มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 37






เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!


อัพไม่จบนะคะ อัพประมาณ 70% ค่ะ ใครอยากฟินกันต่อก็รีบจองกันเข้ามาได้นะคะ อีกไม่กี่วันก็จะปิดจองแล้วค่า


บทที่ 37


ที่ดอยหมอกห่ม... เจ้าของร่างสูงใหญ่นั่งมองเหม่ออยู่ข้างลำธารสายเล็ก ในใจคิดไปถึงคนที่อยู่ในเมืองหลวง หัสตะนึกแปลกใจตัวเองนัก ในชีวิตของเขาไม่เคยต้องทุรนทุรายกับเรื่องผู้หญิงเลยสักครั้ง

ความอ่อนไหวในจิตใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรไม่เคยพบเจอ ตลอดเวลาในชีวิตสามสิบกว่าปีของเขา เพราะชีวิตทั้งหมดของเขาคืองาน ชายหนุ่มจริงจังทุ่มเทให้กับงานเสมอมา ผลของมันจึงอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมโดยตลอด

ความสัมพันธ์กับผู้หญิงของเขาที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องหัวใจเข้ามาข้องเกี่ยว หัสตะรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ และที่สำคัญหัวใจไม่เคยหวั่นไหวกับใครถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ

อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นหน้า ห่วงใยอยู่ทุกขณะจิต และสำคัญกว่านั้นคือความรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ในขณะนี้ ด้วยตระหนักดีว่าเรื่องของเขากับวาวพลอยไม่มีวันเป็นไปได้ ด้วยชาติกำเนิดของเขาและเธอนั่นเอง

แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป สุดท้ายแล้วหัสตะก็ยังต้องการเห็นหญิงสาวที่เขารักมีความสุข แม้จะไม่มีเขาเป็นส่วนหนึ่งในความสุขของเธอก็ตาม

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หัสตะไม่ลังเลที่จะออกตามหานางอัมพรกับลูกสาวคนโต ในตอนโก๋มาขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะความที่โก๋เชื่อในฝีมือของเขา และที่สำคัญคือตัวเขาเคยเจอกับนางอัมพรมาก่อนนั่นเอง

ในที่สุดชายหนุ่มกับโก๋ก็สามารถตามหาและพาตัวนางอัมพรกับลูกสาวคนโตเดินทางไปถึงพระราชวังหลวงเนวะได้อย่างปลอดภัย โดยขอให้ทุกคนปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้วาวพลอยรู้

ด้วยไม่อยากให้เธอว้าวุ่นใจเพราะเขาอีก หัสตะรู้ว่าวาวพลอยจะต้องดีใจมากที่พบมารดากับพี่สาวที่เธอรัก แค่รู้ว่าเธอยิ้มได้อย่างมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

“คิดถึงเจ้าหญิงเหรอหัสตะ” หรคุณที่ก้าวเข้ามานั่งข้างๆ ถาม สายตามองไปยังลำธารเช่นกัน ก่อนจะหยิบหินก้อนเล็กๆ ขว้างไปในลำธาร

“คิดถึงทำไมไม่ไปหาล่ะ บางทีเจ้าหญิงอาจจะอยากพบนายเหมือนกันก็ได้”

“นายก็รู้ว่าฉันทำอย่างนั้นไม่ได้” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด

“นายน่าจะไปคุยกับเจ้าหญิงให้รู้เรื่อง บางทีทุกสิ่งอาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่นายคิดก็ได้นะ” หรคุณยังไม่ละความพยายามที่จะยุยง

เนื่องจากเขาเห็นผู้เป็นพี่ชายเซื่องซึมตลอดเวลาที่เจ้าหญิงกลับไปสู่เมืองหลวง ไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้นที่เป็นห่วง มารดาเองก็ห่วงลูกชายคนโตไม่น้อยไปกว่ากัน

“ฉันไม่อยากทำให้เจ้าหญิงหมองมัว เรื่องของฉันกับเจ้าหญิงมันเป็นไปไม่ได้” สายตาของหัสตะมองเหม่อไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย แต่ทว่าเสียงฝีเท้ารีบเร่งที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกัน

“ท่านหัสตะ ท่านหรคุณ มีข่าวมาจากคุกหลวงครับ” ตันเตเดินแกมวิ่งมาใกล้พลางบอก

“เรื่องอะไรตันเต” สองพี่น้องถามขึ้นเกือบพร้อมกัน

“ท่าน...ท่านนายพลเสียชีวิตแล้วครับ เขาส่งข่าวมาบอกให้ทางเราไปรับศพด่วนเลยครับ” ทั้งสองนิ่งงันไปครู่หนึ่ง

“แม่... ” หัสตะมองหน้าน้องชาย

“มาดามทราบข่าวแล้วครับ แล้วก็เอ่อ... เป็นลมไปครับ” สิ้นคำของตันเต หัสตะและหรคุณพากันหุนหันไปยังบ้านพักของมารดาในทันที

“แม่ครับ แม่” นางมาเรียที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว มีนางลินดาคอยประคองอยู่อ้าแขนรอลูกทั้งสอง

“หัสตะ หรคุณ” ทั้งสองเข้าไปโอบกอดแม่เอาไว้ นางมาเรียร้องไห้สะอึกสะอื้น

“แม่ทำใจดีๆ ไว้นะครับ เราจะไปพาพ่อกลับมาเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ” หัสตะบอก นางมาเรียผละออกจากอกลูกชาย

“รีบไปกันเถอะลูก” นางบอกพลางปาดน้ำตา พยายามทำท่าทางให้เข้มแข็งเพื่อไม่ให้ลูกชายเป็นห่วงกังวล

*-*-*-*-*-*

ที่โรงพยาบาลของเมืองริตถาวดียามบ่ายคล้อย ภายในห้องเล็กๆ ของโรงพยาบาลหลวง ซึ่งมีคนไข้อยู่แค่รายเดียว นั่นก็คือนายพลติงสา ที่ตอนนี้นอนนิ่งอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง

แต่ดวงตากลับมองเหม่อไปบนเพดาน จนกระทั่งมีเสียงคนเดินเข้ามาเป็นกลุ่ม ดวงตาคู่นั้นจึงเบนไปยังกลุ่มคนที่เข้ามา

“ท่านติงสา มีคนอยากพบท่าน” ปาณาบอก

“ใครหรือ” เสียงแหบแห้งนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเปล่งออกมา

“เจ้าหญิงรัชทายาทชลันตา” สิ้นคำของปาณา นายพลติงสาก็พยายามเพ่งมองคนที่พึ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่นั้นเบิกค้างเมื่อเห็นวาวพลอยชัดเจน

“เจ้าหญิง เจ้าหญิงยังไม่ตายหรือ อา... หน้าตาท่านช่างเหมือน

องค์ราชินียิ่งนัก” พลางรำพึงด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเอ่อดวงตา

“พระองค์ยังไม่ตาย ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเป็นกระหม่อมสินะที่จะต้องตาย เจ้าหญิงพระองค์จะทรงประหารกระหม่อมก็ย่อมได้ กระหม่อมจะขอบคุณสำหรับความกรุณาด้วยซ้ำ เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับความตาย

“แต่ก่อนอื่นขอเจ้าหญิงทรงโปรดประทานอภัยให้กับทุกสิ่งที่กระหม่อมได้ทำลงไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ อโหสิกรรมให้กับกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” นายพลติงสาพูดกระท่อนกระแท่น และพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่อาจทำได้ วาวพลอยจึงวางมือลงบนแขนของเขา

“ท่านนายพลติงสา ฉันอโหสิกรรมให้ท่าน ขอเราอย่าได้มีเวรกรรมต่อกันนับแต่นี้เป็นต้นไป” หญิงสาวเอ่ยออกมาในที่สุด

“เจ้าหญิง... ขอบพระทัยยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยเหลือเกิน” น้ำตาของนายพลติงสารินไหลลงมาบนแก้มเหี่ยวย่น

วาวพลอยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกจุกอยู่ในอก เธอพยายามสกัดกลั้นอารมณ์สะเทือนใจเอาไว้อย่างยากลำบาก

“ท่านพักผ่อนเถอะนายพลติงสา ท่านกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว” ก่อนบอกออกไป อดีตนายพลพยักหน้าทั้งน้ำตา

เหมือนเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้วสำหรับนาทีสุดท้ายของชีวิต นายพลติงสาคิดว่าบางทีการที่ตนยังมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อรอการอโหสิกรรมจากใครสักคนที่เป็นทายาทขององค์ราชา องค์ราชินีก็เป็นได้

ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว พอเห็นเข็มฉีดยาในมือหมอผู้หญิงคนนั้น อดีตนายพลก็หลับตา ทำใจให้สงบเท่าที่จะทำได้

เจ้าของร่างบอบบางก้าวนำตะวันพราวและปาณาออกมาจากห้องนั้นด้วยความโล่งใจ ราวกับความหนักหน่วงในหัวใจได้ถูกปล่อยวางลง ปาระมัตกับโก๋ยืนรออยู่ด้านนอกก่อนแล้ว

“เจ้าหญิง เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ปาระมัตรีบถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าหญิงสาว

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านพี่ปาระมัตจัดการต่อได้เลยค่ะ” วาวพลอยบอก ก่อนที่ปาณาจะพาเธอ ตะวันพราว และโก๋ขึ้นไปพักในห้องรับรองของโรงพยาบาล

เพียงไม่นานหลังจากนั้น รถโฟร์วีล ไดร์ฟสีดำคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดยังหน้าโรงพยาบาล แล้วกลุ่มของหัสตะก็พากันลงมาติดต่อขอรับศพของนายพลติงสากับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่พวกเขาจะขับรถอ้อมไปยังด้านหลังของโรงพยาบาลซึ่งเป็นห้องเก็บศพ และพากันเข้าไปด้านใน

ภายในห้องที่มีอุณหภูมิเย็นจัด ดูราวกับความหดหู่จะปกคลุมไปทั่ว ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเย็นเยียบเข้าไปถึงหัวใจ เขาก้าวไปจนกระทั่งถึงมุมในสุดของห้องเก็บศพ

“มากันแล้วเหรอครับ” ปาระมัตที่ยืนอยู่ข้างศพคลุมด้วยผ้าขาวทัก

“คุณปาระมัตนั่นเอง สวัสดีครับ พ่อผมตายได้ยังไงครับ” หัสตะรีบเปิดผ้าคลุมนั้นออกดู

กลิ่นเหม็นเน่าน่าคลื่นเหียนรุนแรงปะทะกับจมูก เสื้อผ้าที่บิดาเขาสวมใส่ก็แห้งเกรอะกรังไปด้วยคราบเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง ดวงตาของคนที่นอนนิ่งไม่ไหวติงตรงหน้าปิดสนิท ชายหนุ่มพยายามสะกดอารมณ์เสียใจอันลึกซึ้งเอาไว้

“ช่วงล่างของเขาเป็นอัมพาต และเป็นแผลกดทับจนเกิดติดเชื้อในกระแสเลือดน่ะครับ เอ่อ... ผมว่าคุณรีบพาพ่อคุณกลับไปก่อนเถอะครับ” ปาระมัตบอก สอดส่ายสายตาไปทั่ว และท่าทางนั้นก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของหัสตะไปได้

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปาระมัต” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย

ปาระมัตหันซ้ายแลขวาอีกครั้ง พอไม่เห็นคนอื่นนอกจากกลุ่มของหัสตะ จึงรีบขยับเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับอีกฝ่ายเร็วๆ หัสตะมองศพของผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ดวงตาสีเทาอมฟ้าของชายหนุ่มสว่างวาบขึ้นมาแว่บหนึ่งโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ก่อนที่เขาจะหันมาทางหรคุณกับตันเตที่ตามเข้ามา

“เราช่วยกันเอาศพพ่อไปขึ้นรถเถอะ จะได้รีบกลับ” ชายหนุ่มบอกน้องชาย

ขณะกำลังช่วยกันโยกย้ายศพนายพลติงสา รถสามคันแล่นเข้ามาจอดเทียบรถของกลุ่มหัสตะ ทหารถืออาวุธครบมือลงมาจากรถที่นำและตามขบวน และเจ้าชายอุชเชนก้าวลงมาจากรถคันที่อยู่ตรงกลาง

“นี่แสดงว่าข่าวไอ้ติงสามันตายเป็นความจริงอย่างนั้นสินะ” เจ้าชายอุชเชนร้องขึ้นเมื่อเห็นหน้าหัสตะกับหรคุณ หลังจากที่พวกเขานำศพนายพลติงสาขึ้นรถเสร็จพอดี

“แล้วทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้ปาระมัต นี่มันเป็นหน้าที่คนของข้า ไปจัดการตรวจสอบให้เรียบร้อย” เจ้าชายอุชเชนหันไปสั่งลูกน้องในตอนท้าย

“ทางเราตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องให้ถึงมือพระองค์หรอกพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย” สิ่งที่ปาระมัตพูดทำให้อุชเชนหันมามองเขาอีกครั้ง

“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก แล้วทำไมต้องแส่ด้วย หรือว่า... ” แววตาของอุชเชนฉายแววสงสัยในตอนท้าย ก่อนจะก้าวไปยังรถของหัสตะ

“อย่างนี้ข้าต้องตรวจสอบด้วยตัวเองเสียแล้ว เปิดผ้าซิ” ทหารคนหนึ่งรีบเปิดผ้าคลุมศพออกตามคำสั่ง กลิ่นเหม็นคละคลุ้งรุนแรงทำให้

อุชเชนถึงกับผงะ สายตาที่มองศพนั้นเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน

“ให้ตายเถอะ ก็ไหนว่ามันอยู่โรงพยาบาล แล้วทำไมยังปล่อยให้เหม็นเน่ายังกะซากศพเละๆ แบบนี้วะ” สบถพลางถุยน้ำลายออกมาด้วยความรังเกียจ

“ก็นี่แหล่ะพ่ะย่ะค่ะที่ทำให้ทางเราต้องตรวจสอบเอง เพราะเกรงว่าเจ้าชายจะทนไม่ได้ อีกอย่างเจ้าหญิงทรงเห็นว่านายพลติงสาเป็นนักโทษ

อุกฉกรรจ์ เกรงว่าจะมีอะไรผิดพลาดจึงให้หน่วยของเราเข้ามาดูแล และตอนนี้ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้พวกเขากลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย” ปาระมัตบอกและทำท่าทางให้เป็นปกติ

“ก็เอาสิ... รีบๆ ไปเลย” อุชเชนรีบโบกมือไล่อย่างรังเกียจไม่หาย ก่อนหันมาทางหัสตะ

“อ้อ... หัสตะ ไม่นึกเลยนะว่าแกจะมีหน้ากลับมาริตถาวดีอีก” แต่หัสตะไม่ต่อคำ

ขณะที่หรคุณสตาร์ทรถรอ ก่อนที่หัสตะจะขึ้นรถเขากวาดสายตามองไปทั่วเขตของโรงพยาบาล เพื่อมองหาใครคนหนึ่ง แต่ก็คิดได้ว่าไม่มีทางที่เขาจะได้พบเธอที่นี่ ชายหนุ่มจึงก้าวขึ้นรถไปในที่สุด

ร่างบอบบางยืนอยู่หลังม่านในห้องที่กรุกระจกชั้นบนของโรงพยาบาล มองตามรถคันสีดำที่แล่นออกไปจนลับตา หัวใจทั้งตื่นเต้นระคนเศร้าโศก

แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากมองเขาอยู่ตรงนี้ ตะวันพราวที่ยืนอยู่ไม่ไกลเดินมาโอบไหล่น้องสาวเอาไว้

“กลับกันเถอะยัยพลอย ปาณากับโก๋รออยู่ข้างนอกแล้ว”



**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookD
etails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQ

iO3M6Njo

iNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-4

1df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8

%A1%E0%

B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9

%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%

B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx

?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_

detail_book/1110








กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ส.ค. 2559, 13:25:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ส.ค. 2559, 13:25:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 849





<< บทที่ 36   บทที่ 38 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account