มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น
ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น
ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้
Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล
ตอน: บทที่ 34
เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!
บทที่ 34
ช่วงที่ว่างจากการเรียนรู้ต่างๆ ในตอนบ่าย เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตาออกมานั่งอยู่ด้านหลังตำหนัก ซึ่งเป็นสวนหย่อมเล็กๆ พร้อมกับปาณาที่ตอนนี้กลายเป็นคนสนิทของเจ้าหญิงรัชทายาทไปเรียบร้อยแล้ว
“ปาณาอ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ” หญิงสาวถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนา
“หนังสือเกี่ยวกับการแพทย์น่ะเพคะ เจ้าหญิง” ปาณาตอบพลางยกหนังสือ ที่มีหน้าปกเป็นภาษาอังกฤษให้ดู
วาวพลอยรู้จากเจ้าตัวมาว่า ที่ปาณาพักงานประจำในโรงพยาบาลหลวงช่วงหลังมานี้ ก็เพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
“เพราะฉันแท้ๆ ที่ทำให้ปาณาไม่มีเวลาเตรียมตัวอย่างเต็มที่เลย” หญิงสาวเปรย แต่ปาณาที่ปิดหนังสือ หันมายิ้มให้เธอ
“ไม่หรอกเพคะ ปกติหม่อมฉันก็อ่านหนังสือ เตรียมตัวประมาณนี้อยู่แล้ว ไม่ได้หักโหมหรือตั้งหน้าตั้งตามากมายหรอกเพคะ ไม่อย่างนั้นเครียดตายเลยเพคะ ดีเสียอีกที่ได้มาอยู่กับเจ้าหญิง หม่อมฉันสนุกดีออก ได้เรียนรู้อะไรที่หม่อมฉันไม่เคยรู้ อย่างเช่นเรื่องเมืองไทยยังไงเล่าเพคะ” ปาณาว่าตามความรู้สึกของตัวเอง
เพราะเวลาอยู่ด้วยกัน นอกจากจะสอนภาษาแล้วทั้งสองยังพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของตนให้อีกฝ่ายฟัง หนำซ้ำวาวพลอยเองยังสอนภาษาไทยให้กับปาณาอีกต่างหาก
“งั้นเหรอ เอ่อ... จริงสิว่าจะถามปาณานานแล้วว่าทำไมถึงเลือกเรียนแพทย์ แล้วทำไมถึงอยากไปเรียนต่อเมืองนอกอีก”
“พวกหม่อมฉันโตขึ้นมาพร้อมกับภาระของบ้านเมืองไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเพคะ สิ่งที่เราทำทุกอย่างก็เพื่อบ้านเมือง ประชาชน นั่นเป็นสิ่งที่ท่านพ่อกับพระบิดาของเจ้าหญิงทรงยึดถือมาตลอดชีวิต แต่ก็ตามใจเราด้วยเช่นกัน ให้เราทำในด้านที่ชอบ ที่สนใจ เพื่อที่จะทำได้ดียังไงเล่าเพคะ” ปาณาอธิบาย พอเห็นเจ้าหญิงยังตั้งใจฟังจึงเอ่ยต่อ
“เหมือนกับท่านพี่ทั้งสองเป็นทหารนั่นแหล่ะเพคะ หม่อมฉันฝันว่าอยากเป็นหมอที่เก่งๆ คอยรักษาประชาชนของเราเพคะ พอเรียนจบหม่อมฉันก็ทำงานได้เพียงสองปี รู้สึกว่าความรู้ของตัวเองยังไม่พอก็เลยอยากจะเรียนต่อ อยากมีความรู้มากกว่านี้ เพื่อกลับมาพัฒนาวงการแพทย์บ้านเราเพคะ”
“อย่างนั้นเหรอ ช่างน่าชื่นชมกันจัง” วาวพลอยมองเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจอยู่ในน้ำเสียงและใบหน้าของปาณา ก็ให้ชื่นชมนัก
“หม่อมฉันโชคดีที่เป็นพระญาติสนิทของพระราชา จึงมีโอกาสมากมายในมือ แต่หม่อมฉันก็จะเลือกและทำให้ดีที่สุดเพื่อประชาชนชาวริตถาวดี เพราะเราต่างก็เป็นข้าของแผ่นดิน เจ้าหญิงอย่าหวั่นเลยเพคะ ท่านพ่อจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างดีเพื่อให้เจ้าหญิงทรงครองราชย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเพคะ”
“ขอบคุณนะปาณา ท่านลุงช่างมองการณ์ไกลนัก ฉันซาบซึ้งใจเหลือเกิน” หญิงสาวเอ่ยด้วยความตื้นตันใจ
“หามิได้ เจ้าหญิงบอกเองไม่ใช่เหรอเพคะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน งานของเจ้าแผ่นดินหนักหนาสาหัสก็ต้องมีมือมีเท้าอย่างพวกเราๆ และเหล่าเสนาฯ ข้าราชการต่างๆ นี่แหล่ะเพคะ
“ท่านพ่อบอกว่าบ้านเมืองของเราหยุดนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งมาตั้งแต่นายพลติงสาก่อการกบฏ จนกระทั่งตอนนี้เราได้ทำการเตรียมพร้อมทุกอย่าง พอองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้ว บ้านเมืองจะได้ก้าวไปข้างหน้าเสียทีเพคะ”
“อือ... นั่นสินะ” วาวพลอยคิดตามคำพูดของปาณา ที่สุดคนเหล่านี้ก็ทำเพื่อเจ้าหญิงรัชทายาท และมากกว่านั้นคือทำเพื่อแผ่นดินริตถาวดี
หญิงสาวเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเธอได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับริตถาวดีทุกแง่มุม ก็มีความเห็นอย่างที่ปาณาว่า ริตถาวดีล้าหลังกว่าประเทศในแถบเดียวกันมากกว่าที่คิด แถมยังเป็นประเทศที่ค่อนข้างปิดนับแต่เกิดการกบฏขึ้น แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันคุยกันต่อ นางกำนัลก็เข้ามา
“เจ้าหญิงเพคะ ท่านปาระมีมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
“ให้เข้ามาได้เลยจ้ะ” เจ้าหญิงชลันตาตอบเป็นภาษาริตถาวดีที่มีสำเนียงชัดเจนขึ้น
เพียงครู่ปาระมีก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับโก๋ และที่ทำให้หญิงสาวอ้าปากค้างก็คืออีกสองคนที่ตามเข้ามา
“แม่... พี่พราว” เจ้าของร่างบอบบางรีบวิ่งเข้าไปหานางอัมพรและตะวันพราว ทั้งสามโอบกอดกันแล้วร้องไห้
“ในที่สุดลูกก็กลับมาสู่ริตถาวดีได้อย่างปลอดภัย แม่ดีใจเหลือเกินเจ้าหญิง” นางอัมพรลูบหลังลูบไหล่วาวพลอย
“พลอยก็ดีใจที่แม่กับพี่พราวปลอดภัย พลอยกลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้พบแม่กับพี่พราวอีก” หญิงสาวพร่ำน้ำตานองหน้า ตอนนี้เธอทั้งดีใจทั้งโล่งใจปะปนกันไปหมด
“มือชั้นนี้แล้วน่ายัยพลอย อย่าห่วง อุ๊ย! ต้องเรียกว่าเจ้าหญิงสินะ ขอประทานอภัยเพคะเจ้าหญิง” ตะวันพราวที่น้ำตาพึ่งแห้งเหือดไปย่อตัวถอนสายบัว แต่ทำหน้าทะเล้นตอนท้าย
“ไม่ตลกนะคะพี่พราว คนเป็นห่วงใจไม่ดียังจะเล่นอีก” วาวพลอยบ่นอุบทำหน้าง้ำ ยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆ
“ไม่เล่นก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้พี่กับแม่ปลอดภัยหายห่วงแล้ว เลิกทำหน้าอย่างนั้นเสียทีเถอะเราน่ะ” ว่าพลางขยี้หัวน้องอย่างเคยมือ
ทำให้คนที่มองอยู่อดยิ้มไม่ได้กับความรัก ผูกพัน และสนิทสนมของพี่น้องต่างพ่อแม่คู่นี้ ก่อนที่วาวพลอยจะแนะนำแม่และพี่สาวให้รู้จักกับปาณา
“ไม่มีอะไรแล้ว ผมกับน้องคงต้องขอตัวกลับกันก่อนนะครับ” ปาระมีบอกนางอัมพร
“เชิญค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับการช่วยเหลือต่างๆ ” นางอัมพรพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
“หามิได้ครับท่านหญิง พวกเราต่างหากที่ควรขอบคุณพวกท่าน สิ่งที่พวกท่านทำเพื่อเจ้าหญิงช่างยิ่งใหญ่นัก” ว่าแล้วสองพี่น้องก็ค้อมหัวให้ผู้สูงวัยและบอกลาเจ้าหญิงกับตะวันพราวอีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องไป
“โก๋ก็ต้องขอตัวไปพักก่อนนะป้า เจ๊” โก๋ที่มีท่าทางเหนื่อยอ่อนขอตัวออกไปเช่นกัน
“นี่เรื่องมันเป็นยังไงคะ หลังจากเราแยกกันที่ท่าเรือแล้วแม่ไปยังไงมายังไงถึงได้มากับพี่พราวได้ เล่าให้พลอยฟังบ้างสิคะ” หญิงสาวรีบถามขึ้น เมื่อเหลือกันอยู่เพียงสามคน
นางอัมพรจึงตั้งต้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางฟากของตน ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนท้ายสุดที่พากันหนีออกมาจากเพิงพักไม้ และเผาจนวอดวาย จากนั้นทั้งสองก็ระเหเร่ร่อนไปทั่ว แต่ก็ยังมีคนร้ายคอยตามล่าเหมือนเดิม
ทั้งสองต้องคอยหลบหลีก หาทางเอาตัวรอดในบ้านเมืองที่ไม่คุ้นเคยอย่างยากลำบาก โชคดีที่นางอัมพรพูดภาษาริตถาวดีได้ อีกทั้งตะวันพราวเองก็มีทักษะการต่อสู้และเอาตัวรอด จึงทำให้มีชีวิตรอดมาได้ จนกระทั่งมาเจอกับกลุ่มคนที่มาช่วยกับโก๋
แต่ก็เป็นช่วงหนักหนาสาหัสพอดี เพราะดันเจอกับกลุ่มคนร้ายเข้าเต็มๆ จึงเกิดการต่อสู้กันอีกครั้ง แต่ก็สามารถช่วยนางอัมพรกับตะวันพราวกลับมาถึงวังหลวงได้ในที่สุด ตอนนี้สองแม่ลูกยิ้มได้เต็มใบหน้าแล้ว
*-*-*-*-*-*
คืนนั้นวาวพลอยกับนางอัมพร และตะวันพราวนอนอยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งเป็นห้องบรรทมอันโอ่โถงของเจ้าหญิงรัชทายาทนั่นเอง บนเตียงนอนกว้างขวางทั้งสามคนนอนเรียงกันได้อย่างสบาย
วาวพลอยกอดแม่ข้างหนึ่ง ตะวันพราวก็กอดอีกข้างหนึ่งเหมือนตอนเป็นเด็ก การมาถึงของครอบครัวทำให้หญิงสาวอุ่นใจขึ้นเป็นอย่างมาก และเธอก็พร้อมจะเผชิญกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ แค่มีครอบครัวอยู่เคียงข้างเท่านั้น
ทั้งสามจึงพูดคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่รู้เบื่อ โดยเฉพาะวีรกรรมของนางอัมพรกับตะวันพราว ที่คนเป็นพี่สาวเล่าได้อรรถรสเสียเหลือเกิน จนวาวพลอยรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
“ลูกยังไม่ได้เล่าเรื่องของลูกให้แม่ฟังเลยนะ” จู่ๆ นางอัมพรก็เอ่ยขึ้น หลังจากที่ตะวันพราวหมดเรื่องเล่าแล้ว นั่นเป็นเหตุให้หญิงสาวชะงักไปนิดหนึ่งด้วยรู้สึกยอกแสลงอยู่ในอก
“พลอยนึกว่าโก๋เล่าให้แม่กับพี่พราวฟังแล้วเสียอีก” ก่อนว่า ในใจไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก อยากฝังมันไว้ให้ลึกสุดใจด้วยซ้ำ
“มันจะไปเหมือนเราเล่าได้ยังไงเล่ายัยพลอย ไอ้โก๋มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ” ตะวันพราวว่า
“ค่ะ เราพรากกันตอนที่ถูกโจรสลัดปล้นเรือ แล้วพลอยก็ไปติดเกาะ... ”
“กับคุณหัสตะ... ” คนเป็นพี่สาวต่อให้ นั่นทำให้วาวพลอยแปลกใจเป็นอันมาก
“พี่พราวรู้จักเขาได้ยังไงคะ” และรีบถามขึ้นทันที
“อ้าว... ก็เขาเป็นคนพาเจ้าโก๋ไปตามหาแม่กับพี่น่ะสิ อุ๊บ! ” ตะวันพราวรีบยกมือขึ้นปิดปากในตอนท้าย เมื่อรู้ตัวว่าเผลอโพล่งความลับระดับโลกออกมาเสียแล้ว
“อะไรนะคะ!! ” วาวพลอยผุดลุกขึ้นนั่ง พลางถามด้วยความตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
“เอ่อ... เปล่าหรอก พี่แค่... ” ความอึกอัก ผิดปกติของพี่สาวทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าตะวันพราวต้องการปิดบังอะไรบางอย่างจากเธอแน่ๆ
“พี่พราวคะ” คนเป็นน้องทำเสียงเย็นท่าทางจริงจัง ส่งผลให้ตะวันพราวถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โอเคๆ. พูดความจริงก็ได้ คือคุณหัสตะเป็นคนพาเจ้าโก๋ไปตามหาพี่กับแม่ จนกลับมานอนคุยกับเราได้เนี่ยแหล่ะ” ความจริงจากปากตะวันพราว ทำให้คนฟังอึ้งไป
“เรื่องของเรื่องคือเจ้าโก๋มันไปขอความช่วยเหลือจากคุณหัสตะ แม่ทัพปาระมีเองก็อนุญาต เขากับเจ้าโก๋ก็เลยออกตามหาพวกแม่ ความจริงเขาขอร้องไม่ให้เราบอกพลอยนะลูก แต่เจ้าโก๋มันแอบบอกมาว่าลูกกับคุณหัสตะมีอะไรกันจริงหรือเปล่า” นางอัมพรเป็นคนบอกเล่า ก่อนจะถามขึ้นในตอนท้าย
“อะไรนะคะ! เปล่านะคะแม่” วาวพลอยเบิกตาค้างกับคำถามของแม่ พลางปฏิเสธเสียงหลง
“เอ่อ... แม่ไม่ได้หมายความว่ามีอะไรแบบนั้น แม่หมายถึงชอบกันน่ะลูก” จนนางอัมพรต้องรีบอธิบายให้ตรงประเด็น
“แหม... แม่ก็พูดให้คิด เป็นใครก็ต้องตกใจกันทั้งนั้นแหล่ะ ว่าแต่มันจริงหรือเปล่ายัยพลอย ความจริงพี่ว่าคุณหัสตะเขาโอเค. มากเลยนะ หล่อ ล่ำ เก่ง พี่เห็นเขาทำหน้านิ่งๆ แล้วซัดคนร้ายที่ตามมาด้วยหมัดเดียวสลบเหมือด เท่ห์ชะมัดเลย เป็นพี่หน่อยไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก” ตะวันพราวอดกระเซ้าน้องไม่ได้
แม้ตอนนี้วาวพลอยจะเป็นถึงเจ้าหญิงรัชทายาท แต่ความรู้สึกของความเป็นพี่น้องก็ยังคงเดิม ทำให้หญิงสาวไม่ออมกิริยายามอยู่ลำพังเช่นนี้
“พี่พราวอย่าพูดเล่นนะคะ เรื่องของพลอยกับเขาเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” วาวพลอยพูด น้ำเสียงแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าจนคนฟังรู้สึกได้
“ทำไมเหรอ หรือว่าการเป็นเจ้าหญิง หรือราชินีของที่นี่ห้ามแต่งงาน” ตะวันพราวทั้งถามและเดาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือ... ” ทั้งนางอัมพรและตะวันพราวต่างก็มองหญิงสาวเป็นตาเดียวกันเพื่อรอคำตอบสำคัญ วาวพลอยได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจตระหนักว่าเธอคงหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
“เขาเป็นลูกชายของนายพลติงสา คนที่ก่อการกบฏเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนค่ะ” คำตอบนั้นทำให้เกิดภาวะสุญญากาศไปนานหลายนาที
**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่
MEB
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&da
ta=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6N
joiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30
ookbee
http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d7
24-41df-87e9-b81cd2f83d83
ebooks.in.th
http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0
%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%
E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%
B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/
Hytexts
http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883
นายอินทร์ปัณณ์
https://www.naiin.com/product/detail/184068/
ซีเอ็ด
https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9
786164063174
banbanbook
http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110
กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ส.ค. 2559, 13:15:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2559, 13:15:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 927
<< บทที่ 33 | บทที่ 35 >> |