มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 23


เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!




อาการของหัสตะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเขาให้ความร่วมมือกับหมอที่ให้การรักษาเป็นอย่างดี อีกทั้งวาวพลอยเองก็คอยดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนกระทั่งเกือบหายเป็นปกติ ทุกคนจึงวางใจ

อินทุจึงให้หัสตะ วาวพลอย พร้อมกับอุเรและวานิที่หายดีแล้วไปพักอยู่ที่บ้านพักของเขา ซึ่งอยู่บริเวณภายในค่ายแต่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า

เย็นวันนั้นอินทุได้จัดอาหารพิเศษเลี้ยงฉลองที่ได้เจอเพื่อนเก่า และหัสตะออกจากโรงพยาบาล โดยมีทหารรับใช้คอยจัดเตรียมอาหารเอาไว้ให้ อุเรกับวานิก็ร่วมโต๊ะด้วย

“ตอนนี้อุเรกับวานิก็หายดีแล้ว ฉันอยากรบกวนนายช่วยเรื่องการเดินทางกลับเกาะนียาของทั้งคู่หน่อย ป่านนี้ที่โน่นคงเป็นห่วงกันมาก พวกเขามีบุญคุณกับฉัน หนำซ้ำยังต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันอีก ฉันอยากให้พวกเขากลับไปถึงเกาะอย่างปลอดภัยที่สุด” หัสตะพูดกับอินทุขณะทานอาหารกันอยู่

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วง เอาเป็นว่าฉันจะให้คนจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และจะให้ไปส่งถึงเกาะนียาเลย เพราะช่วงนี้เหตุการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ” อินทุเองก็ยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่ จึงทำให้ทั้งหัสตะและวาวพลอยวางใจ

“ขอบใจนายมากจริงๆ ” ชายหนุ่มพูด

ก่อนหันไปพูดภาษาเกาะกับอุเรและวานิ ซึ่งทั้งสองก็ดีใจมาก กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก พอทานอาหารเสร็จอินทุจึงให้ทหารพาคนทั้งคู่ไปจัดเตรียมของ ซึ่งมีทั้งเสบียงและของใช้ต่างๆ เท่าที่จะสามารถเอาไปได้

“แล้วเรื่องของพวกนายล่ะ เป็นยังไง ไอ้สองคนที่ฉันจับตัวมาได้ทำไมต้องตามฆ่าพวกนายด้วย นายไปเกี่ยวข้องอะไรกับพวกทหารรับจ้างเดนตายพวกนี้ แล้วพวกนายล่องเรือมาเพื่ออะไร ทั้งที่การเดินทางทางอื่นสะดวกสบายกว่าตั้งเยอะ” คำถามนั้นเป็นเหตุให้หัสตะกับวาวพลอยหันมามองสบตากัน

นั่นทำให้หญิงสาวพึ่งรู้ว่าอินทุไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ตนบอกทั้งหมด และคงไม่ต่างกับที่ตัวเธอเองก็บอกเขาไม่หมดเช่นกัน ตอนนี้วาวพลอยรับรู้ถึงความสัมพันธ์อันดีของคนทั้งคู่

แม้จะต่างเชื้อชาติ ต่างหน้าที่ แต่เธอมองเห็นความจริงใจของพวกเขาได้ชัดเจน พอหัสตะหันมาสบตาราวกับขอความคิดเห็น หญิงสาวจึงพยักหน้าให้เขา

“เอ่อ... ความจริงแล้วพวกฉันหนีทหารเดนตายพวกนี้มาตั้งแต่เมืองไทยน่ะ” หัสตะบอก

“หมายความว่ายังไง นายไปทำอะไรที่เมืองไทย” อินทุมีสีหน้าฉงน

“ฉันไปรับตัวเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งริตถาวดี พวกนั้นต้องการเอาชีวิตเจ้าหญิง”

“เจ้าหญิงรัชทายาท! ” คราวนี้อินทุร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหันมาทางวาวพลอยที่นั่งอยู่ข้างหัสตะ

“นายหมายถึง... ”

“คุณวาวพลอยคือเจ้าหญิงชลันตา เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งริตถาวดี ฉันกับทีมมีหน้าที่นำพาเธอกลับสู่ริตถาวดีอย่างปลอดภัย” หัสตะอธิบายต่ออย่างไม่มีปิดบัง อินทุเองก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้

“เจ้าหญิง ขอประทานอภัยที่กระหม่อมมีตาหามีแววไม่พ่ะย่ะค่ะ” พลางทำท่าวันทยหัตถ์ในทันที

“ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ค่ะคุณอินทุ พูดจาแบบธรรมดาเถอะค่ะ ฉันจะสบายใจมากกว่า เพราะฉันเองก็ไม่รู้เสียด้วยซิคะว่าการเป็นเจ้าหญิงจะต้องพูดจายังไง” หญิงสาวเอ่ยติดตลก อินทุจึงลดมือลงพลางยิ้มเป็นกันเองเหมือนเคย

“เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” เขาว่า ก่อนหันมาทางเพื่อนต่อ

“แล้วทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าริตถาวดีมีรัชทายาทเป็นเจ้าหญิง หรือว่าที่ยังไม่มีพิธีราชาภิเษกเจ้าชายอุชเชนเป็นเพราะเหตุนี้” อินทุคาดเดา

“ใช่แล้วล่ะ เจ้าหญิงถูกนำตัวไปลี้ภัยทางการเมืองตั้งแต่ยังเป็นทารก ทางริตถาวดีพึ่งตามตัวเจอ แต่มันก็เป็นดาบสองคม เพราะเมื่อมีคนต้องการนำพาเจ้าหญิงกลับมาขึ้นครองราชย์ ก็มีฝ่ายที่ต้องการเอาชีวิตเจ้าหญิงเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่” หัสตะบอกเล่าไปตามความเป็นจริง

“การเมืองของริตถาวดีมีเพียงสองกลุ่มใหญ่เท่านั้นไม่ใช่หรือ คือท่านโสตถีกับกลุ่มจ้าชายอุชเชน” แม้อินทุจะไม่ใช่คนในประเทศริตถาวดี แต่เพราะภูศิยาน์เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นอย่างดีกับริตถาวดี จึงทำให้รับรู้ถึงเรื่องภายในอยู่บ้าง

“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านายหรอก” หัสตะบอกกับเพื่อน

“ถ้าอย่างนั้นฉันว่าไอ้สองคนนั่นอาจจะให้คำตอบเรื่องนี้กับนายและเจ้าหญิงได้” อินทุเปรยท่าทางครุ่นคิด

“ฉันอยากเจอพวกมันตอนนี้ นายช่วยหน่อยได้หรือเปล่า” หัสตะถามเพื่อนอย่างจริงจัง อินทุพยักหน้าด้วยความรวดเร็ว

“งั้นจะรออะไรล่ะ ไปกันเถอะ”

*-*-*-*-*-*

เพียงไม่กี่นาทีอินทุก็พาหัสตะกับวาวพลอยมายังห้องทำงานของเขาที่อยู่อีกด้านของค่าย และสั่งการให้นำตัวนักโทษทั้งสองมาพบ เมื่อทหารนำตัวพวกมันเข้ามาในห้อง พอเห็นหัสตะกับวาวพลอยพวกมันก็รีบหลบตาขณะนั่งลง ไม่มีความกล้าบ้าบิ่นอย่างที่เคยเห็นสักนิด

หัสตะก้าวเข้าไปยืนมองพวกมันอย่างจับสังเกต อินทุกับทหารในปกครองสองนายยืนคุมเชิงอยู่ข้างนักโทษทั้งสอง วาวพลอยยืนอยู่ห่างๆ แม้เธอจะไม่ชอบบรรยากาศกดหนักแบบนี้ แต่ความอยากรู้มีมากกว่า หญิงสาวจึงยืนอยู่เงียบๆ

“ใครจ้างพวกแกมาฆ่าเจ้าหญิง” หัสตะถามขึ้นเสียงเย็นยะเยือก

“เราไม่รู้ หัวหน้าของเรารับงานมาอีกที เราก็แค่ทำงานตามหัวหน้าสั่งเท่านั้น เรื่องอื่นเราไม่รู้จริงๆ ท่าน” หนึ่งในสองคนละล่ำละลักตอบ ก้มหน้ามองพื้นด้วยกลัวอีกฝ่ายจะจับโกหกได้

“หัวหน้าแกสั่งอะไรบ้าง” หัสตะยังคงถามต่ออย่างไม่สนใจการปฏิเสธของคนร้าย

“เขาสั่งให้เรามารอแถวชายฝั่ง เพราะคิดว่าพวกท่านคงจะมาทางนี้ หลังจากที่พวกเรากลุ่มหนึ่งถูกหลอกให้ตามไปถึงเมืองไทยจนเสียเวลาไปนาน พวกเรามารออยู่ที่นี่เป็นอาทิตย์ๆ ก็ไม่เห็นใคร จนกระทั่งเจอพวกท่านนั่นแหล่ะ” อีกคนตอบ พร้อมเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างหวาดๆ

“ถ้าอย่างนั้น กองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ป้วนเปี้ยนอยู่แถบตะเข็บชายแดนก็คงเป็นพวกแกสินะ” อินทุแทรกขึ้นเสียงเครียด เมื่อเริ่มจับต้นชนปลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ เป็นเหตุให้พวกมันหลบตา ไม่กล้าตอบ

“ฉันไม่เชื่อว่าพวกแกจะไม่รู้ว่าคนที่ว่าจ้างคือใคร เอาเป็นว่าตอนนี้พวกแกมีทางเลือกแค่สองทาง ทางแรกคือบอกความจริงมา แล้วพวกแกจะได้รับความยุติธรรมในภูศิยาน์ และอีกทางก็คือ ไปเป็นเหยื่อของฉลามในเขตน้ำลึก” คำขู่ของอินทุทำให้พวกมันทั้งสองสะดุ้งโหยง

“อย่าทำพวกเราเลย พวกเราไม่รู้จริงๆ ท่าน ได้โปรด อย่าฆ่าพวกเราเลย” แล้วต่างก็รีบก้มหัวลงแนบพื้น ร้องละล่ำละลักด้วยความกลัว

“ถ้าพวกแกบอกความจริง ชีวิตของพวกแกก็ยังคงอยู่ แม้จะต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมของภูศิยาน์ในฐานะผู้บุกรุก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องในริตถาวดีแต่อย่างใด แต่พวกแกก็ยังมีวันพ้นโทษ และบางทีตอนนั้นอะไรๆ อาจจะคลี่คลายลงไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าพวกแกไม่บอกความจริง... นั่นหมายถึงชีวิตของพวกแกก็จบสิ้น” พวกมันนิ่งคิด แม้จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่มีใครยอมเอ่ยอะไรออกมา อินทุมองสบตาหัสตะแว่บ

หนึ่ง

“ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าพวกแกเลือกอย่างหลัง” ก่อนที่หัสตะจะสรุปเสียงเย็นเยียบ อินทุจึงหันไปทางทหารในบังคับบัญชาของตน

“ถึงเวลาให้อาหารปลาฉลามในเขตน้ำลึกแล้ว รู้ใช่ไหมต้องทำยังไง ก่อนอื่นต้องสับแขนขาเหยื่อโยนลงไปก่อน เพื่อให้ฉลามได้กลิ่นคาวเลือดแล้วจะได้พากันมารอกินอาหาร จากนั้นค่อยโยนส่วนที่เหลือลงไป” นายทหารหนุ่มสั่งลูกน้องของตนดวงหน้าเหี้ยมเกรียม ยิ่งทำให้ ‘เหยื่อ’ ตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับได้

“เดี๋ยวครับท่าน ได้โปรดไว้ชีวิตเราด้วย เราบอกแล้วๆ ” แต่ก่อนที่ทหารจะทันลากตัวพวกมันออกไป หนึ่งในสองก็รีบร้องขึ้นท่าทางหวาดกลัวสุดขีด อินทุพยักหน้าให้ทหารทั้งสอง เป็นสัญญาณให้ถอยไปยืนที่เดิม

“คนที่ว่าจ้างพวกเราก็คือเจ้าชายอุชเชน”

“เจ้าชายอุชเชน! ” วาวพลอยรำพึงเสียงแผ่ว เหมือนไม่อยากเชื่อ อินทุกับหัสตะเองก็หันมาสบตากันแว่บหนึ่ง

“พวกแกมีกันกี่คน วางกำลังไว้ที่ไหนบ้าง และรายละเอียดของงานเป็นยังไงเล่ามาให้หมด” หัสตะหันมาตะคอกพวกมันทั้งสอง น้ำเสียงเดือดดาล

“ถ้าในเขตรอยต่อกับภูศิยาน์มีแต่กลุ่มเรา มีจำนวนเท่าที่ท่านเห็นนั่นแหล่ะครับ แต่มีอีกกลุ่มหนึ่งที่กระจายกำลังอยู่ในเขตริตถาวดี แต่ละกลุ่มต่างคนต่างทำงาน ไม่ขึ้นอยู่กับใคร นอกจากคนที่ว่าจ้างเราเท่านั้น”

“งานของเราก็คือ ต้องตามฆ่าเจ้าหญิงรัชทายาทชลันตา แล้วตัดเอาหัวของเจ้าหญิงไปยืนยันเพื่อรับค่าจ้าง ซึ่งเป็นเงินมหาศาล เราอยากตั้งตัวก็เลยรับงานนี้ ที่พวกเรารู้และทำก็มีเพียงแค่นี้ เหตุผลอื่นเราไม่รู้จริงๆ ท่าน โปรดเมตตาไว้ชีวิตเราสองคนด้วยเถิด”

“ถึงขนาดต้องฆ่ากันให้สิ้นซากอย่างนี้ มันโหดร้ายเกินไปแล้ว” หัสตะคำราม ดวงตาของเขาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด ส่วนวาวพลอยไม่อยากรับรู้สิ่งใดอีก จึงรีบก้าวออกมาจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToy
OntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEy
OTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0
%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E
0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2559, 13:00:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2559, 13:00:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 773





<< บทที่ 22   บทที่ 24 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account