มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 35





เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!



อัพไม่จบนะคะ อัพประมาณ 70% ค่ะ ใครอยากฟินกันต่อก็รีบจองกันเข้ามาได้นะคะ อีกไม่กี่วันก็จะปิดจองแล้วค่า



บทที่ 35


วาวพลอยตัดสินใจเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ให้แม่และพี่สาวฟัง โดยเลือกเก็บงำเรื่องการแต่งงานตามประเพณีชาวเกาะที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับหัสตะบนเกาะนียาเอาไว้เช่นเคย หญิงสาวตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างเขากับเธอไปจนวันตาย

“ที่สุดเขาก็เลิกล้มความตั้งใจ นั่นคงเป็นเพราะเขามีใจให้กับลูกมาก” นางอัมพรเปรยขึ้นหลังฟังเรื่องราวต่างๆ จบลง

“นั่นสิ พี่ว่าที่เขาตัดสินใจไปกับโก๋ก็คงเป็นเพราะเราแน่ๆ เลย ยัยพลอย” ตะวันพราวเองก็แสดงความคิดเห็นจริงจังขึ้น

“ไม่จริงหรอกค่ะ เขาอาจจะทำเพราะเหตุผลอื่นก็ได้” หญิงสาวปฏิเสธ ทั้งที่ลึกๆ ในใจอยากให้เป็นอย่างที่แม่กับพี่สาวพูดไม่น้อย นางอัมพรมองลูกสาวคนเล็กนิ่งๆ อย่างครุ่นคิด

“ลูกรักเขาใช่ไหม” ก่อนถามขึ้น

“แม่... ” วาวพลอยน้ำตาเอ่อรื้น

ก่อนจะร่วงเผาะลงมา ราวกับคำพูดของมารดาได้จี้จุดอ่อนแอเปราะบางที่สุดของตนกระนั้น นางอัมพรโอบกอดร่างของลูกสาวที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะเอาไว้ ร่างบอบบางสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นไห้

“ร้องออกมาเถอะลูก ถ้ามันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น” ตะวันพราวเองก็ขยับเข้ามาใกล้พลางลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนน้อง จนกระทั่งวาวพลอยสงบลง

“ตอนนี้นายพลติงสายังอยู่ในคุกใช่ไหมลูก” นางอัมพรถามขึ้น

“ค่ะแม่ แต่พลอยก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากหรอกนะคะ” หญิงสาวบอกไปตามความจริง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรู้สึกดีที่ชีวิตวุ่นวายจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ และที่สำคัญวาวพลอยตั้งใจจะลืมมันด้วย เธอไม่อยากสนใจ ด้วยกลัวจะเจ็บปวดนั่นเอง

“แม่อยากเจอเขา” ประโยคต่อมาของนางอัมพร ทำให้หญิงสาวทั้งสองมองมารดาอย่างแปลกใจ

“อะไรนะคะแม่ แม่อยากเจอคนที่ทำลายครอบครัวของเราอย่างนั้นเหรอคะ แถมยังทำลายครอบครัวเจ้าหญิงอีกนะคะ แม่จะไปสนใจคนโหดร้ายอย่างนั้นทำไมกันคะ” ก่อนที่ตะวันพราวจะร้องขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย

“นั่นล่ะ ที่สำคัญ บางทีเราอาจจำเป็นต้องเห็นสภาพเขาในตอนนี้” นางอัมพรยืนกรานการตัดสินใจ วาวพลอยจำต้องพยักหน้าให้แม่ในที่สุด

“ก็ได้ค่ะ พลอยจะบอกท่านพี่ปาระมีให้นะคะ ท่านพี่จะได้เบิกตัวเขามาพบแม่”

“แม่อยากไปเจอเขาที่คุกมากกว่า และลูกก็ต้องไปกับแม่ด้วย” นางอัมพรพูด วาวพลอยกับตะวันพราวหันไปมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

มากกว่านั้นในใจของวาวพลอยรู้สึกสับสน ทั้งอยากไปกับแม่และไม่อยากไป แต่คำสั่งของมารดาก็สำคัญที่สุดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอรู้ว่าทุกสิ่งที่นางอัมพรทำนั้นย่อมมีเหตุผลที่ดี โดยเฉพาะกับลูกทุกคน หญิงสาวจึงรับปากอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

*-*-*-*-*-*

วันต่อมาหลังจากวาวพลอยได้บอกเรื่องที่มารดาต้องการเข้าเยี่ยมนายพลติงสากับปาระมี เขาไม่มีปัญหา แถมยังพาคนทั้งหมดไปยัง

ทัณฑสถานด้วยตัวเอง นอกจากนางอัมพร เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตา

ตะวันพราว แล้วยังมีปาณาที่ร่วมเดินทางไปด้วย โดยมีทหารติดตามอีกจำนวนหนึ่ง

ทัณฑสถาน หรือคุกหลวงของริตถาวดีตั้งอยู่นอกเมืองหลวง กำแพงอิฐสูงทอดตัวยาวติดเชิงเขาด้านหนึ่ง บนกำแพงยังมีรั้วลวดหนามต่อขึ้นไปอีกประมาณหนึ่งเมตร ตรงหัวมุมของกำแพงมีป้อมปราการขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งสี่ด้าน

ข้างในเขตกำแพง ตึกเก่าแก่สี่ชั้นสีขาวขุ่นอีกทั้งกระดำกระด่างไปตามกาลเวลาตั้งอยู่ด้านในสุด หันหน้าออกมาทางประตู สองข้างขนาบด้วยตึกลักษณะเดียวกัน แต่ใหม่กว่า

ปาระมีนำกลุ่มของเจ้าหญิงรัชทายาทไปยังตัวอาคารเก่าแก่ด้านใน โดยทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้รอรับเสด็จเจ้าหญิงรัชทายาทกับคณะ แต่ก็เป็นไปอย่างเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตอง

เพราะเป็นการเสด็จมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ซึ่งทางคุกหลวงพึ่งทราบเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง แต่ก็พร้อมอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้อย่างดีที่สุด

“นักโทษระดับสั่งการที่ก่อกบฏจะถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินทั้งหมด ไม่มีการให้เยี่ยม ไม่มีการลดโทษตลอดชีวิต แม้แต่นายพลติงสาก็เช่นกัน ว่ากันว่าความตายยังสบายมากกว่าการอยู่ในนี้หลายเท่า และนี่จึงเป็นวิธีลงโทษที่สาสมกับความผิดที่สุด” ปาระมีบอกเล่า ขณะพากันเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปยังด้านใน

“มีคนตายไปบ้างไหมคะ” นางอัมพรถาม

“มีประจำครับ การอยู่แบบนี้มันก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว การตายจริงๆ จึงเป็นเรื่องไม่น่ากลัวสำหรับพวกเขา แต่จะว่าไปตั้งแต่อุชเชนมาดูแลยิ่งแย่ไปใหญ่ เพราะบางทีก็มีการทรมานนักโทษด้วย” ปาระมีตอบ

“อย่างนั้นเหรอคะ” วาวพลอยรำพึง ด้วยความที่ได้เรียนรู้ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับอุชเชนมักเป็นเรื่องโหดร้ายเสมอ เธอจึงไม่สบายใจนัก

“มันเป็นความผิดพลาดของพวกพี่เองที่ให้อุชเชนดูแล เพราะไม่อยากให้เขามายุ่มย่ามกับหน่วยอื่นที่สำคัญกับบ้านเมือง คิดว่าเรือนจำเหมาะกับเขาและเขาคงทำอะไรไม่ได้ แต่คนอย่างอุชเชนไม่ว่าอยู่ที่ไหน ได้อะไรไปครอบครองก็ไม่ต่างกัน” น้ำเสียงของปาระมีเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนกระทั่งเดินลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินที่มีแสงเพียงสลัว

ในลูกกรงความกว้างไม่ถึงหนึ่งเมตร ความยาวแค่ช่วงตัวคนนอนได้ ที่เรียงรายกันอยู่สองฟากระหว่างทางเดิน มีร่างของนักโทษนั่งอยู่บ้าง นอนอยู่บ้างบางคนก็พูดพร่ำ ยิ้ม หัวเราะ อยู่คนเดียวราวกับคนเสียสติ

บางคนก็เหม่อลอยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง บ้างก็เอะอะโวยวาย และเงียบเสียงลงทันทีที่เห็นผู้คุมเดินนำกลุ่มคนเข้ามา จนกระทั่งถึงห้องสุดท้ายที่มีร่างผอมกะหร่องของชายคนหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน

จานข้าวที่ยังมีข้าวเหลืออยู่นิดหน่อย กับเหยือกน้ำและแก้วพลาสติกเก่าๆ สกปรก วางอยู่ด้านข้าง ส่วนกระโถนสำหรับถ่ายของเสียวางอยู่มุมอีกด้าน กลิ่นของมันผสมกับกลิ่นเอียนต่างๆ คลุ้งอยู่ในบรรยากาศอย่างเข้มข้น จนทุกคนถึงกับผงะ และต้องยกมือปิดจมูกอย่างรวดเร็ว

“นายติงสา นายติงสา ลุกขึ้น” ผู้คุมอยู่นอกลูกกรงใช้ไม้กระทุ้งร่างผอมกะหร่องแรงๆ อย่างไม่ปราณี เจ้าของร่างนั้นจึงขยับตัวอย่างช้าๆ แต่ก็เป็นเพียงช่วงบนเท่านั้น

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ เจ้าหญิงรัชทายาทเสด็จมา” นั่นจึงทำให้นายพลติงสาพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไม่เป็นผล

“เขาเป็นอะไร” เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตา หรือวาวพลอยถาม

“เขาขยับตัวไม่ได้มาหลายอาทิตย์แล้วพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหญิงรัชทายาท” ผู้คุมนักโทษตอบอย่างนอบน้อม

“แล้วไม่มีหมอมาดูเลยเหรอ” ปาระมีเองก็ทนไม่ไหวจึงขยับเข้าไปสังเกตใกล้ๆ และถามขึ้น

“นักโทษพวกนี้ไม่มีสิทธิ์ได้รับการรักษามานานแล้วขอรับท่านแม่ทัพ แล้วก็ทยอยตายกันไปเรื่อยๆ ขอรับ นี่ก็คงจะเป็นอีกรายขอรับ” ผู้คุมหันมาตอบเหมือนเห็นเรื่องแบบนี้มาจนชาชิน

“ตายจริง ทำไมถึงได้โหดร้ายอย่างนี้” นางอัมพรเปรย หน้าตาไม่สู้ดีนัก

“มันเป็นคำสั่งของเจ้าชายอุชเชนขอรับ”

“ปลดตรวนแล้วพาเขาออกมาจากกรงเถอะ” ปาระมีสั่ง ผู้คุมจึงได้เปิดประตู ปลดโซ่ตรวนออกจากข้อเท้านักโทษ

ก่อนจะช่วยกันลากร่างของอดีตนายพลออกมาด้านนอก กลิ่นที่คลุ้งไปทั่วบรรยากาศว่าแรงแล้ว แต่พอร่างนั้นอยู่ใกล้กลิ่นเหม็นเน่าสะอิดสะเอียนยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นบ้างก็พยายามปิดจมูกแน่นยิ่งกว่าเดิม บ้างก็ถอยห่างและเบนหน้าหนี

ปาระมีจับตัวนายพลติงสาที่กระดิกไม่ได้พลิกก็เห็นที่มาของกลิ่นเน่า กางเกงตรงสะโพกของเขาแข็ง แห้งกรังด้วยคราบเลือด น้ำเหลืองส่วนหนึ่ง อีกส่วนยังคงไหลเยิ้มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง น่าคลื่นเหียน

“ให้ตายเถอะ! ” ปาระมีสบถ

“เขาคงลุกไม่ได้และเป็นแผลกดทับ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงจะเสียชีวิตเร็วๆ นี้แน่ค่ะท่านพี่” ปาณารีบบอกพี่ชาย

“ถ้าอย่างนั้นพาตัวเขาไปรักษาก่อนเถอะนะคะ ท่านพี่ปาระมี” วาวพลอยโพล่งขึ้นมาได้อย่างไรไม่รู้ เธอและตะวันพราว นางอัมพร ต่างก็น้ำตาคลอเอ่อด้วยความสะเทือนอยู่ในอก

“เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม หม่อมฉันขออาสาดูแลเคสนี้เองเพคะเจ้าหญิง” ปาณาบอก วาวพลอยพยักหน้า

ก่อนปาระมีจะสั่งให้คนพาร่างของอดีตนายพลผู้ยิ่งใหญ่ออกไปจากที่นั่น




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=
YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6

NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d

724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%
87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0
%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.asp

x?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_

detail_book/1110












กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2559, 13:05:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2559, 13:05:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 830





<< บทที่ 34   บทที่ 36 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account