มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 24

เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!




ที่บ้านพักของอินทุ ร่างบอบบางยืนอยู่ริมระเบียงหลังบ้าน เวลานี้ทุกอย่างเงียบสงบ สายลมพัดมาอ่อนเอื่อย มันทำให้เธอคิดถึงเกาะนียา เกาะที่เงียบสงบ ไร้ซึ่งความจริงที่ตามมารบกวน

เพียงแค่เหยียบย่างเข้าสู่ผืนดินบนฝั่งจนถึงตอนนี้ ก็มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เธอหวาดกลัวระคนเจ็บปวด ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อเท่าๆ กันกับตนเอง จะเป็นคนที่คิดเอาชีวิตเธอ

ทั้งที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้ากันมาก่อน นั่นคงเป็นเพราะอำนาจ ราชสมบัติสินะ วาวพลอยเคยเห็นเรื่องแบบนี้เพียงในนิยาย ละคร ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาพบเจอด้วยตัวเองเช่นนี้

ฆ่าเธอแล้วตัดหัวไปยืนยัน ช่างเป็นเรื่องที่เหี้ยมโหดเกินจะรับได้ และนั่นมันก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกสลดหดหู่จนอยากจะร้องไห้

“ความจริงมักเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างบอบบางหันไปมองแต่อย่างใด เธอยังนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม

“ผมรู้ว่าคุณเสียใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ เข้มแข็งเอาไว้นะ นี่เป็นเพียงความจริงเรื่องแรก คุณยังต้องเจออะไรอีกมากที่ริตถาวดี”

“ฉันต้องใช้ความเข้มแข็งมากแค่ไหนหรือคะ กับการเป็นเจ้าหญิง” วาวพลอยถามราวกับจะพ้อโชคชะตาของตัวเองมากกว่าต้องการคำตอบจริงจัง

“บางทีเจ้าหญิงก็ต้องเข้มแข็งมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า และผมก็อยากให้คุณมีมันติดตัวอยู่ในทุกสถานการณ์ รวมทั้งความเด็ดเดี่ยวด้วย”

“ฉันคุ้นเคยกับการเป็นเพียงคนธรรมดา ที่มีชีวิตปกติธรรมดา มันเป็นเรื่องยากเกินจะรับได้ ที่รู้ว่าพี่ชายร่วมพ่อเดียวกันกำลังคิดจะฆ่าฉัน” หญิงสาวพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้าสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวง

“พี่ชายคุณฆ่าได้ทุกคนที่ขวางความต้องการของเขา” หัสตะบอกเรียบๆ เหมือนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

“คุณพูดเหมือนรู้จักเขาดี” วาวพลอยหันมามองเขาอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ

“ผมรู้จักเขาตอนเข้าร่วมฝึกหลักสูตรหน่วยซีลพร้อมกัน เพียงแต่

อุชเชนกับญาติผู้พี่ของคุณอีกสองคน รวมทั้งอินทุและองค์ราชาของ

ภูศิยาน์ถูกส่งตัวมาจากประเทศของตัวเองเพื่อฝึกร่วม ส่วนผมเป็นทหารของกองทัพเรือที่นั่นโดยตรง แต่อุชเชนไม่ผ่านการฝึกครั้งนั้น ตั้งแต่สัปดาห์แรกด้วยซ้ำ

“แม้ผมกับเขาจะไม่สนิทกัน แต่ก็พอรู้ว่าโดยนิสัยแล้วอุชเชนไม่ใช่คนที่จะเสียสละทุ่มเทเพื่อคนอื่น แต่เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฝ่ายลุงของคุณถึงพยายามคัดค้านการขึ้นครองราชย์ของเขามาตลอด ไม่ใช่เรื่องที่อุชเชนมีแม่เป็นหญิงงามเมือง แต่เป็นเพราะตัวเขาเองต่างหาก” ชายหนุ่มบอกเล่า แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังคงตั้งใจฟังจึงพูดต่อ

“แต่จะว่าไปแม้เรื่องอุชเชนจะสำคัญ แต่ก็ดูเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่ต้องการคุณ ที่ริตถาวดียังมีญาติสนิทของคุณอีกกลุ่มใหญ่ที่รอคอยการกลับบ้านของคุณ

“รวมทั้งประชาชนชาวริตถาวดีด้วย พวกเขากำลังรอเจ้าหญิงรัชทายาทชลันตากลับไปปกบ้านครองเมือง และคุณก็ต้องเข้มแข็งเพื่อพวกเขา เพื่อคนที่รักและต้องการคุณ” วาวพลอยนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้เขา

“ฉันจะพยายามค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ ทำไมถึงออกจากราชการคะ” หญิงสาววกมาถามเรื่องของหัสตะในตอนท้าย

“ผมมีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ แต่มันไม่สำคัญหรอกเพราะผมก็ได้ทักษะจากตรงนั้นมามากมาย พอออกจากราชการผมกับพรรคพวกกลุ่มหนึ่งได้จัดตั้งบริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยขึ้น เรารับงาน

บอดี้การ์ด นักสืบไปทั่วโลก” ชายหนุ่มบอกเล่า

“มิน่าพวกคุณถึงมาทำงานนี้ได้ พวกคุณเก่งกันทุกคนเลยนะคะ แล้วคุณหรคุณ คุณตันเต คุณจิญล่ะคะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าหน่วยซีลก็มีผู้หญิงด้วย” วาวพลอยถามด้วยความแปลกใจในตอนท้าย

“เปล่าหรอก จิญเป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัทเราที่ถูกฝึกมาอย่างดี ตันเตก็เหมือนกัน ส่วนหรคุณก็มีพื้นเพการทำงานไม่ต่างจากผม และออกมาทำบริษัทร่วมกัน”

“บริษัทของคุณคงเป็นศูนย์รวมคนเก่งๆ แน่ๆ เลยนะคะ ฉันหวังว่าโก๋จะปลอดภัยเมื่ออยู่กับลูกทีมของคุณ” วาวพลอยอดห่วงน้องไม่ได้อีกตามเคย หัสตะมองดวงหน้าหวานซึ้งนั้นแล้วก็ยิ้มให้กำลังใจ

“ผมเชื่อว่าทุกคนจะปลอดภัย คุณอย่าคิดมากเลยนะ ส่วนเรื่องของเรา เอาเป็นว่าเราจะออกเดินทางกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณไปนอนเถอะ ผมจะไปส่งที่ห้อง” เขาบอกพลางเอื้อมมือไปจับมือบาง

หญิงสาวรับคำ ความอบอุ่นจากมือใหญ่ที่กุมกระชับมือบางแผ่ซ่านมาถึงหัวใจ ส่งผลให้เธอยิ้มออกมาได้อีกครั้ง ก่อนจะก้าวตามร่างสูงใหญ่ที่จับจูงมือเข้าไปในบ้าน

ชายหนุ่มก้าวช้าๆ ไปตามทางเดิน รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเห็นดวงหน้างามนั้นสดใสขึ้นมา จนกระทั่งถึงหน้าห้องพักของวาวพลอย ซึ่งอินทุได้สั่งคนจัดไว้ให้โดยเฉพาะ ส่วนหัสตะเองก็พักอยู่อีกห้องที่ติดกัน

“คุณลำบากมาตลอดตั้งแต่ออกเดินทาง ที่นี่คงทำให้คุณนอนหลับสบายกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ทิ้งเรื่องที่ไม่สบายใจไปเสีย แล้วนอนหลับให้สบายนะ” เขาบีบกระชับมือบางเบาๆ ขณะที่รอยยิ้มละมุนแต้มริมฝีปากของหญิงสาว

“คุณเองก็เหมือนกัน ยังไม่หายดี นอนพักให้มากๆ นะคะ ฉันเป็นห่วง”

มือบางข้างที่เป็นอิสระเอื้อมมาแตะตรงศีรษะของชายหนุ่ม ที่มาตอนนี้ไม่ได้พันแผลแล้ว แต่ก็ยังมีร่องรอยบาดแผลให้เห็น ท่าทางอ่อนโยนนุ่มนวล ระคนห่วงใยนั้นส่งผลให้หัวใจของคนตัวโตทั้งอบอุ่นและตื้นตันใจมากนัก

ตั้งแต่เขาได้รับบาดเจ็บวาวพลอยแทบไม่ห่างไปจากเขาเลย หัสตะจึงรั้งมือบางมาแนบแก้ม พลางมองดวงหน้างามลออด้วยประกายตาลึกซึ้ง

“ขอบคุณที่คอยดูแลผมมาตลอด” การกระทำของเขาทำเอาคนถูกขอบคุณตกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

“คุณองก็คอยดูแลฉันมาตลอดเหมือนกันนี่คะ แล้วอีกอย่างถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันจะไปริตถาวดีได้ยังไงล่ะคะ” แล้วจึงแสร้งว่าในตอนท้ายแต่คนตัวโตกลับยิ้มพราวพราย

“แน่ใจนะ ว่าเหตุผลที่คุณดูแลผมมีเพียงแค่นั้น” พลางจ้องดวงตาคู่งามซึ้งราวจะหยอกเย้า ทำให้เจ้าของร่างบอบบางเก้อไปนิดหนึ่ง

“ก็... ก็อย่างนั้นสิคะ” ก่อนจะยืนยันเสียงอ้อมแอ้ม พลางหลบตาคมวิบวับนั้นพัลวัน ดวงหน้างามซับสีระเรื่อ หัสตะจึงหัวเราะเบาๆ

“มีคนเคยบอกไหมว่า เวลาคุณเขินน่ารักมาก” และก็ได้ทีแกล้งต่อ แต่ก็เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากใจจริงแทบทั้งสิ้น

“คนบ้า! ไม่เอาแล้วค่ะ คุณไปนอนได้แล้ว” หญิงสาวก้มหน้างุด แต่มือก็ดันร่างของเขาออกห่าง และเปิดประตูห้อง

“โอเค. ถ้าอย่างนั้นฝันดีนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับผม! ” ตอนท้ายเขาทำน้ำเสียงขึงขังจริงจังพร้อมทำท่าวันทยหัตถ์แบบทหาร วาวพลอยที่ยังมองมาหัวเราะน้อยๆ พลางกล่าวราตรีสวัสดิ์ตอบ ก่อนจะปิดประตูลง

ชายหนุ่มมองบานประตูที่ปิดลงตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ ใบหน้าระรื่นเมื่อครู่คลายลง แววแห่งความเคร่งเครียดเข้ามาแทนที่ และหัสตะก็ไม่ได้เปิดประตูห้องข้างๆ เพื่อเข้าไปนอนพักอย่างที่ควรจะเป็น เขากลับไปนั่งจั่งจมอยู่ตรงระเบียงอีกครั้ง ตามลำพัง

“ยังไม่นอนอีกเหรอ” อินทุถาม สายตามองหาใครอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วยกัน

“คุณวาวพลอยล่ะ เธอเป็นยังไงบ้าง” และถามต่อด้วยเป็นห่วงความรู้สึกของหญิงสาวไม่น้อยไปกว่ากัน

“พึ่งเข้านอนไป คิดมากเอาการ” หัสตะตอบ

“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องคิดมาก คนเราใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่ายอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็พลิกผันสุดโต่ง ยิ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายอย่างนี้ด้วยแล้ว มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยนะ แต่อีกไม่นานเจ้าหญิงคงสามารถปรับตัวได้” อินทุบอกอย่างเข้าใจ

“ฉันก็หวังอย่างนั้น นายก็รู้ว่าอุชเชนมันบ้ากว่าที่เราคิด โชคดีนะที่ท่านโสตถีกับปาระมีเป็นฝ่ายควบคุมกองทัพ แล้วก็พยายามคานอำนาจของอุชเชนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นริตถาวดีต้องย่อยยับด้วยมือขององค์รัชทายาทอันดับสองเป็นแน่”

“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป” อินทุถาม ท่าทางจริงจัง

“ฉันจะรีบเดินทางกลับริตถาวดีให้เร็วที่สุด เพราะอาจต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าทางอื่น” หัสตะบอกถึงแผนการที่คิดเอาไว้

“หมายความว่า... นายยังจะเดินทางทางเดิมอย่างนั้นเหรอ” อินทุมีท่าทีไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัด

“ใช่... มันเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด” หัสตะยืนยันด้วยความมั่นใจ

“ปลอดภัยสำหรับใครกันหัสตะ? สำหรับนายหรือเจ้าหญิง” คำพูดนั้นทำให้หัสตะชะงัก พอเห็นเพื่อนยังคงนิ่งงันอินทุจึงเอ่ยต่อ

“ฉันไม่คิดว่านายจะหันมาสนใจเรื่องบ้านเมืองริตถาวดีอีก ฉันถามนายจริงๆ นะหัสตะ นายกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ทำไมนายถึงรับหน้าที่พาเจ้าหญิงกลับริตถาวดี ทั้งที่... ” นายทหารหนุ่มกลืนประโยคท้ายเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะเอ่ยมันออกมา ราวกับเกรงว่าคำพูดที่กลืนเข้าไปของตนจะทิ่มแทงใจอีกฝ่ายกระนั้น

“ฉันมีเหตุผลของฉัน” หัสตะตอบสั้นๆ เป็นการบ่งบอกว่าเขาจะไม่อธิบายถึงเหตุผลที่ว่าแน่นอน อินทุเห็นดังนั้นจึงได้แต่ถอนใจ

“เอาเถอะ ฉันไม่ได้อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของนายหรอกนะ เพียงแต่อยากบอกว่าฉันและองค์น่านฟ้าเป็นเพื่อนนาย หากมีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงก็บอกพวกเรามาได้ เราพร้อมจะช่วยนายเสมอ เหมือนที่นายเคยช่วยเรามาเสมอเช่นกัน” เขาหมายถึงองค์ราชาแห่งภูศิยาน์ ที่ก็รู้จักคุ้นเคยถึงขั้นร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากับหัสตะพอๆ กับตนเองเช่นกัน

“อินทุ ขอบใจมากนะ ฝากขอบพระทัยองค์น่านฟ้าด้วย ฉันซาบซึ้งใจมาก แต่ตอนนี้ฉันต้องการเพียงสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเดินทางกลับริตถาวดีเท่านั้น” หัสตะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนยิ่งนัก

“ไม่มีปัญหา แต่ว่านายเองก็ยังไม่หายดีนะหัสตะ รออีกสักพักดีกว่าไหม”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไหว ตอนนี้อุชเชนคงกำลังพลิกแผ่นดินตามหาตัวเจ้าหญิงอยู่ ฉันกลัวว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้นาย บางทีอาจเลวร้ายกลายเป็นความบาดหมางระหว่างริตถาวดีกับภูศิยาน์เอาได้ ฉันไม่อยากให้กลายเป็นกรณี *น้ำผึ้งหยดเดียว ไป คงไม่ดีแน่” หัสตะยืนยันถึงความต้องการ

“เอาเถอะ ถ้านายตัดสินใจอย่างนั้นฉันก็ไม่ค้านล่ะ” อีกฝ่ายจึงได้แต่พยักหน้าอย่างยอมรับการตัดสินใจของเพื่อน ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่าง

“หัสตะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกำลังคิดจะทำอะไรอยู่เกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งริตถาวดี แต่ฉันอยากเตือนนายสักอย่าง ไม่ว่านายจะทำอะไรจงเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นไว้ให้ดี ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดของนายเท่านั้น แต่เป็นของเจ้าหญิงด้วย” อินทุทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะตบบ่าเพื่อนแล้วกลับเข้าบ้านไป

ปล่อยให้เจ้าของร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ที่เดิม กับหัวใจที่หวาดหวั่น ความเข้มแข็งที่มีมาตลอดชีวิต ตอนนี้มันกลับระส่ำระสายราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาเขย่าเล่นกระนั้น

*-*-*-*-*-*

หลังจากนั้นสองวันอินทุจึงจัดการส่งตัวหัสตะกับวาวพลอยกลับเข้าเขตริตถาวดีตามที่ชายหนุ่มต้องการ พร้อมกับอาวุธ เสบียงสิ่งของจำเป็นพร้อมพรัก

ทั้งคู่แบกเป้คนละใบ หัสตะแบกเป้ใบที่ใหญ่กว่า พร้อมอาวุธ ผ่านเขตรอยต่อของสองประเทศ เข้ามายังเขตริตถาวดี ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินทางตามแผนที่และเข็มทิศที่ได้มาจากอินทุ ทางที่ผ่านส่วนมากเป็นป่ารกชัฏอย่างที่เคยผ่านมา เพียงแต่บางแห่งอาจจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าโปร่งบ้าง

จนกระทั่งถึงน้ำตกเล็กๆ สายหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาค่ำพอดี หัสตะจึงตัดสินใจพักแรมริมธารน้ำตกนั่นเอง ทั้งคู่ช่วยกันกางเต็นท์ ก่อกองไฟ ก่อนความมืดจะมาเยือน

“เราต้องใช้เวลากี่วันคะ จึงจะถึงเมืองหลวง” วาวพลอยถาม หลังจากทานอาหารข้างกองไฟร่วมกันเสร็จ

“ถ้าเดินก็เป็นอาทิตย์-สองอาทิตย์ แต่ถ้าเราออกจากป่าทึบนี้ไปจะมีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่แถบชายป่า ถ้าไม่มีอะไรเสี่ยงเราจะขอความช่วยเหลือจากพวกชาวบ้าน คงช่วยย่นระยะทางได้มาก ผมว่าคุณนอนเถอะ เดินทางเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“แล้วคุณล่ะคะ” เจ้าของดวงหน้างามซึ้งถาม ยังไม่ยอมขยับตัวแต่อย่างใด

“ผมจะเฝ้ายามอยู่ข้างนอกเอง” หัสตะบอก

“แต่คุณก็เหนื่อย แถมแผลยังไม่หายสนิทด้วยนะคะ” หญิงสาวยังไม่วายจะเป็นห่วง แต่คนตัวโตกลับยิ้มกว้างให้กับเธอ ก่อนที่ร่างใหญ่นั้นจะขยับเข้ามาใกล้

“ถ้าอย่างนั้น... ขอยาแก้เหนื่อยให้ผมหน่อยสิ” น้ำเสียงเจือกระแสออดอ้อน ดวงตาคู่คมเปล่งประกายระยับ ซึ่งเป็นกิริยาที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนักจากเขา

เป็นเหตุให้ใจดวงน้อยไหวสะท้าน ก่อนที่หญิงสาวจะทันถามไถ่หรือตอบโต้ ริมฝีปากหยักได้รูปก็โฉบลงมาแตะริมฝีปากของหญิงสาวเร็วๆ ทีหนึ่ง

“คุ...คุณหัสตะ” วาวพลอยรู้สึกรุ่มร้อนไปทั่วทั้งริมฝีปาก

ที่ร้ายกว่านั้นคือมันลามเลียไปทั่วใบหน้าอีกด้วย ส่งผลให้หญิงสาวต้องยกมือบางขึ้นกุมหน้า ราวกับจะควบคุมความผ่าวร้อนนั้นได้

“คนบ้า รู้งี้ไม่ห่วงหรอก” หญิงสาวบ่นอุบก้มหน้างุด พลางลุกขึ้น

“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมกระดูกเหล็ก แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วผมก็อาศัยงีบข้างนอกนี่ได้ คุณรีบเข้าไปนอนเถอะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ

วาวพลอยจึงได้แต่มุดเข้าเต็นท์ที่กางเอาไว้ข้างกองไฟ ก่อนจะรูดซิปปิดประตูเต็นท์หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังมีรอยยิ้มระบายน้อยๆ เมื่อมองสบตากันและกัน

แต่น่าแปลกนักที่วาวพลอยรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาตอนนี้ดูแปลกไปจากเมื่อครู่ มันดูเหงาๆ และเต็มไปด้วยแววเคร่งเครียด หรือเธอคิดไปเองกันแน่นะ ก็เขาเพิ่งแกล้งหยอกเย้าเธอไปหลัดๆ จะมีอาการหรืออารมณ์อย่างนั้นได้ยังไง หญิงสาวบอกตัวเอง ก่อนจะปิดประตูเต็นท์และล้มตัวลงนอน




หมายเหตุ * ‘น้ำผึ้งหยดเดียว’ เป็นสำนวนไทยที่มีความหมายว่า แค่สิ่งเล็กนิดเดียวก็ทำให้เกิดเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzO
jc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2I
jtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%8
1%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0
%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110






กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2559, 13:32:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2559, 13:32:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 956





<< บทที่ 23   บทที่ 25 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account