุดบอด มีจุดบกพร่องและจุดเด่นปะปนกันไปทั้งนั้น ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ

และเมื่อเห็นเธอตั้งใจฟังและจดขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อไปว่า

“ต้องหาหมอนวดผู้ชายเพิ่มด้วย เพราะลูกค้าผู้ชายเริ่มมีมากขึ้น...
หมอนวดผู้หญิงจะนวดให้ลูกค้าผู้ชายไม่ได้ พอๆกับที่หมอนวดผู้ชาย
จะนวดให้ลูกค้าผู้หญิงไม่ได้ มันไม่ดีและไม่เหมาะสม

ที่สำคัญ…อาจก่อปัญหายุ่งยากวุ่นวายให้ไม่มีที่สิ้นสุดอีก…
เราต้องปิดประตูทุกบานที่จะก่อปัญหาและสร้างความวุ่นวาย…โดยเฉพาะเรื่องเสื่อมเสีย
มันจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของบริษัทติดลบและถูกมองว่าเป็นแหล่งขายบริการทางอ้อม…

ซึ่งคุณเองคงไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น…ผมเองก็เช่นกัน…
ผลประโยชน์ต้องมาพร้อมกับความสงบราบรื่น…และตั้งอยู่บนความดีงาม…”

เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น…แสดงเจตนารมย์ออกมาอย่างชัดเจน
ไม่มีคลุมเครือ ซึ่งนั่นทำให้นิมัสรามองเขาด้วยความปลาบปลื้ม

“ส่วนเรื่องร้านอาหารเล็กๆซึ่งเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ผมเห็นด้วย
ว่าเราควรจะมีมุมให้ลูกค้าที่มารอรับบริการนวดหรือเสร็จจากการผ่อนคลายจากการนวด
มาแล้วหรืออาจจะเป็นคนที่มาด้วยกับลูกค้า ได้มีอะไรที่ดีต่อสุขภาพรับประทานระหว่างรอ…
หรือระหว่างมื้อ พวกของกินเล่น…หรือแม้แต่ของหนักท้อง…

พวกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็ด้วยเช่นกัน…อย่างชาตะไคร้ ผมเคยไปชิม
มาจากฟาร์มจันทร์คู่ฟ้า หอมกรุ่น จิบแล้วรู้สึกสดชื่น ซึ่งผมรู้จักกับทางเจ้าของฟาร์ม
คงสามารถติดต่อทางโน้นเพื่อขอให้ส่งวัตถุดิบมาให้ได้…”

แล้วเขาก็หยุดนิดนึงเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งเงียบไป เอาแต่ก้มหน้าจดลูกเดียว
ไม่มีพูดแทรกหรือแย้งแต่อย่างใด โดยเฉพาะชื่อ 'ฟาร์มจันทร์คู่ฟ้า'

“ทำไมครับ…ไม่เห็นด้วยตรงไหนแย้งได้นะครับ…”

“เอ่อ…เปล่าค่ะ…ฉันแค่…แค่แปลกใจที่คุณ…เข้าใจเจตนารมย์ของฉัน
โดยที่ฉันไม่ต้องอธิบายเพิ่ม…คือ…คุณ…เข้าใจความต้องการของฉันอย่างครอบคลุม…
โดยที่ฉันไม่ต้องพูดยาวๆเลยน่ะค่ะ…คือฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
ที่ฉันคิดไว้คุณพูดมันออกมาหมดแล้ว…”

ในขณะที่บางคนไม่เคยเข้าใจเธอ…มองเธอในแง่ลบตลอด

“หรือบางที…เราอาจจะ…ใจตรงกัน…มีมุมมองและทัศนคติที่ตรงกัน”

เขาเอ่ยเสียงทุ้มอีกทั้งยังจ้องเข้ามาในดวงตาของเธออย่างมีนัยยะบางอย่าง
ที่นิมัสราไม่อยากจะแปลความหมายของมันเลย…

เพราะนั่นจะเป็นปัญหาในการก่อความหวั่นไหวขึ้นในหัวใจเธอเพิ่มเข้าไปอีก…

“ความจริง…ผมอยากจะบอกคุณว่า…ธุรกิจทุกอย่างของคุณโซรันนั้นเอื้อกันหมด…
เขามีทุกอย่างที่คุณพูดมา แต่แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น
เรียกได้ว่า…ท่านทำธุรกิจบริการความสุขสบายให้กับผู้คน…ก็ว่าได้”

นิมัสราถึงกับตะลึง ก่อนจะถามซ้ำ

“รวมถึงธุรกิจร้านอาหารด้วยน่ะเหรอคะ…”

“ครับ…เท่าที่ผมรู้…ท่านชอบทำอาหารครับ…ทุกคนที่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารฝีมือท่าน
ไม่เห็นจะมีใครพูดว่าท่านทำอาหารไม่อร่อยเลย…”

นิมัสราที่ได้ลิ้มรสชาติอาหารของเขาแค่ครั้งเดียวตอนเลี้ยงส่งนฤเคนทร์
และยังไม่ลืมรสชาติความอร่อยนั้นถึงกับพยักหน้าหงึกๆ

“ค่ะ…อร่อย…เขามีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารกว่าฉันหลายเท่าเลย”

คนฟังลอบยิ้ม นานๆทีจะได้ยินนิมัสราชื่นชมสามีตนเองออกมา
ด้วยแววตาและวาจาที่ซื่อตรงเช่นนี้

“อาหารมื้อค่ำของคุณเมื่อคืน…ที่ผมส่งไปให้นั้นคืออาหารต้นตำรับของคุณโซรัน
ส่งตรงจากร้านอาหารของท่านเลยนะครับ…”

นิมัสราลอบกลืนน้ำลายลงคอ…มองคาออสนิ่งก่อนจะขอคำยืนยันอีกครั้ง

“จริงหรือคะ…”

“ครับ…ถ้าคุณชอบ…มื้อเย็นนี้ผมจะพาไปที่นั่น…” หากนิมัสรากลับส่ายหน้า

“อย่าเลยค่ะ…คืนนี้ฉันตั้งใจจะกลับไปกินบะหม่ี…ไม่ได้กินซะหลายวัน
เดี๋ยวจะลืมรสชาติความจนไป…เป็นช่วงเวลาท่ีฉันต้องรัดเข็มขัดค่ะ…
ยิ่งอยากจะขยายตลาดก็ยิ่งต้องรัดเข็มขัดเพิ่ม…”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นก่อนจะรีบขอตัวทันที

“ขอตัวก่อนนะคะ…พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบาย…”

คาออสถึงกับแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายอย่างกะทันหัน แบบปัจจุบันทันด่วน
จึงรีบลุกตามแล้วเดินไปขวางหน้าเอาไว้

“ให้ผมไปส่งนะครับ…” นิมัสราส่ายหน้า

“อย่าเลยค่ะ…ฉันกลับกับอัสมีอาดีกว่า…”

แล้วหญิงสาวก็รีบเบี่ยงหลบ เดินหนีเขาไปเสียดื้อๆ…เดินไปยังหน้าบริษัท
พร้อมกับโทรบอกอัสมีอา เพียงไม่นานรถก็เข้ามาจอดเทียบท่า…

ร่างบางก้าวเข้าไปในรถแล้วบอกให้อัสมีอาพากลับคฤหาสน์เจนนาลีทันที…

ระหว่างทางที่นั่งรถ เสียงโทรศัพท์จากคาออสโทรเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง
หากหญิงสาวไม่ได้กดรับ เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะพูดอะไรกับใคร

ตอนนี้เธอจุก จุกยอดอกเลยทีเดียว…

เมื่อก่อนเธอเหมือนจะได้ยินพี่มัสพูดถึงร้านอาหารของเจ้านาย
หรืออะไรสักอย่างนี่แหล่ะ จำไม่ได้แล้วว่าได้ยินอะไรทำนองนี้ตอนไหนแล้วเหมือนกัน…
เหมือนจะยังติดอยู่ในความทรงจำเกี่ยวกับร้านอาหารนี่แหล่ะ
เพียงแค่ไม่แน่ใจและไม่ได้สนใจ…

แต่พอได้รู้ว่าสามีของเธอมีธุรกิจร้านอาหาร…แต่เธอ…เธอกลับกินบะหมี่…เป็นอาหาร…
มันน่าเจ็บใจมั้ยล่ะ…เธอหิวโซในขณะที่มีสามีเป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีอาหารเลิศรส…

ซ้ำยังไม่เคย เขาไม่เคยพาเธอไปกินข้าวในร้านอาหารของเขาเลยสักครั้ง
ไม่เคยเอ่ยปากชวน!

…แล้วจะให้เธอไปกินข้าวในร้านอาหารของสามีตัวเองกับชายอื่นน่ะหรือ…
ทั้งที่ควรจะเป็นสามีของเธอมิใช่หรือที่จะต้องพาเธอไปกินข้าวที่นั่น!

“หยุดรถก่อนสิคะ…”

นิมัสราสั่งให้อัสมีอาจอดรถ แล้วลงไปซื้อข้าวมันไก่ตอนที่ขายตรงริมฟุตบาท
มาสองกล่อง จ่ายเงินเสร็จก็กลับขึ้นรถ แล้วบอกให้คนขับออกรถ…

อัสมีอามองเจ้านายผ่านกระจกส่องหลังแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าเจ้านาย
ไปกินรังแตนที่ไหนมา แถมยังให้หยุดจอดรถลงไปซื้อข้าวมันไก่อีก
ทั้งๆที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน…

จำได้ว่าเธอไม่เคยเห็นเจ้านายซื้อข้าวตามร้านอาหารข้างริมทางกิน…
มีแต่จะให้พาไปกินข้าวตามร้านอาหารหรูๆ…บรรยากาศดีๆ ราคาแพงหูดับตับไหม้…

หากคราวนี้กลับมาแปลก…แปลกจนไม่น่าไว้วางใจเลย…



พอรถจอดลงหน้าคฤหาสน์หลังงาม นิมัสราจึงก้าวออกจากรถ
และไม่ลืมยื่นถุงที่บรรจุกล่องข้าวมันไก่ตอนอีกถุงให้หญิงสาวที่ยังนั่งประจำที่คนขับ

“ฉันเลี้ยงค่ะ…” อัสมีอารับของไปอย่างงงๆ มองตามแผ่นหลังของเจ้านายไปอย่างไม่เข้าใจ…


และเหมือนจะทำเช่นนั้นทุกวันตอนกลับจากที่ทำงาน…คือให้เธอจอดรถตรงริมฟุตบาท
แล้วก้าวลงไปซื้อข้าวมันไก่ตอนเจ้าเดิมมากินไม่รู้เบื่อ กินได้ทุกมื้อค่ำ
เป็นเวลาสองสัปดาห์…ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกกิน…หรือเปลี่ยนไปกินอย่างอื่น…

พอวันหยุดก็ไม่ได้ขอให้ขับรถพาออกไปไหน อยู่เฝ้าบ้าน จับแมวอาบน้ำขัดขน
จนสะอาดทุกตัว แล้วพาไปวิ่งเล่นในสนามหญ้า…

คาออส เบย์ที่เพิ่งมาถึงมองภาพหญิงสาวกำลังนั่งพับเพียบบนผืนหญ้า
บนตักมีเจ้าขนุนนั่งประจบอยู่ โดยมีลูกแมววิ่งไปมารอบๆก็ถึงกับหยุด
และยืนมองภาพนั้นอย่างเงียบๆ อยู่ไกลๆ

เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเธอขณะอยู่กับบรรดาแมวๆ
ดังเล็ดลอดเข้ามากระทบโสทประสาทหูของเขาเป็นระยะๆ…

“เจ้านายแกขี้โกง…ทิ้งแกให้ฉันดูแลให้…สงสัยแกจะกลายเป็นแมวหัวเน่าไปแล้วล่ะ…
นี่ถ้าไม่ได้ฉันนะ แกหัวเละและเหม็นยิ่งกว่านี้อีก…รู้ไว้…”

“แง่วๆๆ…” มันร้องรับด้วยเสียงแหบๆแห้งๆของมัน…นิมัสราเลยเกาคางให้อย่างเห็นใจ

“เหมือนเราจะตกที่นั่งลำบากเหมือนกันเลยนะ…ขนุน…”

“ยังไงครับ…ที่ว่าตกที่นั่งลำบาก…”

เสียงนั้นทำให้นิมัสราหันไปมองก็พบกับสุดหล่ออย่างคาออส เบย์
เขายิ้มบางๆแล้วถือวิสาสะนั่งลงไม่ไกลกันจากที่ที่เธอนั่ง…

“เดี๋ยวชุดสะอาดๆของคุณเลอะหมดนะคะ…”

“ไม่เป็นไรครับ…” เขาบอกแล้วคว้าร่างเจ้าขนุนบนตักเธอมาวางไว้บนตักของเขา
นิมัสราจึงหันไปคว้าเจ้าจากัวร์มานั่งบนตักตัวเองแทนที่เจ้าขนุน
และเหมือนเจ้าขนุนจะส่งสายตาไม่พอใจใส่เจ้าจากัวร์น้อยที่เริ่มโตขึ้น
ออกลายเสือจากัวร์ชัดเจนขึ้น

“อย่านะ…อย่าคิดจะทำร้ายจากัวร์น้อยเด็ดขาด…ไม่งั้นหัวแกไม่ใช่แค่เน่า แต่จะขาดแน่ๆ
นี่น่ะแมวพี่สาวฉันยะ…”

นิมัสราขู่เจ้าขนุนที่ทำท่าขู่คำรามใส่เจ้าจากัวร์น้อยจนเจ้าจากัวร์น้อยอยู่ไม่สุข
อยากจะลุกจากตักของเธอไปให้ได้…ส่วนแมวตัวอื่นๆอีกหลายตัวไม่มีตัวไหน
อยากจะเฉียดใกล้มัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอแยกมันออกมาจากฝูง
ให้มันมานั่งบนตักเธอแทนที่จะไปก่อกวนแมวตัวอื่นให้หมดสนุก

“คุณยังไม่ตอบผมเลยว่า…ตกที่นั่งลำบากยังไง…” นิมัสรายิ้มพลางส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ…ฉันก็พูดไปเรื่อย…ว่าแต่…มาที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่าคะ”

“ถ้าไม่มี…มาไม่ได้หรือครับ…” เขามองมาทางเธอแปลกๆ จนให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ

“ถ้าเป็นเรื่องงาน…เอาไว้คุยเวลางานดีกว่าค่ะ…วันนี้วันหยุดพักผ่อน”

“ผมขอมาพักผ่อนด้วยที่นี่…ไม่ได้หรือครับ…”

นั่นไง…เขากำลังแสดงท่าทีว่าจะรุกแล้ว…

“ผมไม่รู้จะไปไหน…ไม่มีใครรู้จักด้วย…มีแต่คุณที่สนิทที่สุด
วันหยุดแบบนี้เลยนึกถึงคุณ…โทรหาก็ไม่รับสายเลยต้องแวะมาดู
ว่าทำอะไรอยู่ที่นี่รึเปล่า…กินข้าวเรียบร้อยแล้วรึยัง…”

“แล้วไม่คิดหรือคะว่าฉันกำลังไปท่องเที่ยวกับสามี…หรือไม่ก็…ไปทานอาหารนอกบ้าน
ด้วยกันกับเขา…ไปเดินเล่นซื้อของตามประสาคู่สามีภรรยาทั่วไปเขาทำกันในวันหยุด…
อย่างมีความสุข”

แล้วเขาก็พูดประโยคที่ทำเอานิมัสราถึงกับสะอึก

“ผมไม่ควรบังอาจ…ขอโทษที่ไม่เจียมหัวใจ…บังอาจ…”

เขาหยุดและเป็นการหยุดที่ทำให้คนฟังที่กำลังลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรต่อถึงกับค้าง…

“เดี๋ยวสิคะ…” นิมัสราเรียกเขาไว้เมื่อเขาลุกขึ้น
วางเจ้าขนุนลงกับพื้นหญ้าแล้วหันหลังหมายจะเดินจากไป

“อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน…” แล้วเขาก็หันกลับมา

“คุณจะเลี้ยงบะหมี่ผมหรือครับ…” นิมัสรายิ้มบาง

“แล้วคุณ…กินบะหมี่ฝีมือฉันได้มั้ยล่ะคะ…ถ้าไม่ปฏิเสธก็อยู่ต่อ…
แต่ถ้าไม่สนใจจะไปหาร้านอาหารอร่อยๆที่ไหนก็แล้วแต่นะคะ…
แต่ฉัน...ฉันคงไม่ไปกินข้าวในร้านอาหารแล้วล่ะค่ะ…”

“ทำไมล่ะครับ…”

“เปลืองตังค์ค่ะ…” คนฟังถึงกับสะอึก ก่อนจะพูดอ้อมแอ้มออกไปว่า

“ผมยังเลี้ยงคุณไหวอยู่นะครับ…”

“แต่ฉันแบกบุญคุณของคุณไม่ไหวแล้วค่ะ…” หญิงสาวยิ้มบาง

“ให้ผมเลี้ยงคุณไปตลอดชีพก็ยังได้เลย…แบบไม่ต้องชดใช้…ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณใดๆ…
ด้วยความเต็มใจที่จะเลี้ยงและดูแล…”

นิมัสราถึงกับยิ้มค้างดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน…

“ผมพูดจริงๆนะครับ…ถ้าเขาไม่สนใจคุณแล้ว หรือไม่เห็นความสำคัญของคุณ…
ผมยินดีจะรอจนกว่าเขาจะปล่อยมือคุณ…”

นิมัสราถึงกับหน้าแดงก่ำก่อนจะก้มหน้ามองพื้นหญ้า แล้วพึมพำออกมาว่า

“มันเร็วเกินไปที่คุณจะพูดแบบนี้…และมันไม่ควร…ฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี…
ไม่อยากเป็นคนไม่ดี…แค่นี้…ฉันก็ดูแย่จนกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าและไร้ยางอายไปแล้ว…
อย่าให้สามีของฉันต้องตำหนิฉันมากไปกว่าที่เขาเคยตำหนิเอาไว้อีกเลยค่ะ…
มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ค่ะ ทุกคำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกแย่…และไร้ค่า…ไม่มีคุณค่าเลย…”

แม้ก่อนหน้านี้เธอจะเคยคิดอยากจะได้หัวใจของคาออส เบย์
แต่ตอนนี้ เธอคิดได้ว่า…เธอไม่ควรทำลายตัวเอง…ทำลายอนาคตทางการงาน…
ด้วยการสร้างมลทินและความเสื่อมเสียให้กับตัวเอง…

ในเมื่อความจริงก็คือ…เธอมีสามีอยู่แล้ว…ไม่ได้เป็นสาวโสด ไม่ได้เป็นแม่ม่าย…

แม้ว่าสามีของเธอจะไม่ได้สนใจเธอหรือปล่อยปละละเลยเธออย่างไรก็แล้วแต่
แต่เธอก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยตัวเอง…เธอต้องหัดเคารพตัวเองให้มากกว่านี้…
ให้เกียรติตัวเองให้มากกว่านี้…ทำตัวเองให้มีค่ากว่านี้…

ไม่ใช่เพื่อใคร…แต่เพื่อตัวเธอเอง…

แม้นว่าหลายครั้งที่เธออยากให้เขาเป็นโซรัน อยากให้เขาและโซรันเป็นคนๆเดียวกัน…
อยากให้โซรันเป็นดั่งเขา…เอาใจใส่เธอได้แบบที่เขาทำ…
ฟังเธอ เข้าใจเธอ เป็นขวัญและกำลังใจให้กับเธอ…ต่อสู้กับปัญหาต่างๆไปพร้อมๆกันกับเธอ…

แต่แค่นึกมันก็บาป…เธอรับตัวเองไม่ได้ขึ้นมา…

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักหรอกค่ะ…ประวัติฉันไม่ได้สวยงามน่าจดจำ…
และฉัน…ก็กลับไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้อีกแล้วด้วย…

มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สามีของฉันเขาจะเมินเฉยต่อฉัน...
และนี่คือคำเตือนค่ะ...ฉันขอเตือนว่าฉันไม่ใช่...ผู้หญิงที่ผู้ชายดีๆ
จะรับไว้เป็นคู่ชีวิต...อย่างที่เห็น...ฉันไม่ใช่...ไม่ใช่ผู้หญิงที่นิสัยดีนัก...
ผู้ชายดีๆและฉลาดอย่างคุณคงมองออก…ว่าฉันไม่คู่ควร...ไม่ควร...”

ชายหนุ่มหน้าเศร้าก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“เอาไว้ผมจะกลับมาให้คุณเลี้ยงบะหมี่วันหลังนะครับ…”

แล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้นิมัสรามองตามหลังด้วยความเสียดาย…
เสียดายที่เจอเขาในเวลาที่ผิด…

ในขณะที่เธอดีใจที่ได้รู้ว่าเขามีใจให้เธอแต่ส่วนลึกกลับเจ็บปวด…ทรมาน…
เมื่อรู้ดีว่าผิด…ผิดถ้าเธอจะรักเขา

มันบาป…บาปที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี…แค่เขาไม่อยู่เดือนกว่าๆ เธอก็ปันใจไปให้ชายอื่น
มันน่าอดสูแค่ไหนที่มีหัวใจแบบนี้…หัวใจที่ไม่ม่ันคงและพร้อมจะหวั่นไหว
ไปกับอารมณ์ใฝ่ต่ำเช่นนี้…




หลังจากวันนั้น เธอพยายามออกห่างจากคาออส เบย์ อยู่ห่างๆไว้
ย่อมดีกว่าพาตัวเองไปใกล้ชิด หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งทำงานที่บ้าน
ผ่านเครื่องมือสื่อสารแทน…และไม่ต้อนรับแขก…

แต่เหมือนว่าการยิ่งผลักใครออกไปจากใจเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งดึงรั้งให้เขา
ก้าวเข้ามาชิดใจยิ่งขึ้นเท่านั้น…เพราะความคิดถึงที่มันรุนแรงเหลือเกินนั้น
ยากเกินจะต้านทาน เธอคิดถึงคาออส เบย์ คิดถึงเสียงของเขา ถ้อยคำของเขา
แววตาของเขา…คิดถึงบางสิ่งที่หายไป…มันไม่ใช่แค่ดอกไม้และคำหวาน…ที่หายไป…

แต่มันคือ…ความอบอุ่นในหัวใจ…ความสดใสในหัวใจ…

ทุกอย่างรู้สึกว่างเปล่า…เหมือนหัวใจได้บินหายไปพร้อมกับเขา…

และนั่นยิ่งทำให้นิมัสรากอดตัวเองอย่างทรมานใจ…ไม่รู้จะทำอย่างไร
เพื่อขจัดความทรมานชนิดนี้ออกไปจากตัวเองได้

…ทั้งๆที่รู้…แต่เธอก็ยัง…ยังคิดถึงเขา…และอยากเจอเขา…อยากไปหาเขา…
หากก็ต้องกักขังตัวเองเอาไว้…กักขังซาตานในร่างเธอเอาไว้
ไม่ให้ออกไปทำให้ตัวเองเดือดร้อน…







ทางด้านคาเวห์ที่พยายามติดต่อพี่ชายฝาแฝด แต่กลับไม่อาจติดต่อได้
โทรไปที่คฤหาสน์เจนนาลี ทางโน้นกลับบอกว่าคินไม่ได้อยู่ที่นั่น
และไม่มีใครสามารถติดต่อคินได้ นอกเสียจากคินจะติดต่อกลับมาเอง

ส่วนทางดอน บอนและมาดามซันเดีย ทั้งสองกำลังหัวเสียและยุ่งวุ่นวายกับเรื่องธุรกิจ
ที่ตอนนี้เครื่องบินโดยสารโดนจี้ เรือสินค้าโดนระเบิด ทำให้เสียหายรวมมูลค่ามหาศาล…

“มันต้องมีไส้ศึก…เราต้องหาไส้ศึกให้เจอ…”

ดอน บอนเรียกประชุมทุกหน่วยงานแล้วประกาศเสียงกร้าว

“วิธีการแบบนี้…เหมือนวิธีการของคุโรสึกิ ดันยุ…
ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำกับเราแบบนี้ได้ นอกจากเขา…”

“งั้นฉันจะเดินทางไปญี่ปุ่น…” ว่าแล้วก็หันไปทางคนสนิทกับภรรยา

“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม…และ…” เขาย้ำกับภรรยาว่า

“คุณต้องไปกับผม…”

“ค่ะ…” มาดามซันเดียรับคำอย่างเข้าใจ…

“แล้วลูกล่ะคะ…”

“ให้เขาดูแลกิจการทางนี้ไป…”

“แต่…ฉันอยากให้ลูกไปด้วย…”

“ไม่ใช่…ไม่ใช่เวลานี้…เพราะถ้าเป็นฝีมือของดันยุ พวกคุโรสึกิต้องรับผิดชอบ…”

แววตาคนพูดเหี้ยมเกรียมและหมายมาด

“ดอนคะ…ถ้าเขาทำขนาดนี้กับเราได้…แล้วลูกของเราจะปลอดภัยจากเขาได้หรือคะ…”

แววตาของดอนวูบไหวชั่ววูบก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวดุจเดิม

“ถ้าเขาอ่อนแอ…ก็ปล่อยให้เขาตาย…เจ้าป่าต้องไม่อ่อนแอ…
แพ้ได้…แต่ต้องไม่อ่อนแอจนปล่อยให้ศัตรูฆ่าตาย…อย่างอนาถคารัง”

ทุกคนได้ฟังถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ…

“ใครมีหน้าที่ทำอะไรก็จงทำต่อไป…อย่าให้พลาดอีก…เด็ดขาด…
ไปคราวนี้…ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกคุโรสึกิและอะโอสึกิให้มันจบสิ้นกันไปสักที…

หมดเวลาแล้ว…สำหรับสงครามอันแสนยืดเยื้อ…
ในเมื่อไม่เคารพกัน…ก็คงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”






..............โปรดติดตามตอนต่อไป..................

หนูนิเริ่มมีใจให้สามีตัวเองโดยไม่รู้ตัวแล้วววว ฮ่าาาาาาาาา

ตอนนี้ดอนเจอศึกหนักสามทาง จากสายเลือของตัวเองเลยนะนั่น...
ท่าจะหัวเสียแล้วค่ะ ฮ่าาาาาาา (เอาไว้ค่อยมาแจกแจงรายละเอียด
และคลี่ปมทางฝั่งดอนอีกทีน้าาาาา)


ขอบคุณทุกท่านที่กำลังติดตามอ่านเรื่องนี้อยู่มากค่ะ
ขอบคุณที่กดไลค์และคอมเมนท์เป็นยอดกำลังใจให้กัน
ขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านด้วยจ่ะ ^^


.............ตอบเมนท์จ่ะ..................

1.คุณแว่นใส...เป็นไปได้ค่ะ ว่าคินจะเปลี่ยนใจ
แต่อีกคนนี่สิ...จะรับได้ไหม ถ้ารู้ เหอๆๆ

2.คุณphakarat...โยเคยตกอยู่ในสภาพที่เหงาชนิดที่ไม่มีอ้อมกอดจากใคร
มาช่วยเยียวยา ตอนนั้นจำได้ว่าเจอเรื่องแย่ๆจากหลากหลายรูปแบบเข้ามาทีเดียว
โครมใหญ่ และเรากลับอธิบายและเล่าให้ใครฟังไม่ได้ ไม่ได้เลยจริงๆ
ด้วยหลากหลายปัจจัยและหลายเหตุผล...ก็เลยปรึกษาและพูดคุยกับพระเจ้าค่ะ...
ทำให้ชีวิตพลิกผัน...จากนั้นความเหงาไม่เคยเข้ามาทำอะไรให้โยรู้สึกแย่ๆแบบนั้น
ได้อีกเลย...^^ ไม่ว่าปัญหานั้นมีมากมายเท่าไหร่ เราก็แบกมันไหว...
เพราะรู้แล้วว่าจริงๆเราไม่ได้แบกมันอยู่คนเดียว

โดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมากมายเลย...แค่เราเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันของเรา
แจกันของเราก็ดูเปลี่ยนไป...(แจกันคือจิต ดอกไม้คือความคิด)

ปล.โยก็ดีใจค่ะที่นักอ่านมีความสุขและเข้ามาส่งเสียงทักทายพูดคุยแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นและความรู้สึกด้วยกัน...จ๊วบบบบบบบบบๆค่ะ ^^

3.คุณKikkyntw...ต้องมาดูกันค่ะว่าคินกำลังทำอะไรของเขากันแน่...^^
ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินท่ีว่านั้นคือที่ดินผืนใดและอยุ่ที่ไหน แล้วพี่ก้อเอามาให้คายกับมัสทำไม
มีเฉลยตอนท้ายเรื่องค่ะ...^^

ปล.ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเชียร์และอยู่เป็นกำลังใจให้กันตรงนี้ ^^

4.คุณyapapaya...นั่นจิ นางจิรับได้ไหม...ขอบคุณหลายๆค่ะสำหรับกำลังใจ
จากฟากฝั่งอันดามัน ^^

5.คุณPat...55555 เพราะต้องจ่ายค่าตัวแพงมากๆเลยพามาเข้าฉากได้ไม่กี่ฉาก
และฉากละหลายนาทีไม่ได้น่ะสิคะ...ต้องเก็บตัวนานด้วยกว่าจะได้ออกโรงสักที
(พอไม่ได้เล่นเป็นพระเอกก็เลยเล่นตัวว่างั้นคะ บอกว่าบทไม่เด่น ไม่เล่น)อิอิ


6.คุณkaelek...แต่ทำไมไม่รู้จิ เต่าว่าประสบการณ์แค่นั้นยังมิเพียงพอ
ให้หนูนิโตขึ้นอย่างที่พี่ๆอยากให้โต (หรือว่าเต่าอยากให้เป็น อิอิ)
คือจะกระซิบบอกว่า ยังมีมาม่าให้หนูนิซดอีกชามโตๆสามชามพร้อมกับนักอ่าน ฮ่าาาาาาาาา
ส่วนหัวใจคินสั่นไหวบ้างมั้ย ไม่เห็นเฮียแกจะสะทกสะท้าน ยังแสดงบทบาทที่ได้รับมา
แบบไม่มีหลุดมาดสักกะจิ๊ดงิ แบบว่าแสดงได้ไร้ที่ติขนาดหนูนิจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
ไม่มีสะกิดใจหรือคิดฝันว่าจะเป็นสามีตัวเองมานั่งอยู่ตรงหน้าเลยสักนิดเดียว
แบบว่าบทคาออสกับบทพี่โซมันคนละแนวคนละคาแรกเตอร์กันเลยว่างั้นค่ะ
แต่เฮียแกก็แสดงได้เนียนทั้งสองบท อิอิ




...........สุดท้ายไม่ท้ายสุด...........

ขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจกันถ้วนหน้าทุกท่านนะคะ

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2559, 09:54:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2559, 09:54:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 2068





<< ลำที่ 1 เงื่อนไข   ลำที่ 65 It's Alright (100%) >>
kaelek 19 ก.ค. 2559, 13:28:15 น.
พี่คิน ไม่มีสะเทือนเลยอ่ะ คนที่สะเทือนคือนิอย่างเดียวเลย ..มาม่าบิ๊กแพ็คยังไม่มา แต่น้ำกำลังเดือดเลย.. ทำไมนางเอกของไรเตอร์แต่ละเรื่องนั้น ช่างสมบุกสมบันทั้งร่างกายและจิตใจเลย #จะเป็นนางเอกไม่ใช่ง่ายๆเลย


Alicna 19 ก.ค. 2559, 14:10:13 น.
เข้ามาเป็นกับลังจังให้ไรต์อีกแรงค่ะ ตอนนี้ทำเอาอึ้งเลยทีเดียว


แว่นใส 19 ก.ค. 2559, 14:11:30 น.
ดอนจะจัดการยังไงนะ


ปรางขวัญ 19 ก.ค. 2559, 22:34:35 น.
ปวดใจไปกับนู๋นิเลย เมื่อก่อนมองเห็นแต่ภาพไม่น่ารัก จริงๆนู๋นิก็น่ารักไม่แพ้พี่สาวเลย


phakarat 19 ก.ค. 2559, 22:46:39 น.
โซรันจะใจอ่อนกับนิบ้างมั้ยน๊า เธอออกจะอดทนขนาดนี้ยอมกินแต่บะหมี่กะข้าวมันไก่ต้องหลายอาทิตย์เพื่อประหยัดเงินเอาไว้บริหารบริษัทให้อยู่รอด เอ๊ะหรือว่าหนูนิเริ่มจะสงสัยในตัวคุณคาออส เบย์แล้ว


yapapaya 19 ก.ค. 2559, 23:12:53 น.
ศึกสายเลือดกำลังระอุ จะรู้ไหมว่าเป็นลูก ส่วนศึกในหัวใจหนูนิ จะรับมือไหวไหมหนอ สู้ๆนะจ๊ะหนู คุณโยเขาส่งบทดสอบใจ ต้องผ่านไปอย่างสวยงามนะจ๊ะ เอาใจช่วยอย่างห่วงๆอยู่ห่างๆนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account