มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 33





เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!


บทที่ 33


เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตาได้รับมอบตำหนักตุสิตา เป็นตำหนักส่วนพระองค์ ตำหนักตุสิตาเป็นบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่กว้างขวาง ก่อสร้างด้วยอิฐแน่นหนา มีห้องหับมากมายหลายห้อง

ภายในตำหนักได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ส่วนหนึ่งเป็น

เฟอนิเจอร์เก่าแก่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยพระราชาเนวะสัญ และพระราชินีตุสิตา ที่หลงเหลือจากการทำลายของพวกกบฏ

ตำหนักเก่าแก่นี้เป็นตำหนักของพระบิดา พระมารดาของเจ้าหญิงรัชทายาท ซึ่งครั้งหนึ่งตอนเป็นทารกเจ้าหญิงเองก็เคยพำนักอยู่ที่นี่ วาวพลอยจึงให้โก๋มาพักอยู่กับเธอในตำหนักนี้ด้วย แต่ตอนนี้โก๋ได้ออกไปตามหานางอัมพรและตะวันพราวกับคนของปาระมีตามที่ตั้งใจไว้

เช้าวันหนึ่งปาณาก็มาหาเจ้าหญิงรัชทายาท เพื่อทำการสอนภาษาริตถาวดีให้กับหญิงสาวตามที่ท่านโสตถีได้บอกเอาไว้ ปาณาและ

วาวพลอยแต่งกายด้วยชุดประจำชาติของริตถาวดี ที่เป็นเสื้อแขนยาวกับผ้าซิ่น

แม้ส่วนมากคนรุ่นใหม่จะแต่งเฉพาะงานพิธีสำคัญต่างๆ แต่ในพระราชวังหลวงก็ถูกปลูกฝังให้ยึดถือการแต่งกายดั้งเดิมนี้ไว้เสมอ จนเป็นเรื่องปกติ

“ฉันคงต้องรบกวนปาณาหน่อยล่ะนะ” วาวพลอยบอก ขณะพากันก้าวเข้าไปในห้องพักผ่อนในตำหนักส่วนพระองค์

“ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพคะเจ้าหญิง” ปาณาตอบด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงตรงโซฟา

“แล้วปาณาเตรียมอะไรมาให้ฉันเรียนบ้างล่ะ” หญิงสาวรีบถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น เมื่อเห็นหนังสือหลายเล่มที่ปาณาถือติดมือมาด้วย

ปาณาจึงรีบวางหนังสือเหล่านั้นลงตรงหน้าเจ้าหญิงรัชทายาท จากนั้นจึงเริ่มสอนวาวพลอยให้อ่านเขียน และพูดภาษาของริตถาวดี เรื่องการพูดเธอได้เรียนรู้จากหัสตะจนสามารถเข้าใจและสื่อสารได้ดีในระดับหนึ่ง แม้สำเนียงจะแปลกแปร่งไปบ้างก็ตาม

หญิงสาวจึงเน้นหนักไปที่การอ่านและเขียน วาวพลอยใช้เวลาเรียนรู้ภาษาอย่างเดียวเป็นอาทิตย์ จากนั้นท่านโสตถีและเสนาฯ บางคนที่มีความรู้ ก็ได้มาสอนเธอเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ การปกครองต่างๆ

และทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับริตถาวดี โดยมีปาระมี ปาระมัตช่วยอธิบายให้บ้างในยามว่าง ทุกคนต่างก็ทุ่มเทเพื่อเจ้าหญิงรัชทายาทเป็นอย่างมาก นั่นทำให้วาวพลอยซาบซึ้งใจ และพยายามทำความเข้าใจในทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้

จากประวัติศาสตร์ที่หญิงสาวได้ศึกษา ริตถาวดีได้เริ่มก่อตั้งมาเมื่อเกือบหนึ่งพันกว่าปีก่อน ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาโดยตลอด และราชวงศ์ ‘เนวะ’ ของเธอก็เป็นเพียงราชวงศ์เดียวที่ปกครองริตถาวดี จากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงรุ่นของเธอในวันนี้

ความเป็นอยู่ของประชาชนในยุคที่เทคโนโลยีต่างๆ ก้าวหน้า ในเมืองหลวงมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทั้งสิ่งปลูกสร้างตึกรามบ้านช่อง สถานที่ราชการต่างๆ ที่มีกลิ่นอายของทางยุโรปผสมผสานให้เห็นอยู่บ้าง แต่ยังมีบางส่วนที่คงไว้ซึ่งความเป็นริตถาวดี

และคนในเมืองหลวงส่วนมากเป็นพวกพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ แต่ประชาชนรอบนอกกลับมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมในสังคมเกษตรกรรม

แต่สิ่งหนึ่งที่วาวพลอยต้องตระหนักก็คือ ริตถาวดีแม้มีรากฐานเป็นเมืองพุทธศาสนา แต่วันนี้กลับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก วัดวาอาราม พุทธสถานต่างๆ ไม่ได้รับความใส่ใจมานับแต่ยุคที่นายพลติงสาก่อการกบฏ

มันเป็นอีกเรื่องที่วาวพลอยสนใจ และหากมีโอกาสเธอก็อยากให้ความสำคัญกับรากฐานทางศาสนานี้

ระหว่างที่ได้ศึกษาเรื่องราวของริตถาวดี ในใจลึกๆ ของหญิงสาวก็ยังคงคิดถึงเจ้าของแหวนมุกสีน้ำทะเลนั้นอยู่ไม่คลาย ไม่ว่าจะเรียนรู้เรื่องอะไรก็ดูเหมือนเขาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของเธอไปเสียหมด

เพราะหลายเรื่องหลายอย่างหัสตะเคยออกความคิดเห็น รวมทั้งบอกเล่าถึงเรื่องราวในริตถาวดีให้เธอฟัง ในครั้งที่ยังรอนแรมอยู่ในทะเลด้วยกัน อีกทั้งคำแนะนำบางเรื่องบางอย่างของเขาเธอก็นำมาใช้อยู่เสมอ

วาวพลอยไม่อาจรู้ได้ว่าเขาเป็นยังไงตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในวังหลวง แม้จะยังคงคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ยังคงจำคำมั่นสัญญาของเขา ซึ่งตอนนั้นเธอคิดว่ามาจากหัวใจเขาจริงๆ แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าเขาทำเพื่อตัวเองเธอก็โกรธและเสียใจมากมาย

แต่สุดท้ายที่รู้ว่าเขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนตัวเธอกับบิดาและพรรคพวก วาวพลอยก็อดเห็นใจไม่ได้ ทั้งที่ไม่ควร ความขัดแย้งในหัวใจ กับความเป็นจริงในอดีตยังคงทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึง

เขาเป็นลูกชายคนที่ฆ่าพ่อแม่เธอ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตนต้องหนีตายระหกระเหินไปไกลถึงต่างบ้านต่างเมือง คนๆ นั้นทำลายครอบครัวของเธอยังไม่พอ ยังทำลายบ้านเมืองริตถาวดี จนตอนนี้ยังหาความก้าวหน้าไม่ได้

แม้จะรู้สึกกับเขามากแค่ไหน แต่วาวพลอยก็ยังทำใจยอมรับความจริงในอดีตที่แสนเจ็บปวดไม่ได้ อีกทั้งเรื่องราวระหว่างหัสตะกับเธอไม่มีวันเป็นไปได้ นั่นต่างหากที่หญิงสาวต้องทำใจยอมรับ

*-*-*-*-*-*

ภายในห้องหนึ่งในตำหนักของเจ้าชายอุชเชน เจ้าของตำหนักลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีที่แลเห็นเสนาฯ ระสังเดินนำเสนาบดีอีกคนเข้ามาในห้อง เสนาบดีทั้งสองทำความเคารพเจ้าชายอุชเชน ก่อนจะได้รับอนุญาตให้นั่งลงตรงชุดรับแขก

“ตอนนี้เจ้าหญิงกำลังเรียนทั้งภาษา การปกครอง และอะไรอีกหลายอย่างเลยพ่ะย่ะค่ะ” เสนาฯ คนที่ตามท่านระสังมารายงานต่อ

เจ้าชายอุชเชน

ซึ่งเสนาฯ คนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ได้ถวายการสอนบางวิชาให้กับเจ้าหญิงรัชทายาท เจ้าชายอุชเชนมองสบตากับเสนาฯ ระสังแว่บหนึ่ง ก่อนจะพยายามทำท่าทีให้สำรวม

“อย่างนั้นเหรอ พวกท่านได้สอนอะไรน้องหญิงบ้างล่ะ แล้วที่ตำหนักตุสิตาเป็นยังไงบ้าง” เจ้าชายถาม

เสนาฯ คนนั้น จึงได้เล่าถึงความเป็นไปในตำหนักตุสิตาให้กับเจ้าชายอุชเชนฟัง และก่อนที่จะกลับไป เจ้าชายได้มีของเล็กๆ น้อยๆ มอบให้ติดไม้ติดมือด้วย ซึ่งคนส่วนมากมักไม่ปฏิเสธ เพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ก็แค่รายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหญิงเท่านั้น

“นี่พวกมันคิดจะให้นางเด็กนั่นขึ้นครองราชย์จริงๆ อย่างนั้นเหรอ ปัญญาอ่อนแล้ว แค่พูดภาษาริตถาวดียังไม่กระเดียด” อุชเชนแค่นเสียงว่า เมื่ออยู่กันเพียงลำพังกับเสนาฯ ระสัง น้ำเสียงและแววตาแสดงความหมิ่นแคลนอย่างเห็นได้ชัด

“อย่าเพิ่งประมาทไปเลยพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย แม้เจ้าหญิงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่สิ่งที่พวกเสนาฯ โสตถีทำมันก็บ่งบอกแล้วว่าพวกนั้นมันเอาจริงพ่ะย่ะค่ะ” เสนาฯ ระสังอดเตือนสติเจ้าชายไม่ได้ ส่งผลให้คนฟังหยุดคิดไปครู่หนึ่ง

“ท่านเสนาฯ ระสัง ถ้าอย่างนั้นเราจะทำยังไงกันดี ให้ตายเถอะทำไมมันหนังเหนียวนักนะอีนังเด็กนี่ ทำยังไงก็ไม่ตาย” ตอนหลังเขาสบถถ้อยคำหยาบคายอีกหลายคำ อย่างไม่ออมท่าที แต่เสนาฯ ระสังยังคงนิ่งคิด

“ตอนนี้เราควรนิ่งไว้ดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ อย่าไปยุ่มย่ามกับมัน แล้วค่อยๆ หาทางจัดการมันเมื่อถึงเวลาพ่ะย่ะค่ะ” ก่อนเอ่ยออกมาเสียงเย็นเยียบ

“ไม่ใช่ว่าถึงเวลานั้น มันผ่านพิธีราชาภิเษกไปแล้วหรอกนะท่านเสนาฯ ” เจ้าชายอุชเชนไม่วายจะประชดเข้าให้

“ไม่หรอกน่าเจ้าชาย ใจเย็นไว้ก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ แล้วค่อยคิดหาวิธี ตอนนี้พวกมันจะทำอะไรก็ปล่อยไปก่อน แค่คอยจับตามองก็พอพ่ะย่ะค่ะ” เสนาฯ ระสังสรุป ดวงตาคู่นั้นของชายวัยห้าสิบกว่าปีเปล่งประกายเยือกเย็น พร้อมรอยยิ้มเหยียดปรากฏบนริมฝีปาก





**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=Y
ToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE
2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%
B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%
87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2559, 20:32:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2559, 20:32:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 857





<< บทที่ 32   บทที่ 34 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account