มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 30

เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!



ทางฝ่ายหรคุณ ตันเต และโก๋พยายามรุกคืบเข้าไปยังจุดที่พวกคนร้ายพาตัวเจ้าหญิงไป แต่พอเห็นร่างของจิญจายะนอนนิ่งจมกองเลือดอยู่กับร่างของใครอีกคน หรคุณรีบวิ่งเข้าไปหอบเอาร่างของเพื่อนขึ้นนั่ง

“จิญๆๆ เธอเป็นยังไงบ้าง จิญ” จิญจายะยังคงหายใจอยู่แต่ก็อ่อนแรงเต็มที

เธอถูกยิงตรงกลางอก เลือดยังคงไหลไม่หยุด เขามองอีกร่างที่แน่นิ่งกับพื้น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นบิดาของหญิงสาวนั่นเอง ชายหนุ่มเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้โดยทันที

“หรคุณ ฉันขอโทษ ฉันแค่อยากพาพ่อออกมาสู่อิสรภาพ ฉันขอโทษที่หักหลังพวกเรา” จิญจายะบอกเสียงแผ่ว

“ฉันเข้าใจ ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่มันเป็นความผิดของพวกฉันเองที่ล้มเลิกแผนการ ทำให้เธอต้องทำแบบนี้ พวกฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอจิญ อย่าพึ่งเป็นอะไรนะ แข็งใจเอาไว้ ฉันจะพาเธอไปหาหมอ” หรคุณบอกพลางมองใบหน้าของเพื่อนสาว ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในภารกิจครั้งนี้

“ฉันไม่ไหวแล้วหรคุณ บอกญาติๆ ของฉันด้วยว่าฉันขอโทษที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนของทุกคน และบอกหัวหน้าด้วยว่าฉันขอโทษ อย่าโกรธฉันเลยนะ” หญิงสาวหายใจติดขัด เสียงขาดเป็นห้วงๆ

“ไม่หรอก หัสตะเขาไม่มีวันโกรธเธอหรอก เขาจะเข้าใจเธอเหมือนที่ฉันเข้าใจ”

“ขอบ...ใจ พ่อ...พ่อ... ” เสียงนั้นเบาหวิว หรคุณวางร่าง

จิญจายะลงเคียงข้างพ่อของเธอ และนำมือของทั้งคู่มาจับกันเอาไว้

“พ่อของเธออยู่กับเธอแล้วจิญ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ หลับให้สบายเถอะ” ชายหนุ่มบอก

ก่อนร่างของจิญจายะจะกระตุกเกร็งและแน่นิ่งไปในที่สุด หรคุณนิ่งไปชั่วครู่ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ แม้แต่ตันเตกับโก๋เองก็ร้องไห้ให้กับเพื่อนที่จากไป โดยไม่มีความขุ่นข้องหมองใจปะปนอยู่เลย

หรคุณได้แต่โทษว่าเป็นเพราะตนกับหัสตะ ที่จู่ๆ ก็เลิกล้มแผนการขึ้นมา หลังจากมารดาขอร้องหัสตะกับเขา หัสตะจึงได้เรียกประชุมกับตันเตและจิญจายะ เพื่อบอกถึงการล้มเลิกแผนการแลกตัวเจ้าหญิงรัชทายาทกับบิดาของเขาและพรรคพวก

ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพ่อของจิญจายะกับญาติของตันเตรวมอยู่ด้วย หัสตะได้ขอโทษทุกคน และบอกว่าจะทดแทนด้วยเงินค่าจ้างเป็นสองเท่าหลังจากภารกิจเสร็จสิ้น แต่ใครจะถอนตัวไม่ไปส่งเจ้าหญิงในครั้งนี้ก็ได้ เขากับหรคุณจะไปกันเอง

แต่จิญจายะกับตันเตก็ไม่ได้คัดค้าน ต่างก็มีท่าทีเข้าใจและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขา อีกทั้งยังยืนยันที่จะร่วมภารกิจในครั้งนี้ไปจนเสร็จสิ้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจิญจายะจะกระทำการเช่นนี้ หรคุณได้แต่เสียใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น

*-*-*-*-*-*

วาวพลอยถูกพวกคนร้ายพาถอยออกมาเรื่อยๆ แต่ก็ถูกตามมาอย่างกระชั้นชิด การต่อสู้ยังคงรุนแรง จนกระทั่งพวกมันอีกสองคนถูกยิงเสียชีวิต จึงเหลือเพียงตัวหัวหน้ากับหญิงสาว ที่มันทั้งดึงเธอไปด้วยและยิงตอบโต้ไปด้วย

แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้าเต็มที แถมฝ่ายติดตามก็เข้ามาใกล้จนสามารถเห็นตัวอย่างชัดเจน วาวพลอยเห็นชายที่สวมชุดลายพรางกลุ่มใหญ่กำลังรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ ขณะที่คนร้ายกับตัวเธอยังหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

“ปล่อยเจ้าหญิงแล้วยอมให้จับเสียโดยดี ตอนนี้แกสู้ไปก็เปล่าประโยชน์” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มทหาร คนร้ายสบถคำหยาบคาย อย่างโมโหระคนหวาดกลัว แล้วจึงดึงร่างของเจ้าหญิงรัชทายาทออกมาจากที่กำบัง

“อย่าเข้ามานะโว้ย! ถ้าไม่อยากให้เจ้าหญิงตาย ถอยไป! ” ปืนที่จ่อขมับเตรียมพร้อมลั่นไกหากไม่ทำตามที่มันสั่ง ส่งผลให้ทหารค่อยๆ ถอยหลัง คนร้ายจึงรีบดึงวาวพลอยถอยหลังออกมาเช่นกัน

“อย่าตามมาเด็ดขาด! ไม่อย่างนั้นเตรียมทำศพเจ้าหญิงได้เลย” มันขู่อีกครั้งเมื่อห่างออกจากทหาร พร้อมทั้งดึงร่างบอบบางให้ออกวิ่งเข้าไปในป่ารกรื้นด้านหนึ่ง

ระหว่างนั้นวาวพลอยรู้สึกว่ามือของมันที่กำแขนของเธอเอาไว้คลายลงเพราะมัวแต่หาทางหนี และพะวงกับการต่อสู้ หญิงสาวจึงสะบัดแขนอย่างแรง

“อีนังบ้า มึงหาเรื่องตายใช่ไหม!! ” มันตวาดพร้อมกระชากผมเธอกลับมาจนหน้าหงาย แต่ทว่า...

“ปัง!! ” เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด มันใกล้เสียจนวาวพลอยหูอื้อ

ของเหลวบางอย่างกระเด็นมาโดนใบหน้าของหญิงสาว พร้อมกับร่างของคนร้ายที่แดงฉานไปด้วยเลือดล้มลง เลือดนั่นเองที่กระเด็นใส่หน้าเธอ วาวพลอยกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว ขณะที่ร่างบอบบางเซถลา ใครคนหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามารับเอาไว้

“วาวพลอย วาวพลอย คุณเป็นยังไงบ้าง วาวพลอย” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเหมือนดังแว่วอยู่ไกลแสนไกล ก่อนความรู้สึกของหญิงสาวจะดับวูบลง

*-*-*-*-*-*

วาวพลอยลืมตาขึ้นมาพบกับเพดานสีฟ้าอ่อนเย็นตา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กรุ่นอยู่ในบรรยากาศ หรือนี่จะเป็นสวรรค์ และเธอก็ตายไปแล้ว แต่ความคิดต้องมีอันหยุดชะงักลง เมื่อเสียงหนึ่งร้องขึ้นเบาๆ

“เจ้าหญิงทรงฟื้นแล้วๆ ” ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้

“เจ้าหญิงทรงฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย ไปเรียนท่านโสตถีกับท่านปาระมีที” วาวพลอยมองไปยังคนพูด ซึ่งเป็นหญิงวัยประมาณหกสิบกว่าปี
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าไหมแขนยาว คอแหลม ผ่าหน้าอก ยาวปิดสะโพก เข้ารูปเล็กน้อย เข้ากับผ้าซิ่นที่เป็นลวดลายดอกไม้ยาวกรอมเท้า มีผ้ายาว ๆ คล้องคอ ผมยาวของนางถูกรวบไว้ตรงท้ายทอยปักด้วยปิ่นทองรูปดอกไม้อันเล็กๆ หญิงคนนั้นยิ้มให้เธออย่างใจดี
ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันเป็นหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับวาวพลอย สวมใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะเหมือนกัน แตกต่างกันแต่เพียงลวดลายสีสันเท่านั้น เพราะเสื้อผ้าของหญิงสาวมีสีสันและลวดลายที่สดใสกว่า อีกทั้งผมยาวของเธอก็ปล่อยสยายอยู่กลางหลัง หญิงสาวคนนี้ก็มีท่าทางตื่นเต้นยินดีเช่นกัน
“พวกคุณเป็นใครคะ แล้วนี่ที่ไหน” วาวพลอยถามพลางลุกขึ้นนั่ง โดยมีหญิงสาวคนนั้นช่วยประคอง

“ที่นี่คือพระราชวังหลวงเนวะแห่งริตถาวดีเพคะ หม่อมฉันชื่อ นิมาน มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเจ้าหญิงเพคะ” หญิงสูงวัยบอก ก่อนจะนั่งลงคุกเข่ากับพื้น ทำความเคารพพร้อมหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ

“ลุกขึ้นเถอะค่ะท่านป้า หลานรับไม่ไหวหรอกค่ะ ได้โปรด” หญิงสาวรีบพูดขึ้นด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย หญิงต่างวัยทั้งสองจึงได้ลุกขึ้น

“หลานต่างหากล่ะคะที่ต้องแสดงความเคารพท่านป้า สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ ท่านหญิงนิมานรีบจับมือเจ้าหญิงรัชทายาทเอาไว้ พร้อมเอ่ยท้วง

“ไม่ต้องแสดงความเคารพหม่อมฉันหรอกเพคะ พระองค์เป็นเจ้าหญิงรัชทายาทนะเพคะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านป้าเป็นญาติผู้ใหญ่ของหลานนะคะ แล้วนี่... ” วาวพลอยหันไปทางหญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่อย่างเป็นมิตรและตื่นเต้นในตอนท้าย

“ปาณา ลูกสาวคนเล็กของหม่อมฉันเอง ปาณาเป็นหมอและได้ให้การดูแลเจ้าหญิงตอนที่กลับมาถึงวังหลวงเพคะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะปาณา ขอบใจปาณามากเลยนะ” วาวพลอยทักทายด้วยความเป็นมิตรกลับไปเช่นกัน

“ถวายบังคมเพคะเจ้าหญิงรัชทายาท หามิได้เพคะ หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ถวายการรับใช้พระองค์เพคะ” ปาณาย่อตัวทำความเคารพพลางกล่าว ก่อนจะเพ่งพินิจวาวพลอยด้วยสายตาชื่นชมไม่มีปิดบัง

“ตัวจริงเจ้าหญิงสวยกว่าในรูปอีกนะเพคะ”

“หือ... ปาณาเคยเห็นรูปฉันเหรอ” เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตา หรือวาวพลอยมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

“เอ่อ... ก็ตอนที่ท่านพี่กับท่านพ่อให้คนสืบหาตัวเจ้าหญิง และถ่ายรูปมาให้ดูน่ะสิเพคะ ตอนนั้นเจ้าหญิงผมยาวด้วยใช่ไหมเพคะ”

คำพูดของปาณาทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นจับผมของตัวเอง ตอนนี้มันยาวเลยหูมาเยอะแล้ว แต่มันก็ยังดูสั้นอยู่ดี เธออดนึกไปถึงคนที่ออกคำสั่งกล้อนผมของตนไม่ได้

“แล้วท่านลุงโสตถีล่ะคะ” วาวพลอยรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกลบเกลื่อนความรู้สึกยอกแสลงในอก ด้วยการถามหาญาติสนิทที่เธอรู้จักเพียงแต่ชื่อ

“ท่านลุงของเจ้าหญิงหรือเพคะ อ้อ... นั่นไงมากันพอดีเพคะ” ชายวัยใกล้เคียงกับท่านหญิงนิมานท่าทางใจดีเดินเข้ามา

เขาสวมเสื้อผ้าไหมสีน้ำเงิน แขนยาว คอตั้ง อีกทั้งตัวก็ยาวเกือบถึงเข่า กางเกงขายาวสีเดียวกัน และมีผ้ายาวๆ สำหรับคล้องคอเช่นกัน บนศีรษะสวมหมวกคล้ายหมวกหนีบ

ประดับด้านหน้าด้วยตราสัญญาลักษณ์ประจำตำแหน่งเสนาบดีของริตถาวดี เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดทหารลายพรางสองคน ที่มองดูเผินๆ หน้าตาคล้ายกันมากทีเดียว

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหญิงรัชทายาท” ทั้งสามกล่าวกำลังจะนั่งลงคุกเข่ากับพื้น แต่วาวพลอยรีบร้องขึ้นเสียก่อน

“ไม่ต้องมากพิธีหรอกค่ะ ท่านลุงโสตถีสวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้สวัสดี

ทำให้ท่านโสตถีงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะไหว้ตอบตามธรรมเนียมคนไทยที่วาวพลอยใช้ หญิงสาวหันมาทางชายหนุ่มชุดลายพรางต่อ

“นั่นคงเป็น... ”

“ปาระมี ปาระมัต ลูกชายของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ” ท่านเสนาฯ โสตถีกล่าวแนะนำ

“สวัสดีค่ะ ท่านพี่ปาระมี ท่านพี่ปาระมัต แย่จังนะคะ ที่หลานไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกท่านเป็นใคร” ตอนท้ายหญิงสาวเปรยขึ้น พร้อมหันมาทางสองสามีภรรยาที่มีศักดิ์เป็นลุงกับป้าสะใภ้

“แต่ตอนนี้ก็รู้จักกันแล้ว และเรายินดีเหลือเกินที่เจ้าหญิงกลับมาอย่างปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ ครอบครัวของเราพร้อมจะถวายตัวช่วยเจ้าหญิงบริหารงานบ้านเมืองอย่างเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ” ปาระมีพูดพร้อมค้อมหัวให้ตามธรรมเนียม คนเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทยิ้มให้กับครอบครัวของผู้เป็นลุง

“เราเป็นญาติสนิทกัน อีกอย่างตัวหลานเองก็ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากพวกท่าน ขอให้หลานเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกท่านได้หรือไม่ ไม่ใช่ในนามของเจ้าหญิงรัชทายาท แต่เป็นลูกหลานคนหนึ่งของพวกท่าน”

“เป็นพระมหากรุณายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะเจ้าหญิง... ” ท่านโสตถีกล่าวพลางค้อมหัวให้

“ได้โปรดพูดกับหลานเหมือนคนธรรมดาเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นหลานคงไม่รู้สึกว่าพวกท่านเป็นญาติสนิทแน่ๆ ” หญิงสาวพูดอย่างถ่อมตัวไม่น้อย ส่งผลให้ทั้งห้าคน พ่อ แม่ ลูก ต่างก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มพึงใจ

“ถ้าเช่นนั้นพี่ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงกลับบ้านของเรา” ก่อนที่ปาระมีจะเอ่ยออกมา

“ขอบคุณค่ะท่านพี่ปาระมี ว่าแต่ท่านพี่ทั้งสองเป็นคนไปช่วยน้องใช่ไหมคะ” วาวพลอยจำชุดลายพรางของทหารกลุ่มนั้นได้ และมันก็เหมือนกันกับที่ญาติหนุ่มทั้งสองของเธอสวมใส่อยู่ในตอนนี้

“ใช่แล้วล่ะเจ้าหญิง เกือบไปทันแน่ะ” ปาระมัตที่ไม่ค่อยพูดบอกยิ้มๆ

“แล้วจับใครได้บ้างไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความหวั่นใจลึกๆ

“พวกทหารรับจ้างพวกนั้นตายหมด” ปาระมีบอก นั่นทำให้วาวพลอยตาโตด้วยความตกใจ

“อะไรนะคะ โก๋ล่ะคะ คุณหัสตะ... เขาเป็นคนพาน้องกลับมานะคะ” หญิงสาวร้องขึ้น

“เจ้าหญิงหมายถึงพวกหัสตะหรอกหรือ พวกเขาปลอดภัยดีและกลับไปกันแล้ว ส่วนคนชื่อโก๋พักอยู่อีกห้อง ไม่ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ฟกช้ำ และคงเหนื่อยมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” เจ้าของร่างบอบบางถอนหายใจโล่งอกกับสิ่งที่ได้ยินจากปาระมี

แต่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีน้ำหนักอะไรบางอย่างหน่วงตรงนิ้วนางข้างซ้าย ที่ให้ความรู้สึกคุ้นชินมากกว่าแปลกปลอม พอหญิงสาวเหลือบตาดู ดวงตาคู่งามซึ้งก็ต้องเบิกกว้าง

แหวนที่ตรงหัวฝังด้วยมุกสีน้ำทะเลวงเดิมยังอยู่ตรงนั้น วาวพลอยถึงกับอ้าปากค้าง แหวนวงนี้กลับมาอยู่ในนิ้วของเธอได้ยังไง? หรือจะเป็นตอนที่เธอสลบ และคนที่มาช่วยเธอก็คือ... หัสตะ

“เจ้าหญิงเป็นอะไรหรือเปล่า” ปาระมีถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางแปลกๆ ของเจ้าหญิงรัชทายาท

“เอ่อ... เปล่าค่ะ น้องแค่งงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนิดหน่อย ว่าแต่ท่านพี่กับท่านลุงมอบสิ่งใดให้กับพวกท่านหัสตะเป็นการตอบแทนที่พวกเขาพาหลานมาส่งริตถาวดีได้อย่างปลอดภัยคะ หมายถึงค่าตอบแทน หรือข้อเรียกร้องอะไรสักอย่าง” หญิงสาวหวังเพียงแต่ว่าหัสตะกับพรรคพวกจะได้สิ่งที่เขาต้องการกลับไป

“ไม่หรอก เขาแค่พาตัวเจ้าหญิงมาส่งเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้เรียกร้องอะไรอย่างที่เจ้าหญิงเข้าใจหรอก ที่จริงแล้วแม้พ่อเขาจะเป็นกบฏ แต่ตัวหัสตะเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง”



“หมายความว่ายังไงคะท่านพี่ปาระมี ท่านพี่รู้เรื่องที่... ” ปาระมีพยักหน้า





**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToy
OntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyO
TE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%
B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%
B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110










กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ค. 2559, 12:59:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2559, 12:59:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 886





<< บทที่ 29   บทที่ 31 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account