ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ
เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย
มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย
มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน
ตอน: ปฐมเหตุ
“เฮ้อ” เสียงถอนพระปัสสาสะดังขึ้นจนเทพแห่งสุริยันซึ่งประทับอยู่ไม่ไกลนักยังสดับสุรเสียงได้ จึงตรัสเยาะ
“งานเฉลิมฉลองของมหาเทพีเฮราสร้างความเบื่อหน่ายให้กับท่านได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
โพไซดอนไม่ประสงค์จะต่อความกับเทพหนุ่มผู้มั่นใจในรูปลักษณ์ของตน จึงทรงวางนิ่งเฉยเสีย ทว่านั่นกลับยิ่งทำให้อพอลโลจงใจที่จะยั่วยุโทสะให้หนักกว่าเดิม
“หรือว่านางอัปสรทั้งหมดนี้ ยังงดงามได้ไม่เท่าครึ่งของนางอัปสรที่ชื่อแอมฟริตริติ” เทพหนุ่มที่มีสิริโฉมงดงามที่สุดบนโอลิมปัสผู้เป็นเจ้าของพระเกศาและพระเนตรสีทองเฉกเช่นสีของดวงอาทิตย์ ตรัสขึ้นมาอีกครั้ง
เทพแห่งท้องทะลทรงหันพระพักตร์มามองเทพหนุ่มที่กำลังมีนางอัปสรคอยปรนนิบัติอยู่ทั้งซ้ายขวา ก่อนที่โอษฐ์รูปกระจับจะยกมุมขึ้นเล็กน้อยเป็นการยิ้มเยาะแล้วตรัสกลับไป
“ถ้าปากของเจ้ากำลังสำราญอยู่กับโนมเนื้อนุ่มของเหล่าเทพี ที่คอยปรนนิบัติพัดวีเจ้าทั้งทิวาราตรีอยู่ล่ะก็ จงเก็บปากของเจ้าไว้เพื่อการนั้นเถิด อย่าได้มาใช้เอื้อนเอ่ยเรื่องของเราเลย มิเช่นนั้นปากเจ้าอาจจะเจ็บจนใช้การอะไรไม่ได้” เมื่อโดนอีกฝ่ายยั่วโทสะมาก่อน โพไซดอนก็ไม่คิดจะอดกลั้นอีกต่อไป
ดีเหมือนกัน จะได้จัดการกับเจ้าเด็กปากเสียผู้นี้เสียที
“ข้าเพียงเอ่ยชวนท่านสนทนาเท่านั้นเหตุใดถึงอารมณ์เสียจนถึงขั้นท้าตีเยี่ยงนี้เล่า”
“ข้าเบื่อเด็กปากเปราะอย่างเจ้าเต็มที การใดที่ไม่ใช่กิจของตัวเองไฉนจึงยื่นหน้าเข้ามาสอดสู่รู้ไปเสียทุกเรื่อง”
เมื่อโดนว่าชอบสอดสู่รู้เรื่องผู้อื่นแบบนั้น เทพหนุ่มก็โกรธขึ้นมาทันที
“เห็นทีว่างานฉลองขององค์มหาเทพคราวนี้จะไม่น่ารื่นรมย์สำหรับท่านเสียแล้ว เพราะหลังจากนี้ท่านคงต้องแบกร่างที่บาดเจ็บกลับไปรักษาตัวที่ก้นทะเลลึก นิวาสสถานของท่านโน่น”
“เจ้าแน่ใจในกำลังตัวเองแล้วหรืออพอลโลถึงได้กล้าพูดกับข้าแบบนี้”
“ถ้าข้าไม่มั่นใจในตัวเอง ข้าไม่พูดออกมาหรอก ทางที่ดีรีบกลับไปบัลลังก์ใต้ทะเลของท่านซะจะดีกว่า ไปอยู่กับพวกกุ้งหอยปูปลาของท่านเถอะ เพราะแท้จริงแล้วโอลิมปัสนี้ก็ไม่เหมาะกับท่านนักหรอก หากไม่เป็นเพราะท่านเป็นพี่ชายของพ่อข้า ท่านก็คงไม่ได้รับเชิญมางานนี้” อพอลโลยกชื่อของบิดาผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพองค์ใดมาอ้าง ยิ่งทำให้โทสะของโพไซดอนร้อนแรงขั้นมาเหมือนเปลวเพลิงในยมโลกของเทพเฮเดส
“เจ้าเองหากไม่ได้ข้าช่วยเอาไว้เมื่อครั้งยังอยู่ในท้องของแม่เจ้า ก็คงไม่มีโอกาสได้มาทำอวดเก่งปากดีอยู่บนนี้หรอก เสียแรงนักที่ข้านึกปรานีนางเลโต แต่บุตรของนางไม่น่าจะได้รับความปรานีนั้นด้วยเลย อ้อ ข้าขอยกเว้นให้อาร์เทมิส น้องฝาแฝดของเจ้า เพราะนางน่ารักและมีสัมมาคารวะกว่าเจ้ามากนัก เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” พระเนตรสีฟ้าวาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ แต่คงไม่มากไปกว่าอพอลโลที่ตอนนี้กำลังกำพระหัตถ์จนแน่น
“เป็นบุญคุณที่ทวงถามไม่รู้จักจบจักสิ้น อ้างว่าทำความดีเพื่อผู้อื่น แต่กลบเกลื่อนความเลวร้ายกาจของตนเองเอาไว้ ท่านเองไม่ใช่รึที่ทำให้เมืองหนึ่งที่เคยบูชาท่านต้องล่มจมลงไปในทะเล ทั้งที่พวกเขาก็เฝ้าสวดวิงวอนขอความเมตตาจากท่าน แต่ท่านก็ยังโหดเหี้ยมพอที่จะทำลายญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ของเขาจนสิ้นซาก”
“เจ้า” ตรัสได้เพียงเท่านี้เพราะเทพแห่งท้องทะเลโกรธเสียจนไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดออกมาได้อีก แม้ในคราวแรกที่เสด็จมายังโอลิมปัสจะมิได้นำตรีศูลมาด้วย หากเมื่อถึงเวลานี้ในพระหัตถ์กลับปรากฏอาวุธคู่กายแล้ว ซ้ำนิ้วพระหัตถ์ยังกำด้ามของตรีศูลเอาไว้แน่นจนเส้นพระโลหิตปูดโปน
ฝ่ายอพอลโลเองก็ไม่น้อยหน้าในพระหัตถ์ปรากฏธนูและลูกศรสีทองเรื่อเรือง เหมือนพร้อมจะประจัญบานกันได้ในทุกขณะ เหล่าเทพและเทพีที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มที่จะขยับถอยห่างจากคู่วิวาท เพราะรู้ดีว่ากำลังจะเกิดการปะทะขึ้นในไม่ช้า ทว่าซูสและเทพีเฮราประทับอยู่ไกลจากตรงนี้ จึงยังไม่ทราบเรื่องว่าเทพแห่งท้องทะเลและเทพสุริยันกำลังจะก่อเรื่องวิวาทกันแล้ว
“เจ้าเด็กปากเสีย จงยกคันธนูและลูกศรของเจ้าขึ้นมา แล้วเรามาสู้กันให้รู้เรื่องในวันนี้ หากเจ้าแพ้จงคุกเข่าลงแล้วเอ่ยขอขมาข้าเสีย” สุรเสียงดังก้องตวาดใส่เทพสุริยัน
“ก็มาลองดูว่าตรีศูลของท่าน หรือลูกธนูของข้าที่จะได้อาบเลือดคู่ต่อสู้ก่อนกันแน่” ดวงเนตรวาววับจับจ้องไปที่พระพักตร์ของเทพแห่งท้องทะเล
ฉับพลันนั้นเส้นแสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาจากตรีศูล อาวุธคู่วรกายของโพไซดอน มันพุ่งตรงไปยังอพอลโลหมายจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ทว่าอพอลโลก็โก่งคันธนูและปล่อยลูกธนูสีทองออกมาอย่างรวดเร็วพอกัน ลูกธนูนั้นพุ่งไปต้านแสงสีฟ้านั้นจนมลายหายไปกลางอากาศเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผลของการปะทะกันจากอาวุธทรงพลังทั้งสอง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น พื้นวิมานอันเป็นสถานที่จัดงานสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนแผ่นดินไหว อันเกิดจากสัตว์ร้ายในคุกทาร์ทารัสขยับตัวแล้วพ่นไฟออกมา เหล่านางอัปสร และเทพรับใช้ผู้มีฤทธิ์น้อยนิด ต่างได้รับผลกระทบ ล้มกลิ้งระเนระนาด นางอัปสรกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ทว่าเทพทั้งสองกลับไม่สนยังคงส่งพลังอำนาจที่ตนมีเข้าประหัตประหารกัน มุ่งหมายทำลายอีกฝ่ายให้ย่อยยับ
“พลังท่านมีแค่นี้หรือ แค่สายน้ำกระจอกงอกง่อยนั่นไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก” อพอลโลตรัสเยาะเย้ยในขณะที่ยังคงปล่อยลูกธนูออกไปข้างหน้าไม่หยุด เพื่อสยบลำแสงสีฟ้าที่โพไซดอนส่งตรงมาทำร้าย
“อย่าปากกล้าท้าทายข้าไปนัก เจ้าเด็กอ่อนหัด” โพไซดอนยกหัตถ์ข้างที่ไม่ได้กำตรีศูลขึ้น แล้วก็ปรากฏลูกไฟสีฟ้า และมันกำลังเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากขนาดเพียงผลมะกอกก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า แล้วพระองค์ก็ซัดลูกไฟสีฟ้านั้นพุ่งใส่อพอลโลที่กำลังไม่ทันระวังองค์ ลูกไฟนั้นพุ่งเข้ากลางพระอุระ ส่งผลให้ซวนเซก้าวถอยหลังไป โลหิตสีทองหยดลงมาที่มุมโอษฐ์ นั่นทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สง่างามแบบเพศชายสมบูรณ์แบบของเทพแห่งท้องทะเล
“เป็นอย่างไรบ้างอพอลโล โลหิตของเจ้าสีสวยไม่ใช่เล่นนะ อะ” ตรัสเยาะไม่ทันจบประโยค โพไซดอนก็ต้องร้องอุทานออกมาเมื่อลูกธนูสีทองแล่นมาปักที่พระพาหุซ้าย หยาดพระโลหิตสีเงินวาวรินไหลลงมาทันที
“สีโลหิตของท่านก็งามไม่แพ้กัน” อพอลโลยิ้มเยาะในขณะมองอีกฝ่าย ก่อนจะต้องเบี่ยงพระวรกายหลบลำแสงสีฟ้าที่พุ่งมารอบทิศทางด้วยความรวดเร็ว
“ข้าจะเอาโลหิตเจ้าออกมาอีก แล้วเรามาเทียบกันว่าใครจะทำให้โลหิตของอีกฝ่ายไหลออกมามากกว่ากัน” ยามโทสะเข้าครอบงำเทพผู้เจ้าอารมณ์ก็ไม่สนพระทัยกับสิ่งใดทั้งนั้น นอกจากจะกำจัดสิ่งที่ทำให้พระทัยขุ่นมัวให้หมดสิ้นไปเสีย และเวลานี้สิ่งนั้นก็คืออพอลโลนั่นเอง
“งานเฉลิมฉลองของมหาเทพีเฮราสร้างความเบื่อหน่ายให้กับท่านได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
โพไซดอนไม่ประสงค์จะต่อความกับเทพหนุ่มผู้มั่นใจในรูปลักษณ์ของตน จึงทรงวางนิ่งเฉยเสีย ทว่านั่นกลับยิ่งทำให้อพอลโลจงใจที่จะยั่วยุโทสะให้หนักกว่าเดิม
“หรือว่านางอัปสรทั้งหมดนี้ ยังงดงามได้ไม่เท่าครึ่งของนางอัปสรที่ชื่อแอมฟริตริติ” เทพหนุ่มที่มีสิริโฉมงดงามที่สุดบนโอลิมปัสผู้เป็นเจ้าของพระเกศาและพระเนตรสีทองเฉกเช่นสีของดวงอาทิตย์ ตรัสขึ้นมาอีกครั้ง
เทพแห่งท้องทะลทรงหันพระพักตร์มามองเทพหนุ่มที่กำลังมีนางอัปสรคอยปรนนิบัติอยู่ทั้งซ้ายขวา ก่อนที่โอษฐ์รูปกระจับจะยกมุมขึ้นเล็กน้อยเป็นการยิ้มเยาะแล้วตรัสกลับไป
“ถ้าปากของเจ้ากำลังสำราญอยู่กับโนมเนื้อนุ่มของเหล่าเทพี ที่คอยปรนนิบัติพัดวีเจ้าทั้งทิวาราตรีอยู่ล่ะก็ จงเก็บปากของเจ้าไว้เพื่อการนั้นเถิด อย่าได้มาใช้เอื้อนเอ่ยเรื่องของเราเลย มิเช่นนั้นปากเจ้าอาจจะเจ็บจนใช้การอะไรไม่ได้” เมื่อโดนอีกฝ่ายยั่วโทสะมาก่อน โพไซดอนก็ไม่คิดจะอดกลั้นอีกต่อไป
ดีเหมือนกัน จะได้จัดการกับเจ้าเด็กปากเสียผู้นี้เสียที
“ข้าเพียงเอ่ยชวนท่านสนทนาเท่านั้นเหตุใดถึงอารมณ์เสียจนถึงขั้นท้าตีเยี่ยงนี้เล่า”
“ข้าเบื่อเด็กปากเปราะอย่างเจ้าเต็มที การใดที่ไม่ใช่กิจของตัวเองไฉนจึงยื่นหน้าเข้ามาสอดสู่รู้ไปเสียทุกเรื่อง”
เมื่อโดนว่าชอบสอดสู่รู้เรื่องผู้อื่นแบบนั้น เทพหนุ่มก็โกรธขึ้นมาทันที
“เห็นทีว่างานฉลองขององค์มหาเทพคราวนี้จะไม่น่ารื่นรมย์สำหรับท่านเสียแล้ว เพราะหลังจากนี้ท่านคงต้องแบกร่างที่บาดเจ็บกลับไปรักษาตัวที่ก้นทะเลลึก นิวาสสถานของท่านโน่น”
“เจ้าแน่ใจในกำลังตัวเองแล้วหรืออพอลโลถึงได้กล้าพูดกับข้าแบบนี้”
“ถ้าข้าไม่มั่นใจในตัวเอง ข้าไม่พูดออกมาหรอก ทางที่ดีรีบกลับไปบัลลังก์ใต้ทะเลของท่านซะจะดีกว่า ไปอยู่กับพวกกุ้งหอยปูปลาของท่านเถอะ เพราะแท้จริงแล้วโอลิมปัสนี้ก็ไม่เหมาะกับท่านนักหรอก หากไม่เป็นเพราะท่านเป็นพี่ชายของพ่อข้า ท่านก็คงไม่ได้รับเชิญมางานนี้” อพอลโลยกชื่อของบิดาผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพองค์ใดมาอ้าง ยิ่งทำให้โทสะของโพไซดอนร้อนแรงขั้นมาเหมือนเปลวเพลิงในยมโลกของเทพเฮเดส
“เจ้าเองหากไม่ได้ข้าช่วยเอาไว้เมื่อครั้งยังอยู่ในท้องของแม่เจ้า ก็คงไม่มีโอกาสได้มาทำอวดเก่งปากดีอยู่บนนี้หรอก เสียแรงนักที่ข้านึกปรานีนางเลโต แต่บุตรของนางไม่น่าจะได้รับความปรานีนั้นด้วยเลย อ้อ ข้าขอยกเว้นให้อาร์เทมิส น้องฝาแฝดของเจ้า เพราะนางน่ารักและมีสัมมาคารวะกว่าเจ้ามากนัก เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” พระเนตรสีฟ้าวาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ แต่คงไม่มากไปกว่าอพอลโลที่ตอนนี้กำลังกำพระหัตถ์จนแน่น
“เป็นบุญคุณที่ทวงถามไม่รู้จักจบจักสิ้น อ้างว่าทำความดีเพื่อผู้อื่น แต่กลบเกลื่อนความเลวร้ายกาจของตนเองเอาไว้ ท่านเองไม่ใช่รึที่ทำให้เมืองหนึ่งที่เคยบูชาท่านต้องล่มจมลงไปในทะเล ทั้งที่พวกเขาก็เฝ้าสวดวิงวอนขอความเมตตาจากท่าน แต่ท่านก็ยังโหดเหี้ยมพอที่จะทำลายญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ของเขาจนสิ้นซาก”
“เจ้า” ตรัสได้เพียงเท่านี้เพราะเทพแห่งท้องทะเลโกรธเสียจนไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดออกมาได้อีก แม้ในคราวแรกที่เสด็จมายังโอลิมปัสจะมิได้นำตรีศูลมาด้วย หากเมื่อถึงเวลานี้ในพระหัตถ์กลับปรากฏอาวุธคู่กายแล้ว ซ้ำนิ้วพระหัตถ์ยังกำด้ามของตรีศูลเอาไว้แน่นจนเส้นพระโลหิตปูดโปน
ฝ่ายอพอลโลเองก็ไม่น้อยหน้าในพระหัตถ์ปรากฏธนูและลูกศรสีทองเรื่อเรือง เหมือนพร้อมจะประจัญบานกันได้ในทุกขณะ เหล่าเทพและเทพีที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มที่จะขยับถอยห่างจากคู่วิวาท เพราะรู้ดีว่ากำลังจะเกิดการปะทะขึ้นในไม่ช้า ทว่าซูสและเทพีเฮราประทับอยู่ไกลจากตรงนี้ จึงยังไม่ทราบเรื่องว่าเทพแห่งท้องทะเลและเทพสุริยันกำลังจะก่อเรื่องวิวาทกันแล้ว
“เจ้าเด็กปากเสีย จงยกคันธนูและลูกศรของเจ้าขึ้นมา แล้วเรามาสู้กันให้รู้เรื่องในวันนี้ หากเจ้าแพ้จงคุกเข่าลงแล้วเอ่ยขอขมาข้าเสีย” สุรเสียงดังก้องตวาดใส่เทพสุริยัน
“ก็มาลองดูว่าตรีศูลของท่าน หรือลูกธนูของข้าที่จะได้อาบเลือดคู่ต่อสู้ก่อนกันแน่” ดวงเนตรวาววับจับจ้องไปที่พระพักตร์ของเทพแห่งท้องทะเล
ฉับพลันนั้นเส้นแสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาจากตรีศูล อาวุธคู่วรกายของโพไซดอน มันพุ่งตรงไปยังอพอลโลหมายจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ทว่าอพอลโลก็โก่งคันธนูและปล่อยลูกธนูสีทองออกมาอย่างรวดเร็วพอกัน ลูกธนูนั้นพุ่งไปต้านแสงสีฟ้านั้นจนมลายหายไปกลางอากาศเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผลของการปะทะกันจากอาวุธทรงพลังทั้งสอง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น พื้นวิมานอันเป็นสถานที่จัดงานสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนแผ่นดินไหว อันเกิดจากสัตว์ร้ายในคุกทาร์ทารัสขยับตัวแล้วพ่นไฟออกมา เหล่านางอัปสร และเทพรับใช้ผู้มีฤทธิ์น้อยนิด ต่างได้รับผลกระทบ ล้มกลิ้งระเนระนาด นางอัปสรกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ทว่าเทพทั้งสองกลับไม่สนยังคงส่งพลังอำนาจที่ตนมีเข้าประหัตประหารกัน มุ่งหมายทำลายอีกฝ่ายให้ย่อยยับ
“พลังท่านมีแค่นี้หรือ แค่สายน้ำกระจอกงอกง่อยนั่นไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก” อพอลโลตรัสเยาะเย้ยในขณะที่ยังคงปล่อยลูกธนูออกไปข้างหน้าไม่หยุด เพื่อสยบลำแสงสีฟ้าที่โพไซดอนส่งตรงมาทำร้าย
“อย่าปากกล้าท้าทายข้าไปนัก เจ้าเด็กอ่อนหัด” โพไซดอนยกหัตถ์ข้างที่ไม่ได้กำตรีศูลขึ้น แล้วก็ปรากฏลูกไฟสีฟ้า และมันกำลังเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากขนาดเพียงผลมะกอกก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า แล้วพระองค์ก็ซัดลูกไฟสีฟ้านั้นพุ่งใส่อพอลโลที่กำลังไม่ทันระวังองค์ ลูกไฟนั้นพุ่งเข้ากลางพระอุระ ส่งผลให้ซวนเซก้าวถอยหลังไป โลหิตสีทองหยดลงมาที่มุมโอษฐ์ นั่นทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สง่างามแบบเพศชายสมบูรณ์แบบของเทพแห่งท้องทะเล
“เป็นอย่างไรบ้างอพอลโล โลหิตของเจ้าสีสวยไม่ใช่เล่นนะ อะ” ตรัสเยาะไม่ทันจบประโยค โพไซดอนก็ต้องร้องอุทานออกมาเมื่อลูกธนูสีทองแล่นมาปักที่พระพาหุซ้าย หยาดพระโลหิตสีเงินวาวรินไหลลงมาทันที
“สีโลหิตของท่านก็งามไม่แพ้กัน” อพอลโลยิ้มเยาะในขณะมองอีกฝ่าย ก่อนจะต้องเบี่ยงพระวรกายหลบลำแสงสีฟ้าที่พุ่งมารอบทิศทางด้วยความรวดเร็ว
“ข้าจะเอาโลหิตเจ้าออกมาอีก แล้วเรามาเทียบกันว่าใครจะทำให้โลหิตของอีกฝ่ายไหลออกมามากกว่ากัน” ยามโทสะเข้าครอบงำเทพผู้เจ้าอารมณ์ก็ไม่สนพระทัยกับสิ่งใดทั้งนั้น นอกจากจะกำจัดสิ่งที่ทำให้พระทัยขุ่นมัวให้หมดสิ้นไปเสีย และเวลานี้สิ่งนั้นก็คืออพอลโลนั่นเอง

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2559, 21:33:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2559, 21:33:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 1447
<< บนแดนสรวง | อัปเปหิ >> |



Zephyr 28 ก.ค. 2559, 08:08:29 น.
ตีกันเป็นเด็กเลยแหะ
ตีกันเป็นเด็กเลยแหะ