ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ

เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย

มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน

ตอน: อัปเปหิ

ในขณะที่สองเทพกำลังใช้พลังอำนาจที่มีเข้าห้ำหั่นกัน จนทำให้นางอัปสรและเทพรับใช้ที่มีฤทธิ์เพียงน้อยนิดต่างได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน รวมถึงวิมานอันเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองแสนงดงามบัดนี้มีดูไม่จืด ดอกไม้ถูกพลังทำลายของทั้งคู่ซัดใส่จนร่วงหล่นเกลื่อนกลาด เสาของปราสาทแตกกะเทาะจนแทบจะพังทลาย เวลานั้นเองซูสและเฮราก็มาปรากฏวรกายอยู่กลางสนามรบของทั้งสอง พระหัตถ์ทั้งสองข้างขององค์มหาเทพกางออก เป็นการห้ามอาวุธจากทั้งสองฝั่งให้หยุดค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงพื้นในที่สุด

พวกเจ้าทำอะไรกัน นี่มันงานเฉลิมฉลองมิใช่หรือ เหตุใดถึงมาก่อเรื่องวิวาทกันเช่นนี้ ไม่เกรงใจเรากับเฮราบ้างหรือไร” สุรเสียงเข้มทรงพลังอำนาจตวาดก้อง ส่งผลให้โพไซดอนและอพอลโลยุติการวิวาทลงได้ในทันที

“เหล่านางอัปสรและเทพรับใช้อุตส่าห์มาเนรมิตสถานที่จนงดงาม แต่ท่านพี่ก็ทำลายมันเสียหมด” มหาเทพีเฮราตรัสกับโพไซดอนผู้เป็นพระเชษฐา ก่อนจะหันมาตรัสกับอพอลโล “เจ้าเองก็เช่นกัน นี่มันเป็นงานของพ่อเจ้าแท้ๆ แต่เจ้ากลับมาก่อเรื่องจนงานล่มไม่เป็นท่า” ทั้งโพไซดอนและอพอลโลแม้จะหยุดการห้ำหั่นกัน แต่สีพระพักตร์นั้นบ่งบอกเลยว่าไม่ยอมให้เรื่องในวันนี้จบง่ายๆ ที่บนโอลิมปัส อันเต็มไปด้วยหูตาพยานมากหน้าเช่นนี้

“ไม่เพียงทำสถานที่จัดงานพัง ดูสิโน่น พวกเทพที่ฤทธิ์น้อยกว่าเจ้าทั้งสอง ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า นี่ข้าควรจะทำอย่างไรกับพวกท่านดี” ซูสตรัสถามเทพทั้งสองที่ยังคงวางองค์นิ่งเฉย ก่อนที่โพไซดอนจะเอื้อนเอ่ยขึ้นมาก่อน

“ข้าเบื่อลูกชายจอมอวดดีของเจ้าเต็มที่แล้ว ทั้งยโสโอหัง ทั้งสอดแส่เรื่องของผู้อื่น”

“อ้าว ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้นเล่า ข้าเพียงหยอกท่านเล่นเท่านั้น ไม่เห็นจะต้องโมโหจนชวนวิวาทเช่นนี้เลย ท่านเป็นคนเริ่มทำร้ายข้าก่อนด้วยนะ อย่าลืม หรือจะปดไม่ยอมพูดความจริงว่าใครเป็นผู้เริ่มก่อน” อพอลโลเอ่ยขัดขึ้นทันที และไม่วายยั่วโทสะคู่กรณีอีกนิดหน่อย

“หยุดเดี๋ยวนี้ นี่มันต่อหน้าข้านะ ทำไมถึงยังกล้าวิวาทกันอีก” ซูส ตรัสด้วยสุรเสียงดังลั่นปานฟ้าผ่า พระพักตร์เข้มขึ้งบ่งบอกว่ากำลังโกรธอย่างที่สุด

“เจ้าก็สอบสวนทวนพยานเอาเองแล้วกัน ข้าเบื่อที่จะทนฟังลูกชายจอมยโสของท่านแล้ว ข้าลากลับวิมานของข้าละนะ” กล่าวจบโพไซดอนก็หันหลังหมายจะกลับวิมานใต้ท้องทะเลลึก หากโดนเอ่ยท้วงขึ้นเสียก่อนโดยอพอลโล

“แพ้แล้วหนีหรือท่านลุง แบบนี้มันเหมือนกับที่ผ่านๆ มาเลยนะ ท่านก่อเรื่องอะไรไว้ไม่เคยสะสางให้มันสำเร็จ ต้องให้ข้าเท้าความไหมว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เอาที่เกาะครีตก่อนเป็นไร”

ในขณะที่ได้ยินวาจาประชดประชันนั้น วรองค์ของโพไซดอนก็สั่นด้วยความโกรธเกินจะระงับได้ และก่อนที่อพอลโลจะทันได้รู้ตัว หรือแม้แต่ซูสเองก็ตามไม่สามารถห้ามปรามได้ทัน ลำแสงสีฟ้าเข้มจัดก็ซัดเข้าที่อกของอพอลโลอย่างจัง ส่งผลให้เทพหนุ่มผงะถอยหลัง หยาดโลหิตสีทองไหลซึมที่มุมพระโอษฐ์อีกครั้ง ชั่วเสี้ยววินาทีลูกธนูสีทองก็พุ่งหวือผ่านพระพักตร์ของซูสตรงไปยังโพไซดอนซึ่งยกตรีศูลขึ้นสกัดไว้ได้ทัน แต่ไม่สามารถสกัดกั้นอารมณ์โกรธสุดขีดขององค์มหาเทพได้ ซูสตรัสด้วยสุรเสียงเข้มจัด

“พวกเจ้านี่มันเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว ขนาดข้ายืนอยู่ตรงกลางเช่นนี้ยังกล้าก่อสงครามต่อหน้าข้า ดีละ เก่งกาจกันดีนักใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นลงไปใช้ความเก่งของตัวเองในโลกมนุษย์หน่อยจะเป็นไร”

ไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยวาจาทักท้วงใดๆ ก็ปรากฏแสงสีขาวสว่างจ้าล้อมรอบกายของโพไซดอนและอพอลโล จากนั้นทั้งสองก็โดนลำแพงนั้นพุ่งรัดเข้ารอบกาย แล้วโดนกลืนหายไปในแสงสีขาวในที่สุด

“เจ้าทำอะไรข้า ซูส” โพไซดอนส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยวเมื่อถูกเล่นงานด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัดของซูส เช่นเดียวกับอพอลโลที่ร้องท้วง

“ท่านพ่อ นี่ท่านทำอะไร”

ไม่มีคำตอบในขณะที่แสงสีขาวหมุนวนจนกลายเป็นอุโมงค์ใหญ่ ดูดกลืนร่างกายของเทพทั้งสองให้ล่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง ก่อนที่ร่างกายแข็งแกร่งของทั้งคู่จะกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“อะ/โอ๊ย” เสียงร้องของโพไซดอน ตามมาด้วยเสียงของอพอลโล เมื่อถูกดึงดูดด้วยพลังบางอย่างทำให้ไม่สามารถลอยตัวเหนือพื้นเพื่อให้พ้นจากแรงกระแทกได้เหมือนเคย ตอนนี้ทั้งคู่รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่ก็พยายามลุกขึ้นยืนจนได้ จากนั้นก็เหลียวมองรอบตัว แล้วพบว่ากำลังยืนอยู่บนผืนหญ้าสีเขียวขจีบนยอดเขาอะไรสักแห่ง มองเห็นซากอาคารปรักหักพังตั้งอยู่ไม่ไกล เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเบื้องบนก็ปรากฏผืนฟ้าสีฟ้าคราม ไร้ปุยเมฆ ทว่าปรากฏใบหน้าดุดันเต็มไปด้วยความโกรธขององค์มหาเทพแทน

“ในเมื่อพวกเจ้าต่างเก่งแล้วก็มีฤทธากันมากนัก ลองมาใช้ความสามารถของตัวเองช่วยเหลือมนุษย์สักหน่อยจะเป็นไร ข้าขอลงโทษพวกเจ้าให้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อปฏิบัติภารกิจสองอย่างช่วยเหลือมนุษย์เดินดินพวกนี้ และเพื่อเป็นการแสดงให้ข้าเห็นว่าพวกเจ้าเก่งกาจมีฝีมือไม่แพ้ใครหน้าไหน ข้าก็ขอริบเอาอำนาจที่พวกเจ้าเคยมีมาเสียครึ่งหนึ่ง ให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ในร่างกายเช่นมนุษย์ทั่วไป รู้เจ็บ รู้ร้อน รู้หนาว และถ้าคราวใดที่พวกเจ้าฝืนใช้พลังอำนาจที่มีเพื่อตัวเอง การลงโทษทัณฑ์พวกเจ้าจะยืดยาวออกไปโดยไม่กำหนด”

“เจ้าทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้” โพไซดอนตวาดลั่น

“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อข้าคือองค์มหาเทพที่อยู่เหนือเทพทั้งปวง แม้แต่ท่านที่เป็นพี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น”

“ท่านพ่อ ทำไมท่านพ่อถึงให้ข้ารับโทษทัณฑ์ด้วย ในเมื่อเขาต่างหากที่เป็นผู้เริ่มก่อน” อพอลโลแย้ง

“พวกเจ้าก็พอกันทั้งคู่ มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำนึก ถ้าอย่างนั้นข้าขอเพิ่มเงื่อนไขอีกหน่อยก็แล้วกัน ภารกิจสองอย่างที่พวกเจ้าต้องทำนั้น จะต้องร่วมมือทำด้วยกัน ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ในฐานะมนุษย์จนสิ้นอายุขัย”

“ไม่มีทาง ข้าไม่มีวันยอมรับโทษนี้” เทพแห่งท้องทะเลประกาศก้องพร้อมกับกางมืออกเพื่อเรียกเอาตรีศูลอาวุธคู่กายออกมา หมายจะห้ำหั่นกับมหาเทพหรืออีกตำแหน่งคือน้องชายของเขา ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดปรากฏในมือ เช่นเดียวกับ อพอลโลที่ลองเรียกอาวุธของตนออกมาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล

“อย่าฝืนใช้อำนาจเทพที่เหลืออยู่น้อยนิดของท่านเลยโพไซดอน ไม่อย่างนั้นท่านจะต้องอยู่บนโลกนี้เนิ่นนานออกไปอีก”

“เจ้า” โพไซดอนกัดฟันกรอดด้วยความโมโห เพราะทำอะไรไม่ได้ จึงหันไปมองอพอลโลเพื่อนร่วมชะตากรรมที่เขาไม่อยากได้

“เพราะเจ้าคนเดียว ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องมารับโทษทัณฑ์บ้าๆ จากพ่อของเจ้า” เทพหนุ่มในร่างของมนุษย์ชี้หน้าเทพแห่งดวงอาทิตย์ที่เวลานี้รูปโฉมแสนงามเปลี่ยนไปจากเดิม กลับกลายเป็นเพียงมนุษย์ชายบนโลกที่มีดวงตาและเรือนผมสีน้ำตาลเท่านั้น

“ท่านเองก็มีส่วนเหมือนกัน เริ่มก่อนแท้ๆ ยังมาโทษข้า ดีละถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่ให้ความร่วมมือกับท่านหรอก เชิญท่านผจญชะตากรรมบนโลกใบนี้ไปตามลำพังก็แล้วกัน” กล่าวจบเทพสุริยันก็ฝืนคำสั่งของพระบิดา ใช้พลังอำนาจแห่งความเป็นเทพ บันดาลให้ตัวเองหายไปจากบริเวณนี้ทันที

เทพผู้มีรูปโฉมงดงามเกินกว่าใคร และยังเป็นเทพเจ้าสำราญผู้ไม่เคยคิดผูกมัดกับเทพีแสนงาม หรือหญิงมนุษย์นางใด คิดว่าโลกนี้ก็มีอะไรให้น่ารื่นรมย์อยู่ไม่น้อย หากเขาฝืนใช้อำนาจแห่งเทพที่มีบ้างสักนิดหน่อย แล้วจะต้องอยู่บนโลกนานขึ้นอีกนิดก็คงจะไม่เป็นปัญหา เพราะอย่างน้อยๆ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่มีก็คงทำให้เขาหาความรื่นรมย์จากสตรีบนโลกมนุษย์ได้ไม่ยากนัก
“อพอลโล เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้” โพไซดอนตะโกนก้อง หากก็ไร้วี่แววของเทพแห่งสุริยัน นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของเทพแห่งท้องทะเลแทบทะลุจุดเดือดที่ต้องมาติดอยู่ในโลกมนุษย์ที่เขาแสนจะชิงชัง มนุษย์ที่ไม่เคยรักษาสัจจะ มนุษย์จอมโกหกพกลม เห็นแก่ตัว ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมหวัง เขาเกลียดและชิงชังเกินจะกล่าว แต่สุดท้ายกลับต้องต้องมาโดนลงโทษให้อยู่ในร่างของมนุษย์อย่างไม่มีกำหนด และยังต้องทำภารกิจช่วยเหลือพวกมนุษย์อีกด้วย
คงไม่มีเรื่องใดที่จะทำให้เทพแห่งท้องทะเลต้องโกรธมากเท่านี้มาก่อนอีกแล้ว

“ซูส อย่าให้ข้าได้กลับขึ้นไปบนโอลิมปัสอีกครั้งนะ ถ้าเวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่ ข้าจะถล่มวิมานของเจ้าให้แหลกเป็นจุล” โพไซดอนตะโกนก้องพร้อมกับกำมือแน่น หมายจะให้ถ้อยคำนี้ดังไปถึงโสตขององค์มหาเทพ

ทว่าไม่มีเสียงใด หรือการสื่อสารใดๆ ดังมาจากเบื้องบนอีก เทพแห่งท้องทะเลได้แต่กำมือแน่น พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความหงุดหงิดโมโห ก่อนจะพยายามระงับสติอารมณ์ของตนเอง เมื่อพบว่ามันไม่มีทางใดที่จะแก้ไขได้แล้ว นอกจากจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วหาทางแก้ปัญหาที่เกิดให้ได้โดยเร็วที่สุด

เมื่อคิดได้ก็ก้มลงมองรูปลักษณ์ของตนเอง พบว่าอยู่ในร่างของมนุษย์ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ แม้จะไม่ได้มาคลุกคลีกับโลกมนุษย์ที่เปลี่ยนไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เขาก็รู้ความเป็นไปและความเคลื่อนไหวของคนบนโลกนี้มากพอที่จะรู้ว่าอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่นั้นคือเสื้อยืดสีเทาพอดีตัว กับกางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบ จากนั้นก็ตัดสินใจก้าวเท้าเดินลงจากเขาแห่งนี้เพื่อไปดูว่าเขาถูกส่งมายังที่ใดบนโลกมนุษย์

ณ เวลานั้นโพไซดอนยังคงไม่รู้ว่า ซูสได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้อีกข้อในยามที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์แห่งนี้ ถ้ารู้เขาคงจะโกรธน้องชายมากกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า







namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ค. 2559, 23:33:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2559, 23:33:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1264





<< ปฐมเหตุ   เดินทาง >>
namon 29 ก.ค. 2559, 23:43:31 น.
ตอบเมนท์ๆ

pat...พูดไม่เข้าหุเลยเกิดเรื่องอิอิ

เซฟเฟอร์...นั่นสิคะ ดีกันยังกะเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนเนาะอิอิ


Zephyr 30 ก.ค. 2559, 21:47:48 น.
ต้องมีเมีย รึป่าวนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account