ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ

เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย

มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน

ตอน: 5 แรกเจอ

เสียงหวูดเรือดังยาวเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าเรือกำลังจะจอดเทียบท่าที่เกาะซานโตรินี เกาะท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศกรีซ เกาะที่มีเอกลักษณ์เด่นคืออาคารบ้านเรือนที่ปลูกลดหลั่นกันอยู่ริมหน้าผา ซึ่งอาคารแต่ละหลังล้วนทาสีขาวสะอาดสะอ้าน ตัดกับผืนน้ำทะเลอีเจี้ยนสีฟ้าสด นับเป็นทัศนียภาพของคนที่หลงใหลในการท่องเที่ยว ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต

กันธิชาคว้ากระเป๋าเป้ใบโตมาสะพายขึ้นหลัง หากใครได้เห็นร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงหุ่นเพรียวบางอย่างเธอจะสะพายเป้ใบยักษ์นี้ได้ แต่หญิงสาวก็สามารถแบกมันได้สบายๆ เพราะเธอใช้มันจนคุ้นชินแล้วกับการเดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว ทั้งเมืองไทยและต่างประเทศเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วนำมาเขียนลงหนังสือ การเดินทางมากรีซเพื่อเยี่ยมมารดาในครั้งนี้ หญิงสาวก็หวังว่าคงจะได้ข้อมูลไปเขียนหนังสือบ้างไม่มากก็น้อย

ในขณะที่กำลังเดินมาที่สะพานซึ่งทอดจากตัวเรือไปยังท่าเรือ จู่ๆ กันธิชาก็โดนนักท่องเที่ยวหญิงวัยกลางคนชาวเอเชียกลุ่มใหญ่ที่ส่งเสียงดังล้งเล้งลั่นเรือชนเข้าอย่างจัง ด้วยรูปร่างของฝ่ายนั้นที่อ้วนท้วนสมบูรณ์กันแทบทุกคน พอมาชนกับผู้หญิงร่างบางอย่างกันธิชาซึ่งมีเป้หนักหลายกิโลกรัมแบกอยู่ที่หลัง ก็ย่อมส่งผลให้หญิงสาวเซเสียหลักไปข้างหลังทันที โชคยังดีที่เธอปะทะเข้ากับกำแพงเสียก่อนถึงไม่ล้มหงายท้องลงไป

แต่ เดี๋ยวนะ กำแพงที่ไหน

หญิงสาวนึกสงสัยในใจ เธอจะชนกำแพงได้อย่างไรในเมื่อกำลังยืนอยู่ตรงท้ายเรือเพื่อรอเดินลงสะพาน แล้ววินาทีต่อมาก็มีเสียงทุ้มๆ เอ่ยมาเป็นภาษาอังกฤษทำให้เธอได้คำตอบว่ากำแพงนั้นคืออะไร

“ระวังหน่อยครับ”

“กันธิชารีบหันหลังกลับไปมองก็พบว่าสิ่งที่เธอเรียกว่ากำแพงคือแผงออกของผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขา “ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวสาวสังเกตเห็นว่า ชายหนุ่มคนดังกล่าวสวมเสื้อยืดสีขาวสะอาดตา พิมพ์อักษรภาษาอังกฤษอ่านได้ว่า “โอดิสซี” ใส่กางเกงยีนสีเข้มกับรองเท้าผ้าใบ เหตุที่เธอยังไม่ทันได้มองหน้าก็เป็นเพราะระดับความสูงของเธอแค่ไหล่เขาเท่านั้น

“ไม่เป็นไรครับ” พอเขาเอ่ยขึ้นมาอีก กันธิชาถึงได้เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา

ถ้าหากจะให้บรรยายรูปลักษณ์หน้าตาของชายหนุ่มตรงหน้า กันธิชาก็คิดว่าคงต้องสรรหาหลายคำหน่อย เพราะเขามีรูปลักษณ์ที่ทรงเสน่ห์เป็นอันมาก เรือนผมสีดำ คิ้วเข้มพาดเหนือดวงตาสีฟ้าอมเทา ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากหยักรูปกระจับ หากเธอเป็นพวกที่คลั่งไคล้ผู้ชายหล่อเข้มแบบกรีซเธอก็คงจะละลายเป็นขี้ผึ้งอยู่ตรงหน้าผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนี้แล้ว แต่ดีที่เธอไม่ใช่จึงยังสามารถเอ่ยขอบคุณ และมองสบตาเขาโดยไม่มีอาการหวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น

“ขอโทษที่ฉันไม่ทันระวังเลยไปชนคุณเข้า คุณไม่บาดเจ็บตรงไหนนะคะ”

คำถามของเธอเหมือนจะสร้างความงุนงงให้กับเขา เพราะคิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นสูงเหมือนงงกึ่งประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา

“ไม่หรอกครับผมไม่ได้เจ็บอะไร และอีกอย่างคุณก็ไม่ใช่คนผิด”

“ขอบคุณอีกครั้งที่กรุณาช่วยไม่ให้ฉันล้มหงายหลังลงไปนะคะ เป็นน้ำใจจากเจ้าบ้านที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างฉันประทับใจกรีซตั้งแต่ยังไม่เริ่มเที่ยวเลย” กันธิชาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปที่สะพานแล้วพบว่านักท่องเที่ยวทยอยเดินลงจากเรือเฟอร์รี่กันจนเกือบหมดแล้ว เธอเลยหันมาเอ่ยกับชายหนุ่มร่างสูงอีกครั้ง “ขอบคุณและลาก่อนนะคะ” จากนั้นหญิงสาวก็เดินลงจากเรือ กลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยวจำนานมากที่เดินทางมาเที่ยวเกาะซานโตรินี สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศกรีซ
ในขณะที่เธอเดินจากไปนั้น ชายหนุ่มมองตามเธอไปตลอด จนกระทั่งหญิงสาวหายไปจากครรลองสายตา แล้วครู่หนึ่งเขาก็ต้องหันมาตามเสียงร้องเรียกของผู้หญิงจำนวนสามสี่คน ที่กำลังเดินขึ้นเรือมาพร้อมกับกระเป๋าลากใบย่อมคนละใบ

“เฮ้ คีริล พวกเรามาแล้ว”

“ช่วยถือกระเป๋าให้หน่อยนะ หนุ่มเจ้าเสน่ห์” ทั้งสองประโยคนั้นถูกเอ่ยโดยหญิงวัยกลางคนสองคนในกลุ่ม ซึ่งในขณะที่พูดก็ทั้งยิ้มหวานทั้งส่งสายตาแพรวพราวไปด้วย

ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของนามคีรีล เซวาลาส หรือโพไซดอนในคราบของมนุษย์หนุ่มไม่ตอบว่ากระไร นอกจากยิ้มรับแล้วจัดการกับกระเป๋าสองสามใบนั้นอย่างไม่ยากเย็น แม้จะมีแขนของสาวใหญ่คล้องแขนข้างหนึ่งของเขาไว้ก็ตามที

เมื่อแขกที่เขามารับหาที่นั่งเป็นที่เรียบร้อย คีรีลก็เดินออกมาที่ระเบียงเรือเพื่อสูดเอากลิ่นไอทะเลที่แสนจะคิดถึงเข้าเต็มปอด หลายเดือนแล้วที่เขาต้องทนอยู่บนโลกมนุษย์ทั้งที่อยากจะกลับวังใต้ท้องทะเลเต็มที แต่ไม่สามารถทำได้เพราะยังไม่มีภารกิจอันใดที่พอจะเข้าเค้าว่านั่นคือภารกิจที่ซูสเอ่ยถึง ทั้งที่เขาก็เฝ้ารอให้มีสัญญาณบอกให้รู้ว่าภารกิจนั้นใกล้เข้ามาหรือกำลังจะเกิดขึ้น ทว่ากลับไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบจากเหล่าพราย นางอัปสร หรือเทพรับใช้ใดๆ ทิ้งสิ้น คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ทำให้เขาหงุดหงิดใจได้ทุกครั้ง ไม่นับเรื่องที่เขารู้ในวันแรกว่าเขาโดนเนรเทศลงมาอยู่ที่เกาะครีต เกาะที่เคยมีแต่ผู้คนสรรเสริญบูชาเขา แต่ก็ทำให้เขาชิงชังได้พอๆ กัน

ทว่าวันนี้กลับมีเรื่องมาให้เขารู้สึกประหลาดใจ และเลิกหงุดหงิดหัวใจได้ชั่วคราว นั่นคือผู้หญิงต่างชาติเจ้าของรอยยิ้มสดใสคนนั้น เธอชื่ออะไร เป็นคนชาติใดเขาก็ยังไม่ทันได้รู้ แต่เธอกลับมีบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสุข ความสงบเหมือนได้อยู่ในวังของตนเอง ผู้หญิงคนนั้นมีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดตัว ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสัมผัสลมหายใจนั้นได้ และไม่รู้ว่าทำไมหญิงชาวมนุษย์แสนธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีได้ แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือยามที่ได้ใกล้ชิดเธอแม้เพียงชั่วครู่มันทำให้เขาเหมือนมีพลังเพิ่มขึ้น ทั้งที่โดนริบพลังไปเสียครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งพลังของเขานั้นมาจากทะเล ซูสถึงได้ฝากเมดาสเทพบริวารของเขามาบอกในวันต่อมาหลังจากที่เขาโดนอัปเปหิลงมายังโลกมนุษย์ว่า ห้ามอยู่ใกล้ทะเลหรือใช้พลังอำนาจจากท้องทะเลเด็ดขาดหากไม่มีเรื่องจำเป็น เพราะนั่นจะทำให้กำหนดการอยู่บนโลกมนุษย์ของเขายาวนานขึ้นไปอีก

ตอนที่ได้รู้เงื่อนไขนี้ใหม่ๆ อารมณ์โกรธของเขาพุ่งแทบทะลุจุดเดือด หากเปรียบกับภูเขาไฟก็คงคล้ายกับว่าลาวาใกล้จะพ่นออกมาจากปากปล่องภูเขาเต็มที คำสั่งของซูสนั่นเหมือนกับตัดมือตัดขาของเขาชัดๆ เทพแห่งท้องทะเลแต่ไม่ให้อยู่ใกล้ทะเล คงไม่มีเรื่องไหนสร้างความขุ่นเคืองใจให้มากได้เท่ากับเรื่องนี้อีกแล้ว

“คีรีล” เสียงเรียกด้วยสำเนียงอ่อนหวานนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดความคิดของตนเองชั่วคราว

“มีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ” เขาจำต้องหันกลับไปเอ่ยอย่างสุภาพกับแขกกลุ่มสำคัญ

“ฉันรู้สึกเวียนหัวน่ะ ขอยากินสักหน่อยจะได้ไหม เหมือนอาการเมาเรือจะกำเริบอีกแล้ว นี่ก็มึนหัวจนแทบเดินไม่ไหว” เจนนิเฟอร์สาวใหญ่ชาวอเมริกันเอ่ยพลางเอนกายมาซบกับท่อนแขนแข็งแรงของเขา

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสาวๆ พวกนี้ต้องการอะไร แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็คือการให้บริการอำนวยความสะดวกยามเดินทางไปฟาร์ม การดูแลพาขี่ม้าชมวิวทิวทัศน์ของเกาะครีต นอกเหนือจากนี้เขาคงให้ไม่ได้ เพราะแค่เอสโตรขอร้องให้เขาบริการลูกค้าสาวใหญ่กลุ่มนี้เป็นพิเศษไปรับที่เอเธนส์ มาส่งที่ซานโตรินี รับจากซานโตรินีมาครีตเขาก็ถือว่าบริการอย่างดีแล้ว เพราะคณะทัวร์กลุ่มนี้จะมาเที่ยวกรีซกันทุกปี และนับตั้งแต่สองสามเดือนก่อนที่พวกเธอเลือกมาพักที่โอดิสซี ฟาร์มแอนด์รีสอร์ต แล้วได้เจอกับเขาในฐานะคนเลี้ยงม้า และดูแลนักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรมขี่ม้าชมวิว พวกเธอก็กลับมาอีกครั้งและจำเพาะเจาะจงให้เอสโตรเลือกเขาไปรับที่เอเธนส์ โดยกล่าวว่าจะมาเที่ยวที่นี่ให้บ่อยๆ หากจะเรียกว่าเป็นกลุ่มสาวใหญ่ใจเหงาก็ว่าได้ แม้จะไม่ค่อยชอบนักกับการทำงานแบบนี้ แต่พวกเธอก็ไม่ทำให้เขารำคาญใจมากนัก เขาถึงยอมรับหน้าที่นี้ได้โดยไม่ทรมานใจอะไร






namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2559, 22:18:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2559, 22:18:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1249





<< เดินทาง   6 เทพแห่งอาชาสู่คนเลี้ยงม้าแสนต่ำต้อย >>
Zephyr 31 ก.ค. 2559, 23:17:07 น.
สาวๆรุมล้อม หุหุ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account