มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 28



เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!



วาวพลอยสาวเท้าขึ้นบ้านเร็วๆ ด้วยสภาพน้ำตานองหน้า เธอมองเห็นนางมาเรียกับนางลินดาที่นั่งอยู่ตรงห้องโถงของบ้านจึงชะงักเท้า เมื่อทั้งคู่มองมา

“หัสตะยังไม่ตื่นอีกเหรอหนูวาวพลอย” นางมาเรียถาม ก่อนจะชะงักเมื่อสังเกตเห็นหน้าตาของหญิงสาว ทั้งที่เธอพยายามสกัดกลั้นอารมณ์อย่างสุดความสามารถ

“ตายจริง หนูเป็นอะไรไป หัสตะทำอะไรหนูหรือเปล่าลูก” วาวพลอยได้แต่สั่นศีรษะปฏิเสธ เพราะพูดไม่ออก

นางมาเรียรีบลุกขึ้นมาหาและโอบกอดเธอเอาไว้ นางลินดาเองก็ทำหน้าตาตื่นๆ ด้วยความตกใจเช่นกัน

“บอกป้ามาซิ หัสตะทำอะไรหนู ไม่ต้องกลัว ป้าจะไปจัดการเจ้าลูกคนนี้ให้เอง”

“ปล่ะ...เปล่าค่ะคุณป้า หนูขอตัวนะคะ” หญิงสาวผละออกจากอ้อมกอดของนางมาเรียแล้วรีบก้าวเข้าไปในห้องและปิดประตูทันที ทิ้งหญิงสูงวัยทั้งคู่มองสบตากันอย่างไม่สบายใจ

เจ้าของร่างบอบบางนอนฟุบหน้าอยู่บนเตียง ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล นี่หรือเปล่านะคือสาเหตุที่ทำให้หัสตะดูแปลกไปจากที่เคย เธอคิดว่าเขาไม่สบายใจเรื่องอะไรสักอย่าง

แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่เคยแม้แต่จะระแคะระคาย พอมาทราบความจริงอย่างนี้เข้าวาวพลอยถึงกับตั้งตัวไม่ติด ใครจะคาดคิด แม้จะเป็นเวลาไม่นานที่เธอและเขาได้รู้จักกันมา

แต่ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุข ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันไม่น้อย แถมช่วงเวลาเหล่านั้นยังก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆ มากมายให้กับเธอ ไหนจะคำว่ารักที่เขาพึ่งเอ่ยปากบอก

หญิงสาวเชื่อโดยไม่ลังเลใจเลย แต่ตอนนี้เล่ามันคืออะไร... ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เธอมอบให้เขากลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายด้วยการหักหลัง สิ่งที่เขาทำทั้งหมดคือการหลอกลวง เขาทำทุกอย่างเพื่อจุดมุ่งหมายของตัวเองเท่านั้น

วูบหนึ่งวาวพลอยคิดไปถึงครั้งที่ตนเคยตะโกนใส่หน้าหัสตะปาวๆ ว่า‘ทหารรับจ้างเพื่อเงินอย่างเขา คงไม่รู้จักแม้กระทั่งความผูกพันในครอบครัว... ’ แท้ที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เขาทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวต่างหาก

หญิงสาวคิดไปถึงอีกถ้อยคำของจิญจายะที่เคยบอกไว้ว่า พวกเขา ‘ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน’เธอพึ่งรู้วินาทีนี้เองว่า จุดมุ่งหมายที่ว่านั้นคือการนำตัวเธอไปแลกกับนักโทษอุกฉกรรจ์อย่างพ่อเขาและพรรคพวก

วาวพลอยเคยคิดว่ารู้จักหัสตะและพรรคพวกดี ทุกคนล้วนน่าทึ่ง เป็นมิตร เป็นเพื่อน แต่ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ทุกคนทำเพื่อจุดมุ่งหมายของตัวเองเท่านั้น

การผ่านความเป็นความตายร่วมกันมาไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย เพราะพวกเขาผ่านอันตรายและสิ่งเหล่านั้นมามากกว่าที่เธอจะคาดเดาได้ ไม่มีความหมายพิเศษใดๆ ระหว่างเธอกับเขา และพรรคพวก มีเพียงเธอเท่านั้นที่จริงจังไปเอง

จริงอยู่ว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนทุ่มเทเพื่อให้เจ้าหญิงพลัดถิ่นอย่างเธอมีชีวิตรอดกลับสู่วังหลวงริตถาวดีได้อย่างปลอดภัย แต่มันทรมานใจเสียยิ่งกว่าตายกับความจริงที่ได้รับรู้

เขาเป็นลูกชายของคนที่ฆ่าพ่อ แม่ที่แท้จริงของเธอ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น นี่หรือเปล่านะ? ที่เขาเคยบอกว่า‘ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เจ็บปวด’วาวพลอยถามตัวเองในใจ

‘แต่ไม่ว่ายังไง เธอจะต้องทำใจยอมรับความจริงให้ได้นะวาวพลอย’ หญิงสาวพร่ำบอกกับตัวเองเบาๆ แต่ทว่าหัวใจยังคงเจ็บร้าวไปหมด น้ำตายังไม่ยอมแห้งเหือด หญิงสาวจั่งจมอยู่กับอารมณ์นั้นจนหลับไป

“เจ้าหญิงเพคะ” เสียงเรียกดังขึ้นหน้าห้อง เป็นเสียงของนางมาเรียนั่นเอง

วาวพลอยที่ตื่นขึ้นมาได้สักครู่แล้วจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู และรู้สึกแปลกใจที่นางมาเรียเรียกเธอว่าเจ้าหญิง หรือว่า...

“หม่อมฉันรู้ความจริงทั้งหมดแล้วเพคะ รวมถึงสิ่งที่ลูกชายของหม่อมฉันกับพวกทำด้วยเพคะ” หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“หม่อมฉันขออนุญาตคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหมเพคะ”

“ได้สิคะ คุณป้าไม่ต้องพูดราชาศัพท์กับหนูหรอกค่ะ... ” ยังพูดไม่ทันขาดคำนางมาเรียที่ตามเข้ามาในห้องก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า

“ว้าย! คุณป้า ไม่ต้องคุกเข่าค่ะ มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ” วาวพลอยรีบเข้าไปประคองให้นางนั่งลงบนเตียง เธอยังไม่ชินกับการเคารพนบน้อมแบบนี้เสียที โดยเฉพาะกับคนที่สูงวัยกว่าอย่างนี้

“เจ้าหญิงคงรู้เรื่องครอบครัวของหม่อมฉันแล้ว เจ้าหญิงอย่าโกรธลูกชายของหม่อมฉันเลยนะเพคะ หากจะโกรธ จะเกลียด หรือจะต้องรับโทษก็ขอให้เป็นหม่อมฉัน แม้หม่อมฉันจะไม่รู้เห็นในสิ่งที่ลูกชายทำมาก่อน แต่เพราะหม่อมฉันเป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องทำการเช่นนี้ ทรงลงโทษหม่อมฉันเถอะนะเพคะ” นางมาเรียพูดละล่ำละลัก

“คุณป้า... ”

“สามีของหม่อมฉันทำเรื่องเลวร้ายเกินจะอภัย เขาได้รับกรรมที่เขาก่อแล้ว หม่อมฉันพยายามทำใจยอมรับสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด แต่ที่หม่อมฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพียงเพราะปรารถนาจะได้พบหน้าเขาอีกครั้ง แม้จะในสภาพไร้ลมหายใจก็ตามเพคะ” เสียงของนางมาเรียสั่นเครือ น้ำตารินไหลอาบแก้ม

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราเหมือนถูกตัดขาดจากกันตั้งแต่วินาทีที่เขาตัดสินใจก่อการกบฏ หม่อมฉันไม่เคยเห็นด้วยในสิ่งที่เขากระทำ แต่ก็ไม่อาจคัดค้านได้ เพราะความรักที่เขามีต่อหม่อมฉันและลูก ทำให้เราต้องจากกันตั้งแต่นั้นมา เขาอาจจะเดินทางไปเยี่ยมเราอยู่บ้าง แต่หม่อมฉันกับลูกไม่เคยได้กลับมาที่นี่อีกเลย จนกระทั่งเขาถูกจับ

“สิ่งที่เขาทำกับริตถาวดี ครอบครัวเจ้าหญิงและคนมากมาย หากทำได้หม่อมฉันอยากจะร่วมรับความผิดนั้นเอาไว้ด้วยกันกับเขา อยากชดใช้สิ่งที่เจ้าหญิงเคยสูญเสียไป เจ้าหญิงจะทรงประหารหม่อมฉันก็ได้นะเพคะ หากมันจะสามารถทดแทนกันได้” นางมาเรียลุกขึ้น แต่ก็เซไปด้านหลัง วาวพลอยรีบเข้าไปประคองอีกครั้ง

“คุณป้ามาเรียคะ คุณน้าลินดาคะ ช่วยด้วยค่ะๆ ” เธอส่งเสียงเรียกนางลินดาในตอนท้าย ที่ก็รีบเข้ามาในทันที

“ตายจริง มาเรีย” นางลินดารีบเข้ามาช่วยประคองพี่สาวและพาไปนอนบนเตียง

“นี่คงเครียดมาก เดี๋ยวน้าไปเอายามาให้ก่อนนะเพคะเจ้าหญิง” นางลินดาบอก ก่อนจะรีบออกไป และกลับมาในเวลาอันรวดเร็วพร้อมยาของนางมาเรีย

“เดี๋ยวก็ดีขึ้นเพคะ มาเรียมีหลายโรครุมเร้า เราต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิดหน่อยน่ะเพคะ” นางลินดาบอกหลังจากให้พี่สาวของตัวเองกินยาและนอนพักไป

“ถึงเป็นอย่างนี้แต่ก็ไม่ยอมกลับบ้าน หม่อมฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วเพคะเจ้าหญิง ก็เลยต้องอยู่ดูแลกันต่อไปเพคะ” นางลินดาอดบ่นไม่ได้ในความดื้อดึงของพี่สาว

“แม่ครับ น้าลินดา แม่เป็นอะไรไป” เสียงของหัสตะกับหรคุณดังมาจากหน้าบ้าน ก่อนเจ้าตัวจะโผล่เข้ามาในห้อง

“ไม่มีอะไรหรอก คงเครียดน่ะ ก็เลยเป็นลมไป” นางลินดาบอกกับหลานชายทั้งสอง

ระหว่างที่นางลินดาพูดคุยกับสองหนุ่มที่ต่างก็เข้าไปจับมือมารดาไว้คนละข้าง วาวพลอยถือโอกาสปลีกตัวออกมาจากห้อง หญิงสาวพบโก๋อยู่ตรงหน้าบ้านพอดี

“ป้ามาเรียเป็นอะไรไปเหรอเจ๊”

“เป็นลมน่ะ แล้วนี่โก๋ไปไหนมา” หญิงสาวถามน้องชาย

“ไม่ได้ไปไหน แต่อยู่ที่บ้านคุณหรคุณ เขาให้โก๋ช่วยซ่อมเครื่องยนต์น่ะเจ๊” โก๋ตอบ แต่พอสังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจึงแปลกใจ

“ทำไมทำหน้าตาแบบนั้น เจ๊เป็นอะไรหรือเปล่า ตาบวมด้วย ใครทำอะไรเจ๊ หรือว่า... ” ก่อนที่โก๋จะทันเดา วาวพลอยก็ดึงแขนน้องชายให้ตามมาที่ริมลำธาร

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ๊ บอกโก๋มาซิ โก๋จะไปจัดการให้” โก๋ทำท่าฮึดฮัด แต่หญิงสาวยิ่งเศร้าไปใหญ่

“เรื่องนี้ใครจัดการไม่ได้หรอกโก๋ พี่เองก็ยังไม่รู้จะทำยังไง มันสับสนไปหมด” วาวพลอยบอกน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มที

“เจ๊เล่าให้โก๋ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ หรือเกี่ยวกับคุณหัสตะ... ” ท่าทางจริงจังของโก๋ทำให้หญิงสาวต้องพูดเรื่องที่แสนเจ็บปวดออกมา และเธอก็ร้องไห้อีกครั้ง โก๋จึงโอบกอดร่างของพี่สาวเอาไว้

“เจ๊ใจเย็นๆ ก่อนนะ ยังไงพวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเราเสียหน่อย ทางที่ดีเจ๊กับคุณหัสตะควรจะคุยกันอีกทีนะ เผื่อจะมีทางออกร่วมกัน” วาวพลอยพูดไม่ออก เธอปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลอีกครั้ง

*-*-*-*-*-*

เวลาเดียวกันนั้นเอง ในบ้านของนางมาเรีย ลูกชายทั้งสองนั่งอยู่ข้างเตียง นางมาเรียที่มีดวงหน้าเศร้าหมอง มองหน้าลูกชายทั้งสองด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

เมื่อครู่หลังจากเห็นวาวพลอยร้องห่มร้องไห้เข้าบ้านมา เพราะความที่มองออกว่าหัสตะกับหญิงสาวมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน นางมาเรียก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ จึงรีบไปถามเอาความกับลูกชาย

คำตอบที่ได้รับทำให้นางแทบล้มทั้งยืน มาตอนนี้คนเป็นแม่จึงได้แต่บีบมือลูกชายคนโตที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนเอ่ย

“หัสตะ แม่ขอได้ไหมลูก พาเจ้าหญิงไปส่งโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ลูกรับปากแม่ได้ไหม เจ้าหญิงเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรมาข้องเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อของลูกทำ

“เป็นเพราะพ่อของลูกเจ้าหญิงถึงต้องระหกระเหินไปไกลบ้านไกลเมืองจนหาทางกลับเองไม่เจออย่างนี้ ลูกยังจะทำกับพระองค์แบบนี้อีก มันยุติธรรมแล้วหรือ” คำพูดของมารดาตอกย้ำเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่ม

ทำไมเขาจะไม่รู้ ทำไมเขาจะไม่คิด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หัสตะต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ เพราะไม่รู้จะทำยังไงดีกับความรู้สึกของตัวเอง และความตั้งใจแต่แรกเริ่มที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

“แต่แม่ครับ พ่อเองก็ป่วยหนัก แม่ไม่ต้องการดูแลพ่อในวินาทีสุดท้ายของชีวิตเหรอครับ” หัสตะถามมารดา นางมาเรียส่ายหน้าช้าๆ

“แม่ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอเพียงรอรับร่างไร้วิญญาณของพ่อลูกเท่านั้น แม่สงสารก็แต่เจ้าหญิง หัสตะลูกเองก็เหมือนกัน แม่รู้ว่าลูกเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย

“แม่รู้ว่าลูกรักแม่กับพ่อมากแค่ไหน แต่แม่ไม่อยากสูญเสียลูกทั้งสองไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ผิดๆ เหมือนพ่อ หากแม่ต้องเสียลูกๆ ไปอีกแม่จะอยู่ยังไง อย่าทำร้ายเจ้าหญิง อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยลูก มันไม่มีประโยชน์” หัสตะหันไปสบตาหรคุณ ที่นั่งเงียบๆ อยู่อีกด้าน

ซึ่งคนเป็นน้องชายได้แต่พยักพเยิดให้ชายหนุ่ม เหมือนจะบอกว่าให้หัสตะเป็นคนตัดสินใจเอาเอง

ทางด้านวาวพลอยที่นั่งนิ่งอยู่หน้าบ้าน ในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ระหว่างที่ข้างในยังคงพูดคุยกันอยู่ ตอนนี้ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะเย็นลง

แม้จะยังคงโกรธ เสียใจ กับสิ่งที่หัสตะทำ แต่ความรู้สึกสงสารนางมาเรียก็มีอยู่ไม่น้อย และนั่นก็ทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

พอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านใน แม้ไม่ได้หันไปมอง แต่หญิงสาวก็รู้ว่าเป็นชายหนุ่มทั้งสอง หรคุณเดินผ่านเธอลงบันไดไป ทิ้งให้อีกคนยืนนิ่งอยู่กับที่

“ฉันจะเป็นตัวประกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ให้กับพวกคุณอย่างที่ได้วางแผนกันไว้ เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายร่วมกัน คุณได้คนของคุณกลับไป ฉันได้กลับบ้าน ทุกอย่างจบ” เจ้าของร่างบอบบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่มีอารมณ์ใดๆ

“คุณ... ” หัสตะเอ่ยออกมาได้เพียงแค่นั้น เพราะแววตาคู่งามซึ้งที่มองเขาในยามนี้เต็มไปด้วยความห่างเหิน และเหมือนคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง

“เพื่อไม่ให้ติดค้างต่อกัน นี่เป็นสิ่งตอบแทนที่พวกคุณดูแลฉันกับน้องชายจนมีชีวิตรอดมาถึงริตถาวดีได้ ในนามของเจ้าหญิงแห่งริตถาวดี ฉันขอสั่งให้พวกคุณหาหนทางพาฉันกลับไปยังวังหลวงให้เร็วที่สุด” หญิงสาวพูดจบก็ลุกขึ้น

“อ้อ... สุดท้าย... จบงานนี้แล้วฉันหวังว่าเราคงจะไม่ได้พบเจอกันอีก” วาวพลอยทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยความรู้สึกรวดร้าวที่กระหน่ำมาอีกระลอก

แต่เขาจะทำอะไรได้ แค่เพียงชาติกำเนิดของตัวเองก็ผิดแล้ว เขายังจะทำผิดต่อเธอด้วยการหักหลังอีก หัสตะจึงไม่อาจวิงวอนให้หญิงสาวอภัยสำหรับสิ่งที่ทำไป ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของบิดา หรือตัวเขาเอง

เพราะไม่ว่าการกระทำของใครก็ล้วนแล้วแต่สร้างความเจ็บปวดเสียใจให้กับวาวพลอยแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธออย่างใหญ่หลวง ชายหนุ่มคิดไปถึงถ้อยคำของอินทุ ที่เตือนเขาในคืนนั้น

‘ไม่ว่านายจะทำอะไรจงเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นไว้ให้ดี ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดของนายเท่านั้น แต่เป็นของเจ้าหญิงด้วย’



ไม่ว่าเขาจะเจ็บปวดเสียใจสักแค่ไหนก็ไม่สำคัญ แต่วาวพลอยไม่ควรที่จะต้องมาเจ็บปวดด้วยเช่นนี้ ถ้อยคำของมารดาที่พึ่งพูดกับเขาและน้องชายเมื่อครู่ยังดังก้องอยู่ในใจ บางทีเขาอาจต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างเสียแล้ว หัสตะคิด




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=Y
ToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEy
OTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0
%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E
0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2559, 13:00:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2559, 13:00:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 903





<< บทที่ 27   บทที่ 29 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account