ซุลนูรอยน์...The man with two lights
ซุลนูรอยน์ (Zul Nurain) คือ ผู้ครอบครองรัศมีทั้งสอง
หรือ ผู้มีสองรัศมี
คือ เรื่องราวความรักความผูกพันธ์ในครอบครัว...
และการสร้างครอบครัวภายใต้เงื่อนไขที่ถูกใครบางคนวางขึ้นมาเพื่อให้ตัวละครในเรื่องขับเคลื่อนชีวิตเดี่ยวไปสู่ชีวิตคู่...
จากชีวิตคู่...ไปสู่ครอบครัว
โดยมี 'บ้าน' เป็นรางวัลให้กับผู้ชนะที่ทำตามเงื่อนไข
ทั้งหมดได้...จนจบเกม
เมื่ออึกหนึ่งเหมือน 'ไฟเย็น'
ส่วนอีกหนึ่งเหมือน 'น้ำร้อน'
และ...
เมื่อร้อนกระหาย...ดับได้ด้วยน้ำเย็น
แล้วถ้าร้อนรนด้วยกิเลสของความอยาก...จะดับด้วยกับอะไร
และ
บ้านจะอบอุ่นได้...จะต้องใช้อะไรอบถึงจะอุ่น...
และ
ซุลนูรอยน์...จะเป็นฉายาของใคร ???
Tags: ดราม่า คาเวห์ มัสรานี มัสลัน นิมัสรา โซรัน ซูไฮล่า ซุลนูรอยน์ ผู้ครอบครองรัศมีทั้งสอง ความสัมพันธ์ในครอบครัว บ้าน
ตอน: ลำที่ 65 It's Alright (100%)
“ฉันไม่ต้องการให้เด็กคนนั้นเกิดมา…เพราะนอกจากฉันจะเกลียดไอ้ดอนแล้ว…
ฉันยังเกลียดไอ้นาคาอิและพรรคพวกของมัน…ไม่มีวันที่ฉันกับพวกมัน
จะญาติดีกันได้โดยแท้จริงหรอก…”
เคนถึงกับลอบถอนใจเมื่อบิดาบุญธรรมของเขาประกาศิตออกมาเช่นนั้น…
ตอนนี้เหมือนเขายืนอยู่ตรงกลางแล้วกำลังถูกฉีกแบ่งออกมาเป็นสอง
“เด็กคนนั้นจะเกิดมาเพื่อสร้างความวิบัติให้กับอะโอสึกิ…กำจัดเด็กนั่นซะ…
ส่วนแกจะเก็บแม่เด็กเอาไว้ก็เป็นสิทธิ์ของแก…แต่เด็กนั่น…ห้ามให้มันเกิดมามีชีวิตเด็ดขาด!”
เคนนั่งนิ่งหลังตรงแน่ว การฆ่าเด็กตาดำๆไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับบิดาบุญธรรมของเขาก็จริง
แต่นั่นคือสิ่งที่ยากเย็นสำหรับเขา…ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะใช่ลูกของเขาหรือลูกของใครก็แล้วแต่…
ก็หาใช่สิทธิ์ที่เขาจะไปเข่นฆ่าชีวิตบริสุทธิ์
“กฎของผมก็คือ…ไม่ฆ่าเด็กและสตรี!”
“แต่แกต้องทำ…และแกก็ต้องจัดการไอ้ดอนให้ฉันด้วย…”
“ดอนคือพ่อบังเกิดเกล้าของผม…”
“แล้วมันเคยเลี้ยงดูให้ข้าวให้น้ำแกมารึเปล่า…เลือดที่ใหลเวียนอยู่ในร่างกายแก
อาจจะมาจากมัน แต่ใครเล่า ใครคือผู้หล่อเลี้ยงเลือดเนื้อนี้ให้มีชีวิตอยู่…
ใครกันที่ขุดแกขึ้นมาจากกองขยะโสมมนั่น ใครกันที่ทำให้แกมีทุกอย่างในวันนี้…
ใครกันที่ส่งให้แกยิ่งใหญ่…พ่อบังเกิดเกล้าของแกหรือว่าฉัน!”
เคนหลับตา ชื่อเสียงอันเลื่องลือของเขาได้มาอย่างไรน่ะหรือ…
ได้มาเพราะการเป่าหัวผู้ท่ีขวางทางเดินของพ่อบุญธรรมของเขา…
ส่งชีวิตพวกนั้นไปสู่ความตาย…เป็นทาสรับใช้ซาตานตนนี้นั่นล่ะคือเส้นทางแห่งชื่อเสียง
ที่พ่อบุญธรรมของเขากำลังเอ่ยถึง…
“ถ้าไม่ได้น้ำเชื้อของเขา…ผมก็คงไม่เป็นผม…อย่างไรผมก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี
ว่าเขาคือผู้ให้กำเนิดผม…และโอโต้ซังก็คือผู้เลี้ยงดูผมมา…
ทั้งดอนและโอโต้ซังต่างเป็นผู้มีพระคุณต่อผม…”
“แต่แกเคยสัญญาว่าแกจะจัดการดอน แก้แค้นดอนให้ฉัน…”
“การแก้แค้นมีหลายรูปแบบ…ทำไมโอโต้ซังถึงอยากให้ผมฆ่าดอนนัก
ทำไมการฆ่าถึงเป็นรูปแบบที่ถูกเลือก…”
“เพราะมันเป็นคนฆ่าลูกสาวและลูกชายของฉัน…มันทำให้ทายาทของฉันตาย…
จนฉันไม่เหลือใคร…”
สำหรับนฤเคนทร์แล้ว เขายังกังขามาตลอดว่าดอนคือผู้อยู่เบื้องหลังการตายของลูกๆ
ของบิดาบุญธรรมของเขาหรือไม่
…และเขา…ยังไม่เคยได้ความกระจ่างในเรื่องนี้…
บิดาบุญธรรมแค่กรอกหูเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าดอนคือฆาตกรเลือดเย็น!
“ทำไมถึงไม่เป็นคนอื่น…ทำไมต้องเป็นผม…”
“ไอ้ดอนมันจะได้เจ็บปวดเหมือนที่ฉันกำลังเจ็บปวดอยู่…มันจะได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวด
แบบที่ฉันกำลังลิ้มรสทุกครั้งที่หายใจ…”
“โอโต้ซังต้องการให้ผมฆ่าดอน หรือต้องการให้ดอนฆ่าผมกันแน่”
ประโยคนั้นทำเอาคนที่กำลังเดือดดาลถึงกับชะงักกึก
“ดอนเชื่อว่าผมตายมาตลอด…ผมไม่ได้มีผลสำหรับชีวิตที่ผ่านมาของเขาด้วยซ้ำ…
การจะมีผมหรือไม่มีผม ชีวิตของดอนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสักเท่าไหร่…
ตอนนี้อาจจะดูเหมือนดีขึ้น เพราะว่าได้รับความมั่นคงและเข้มแข็งจากการผนึกกำลังร่วมกัน…
แต่ถ้าผมหายไปจากชีวิตดอน…นั่นก็หาได้มีผลใดๆกับดอนเลย…
มันไม่เหมือนกัน…ไม่เหมือนการที่โอโต้ซังเสียลูกๆที่โอโต้ซังเลี้ยงดูฟูมฟัก
และคาดหวังจากการเลี้ยงดูพวกเขามาตลอด…
พอพวกเขาไม่อยู่…ก็เหมือนความหวังนั้นได้ดับสูญ…
ซึ่งผิดกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับดอน…เราเพียงแค่มีความผูกพันกันทางสายเลือด
แต่ไม่ได้มีความผูกพันต่อกันทางสายใย…
ผมกับดอน เราเหมือนอยู่กันคนละโลกด้วยซ้ำ…แม้กระทั่งตอนนี้…
ผมก็ยังคงมีสภาพไม่แตกต่างจากแต่ก่อน…ดอนเองก็เช่นกัน…”
เคนเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ
ไม่รู้สึกร้อน ไม่รู้สึกหนาว…และไม่เคยยินดียินร้ายต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
…ในเมื่อไม่ว่าจะอย่างไร โลกของเขาก็ยังคงมีสีเดิม…นั่นก็คือ…สีมืดดำ…
“ผมเชื่อว่า…ถ้าจำเป็น…ดอนสามารถฆ่าผมได้โดยไม่รู้สึกผิด…
อย่างที่โอโต้ซังกำลังรู้สึกอยู่แน่ๆ…”
“แกไม่เคยมีลูก…ฉะนั้นแกไม่มีทางรู้หรอกว่า…การฆ่าลูกตัวเองมันไม่ง่าย…
และเจ็บปวดแค่ไหน…แม้ลูกจะเลวแค่ไหน…จนอยากจะฆ่าให้ตาย ก็ไม่อาจจะลงมือฆ่าได้…
ผิดกับลูก…ที่มันสามารถฆ่าพ่อของมันได้ง่ายดาย…”
“เหมือนที่โอโต้ซังกำลังใช้ให้ผมฆ่าลูกในท้องของมิโฮใช่มั้ยล่ะครับ”
“มันจะเกิดมาเป็นลูกทรพี…ถ้าแกไม่ฆ่ามันตอนนี้ ต่อไปมันก็จะฆ่าแก…
แกควรจะลงมือฆ่ามันตอนที่ยังมีโอกาส…”
เคนผ่อนลมหายใจก่อนจะหันหลังให้บิดาบุญธรรมแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท
ทว่าเย็นยะเยือก
“งั้นโอโต้ซังก็ฆ่าผมซะเถอะ! ฆ่าตอนที่ยังฆ่าผมได้…
ฆ่าในขณะที่ผมยอมให้ฆ่า…อย่างเช่นตอนนี้…และ…เวลานี้…”
เคนวางชีวิตเป็นเดิมพัน…หากอีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย ชายหนุ่มจึงเดินจากมา…
โดยไม่หันหลังกลับไปมอง…เขาไม่อยากเห็นแววตาของบิดาบุญธรรม
…แววตาของผู้ที่ตกอยู่ในอำนาจของความแค้น…
ทว่า…อยู่ๆ…ร่างของนฤเคนทร์ก็ร่วงลงเหมือนนกที่กำลังจะโบยบินไปสู่ท้องฟ้ากว้าง
แล้วถูกนายพรานยิงร่วงพรูสู่พื้นดิน
…แลหาฟ้าที่เห็นอยู่ใกล้แค่ตา…แต่ไกลสุดเอื้อม…ไม่เจอ…
เมื่อความมืดสนิทเข้ามาบดบัง…ทุกสรรพสิ่ง
…ดั่งเหมือนสัญญาณสุดท้าย…ให้รับรู้ถึงความว่างเปล่าที่กำลังเดินทางเข้ามาในไม่ช้า…
ณ ขณะนั้นเอง…ที่เคนสามารถรับรู้และสัมผัสถึงความห่วงใยจากผู้หนึ่ง
ซึ่งเขาขาดซึ่งการระลึกถึงมาเนิ่นนาน…
'อัรฺเราะมาน' (ผู้ทรงเมตตา)
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมีความเมตตาได้เช่นนี้…
คือผู้ทรงที่สุด ทรงให้แบบไม่มีจำกัดซึ่งความเมตตาอย่างมากมาย
แบบจินตนาการไม่ถึงซึ่งความเมตตา
ซึ่งกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ขณะนี้…บ่งบอกว่าพระองค์กำลังเป็นห่วงเขา!
และเขา…ไม่เคยตอบแทนบุญคุณที่พระองค์มีต่อเขามาตลอดเลย…
...เขาจะต้องกลับคืนสู่พระองค์ในสภาพของผู้ทรยศเนรคุณเช่นนี้น่ะหรือ…
“เคน!” เสียงตะโกนกู่ก้องดังขึ้นพร้อมเหงือกาฬผุดพรายเต็มใบหน้า
ดวงตาสีน้ำทะเลลืมโพลงท่ามกลางความมืดมิดรอบกาย
เพียงไม่นาน แสงสว่างก็เข้ามาแทนที่พร้อมเสียงหนึ่ง
“เป็นอะไรไปคะดอน…”
“เคน…ผมจะไปหาเคน…” มืออุ่นเข้ากอบกุมมือที่กำลังเย็นเฉียบเอาไว้
ก่อนจะลูบไล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ผมฝัน…ผมเห็นเคนเดินเข้าไปในกองไฟที่ลุกโชน…ผมพยายามเรียกเขาเท่าไหร่…
เขาก็ไม่หันกลับมา…ไม่หยุดที่จะเดินเข้าไปสู่ไฟกองนั่น…”
ดอนส่ายหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่น
“ผม…ผมจะไปนำตัวเขากลับมาอยู่กับเราที่นี่…เพราะที่นั่น…ไม่ปลอดภัยสำหรับเขาอีกต่อไป!”
“ฉันจะไปกับคุณ…” เสียงนั้นทำให้ดอนรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจ
“ลูกของเรา…ควรจะอยู่กับเรา…ไม่ใช่หรือคะ…” ดอนพยักหน้าหงึกๆ
“งั้น…เราไปกันเถอะ…ผมรู้สึกเหมือนจะ…รอไม่ได้…ไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว…
รอวันพรุ่งนี้เช้ามาถึงไม่ไหวอีกแล้วโรส…”
ภาพฝันมันยังติดตาเขาจนไม่อาจถอดออกไปได้…และมันก่อเกิดเป็นความร้อนรุ่ม
จนไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป…ดอนจึงทิ้งที่นอนเดินเข้าห้องน้ำ…
มาดามซันเดียมองตามไป ก่อนจะลุกขึ้นตระเตรียมกระเป๋าสำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่น
…เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตด้วยกันมา นางไม่เคยเห็นดอนมีอาการทุรนทุราย
กับความฝันเช่นนี้มาก่อน…
ในขณะที่คาเวห์นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายทั้งคืน อีกทั้งลูกชายฝาแฝดของเขา
ก็ร้องงอแงไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน…ไม่ว่ามัสรานีจะทำเช่นไรก็ไร้ผล…
“ลูกเป็นอะไรน่ะมัส…”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ…ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้…นมก็ไม่ดูด...เอาแต่ร้องไห้…”
และเพียงไม่นาน เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น คาเวห์จึงเดินไปเปิดประตู
เห็นหน้าตานิมัสราไม่สู้จะดีสักเท่าไหร่
“พี่มัสล่ะคะ…”
“อยู่ข้างใน…เด็กๆร้องไห้ไม่ยอมหลับเลย…”
“ระชากับระดาก็เหมือนกันค่ะ…ไม่รู้ทำไม…กล่อมกันเท่าไหร่ก็ไม่ยอมนิ่ง
นิเลยกะจะลงมาปรึกษาพี่มัสว่าควรทำยังไงดี…ตอนนี้ให้พ่อเขากล่อมอยู่ค่ะ…”
“สงสัยจะตกที่นั่งลำบากพอกัน…”
“แล้วจะเอาไงคะเนี่ย…”
“เดี๋ยวพี่จะลองอ่านคัมภีร์ให้เขาดู…เผื่อจะช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงได้บ้าง…
ลองทำดูนะนิ…แล้วค่อยมาว่ากันอีกที”
คาเวห์แนะนำ นิมัสราพยักหน้าแล้วยิ้มบางก่อนจะผละจากไป
ชายหนุ่มปิดประตูห้องแล้วเดินกลับมาที่ลูกเมีย
“ได้ยินเสียงยัยนิ…มีอะไรรึเปล่าคะ…”
“มาบอกว่าระชากับระดาร้องงอแงไม่ยอมหยุด กล่อมเท่าไหร่ก็ไร้ผล
เลยลงมาปรึกษาคุณ…ผมเลยบอกว่า…คุณเองก็กำลังตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน…
แล้วก็เลยแนะนำให้ลองอ่านคัมภีร์ให้ลูกๆฟังดู…เพื่อที่จิตใจของเขาจะได้สงบลง…
เมื่อจิตใจสงบก็จะหลับลงได้…”
ว่าแล้วก็นั่งลงตรงพื้นพรม ไกวเปลให้ลูกน้อยแล้วเริ่มอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน
ให้ลูกชายทั้งสองฟัง…หวังจะให้จิตใจของตนสงบลงเช่นกัน
มัสรานีเองก็พลอยได้ฟังไปด้วย…
จนล่วงเลยเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็สุดที่ใครจะมานั่งนับ…
มัสรานีที่เพลียมาทั้งวันเผลอฟุบหลับคาตักของคาเวห์ที่ตอนนี้ยังคงกล่อมลูกๆ
ด้วยคัมภีร์อัลกุรอาน…
ชายหนุ่มมองลูกน้อยที่หลับไปแล้วก่อนจะก้มลงมองภรรยาที่นอนคุดคู้บนพื้นห้อง
โดยที่ศีรษะวางอยู่บนตักของเขาแล้วให้คลี่ยิ้มออกมา…
ฝ่ามือใหญ่จึงลูบศีรษะและเส้นผมของมัสรานีแผ่วเบาอย่างทะนุถนอม…
จากนั้นจึงอุ้มร่างหญิงสาวไปยังเตียงนอน ห่มผ้าให้แล้วกลับมายังลูกน้อย
เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
และแทนที่จะกลับไปยังเตียงนอน ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะเดินไปยังที่อาบน้ำละหมาด
เพื่อทำการอาบน้ำละหมาด และทำการละหมาดกิยามุลลัย…
เสร็จจากละหมาดนั่นล่ะจึงกลับไปดูลูกน้อยอีกครั้ง แล้วล้มนอนลงบนเตียงนุ่ม
กอดภรรยาของตน…เข้าสู่นิทราในที่สุด
แม้ส่วนลึกให้รู้สึกห่วงนฤเคนทร์อย่างที่ไม่เคยรู้สึกรุนแรงเช่นนี้มาก่อน!
ส่วนโซรันและนิมัสราเมื่อได้ทำตามคำแนะนำของคาเวห์แล้ว
เด็กๆจึงหลับลงได้ในที่สุด ทั้งสองจึงสามารถเข้าสู่นิทราเมื่อคลายจากความกังวลใจต่างๆลง…
หากก่อนหลับตาลง โซรันเอ่ยกับนิมัสราว่า
“ผมคิดถึงเคนอย่างไรบอกไม่ถูก…อยากเจอเขา…”
“โทรไปหาสิคะ…”
“ตอนนี้เคนคงกำลังหลับอยู่…ผมไม่อยากรบกวน…เอาไว้พรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน…”
นั่นคือจุดสิ้นสุดการสนทนาระหว่างกันเมื่อนิมัสราหมดเรี่ยวแรงจนเผลอหลับไป
โซรันเองก็เหน็ดเหนื่อยกับปัญหามากมายในชีวิตจนแรงกายแรงใจหมดลง
ต้องเติมพลังด้วยการนอนหลับ…
....................โปรดติดตามตอนต่อไป.........................
เอามาม่ามาเสริฟยามดึกสงัดค่ะ...สถานการณ์รอบกายไม่ค่อยดีนัก
เป็นหวัดและเป็นไข้ด้วย...เร่ียวแรงเลยไม่ค่อยเต็มร้อย แต่จะพยายามปั่นนิยาย
เพื่อให้ตัวละครได้โลดแล่นอย่างต่อเนื่องจ่ะ ^^
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านอยู่มากๆค่ะ ^^
และขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ขอให้ปลอดภัยกันทุกท่านนะคะ ^^
.............ตอบเมนท์จ่ะ..............
1.คุณyapapaya...ตอนได้รู้เรื่องข่าวระเบิดที่กลางเมืองตรัง ตอนนั้นก็ตกใจค่ะ
แต่ทุกคนที่ไปไม่มีใครเป็นอะไร...ปลอดภัยกลับมาทุกคน เพียงแต่ทางฝั่งญาติ
และคนรู้จักของพี่สะใภ้โยมีบาดเจ็บค่ะ เพราะพี่สะใภ้โยเป็นคนตรังค่ะ...
ก็เลยสอบถามถึงที่มาที่ไป ก็มีการวิเคราะห์กันต่างๆนานาค่ะ...
ว่าแต่...ทางฝั่งคุณ yapapayaมีใครเป็นอะไรรึเปล่าคะ...อ่านคอมเมนท์แล้ว
รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี...ส่วนโยนั้น...ก่อนไปเรียนต่อ...โยติดอยู่ใจกลางของ
สถานที่เกิดระเบิดเพราะไปเยี่ยมพี่สะใภ้อีกคนที่ยะลา เกือบไม่ได้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
และยังเจอเหตุการณ์ยึดสนามบิน ตอนนั้นกลับมาเยี่ยมบ้านตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อน
ขากลับญี่ปุ่น...คืนนั้นเจอรัฐประหารพอดี...พอเรียนใกล้จะจบกลับมา เจอเหตุการณ์
ยึดสนามบินสุวรรณภูมิพอดีอีก...เที่ยวบินนั้นแทบไม่มีผู้โดยสาร...
แถมสนามบินก็ร้างเหมือนป่าช้า...แต่โยก็ยังยืนยันจะกลับมาให้ได้...
ยังจำได้ติดตาไม่ลืม...แล้วตอนอยู่ญี่ปุ่น เจอทั้งพายุ แผ่นดินไหว
และเรื่องไม่คาดฝันมาไม่น้อย...พอกลับมาอยู่ไทยก็...เฉียดลูกระเบิดมาหลายรอบแล้ว...
ตอนทำงานอยู่ที่กทม.พักอยู่ใกล้ม.ราม ตอนนั้นเกิดศึกที่ราม...เสียงปืนเสียงหวอ
รถพยาบาลดังตลอดคืน...นอนไม่ลงค่ะ...เพราะเพื่อนๆและน้องๆที่รู้จักหลายคน
ติดอยู่ในม.ราม...พอกลับใต้ก็เจอลูกน้อยหน่า...คนรอบกายหวุดหวิดจะโดน
ลูกน้อยหน่ากันหลายครั้งหลายหน จากที่เคยรู้สึกกลัวและหวาดหวั่นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
มันกลับรู้สึกชินชา ซึ่งมันกลายเป็นความเคยชินที่น่ากลัวน่ะค่ะ...
เชื่อว่า...ใครก็ตามที่ได้เจอกับอะไรที่มันซ้ำๆซากๆ โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ
สักวัน...หัวใจเราจะสร้างภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งขึ้นมา...แต่เรื่องเสียใจเสียน้ำตานั้น
มีแน่นอนค่ะ...เพราะหัวใจเรา...มันยังไม่ด้านพอ!
ยังไง...ดูแลตัวเองด้วยนะคะ...เป็นห่วงค่ะ
2.คุณkaelek...พี่เคนโดนจังงัง! เหอๆๆ นักอ่านรู้สึกยังไงไม่รู้
ตอนนี้เต่ายังรู้สึกจุก...แหะๆ เคนเป็นตัวละครอีกตัวที่โยสงสารจับใจ...
เพราะตอนที่พลัดพรากจากบ้านและครอบครัว เคนยังเด็กอยู่มาก อายุน้อยกว่า
พี่ชายสองคน...แล้วเหมือนจะโชคร้ายกว่าพี่อีกสองคน หากมองในแง่ของ
สิ่งแวดล้อมรอบตัว...
3.คุณFidavs...นาบีลกับจาลัลเป็นนักสืบระดับสากลค่ะ ^^
เปิดเรื่องดาวล่องหนไปแล้วนิดนึงเม่ือปีก่อนโน้น ถ้าได้อ่านบ้างแล้วอาจจะจำได้ ^^
ปล.พี่เคนคงดีใจ และหายเหงาแน่ๆค่ะถ้าได้ยิน ^^
4.คุณแว่นใส...นั่นจิ มิโฮท้องได้ไง ต้องมาดูเฉลยกันค่ะ
(แล้วใครจะมาเฉลยล่ะเนี่ย) แฮ่...
5.คุณcoonX3...เคนถูกกดดันมาตลอดทั้งชีวิตค่ะ...ชีวิตไม่สุขสมหวัง...
เหมือนเครื่องจักรที่ต้องทำงานตามคำสั่งมาตลอด...
6.คุณโคนันคุงคนเดิม...บุญคุณเหมือนจะทำให้พี่เคนแกหมดทางไปเลยนะนั่น
ปล.ด้ามขวานมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญบ่อยครั้งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วอ่ะค่ะ...
คนที่รู้ก็ไม่กล้าอ้าปากพูด ส่วนคนที่พูด...ก็พูดไปโดยรู้ไม่หมด...
หรืออาจจะรู้แต่ไม่ยอมพูดในสิ่งที่รู้ออกไปทั้งหมด...เมื่อความจริงบางอย่าง
ไม่มีประโยชน์ต่อตน...หรืออาจจะกระทบต่อตนทำให้ตนเดือดร้อน...
ตอนเรียนโยสนใจคำในภาษาอังกฤษสองคำมากๆ นั่นคือคำว่า
Violence (การใช้ความรุนแรง) กับ silence (ความเงียบ/การไม่พูด)
ซึ่งมันมักจะเกิดมาเพื่อคู่กันน่ะค่ะ เพราะเม่ือเกิดการใช้ความรุนแรง
มันก็จะนำมาซึ่งการนิ่งเงียบ...คือเมื่อเห็นภาพความรุนแรงและป่าเถื่อน
เราก็มักจะ...พูดอะไรไม่ออก...
หรือที่เรียกกันว่า
the vi'lence causes silence
สำหรับโย มนุษย์ฆ่ากันเป็นเรื่องปกติในความไม่ปกติ...ส่วนคุกก็มีเอาไว้ขังคนแพ้...
เพราะอย่างที่เห็นๆกันก็คือ คนผิดและคนไม่ผิดมีทั้งในคุกและนอกคุก...
ตัวละครในเรื่องนี้...เลยไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้...^^
7.คุณสายป่าน...พี่เคนเจอทั้งศึกนอกศึกใน ศึกสายเลือดและนอกสายเลือด...
สุขสันต์วันแม่ย้อนหลังด้วยค่ะ ^^
..........สุดท้ายไม่ท้ายสุด...........
ขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจกันถ้วนหน้าทุกท่านด้วยนะคะ
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2559, 02:04:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2559, 02:04:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 1952
<< ลำที่ 50 คลื่นความหวั่นไหว | ลำที่ 66 ตุ๊กตาล้มลุก (100%) >> |


kaelek 14 ส.ค. 2559, 09:30:46 น.
สายใยก็ยังเป็นสายใย ห่างกันยังไงก็ยังสื่อถึงกัน ..เคนจะตายจริงๆเหรอ ไม่มีวินาทีพลิกผันเหรอ ไหนจะเรื่องลูกของมิโฮอีก มาต่อไวๆน้าาา หายป่วยไวนะฮ้าบบบ
สายใยก็ยังเป็นสายใย ห่างกันยังไงก็ยังสื่อถึงกัน ..เคนจะตายจริงๆเหรอ ไม่มีวินาทีพลิกผันเหรอ ไหนจะเรื่องลูกของมิโฮอีก มาต่อไวๆน้าาา หายป่วยไวนะฮ้าบบบ

Fidavs 14 ส.ค. 2559, 10:58:44 น.
คนอ่านใจคอไม่ดีเลย พี่เคนไม่ตายไม่ได้เหรอค่ะไรต์ อยากให้มีปฎิหาริย์เกิดขึ้น พี่เคยต้องรอด รอด รอด และก็รอด
คนอ่านใจคอไม่ดีเลย พี่เคนไม่ตายไม่ได้เหรอค่ะไรต์ อยากให้มีปฎิหาริย์เกิดขึ้น พี่เคยต้องรอด รอด รอด และก็รอด

Kim 14 ส.ค. 2559, 11:58:17 น.
เคนใช้ชีวิตตัวเองวัดใจพ่อบุญธรรม เคนจะไม่ตายใช่ไหมคะคุณโย
บทของเคนยังมีไม่มาก ใช้งานยังไม่คุ้ม คุณโยคงยังไม่ให้ตายหรอก
เคนใช้ชีวิตตัวเองวัดใจพ่อบุญธรรม เคนจะไม่ตายใช่ไหมคะคุณโย




โคนันคุงคนเดิม 14 ส.ค. 2559, 20:13:33 น.
น่าสงสารพี่เคนโดนคดีทำหญิงท้องยังไม่เคลียยังมาโดนพ่อบุญธรรมทำแบบนี้อิก!คุณโยถ้าพี่เคนตายมีเคืองนะคะทีมพี่เคนค่ะ55555
น่าสงสารพี่เคนโดนคดีทำหญิงท้องยังไม่เคลียยังมาโดนพ่อบุญธรรมทำแบบนี้อิก!คุณโยถ้าพี่เคนตายมีเคืองนะคะทีมพี่เคนค่ะ55555

yapapaya 15 ส.ค. 2559, 00:15:15 น.
สงสารเคนซัง สายใยแม้มองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสด้วยใจ คุณโยอย่าใจร้ายกับเคนซังนะ โล่งใจที่ทุกคนปลอดภัยนะคุณโย จากเหตุการณ์วางระเบิดกลางเมืองตรังสะเทือนขวัญมีบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นเหตุการณ์ตอนกลางวัน ตกย่ำรุ่งไฟใหม้ศูนย์การค้าใกล้สถานีรถไฟตรังเสียหายทั้งตัวตึกและสินค้าเป็นห้างค้าส่งด้วยเสียหายหลายล้านบาท เศร้าจริงๆ
สงสารเคนซัง สายใยแม้มองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสด้วยใจ คุณโยอย่าใจร้ายกับเคนซังนะ โล่งใจที่ทุกคนปลอดภัยนะคุณโย จากเหตุการณ์วางระเบิดกลางเมืองตรังสะเทือนขวัญมีบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นเหตุการณ์ตอนกลางวัน ตกย่ำรุ่งไฟใหม้ศูนย์การค้าใกล้สถานีรถไฟตรังเสียหายทั้งตัวตึกและสินค้าเป็นห้างค้าส่งด้วยเสียหายหลายล้านบาท เศร้าจริงๆ