: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 43 (50%)

สาวัชลงนามในหนังสือสัญญาการซื้อขายหลักทรัพย์ แล้วเลื่อนเอกสารคืนให้ทนายของสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชัน เขาหันไปทางริสา ก็เห็นฝ่ายนั้นถอนหายใจจนไหล่ไหว สายตาที่มองเขามีร่องรอยกลัดกลุ้มกังวลชัดเจน

ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ทั้งยังพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงยืนยันว่าตั้งใจเช่นนี้จริงๆ กระนั้นสีหน้าของริสาก็ยังไม่ดีขึ้น นั่นอาจเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่สาวัชซาบซึ้งถึงความอบอุ่นในหัวใจจากการ ‘ถูกรัก’

สาเหตุที่ริสาไม่สบายใจก็เพราะเขายืนกรานว่าต้องการสัดส่วนหุ้นสยามดริ๊งค์ฯแลกกับหุ้น ๐.๖๘% ของพีอาร์เอ็มเท่านั้น อีกสองเปอร์เซ็นต์ที่ธนาโอนให้เขาตอนยังมีชีวิต เขายกสิทธิ์โอนคืนให้แก่พี่สาวโดยไม่เสียดายเลย

อีกคนที่มีสีหน้าประหลาดใจคือสุพจน์ เทียมสุบรรณ! บิดาของอิงอรุณจับตามองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ผิดสังเกตจนเขาอึดอัด หากไม่ติดว่าเสียมารยาท เขาคงลุกออกไปจากห้องนี้แล้ว เพราะไม่อยากให้ใครเห็นความหม่นหมองที่ตกหล่นอยู่ในซอกใจ ยามต้องยอมรับความจริงว่าเขาถูกอิงอรุณ ‘ใช้’ เป็นเครื่องมือและสะพานเพื่อก้าวเข้ามายึดครองบริษัท

บรรยากาศในการลงนามแลกเปลี่ยนหุ้นเป็นไปอย่างเงียบงัน แม้จะเป็นการแลกหุ้น แต่สาวัชรู้ดีว่าพี่สาวมิได้สุขใจกับการถือครองหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์สูงที่สุด ต่อให้สยามดริ๊งค์ฯยิ่งใหญ่กว่านี้อีกกี่เท่า แต่ความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของก็ไม่มีทางเทียบกับความรู้สึกวันที่ครอบครองหุ้นของพีอาร์เอ็มได้เด็ดขาด

ทุกคนเก็บความรู้สึกไว้ในหน้า มีเพียงวัชระที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเจรจานี้

“ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงเกินไป คุณสุพจน์พอจะชี้แนะดิฉันบ้างได้ไหมคะ ว่าทำไมคุณสุพจน์ไม่ใช้ชื่อตัวเองถือหุ้นพีอาร์เอ็ม แต่กลับยกหุ้นให้คุณอิงอรุณแทน” ริสาถามแทนราวกับนั่งอยู่ในใจเขา

“พีอาร์เอ็มเป็นหุ้นดีสมควรกับการลงทุนเชิงเน้นคุณค่า ยิ่งเก็บไว้นานก็ยิ่งมีราคา ไม่แปลกที่ผมจะอยากมอบให้ลูกสาวคนเล็ก มันก็เหมือนให้หลักทรัพย์ที่มั่นคงกับคนที่เรารักยังไงละ”

สาวัชเจ็บใจตัวเองเหลือเกิน ลึกสุดในหัวใจเขากลับ ‘ดีใจ’ ที่สุพจน์เลือกมอบสิ่งดีๆให้แก่อิงอรุณ แม้สิ่งดีๆดังกล่าวหมายถึงธุรกิจของครอบครัวซึ่งบรรพบุรุษของเขาฟูมฟักมาก็ตามที!

มโนธรรมฝ่ายหนึ่งก่นประณามเขารุนแรง ไม่ถูกต้องเลยที่เขายินดีกับอิงอรุณทั้งที่กำลังเฉือนหัวใจตัวเองอยู่เช่นนี้ ทว่าสิ่งเดียวที่เขาทำได้ มิใช่การพยายามเกลียดชังอิงอรุณ แต่มันคือการยอมรับสภาพและเลือกชิงชังตัวเองมากกว่า!

ริสาไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม “ดิฉันในนามของพนักงานปรเมศวร์เทรดดิ้งทุกคนต้องขอบคุณคุณสุพจน์มากที่กรุณาให้เกียรติหุ้นและบริษัทของเราเพียงนี้”

“ผมก็ขอบคุณคุณริสาที่ส่งมอบบริษัทที่มาให้ผมดูแลต่อ คนแก่ๆคนนี้รู้สึกเป็นเกียรติมากเช่นกัน”

บรรยากาศการปาดอกไม้คงดำเนินไปอีกนาน ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาโดยไม่รอฟังคำอนุญาต

“ขออภัยครับท่าน ผมมีข่าวด่วนแจ้งให้ทราบ” คนพูดวางเครื่องแทบเล็ตตรงหน้าสุพจน์

สามพี่น้องและธนภูมิมองหน้ากันครู่เดียว จึงลุกขึ้นและเอ่ยขอตัวตามมารยาท เจ้าของห้องผงกศีรษะอนุญาตและบอกลาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สาวัชมองสีหน้าของสุพจน์ด้วยความสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก ขณะลุกขึ้นก้าวตามพี่สาวพี่ชายไปเป็นคนสุดท้าย จึงทันได้ยินประโยครายงานร้อนรน

“มีคนให้ข่าวโจมตีคุณหนูอิงและบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ในโลกโซเชียลครับ ตอนนี้ข่าวกระจายออกไปทั้งทางเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม และเว็บไซต์สื่อแล้ว”

สาวัชชะงักเท้า หันกลับไปทางสุพจน์โดยอัตโนมัติ ก็เห็นฝ่ายนั้นเงยขึ้นมามองสบตาเขาพอดี! ชายหนุ่มกดความห่วงใยลงในใจ บอกตัวเองให้ก้าวออกมา เขาไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับอิงอรุณอีกต่อไปแล้ว!

“คุณสาวัช” น้ำเสียงทรงอำนาจของสุพจน์รั้งเขาไว้ทันควัน

“ครับท่าน” ชายหนุ่มหันกลับไปทางบิดาของอิงอรุณ จากหางตาเขาเห็นริสาและวัชระหยุดเช่นกัน

“ไม่อยู่ฟังข่าวด้วยกันก่อนเหรอ”

คำถามดักทางรู้ทันนั้นเป็นผลให้เขาขมขื่นทวีคูณ สุพจน์เลือกใช้อาวุธได้ถูกชิ้นอย่างไร้ที่ติ ฉลาดที่เข้าหาเขาโดยใช้อิงอรุณ รู้...กระทั่งว่าเขาคงไม่มีวันตัดใจจากลูกสาวท่านง่ายๆ

“ผมเกรงว่า...”

“ออกจากห้องนี้ไป คุณก็ต้องไปหาข่าวอยู่ดี คุณสาวัชอยู่ฟังซะด้วยกันที่นี่เถอะ” ประโยคนั้นบอกชัดว่าเชื้อเชิญเฉพาะเขาเป็นการส่วนตัว เลขาฯของสุพจน์จึงมาเชิญคนอื่นที่เหลือออกจากห้อง สาวัชลอบสังเกตจากปลายตาเห็นว่าคนอื่นๆเดินออกไปโดยไม่มีท่าทีใด มีเพียงวัชระที่ฮึดฮัดจนน่าแปลกใจ เขาเก็บความไม่สบายใจไว้ เตรียมใจรอรับสถานการณ์ตรงหน้าที่อึดอัดยิ่งกว่า

สาวัชย้อนกลับมานั่งเผชิญหน้ากับสุพจน์ ซึ่งอีกฝ่ายก็เลื่อนเครื่องแทบเลตมาตรงหน้าให้เขาอ่านข่าวได้สะดวก

เนื้อข่าวหลักๆระบุว่าลูกค้าคนหนึ่งของคิวปิดแอสซิสแทนซ์บังเอิญทราบมาว่าอิงอรุณและแพรวเพชรเปิดบริษัทจับคู่บังหน้า แต่เบื้องหลังเป็นแหล่งซ่องสุมรับสมัครสาวโสดให้มากรอกประวัติ โดยบริษัททำหน้าที่คนกลางติดต่อหญิงสาวพวกนั้นกับผู้มีอำนาจในแวดวงต่างๆ ให้บริการตั้งแต่การทานข้าว เป็นเพื่อนคุย เพื่อนดื่ม รวมไปถึงเพื่อนนอน!

ครั้นอิงอรุณและแพรวเพชรระแคะระคายว่าลูกค้าของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ท่านนี้ทราบเรื่อง จึงจับตัวเธอไปทำร้ายร่างกายเพื่อข่มขู่มิให้เปิดเผยความจริงของบริษัทฯ ทั้งยังบังคับให้อัดคลิปคำสารภาพร้ายกาจไว้ข่มขู่แบล็คเมล์ โชคดีที่หญิงสาวผู้นี้ออกอุบายหลบหนีมาได้ จึงโพสต์ข้อความทั้งในเฟสบุ๊คและอินสตราแกรมเพื่อเตือนภัยผู้ที่จะมาสมัครใช้บริการบริษัทจับคู่ ทั้งยังต้องการเรียกร้องความยุติธรรมและขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครองแก่เธอด้วย

ชายหนุ่มสไลด์หน้าจอผ่านภาพข่าวส่วนใหญ่ซึ่งเป็นรูปของหญิงสาวที่ถูกทำร้ายร่างกายจนสภาพยับเยินดูไม่ได้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงรูปสุดท้าย...

เขาชะงักอย่างไม่เชื่อสายตา ครั้นเงยขึ้นจึงพบว่าสุพจน์กำลังมองเขาเขม็งเป็นตาเดียว

เป็นวินาทีแรกในชีวิตที่สาวัชรู้สึกเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้ สมองอันเคยปราดเปรื่อยกลับเชื่องช้าคิดไม่ออกว่าควรอธิบาย ‘รูป’ ที่ปรากฏในข่าวนั้นอย่างไร...

คำบรรยายใต้ภาพระบุว่า ‘รูปถ่ายนี้ยืนยันว่านอกจากทำธุรกิจสกปรกแล้ว เจ้าของบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ยังมั่วสุมกับผู้ชายในสำนักงานโจ๋งครึ่ม ไม่แคร์สายตาผู้คน’

ภาพที่ถ่ายจากด้านหลังเห็นหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งยืนหันหลังเอียงด้านข้างให้กล้อง กำลังกอดรัดกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทั้งยังแหงนเงยขึ้นรับ ‘จุมพิต’ ของฝ่ายชายอย่างเต็มอกเต็มใจ แม้ไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่กระเป๋าแอร์เมสสีฟ้าที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหลัง และสร้อยข้อมือห้อยตุ้งติ้งเป็นอัญมณีหลากสีนั้นสามารถระบุตัวตนของสตรีที่อยู่ในรูปได้ชัดเจน...อิงอรุณ!

ภาพคู่กันเป็นรูปห้องประชุมทิฟฟานีเปรียบเทียบกับฉากในรูปคู่ว่าเป็นห้องเดียวกัน ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสำนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์แน่นอน

สุพจน์ไม่เอ่ยสิ่งใด แต่ลุกไปที่โต๊ะหยิบซองสีน้ำตาลจากลิ้นชัก เขาดึงของในซองออกมาวางเขี่ยให้รูปเหล่านั้นกระจายออก บุรุษอาวุโสนั่งหมิ่นๆบนโต๊ะ สีหน้าเคร่งขรึมขณะเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน “เมื่อรวมกับรูปพวกนี้ ดูเหมือนจะสรุปได้ว่าผู้ชายในข่าวนั่นคือคุณ ผมเข้าใจถูกไหม”

สาวัชมองรูปตัวเองกับอิงอรุณในหลายๆอิริยาบถที่วางกระจายเต็มโต๊ะแล้วหายใจเข้าลึก ภาพในข่าวมีแค่ความคล้ายคลึงของรูปร่าง แนวกรามและทรงผม ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้เด็ดขาด ยิ่งเสื้อผ้าเขาก็ไม่ได้สวมใส่อะไรที่พิเศษชนิดมีเพียงชิ้นเดียวในเมืองไทย หากจะไม่รับซะอย่าง ใครก็บังคับเขาไม่ได้ เพราะในรูปนั่นไม่มีเบาะแสใดสาวมาถึงตัวเขาได้เลย ทว่าเพื่อรักษาเกียรติของอิงอรุณ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือ...

“ครับ ผู้ชายในรูปข่าวคือผม แต่มันเป็นมุมกล้อง ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยล่วงเกินคุณอิงแบบนั้นแน่นอน”

สุพจน์พยักหน้าช้าๆ “เอาละ ผมเชื่อคุณ งั้นบอกผมทีว่ารูปนั่นมันมาจากไหน”

“ในรูปนี่เป็นเหตุการณ์ที่คุณอิงสะดุดจะล้มและผมประคองเธอได้ทัน ผู้หญิงคนที่ให้ข่าวใส่ร้ายคิวปิดแอสซิสแทนซ์อาจบังเอิญผ่านไปเห็นและถ่ายภาพเก็บไว้”

“คุณรู้จักผู้หญิงคนนั้นไหม”

“ครับ เธอเป็นลูกค้าของบริษัท ซึ่ง...” เขาอึกอัก ไม่แน่ใจว่าควรเปิดเผยเหตุการณ์ที่เขาพาอิงอรุณไปจับโกหกโสมสุรางค์หรือไม่ ถึงจะเป็นพ่อลูกกัน แต่อิงอรุณก็ควรมีพื้นที่ส่วนตัว พื้นที่...ที่หญิงสาวได้ทำอะไรด้วยตัวเองและเพื่อตัวเอง มิใช่อยู่ใต้ปีกการปกป้องคุ้มครองของบุพการี เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น อิงอรุณจะไม่มีวันเดินได้ด้วยตัวเอง ต้องคอยพึ่งพาคนรอบกายถากถางเส้นทางให้แก่เธอเสมอ

“ถ้าคุณรู้อะไร ก็บอกผมมาเถอะ ผมจะไม่ก้าวก่ายงานของลูกจนกว่าน้องอิงจะขอความช่วยเหลือ ผมแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และมีอะไรที่ผมพอจะเตรียมการไว้ช่วยลูกสาวผมได้บ้าง” ประโยคนั้นไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นการขอร้อง!

สาวัชถอนใจ เขาชักเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกทีที่ัยังเดือดร้อนห่วงใยความเป็นไปของอิงอรุณไม่เปลี่ยน คำมั่นของสุพจน์ทำให้อุ่นใจและเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะมีอะไรรออยู่ อิงอรุณจะไม่ต้องรับมือกับปัญหานั้นลำพัง

ชายหนุ่มตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ที่เขาพาอิงอรุณไป ‘สะสาง’ กับโสมสุรางค์ให้ผู้อาวุโสกว่าฟังอย่างละเอียด โดยลงท้ายว่า “ผมคิดว่าคุณอิงอาจโทษตัวเองเรื่องที่เธอไม่ส่งตัวคนร้ายให้ตำรวจตามที่คนอื่นๆแนะนำ ทำให้คุณมดมีโอกาสโพสต์ข้อความใส่ร้ายคิวปิดแอสซิสแทนซ์”

สุพจน์พยักหน้าขรึมๆ “คุณมีข้อเสนอแนะไหม”

“เราอัดคลิปคำสารภาพของคุณมดไว้ครับ แต่จากสิ่งที่คุณมดกุขึ้นและโพสต์ในอินเตอร์เน็ต ผมเกรงว่าผู้คนจะหลงเชื่อและเหมารวมว่าคุณมดถูกบังคับให้สารภาพอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้าย”

บิดาของอิงอรุณมีสีหน้าหนักใจ และท่านคั่นจังหวะความคิดด้วยการโน้มตัวไปกดเครื่องอินเตอร์คอมบนโต๊ะตั้งคำถามกับเลขาฯ “ติดต่อคุณอิงอรุณได้หรือยัง”

“คุณหนูอิงปิดมือถือครับ โทร.สอบถามจากเพื่อนๆ ทุกคนบอกว่าไม่ได้พบคุณหนูอิงมาหลายวันแล้ว”

สุพจน์หน้าซีดเผือด ตัดการติดต่อแล้วหันมาทางเขา

“เมื่อวานน้องอิงไม่ได้กลับบ้าน บอกแม่เขาไว้ว่าจะไปค้างกับเพื่อน แต่นี่เพื่อนกลับตอบขัดกัน”

สาวัชกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ลง ภาวนาสุดใจขอให้เรื่องที่อิงอรุณหายตัวไป อย่าได้เกี่ยวข้องกับการที่เขาไม่ไปตามนัดเลย!

ขณะเขายังคงหัวหมุนราวจักรผัน เจ้าของห้องก็หยิบโทรศัพท์มาเรียกไปยังเลขหมายหนึ่ง สุพจน์เล่าสถานการณ์สั้นๆ จากนั้นออกปาก ‘ขอร้อง’

สาวัชเดาได้จากสรรพนามที่ได้ยินว่าปลายสายต้องเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติแน่นอน

เมื่อสุพจน์วางโทรศัพท์บนโต๊ะ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืน “ถ้าธุระของท่านมีแค่นี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

สาวัชไม่รอคำอนุญาต แต่พุ่งออกจากห้องตรงไปยังลิฟต์โดยสารด้วยหัวใจร้อนรุ่ม เขาปัดทุกความถูกต้องออกจากหัวใจ ไม่แคร์หากต้องถูกประณามว่าห่วงใยลูกสาวของ ‘คนที่ฮุบบริษัท’ ไม่ไยดีถ้าใครกล่าวหาว่าเขาอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ

ณ วินาทีนี้สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมีเพียงหนึ่งเดียว คือความปลอดภัยและความรู้สึกของอิงอรุณ!




“กูเองนะ” น้ำเสียงดุดันทรงอำนาจกรอกมาตามกระบอกโทรศัพท์โดยไม่ระบุชื่อมั่นใจว่าคนฟังต้องรู้ว่าผู้พูดเป็นใคร

“ครับท่าน”

“ที่สั่งให้พาผู้หญิงไปพักร้อนน่ะ”

“ครับ” เขาขยับจะรายงานความคืบหน้า แต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่าย

“กูเปลี่ยนใจละ นังนั่นหมดประโยชน์แล้ว จัดการมันได้เลย”

“จัดการ...” ผู้น้อยลากเสียงไม่แน่ใจ “ท่านหมายถึงจัดการระดับไหนครับ”

“อย่าให้ตาย แค่ให้มันฉาวโฉ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอละ” คำพูดนั้นไร้ความปรานี ปราศจากความรู้สึกผิดหรือหยุดชั่งใจโดยสิ้นเชิง

แม้ถูกอบรมมาทั้งชีวิตว่าทหารมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้งไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม แต่นั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผู้ใต้บังคับบัญชานึกอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้ง แล้วพาผู้หญิงคนนั้นหนีไปให้พ้นจากเงื้อมมือและอำนาจของเจ้านายให้ไกลสุดขอบโลก ทว่าเขาก็ทำได้แค่คิด เพราะในท้ายที่สุดสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือ

“รับทราบครับท่าน ผมจะจัดการให้หมดจด ไม่มีอะไรสาวกลับมาถึงเราแน่นอน”





♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ตัดพี่ ดร. ออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยพาอิงอรุณไปที่เกาะได้คนนึงละ
มาลุ้นกันต่อเนอะ
ว่าตอนนี้ชะตากรรมของนางเอกเป็นยังไงบ้าง อิอิ






สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ค. 2559, 06:04:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ค. 2559, 06:07:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1576





<< ตอนที่ 42 (100%)   ตอนที่ 43 (75%) >>
konhin 28 ก.ค. 2559, 08:29:50 น.
คนที่คอยระวังกับคนที่คอยโอกาสมันก็ต่างกันตรงที่เราเผลอเมื่อไหร่เนี่ยแหล่ะ ว่าแต่ ทำไมพ่อเทพโครตร้ายเลยอ่ะ


Kim 28 ก.ค. 2559, 09:44:12 น.
แล้วใครจะจัดการกับพ่อของเทพได้ล่ะถ้าใหญ่คับฟ้าอย่างนี้


ตามหาฝัน 28 ก.ค. 2559, 10:27:01 น.
พ่อพี่เทพใจร้ายเกินไปหรือเปล่า


sumitt777 28 ก.ค. 2559, 10:34:51 น.
ตื่นเต้นๆๆๆ ลุ้นๆๆๆ ตอนต่อไป ค่ะ


Zephyr 28 ก.ค. 2559, 13:42:17 น.
ตามเงียบๆ
เรื่องชักจะเครียดไปละ


พอใจ 28 ก.ค. 2559, 21:03:32 น.
โอยยย คุณหนูอิง โลกนี้ช่างโหดร้าย ไม่น่าเป็นเพื่อนกับพันเทพเลย ฮืออออ


นักอ่านเหนียวหนึบ 28 ก.ค. 2559, 22:07:10 น.
เหยยยยยย อย่าเลวร้ายไปกว่านี้นะ คนดีๆ จะไม่มีที่ยืนเอา


goldensun 28 ก.ค. 2559, 22:37:49 น.
อิงโดนจับไปวันนึง ถึงได้รู้ตัวกัน ถ้าเป็นอะไรไป ก็ช่วยไม่ทันแล้ว แถมข่าวฉาวทางนึงทำให้นายพลไม่อยากได้เป็นสะใภ้ แต่อีกทางกลับทำให้สถานการณ์ยิ่งร้ายหนัก ดร.สาวัชจะหาทางช่วยได้ยังไง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account