มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 20




บทที่ 20



หลังจากงานแต่งผ่านไปแค่วันเดียว วิถีชีวิตของชาวเกาะก็กลับมาเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็เห็นจะเป็นหัสตะกับวาวพลอย ที่แม้จะใช้ชีวิตปกติร่วมกับบ้านใหญ่ แต่ก็ต้องกลับมาพักอยู่ที่กระท่อมซึ่งใช้เป็นเรือนหอในตอนกลางคืน

ขณะที่หัสตะออกหาปลา สัตว์น้ำ ร่วมกับกลุ่มผู้ชาย หญิงสาวก็ยังอยู่กับกลุ่มผู้หญิงที่บ้านใหญ่ ทำงานช่วยพวกผู้หญิงและเด็กๆ เพราะพึ่งผ่านงานแต่งงานมา จึงมีการหยอกเย้ากันอยู่ตลอด

วาวพลอยฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ก็พอเดาได้ในบางคำ และแน่นอนว่ามันทำให้เธอหน้าแดงได้ทุกครั้งที่ถูกแซว แม้ความจริงแล้วเธอกับหัสตะจะไม่มีอะไรเกินเลยกันก็ตาม

“ผู้เฒ่าบอกว่าอีกไม่กี่วันฤดูมรสุมก็จะผ่านไปแล้ว หลังจากนั้นเราคงออกเดินทางกันได้” ชายหนุ่มเปรยขึ้นเมื่อพาวาวพลอยออกมาจากบ้านใหญ่ หลังจากรับประทานอาหารเย็น อยู่คุยกับผู้เฒ่าและลูกๆ ของแกเสร็จ

“แล้วเราจะไปกันยังไงล่ะคะ” หญิงสาวถาม ขณะเดินเคียงข้างคนตัวโตไปบนพื้นทราย

รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องจากเกาะแห่งนี้ และชาวเกาะที่น่ารักเหล่านี้ไป วิถีชีวิตที่นี่ น้ำใจของผู้คน ทำให้วาวพลอยรู้สึกผูกพัน เธออดคิดไม่ได้ว่า หากสามารถปล่อยวางทุกอย่างที่หนักอึ้งได้ก็คงอยู่ที่นี่ได้สบายใจกว่านี้ และที่สำคัญเธออยากจะหยุดช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ไว้ เพราะไม่รู้ว่าจากนี้ไปเธอและหัสตะจะพบเจอกับสิ่งใดอีก

“ผู้เฒ่าจะให้พวกลูกหลานแกไปส่งเราที่ชายฝั่ง หากไม่มีอะไรติดขัดคงใช้เวลาเดินทางสาม-สี่วัน ช่วงนี้ไม่มีมรสุมเรือเล็กคงสามารถเข้าไปถึงฝั่งได้ไม่ยาก” หัสตะบอกถึงแผนการเดินทางคร่าวๆ ตามที่ได้พูดคุยปรึกษากับผู้เฒ่าอังวะและลูกๆ ของแกให้เธอฟัง

“แล้วที่ชายฝั่งเป็นเขตริตถาวดีหรือเปล่าคะ” ทั้งคู่เดินเคียงกันไปตามชายหาดข้างกระท่อมที่พัก

“ผมไม่แน่ใจ แต่เห็นบอกว่าเป็นตะเข็บชายแดนระหว่างริตถาวดีกับเมืองเพื่อนบ้านชื่อภูศิยาน์ ซึ่งตรงนั้นใกล้ที่สุดแล้ว” เขาบอก แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่ต่อคำแถมยังหยุดเดิน ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ

“ทำไมเงียบไป กังวลอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่รู้สึกใจหายที่ต้องจากพวกเขาไปเท่านั้นเอง” หญิงสาวทอดน้ำเสียงเศร้าอย่างไม่ปิดบัง หัสตะเองก็ถอนหายใจ

“นั่นสินะ แต่เราจะมัวเอ้อระเหยไม่ได้ เราต่างมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำรออยู่” ก่อนจะตัดใจพูดออกมา วาวพลอยเองก็เข้าใจความจริงข้อนี้ดี

“ฉันรู้ค่ะ ไม่รู้เลยนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” หญิงสาวเปรยขึ้นในตอนท้าย ปิดบังความวิตกกังวลเอาไว้ไม่มิด ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนหาดทราย ชายหนุ่มเองก็นั่งลงข้างๆ

“อย่าพึ่งกังวลถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเลย คุณรู้ไหมชาวริตถาวดีเชื่อว่าคนที่เกิดมาเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ล้วนแล้วแต่ถือกำเนิดมาจากดวงดาวบนท้องฟ้า เพื่อจะมาจุติอยู่บนที่สูงท่ามกลางหมู่คน เพื่อส่องแสงสว่างให้แก่พวกเขา ซึ่งก็เปรียบดังดวงดาวบนฟากฟ้าในโลกมนุษย์” หัสตะพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า

“ผมเชื่อว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น” ชายหนุ่มบอกจากความรู้สึกที่แท้จริง วาวพลอยแหงนมองตาม

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงเป็นดาวที่อับแสงที่สุดล่ะมั้งคะ เพราะไม่รู้สึก ไม่รู้จักแม้กระทั่งแสงสว่างของตัวเอง จนตอนนี้ถึงรู้ก็ไม่อาจเปล่งแสงได้ อย่างนี้จะไปอยู่บนฟ้า หรือส่องแสงนำทางให้กับใครได้ยังไง ในเมื่อทางกลับสู่ท้องฟ้าฉันก็ยังไม่รู้เลย” น้ำเสียงของหญิงสาวระทดท้อ จนคนข้างตัวต้องหันมามองด้วยแววตาเห็นใจ

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลับไม่ได้เสียหน่อย อย่ากังวลเลย มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะเป็นแสงสว่างให้คุณ นำทางคุณกลับสู่ฟ้าให้ได้” เขาเอื้อมมือมาจับมือบางไว้ วาวพลอยมองดวงหน้าของคนข้างๆ ในความมืดสลัว

“ขอบคุณนะคะ” ความรู้สึกอบอุ่นอวลอยู่ในหัวใจอย่างที่เคยเป็นมาทุกครั้งกับความห่วงใยอาทรของเขา

หัสตะเอนกายลงนอนบนพื้นทราย หญิงสาวจึงล้มตัวลงนอนตาม และก็คิดไปถึงบางเรื่อง

“คุณพอจะรู้เรื่องเหล่าราชวงศ์ของฉันบ้างไหมคะ ฉันหมายถึงคนที่จ้างคุณมารับฉัน หรือแม้แต่ใครสักคนที่ต้องการเอาชีวิตฉัน” แล้วจึงตัดสินใจถามออกมา

“แม่คุณคงจะบอกบ้างแล้วว่าท่านโสตถี ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของพระราชาเนวะสัญได้ส่งคนออกสืบหาเจ้าหญิงชลันตา และเพชรยอดมงกุฎราชา เท่าที่ได้ยินกิตติศัพท์ ท่านเป็นคนที่มีบทบาทกับริตถาวดีมาตั้งแต่สมัยที่พระบิดาของคุณยังมีชีวิตอยู่

“เป็นคนรักชาติ รักแผ่นดินเป็นที่ตั้ง ช่วงที่เกิดกบฏท่านกับครอบครัวหนีรอดมาได้ แล้วก็กลับมาเป็นผู้นำกอบกู้ชาติได้ใหม่อีกครั้งเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่เอง ตอนนี้ก็เป็นคนกุมอำนาจครึ่งหนึ่งในริตถาวดี แต่ก็เป็นครึ่งที่มีความสำคัญเกือบทั้งหมด”

“แล้วองค์รัชทายาทล่ะค่ะ แม่บอกว่าริตถาวดีมีองค์รัชทายาทด้วย” วาวพลอยถามด้วยความสงสัย

“ใช่แล้วล่ะ เขาคือเจ้าชายอุชเชน เป็นพี่ชายต่างมารดาของคุณ

เขาพึ่งถูกปรับลดตำแหน่งลงมาเป็นองค์รัชทายาทอันดับสอง รองจาก

เจ้าหญิงชลันตาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็ตั้งแต่ทางริตถาวดีแน่ใจว่าคุณยังมีชีวิตอยู่นั่นแหล่ะ” หัสตะบอกเล่าต่อ

“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ เขาเป็นพี่ชายของฉัน แถมยังเป็นผู้ชายอีกนะคะ เหมาะสมที่จะครองบัลลังก์ของริตถาวดีมากกว่าฉันด้วยประการทั้งปวง หรือจะเกี่ยวกับเพชรยอดมงกุฎ” หญิงสาวคาดเดาไปตามความเข้าใจ

“ส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวกับเพชรยอดมงกุฎ แต่ที่สำคัญคือเจ้าชาย

อุชเชนเป็นพี่ชายคุณก็จริง แต่เขาไม่ได้เกิดจากองค์ราชากับองค์ราชินี แถมยังเกิดจากหญิงงามเมือง ทำให้เขาเป็นรองคุณเรื่องสิทธิอำนาจใน

ราชบัลลังค์ของริตถาวดี” คำบอกเล่านั้นทำให้วาวพลอยหันมามองคนข้างๆ ท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก

“อะไรนะคะ หมายความว่าเสด็จพ่อมีพี่ชายของฉันก่อนจะแต่งงานกับเสด็จแม่หรือคะ”

“ก่อนจะเจอกับองค์ราชินีด้วยซ้ำ แต่มันไม่มีอะไรสำคัญหรอก เพราะหญิงงามเมืองแม่ของอุชเชนเองก็เหมือนหญิงงามเมืองระดับสูงในสมัยก่อนที่เอาไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองทั่วไป แต่บังเอิญว่าแม่ของเจ้าชายอุชเชนเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็เท่านั้นเอง” คำตอบของหัสตะ ทำให้คนฟังเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น

“แล้วคุณพอจะรู้ไหมคะว่าใครเป็นคนอยากฆ่าฉัน ระหว่างญาติที่กุมอำนาจหลายอย่างในริตถาวดี กับพี่ชายผู้ที่กำลังจะสูญเสียราชบัลลังก์ หรือว่ามีฝ่ายไหนอีกที่ฉันยังไม่รู้” นั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวหวั่นใจนัก

เธอไม่ได้กลัวตาย แต่วาวพลอยกลัวความรู้สึกของตัวเองต่างหาก กลัวจะรับไม่ได้ เพราะตามรูปการแล้วมีเพียงคนที่เสียผลประโยชน์เท่านั้นที่ต้องการเอาชีวิตเธอ และดูแล้วคนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นญาติสนิทของตนแทบทั้งสิ้น

อีกอย่างแม้ว่าท่านโสตถีจะเป็นคนค้นหาติดตามตัวเธอมาตลอด แต่ใครจะรู้... บางทีอาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ก็ได้ ในเวลานี้วาวพลอยจึงไม่อยากวางใจใครทั้งนั้น จนกว่าเธอจะได้พบเจอ สัมผัสกับคนเหล่านี้จริงๆ

“ผมไม่แน่ใจในเรื่องนี้นัก แต่ผมคิดว่าสักวันเราคงจะรู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนผมก็จะปกป้องคุณด้วยชีวิตของผม ผมสัญญา” มือใหญ่ที่จับมือบางเอาไว้บีบกระชับเบาๆ ถ่ายทอดกระแสอบอุ่นไปให้กับคนข้างตัว

วาวพลอยยิ้มอยู่ในความมืดอีกครั้งพร้อมบีบมือใหญ่นั้นตอบเป็นการขอบคุณ ทั้งคู่นอนอยู่บนหาดทราย ดวงตาจับจ้องบนท้องฟ้าที่มีดวงดาวพราวพร่าง

พระจันทร์คืนนี้ทอแสงสีนวลหม่นหมาง แต่ดวงดาวก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี วาวพลอยคิดว่าหากเธอเป็นดวงดาว พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอก็คงเป็นดวงดาวเช่นกัน

หญิงสาวคิดถึงแม่อัมพร ตะวันพราว และโก๋ ป่านนี้คนทั้งสามจะเป็นยังไงบ้าง วาวพลอยคิดว่าหลังจากเดินทางไปถึงริตถาวดีแล้วเธอคงจะหาวิธีตามหาพวกเขาได้ง่ายกว่านี้

พวกเขาทั้งหมดคือครอบครัวของเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นเพียงวาวพลอย ผู้หญิงธรรมดาๆ หรือเจ้าหญิงชลันตา แห่งริตถาวดีก็ตาม ดาวทุกดวงอาจจะเปล่งแสงของตัวเองได้ตามธรรมชาติ แต่ดาวหลงฟ้าอย่างเธอมีคนเหล่านี้เป็นดังแสงสว่างให้ตลอดมา

และตอนนี้ก็เพิ่มเติมคนที่นอนอยู่ข้างๆ อีกคน ท่ามกลางเสียงคลื่น แสงจันทร์และแสงดาว สองมือเกาะกุมกันไว้เงียบๆ ไร้ถ้อยคำใดๆ แต่ทว่าหัวใจกลับเต็มไปด้วยความอุ่นหวาน

*-*-*-*-*-*

“เป็นไปได้ยังไงกัน! ” เสียงของเจ้าชายอุชเชนดังขึ้น หลังจากฟังรายงานเรื่องการตามล่าเจ้าหญิงจากคนที่ส่งข่าวเสร็จ

“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายอุชเชน” เสนาฯ ระสังที่นั่งอยู่ไม่ไกลบอก

“ท่านจะให้ข้าเย็นได้ยังไง อีนังสองคนนั้นมันแสบนัก ดันหนีไปได้ หนำซ้ำยังทำลายเพิงพักไม้ไม่เหลือซาก แถมตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าเจ้าหญิงตัวจริงอยู่ที่ไหน” อุชเชนหันมาทางเสนาฯ ระสังอย่างหงุดหงิดเต็มที

“แล้วที่นังสองคนนั่นมันบอกล่ะ ให้คนไปดูแล้วเป็นยังไง” เสนาฯ ระสังถามคนส่งข่าว กรณีที่ผู้หญิงสองคนนั้นบอกว่าได้ซ่อนตัวเจ้าหญิงไว้ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อรอเสนาฯ โสตถีไปรับตัว

“ไม่มีขอรับท่านเสนาฯ มันหลอกเรา ไม่มีเจ้าหญิงอย่างที่มันบอก ทางท่านโสตถีเองก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใดขอรับ ตอนนี้กำลังของเรายังกระจายกันอยู่ทั่วขอรับ แต่ก็ยังไม่พบตัวเจ้าหญิง แล้วก็ผู้หญิงสองคนนั้นเลยขอรับ” คำตอบยืดยาวนั้นทำให้เสนาฯ ระสังหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามล่าผู้หญิงสองคนนั้นต่อไป เจอที่ไหนก็จัดการมันเสีย มาถึงตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว มีแต่โทษ และทำให้เสียเวลา” และออกปากสั่งไปในที่สุด

“แล้วเรื่องเจ้าหญิงล่ะท่านระสัง ท่านคิดว่ายังไง” เจ้าชายอุชเชนถามขึ้น เสนาฯ ระสังนิ่งคิดไปพักใหญ่

“เราก็ให้คนติดตามมาทุกช่องทางแล้ว ยกเว้น... ทางทะเล” ก่อนเปรยออกมาท่าทางยังครุ่นคิดไม่หาย

“มันจะมาทางนั้นให้เสียเวลาทำไมกัน ข้าไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อันใด เสี่ยงอันตรายไม่พอแถมยังล่าช้าอีกต่างหาก” เจ้าชายอุชเชนส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น

“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่จะไม่ให้เราตามตัวมันเจอหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสนาฯ ระสังย้อนถาม เจ้าชายอุชเชนนิ่งอึ้งไป

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราให้คนออกไปค้นหาทางทะเลเลยดีกว่าท่านระสัง” แล้วก็โพล่งออกมาตามที่คิดได้ เสนาฯ ระสังส่ายหน้า

“ไม่ได้อีกนั่นแหล่ะพ่ะย่ะค่ะ การออกทะเลจะทำให้พวกไอ้โสตถีมันเห็นเราชัดเจนขึ้น อย่าลืมสิว่าตอนนี้มันกำลังจับตามองเราอยู่ทุกฝีก้าว ถ้าคนของมันไม่หักหลังมาให้ข่าวกับทางเรา ป่านนี้เราแย่ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะฉะนั้นให้คนไปดักรอแถบชายฝั่งอีกทางหนึ่งดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ คราวนี้แหล่ะ ต่อให้ติดปีกเจ้าหญิงรัชทายาทก็จะไม่มีวันหลุดมือเราไปได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย” แววตาของชายวัยห้าสิบกว่าปีเปล่งประกายหมายมาด

“ถ้าเจอมันคราวนี้ไม่ต้องลากตัวมันมา หรือให้ข้าตามไปดู พวกเอ็งจัดการฆ่ามันแล้วตัดหัวมาให้ข้าได้เลย แล้วข้าจะจ่ายค่าจ้างเพิ่มให้อีกสองเท่า” อุชเชนสำทับด้วยแววตาเคียดแค้นไม่แพ้กัน





**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntz
Ojc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2Ijtz
Ojc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%
B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8
%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook

http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2559, 21:19:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2559, 21:19:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 796





<< บทที่ 19   บทที่ 21 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account