แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 18 ...กองถ่ายต้องการทะเล

จันทราลับฟ้าไปนานแล้ว เหลือเพียงดวงตะวันที่โผล่พ้นก้อนเมฆขึ้นเด่นเป็นสง่าดังเช่นทุกวัน หากธรากลับรู้สึกว่าวันนี้ร้อนรุ่มเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเพราะเมื่อคืนนั้นย่างกรายเข้าใกล้ดวงตะวันมากไปจนโดนแสงแผดเผาหรือไม่ แต่สิ่งที่รู้คือเธอไม่กลัวแสงนั้นสักนิด แม้มันจะทำให้เธอต้องแหลกสลายกลายเป็นจุณก็ตาม สิ่งเดียวที่หัวใจบอกตอนนี้คือทำทุกอย่างให้ตะวันดวงนั้นยังคงแผดแสงอย่างแกร่งกล้าก็เพียงพอแล้ว

“น้องชล นั่นมือไปโดนอะไรมาจ๊ะ” ดาวเอ่ยทักเป็นคนแรกของกองถ่ายเมื่อเห็นมือข้างซ้ายของธราถูกพันผ้าไว้อย่างใหญ่โตจนแทบหยิบจับอะไรไม่ได้ ปารวัตรที่ยืนอยู่ข้างดาวก็หันมาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเธอเช่นเดียวกัน

“เนี่ย จะตอบได้ยัง ตอนที่นั่งรถมาด้วยกัน พี่ถามก็ไม่ยอมบอกว่าไปโดนอะไรมา” ผู้กำกับหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริง หญิงสาวได้แต่ยิ้มแหยไปให้เขาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปารวัตรเอ่ยถามอย่างห่วงใยอยู่หลายรอบ แต่เธอก็ตอบเพียงแค่ว่าอุบัติเหตุ

จริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นแผลอะไรมากเลย แค่แดงช้ำเท่านั้น แต่ตัวต้นเหตุน่ะสิ ไม่รู้จะรู้สึกผิดอะไรนักหนา ถึงขนาดหาผ้ามาพันให้เธอแต่เช้า

“ประตูหนีบค่ะพี่ดาว ชลซุ่มซ่ามไปหน่อย” คำตอบนั้นทำเอาปารวัตรมองหน้ากับดาวแบบงงๆ

“แค่ทำหนีบเองเหรอ แต่ถึงกับพันผ้านี่แปลว่ามันต้องแรงมากนะ” ปารวัตรจับมือเล็กขึ้นมาสำรวจ แต่เพียงไม่นานเท่านั้นแหละ เพราะหญิงสาวรีบชักมือกลับไปเสียก่อน สายตาดูกริ่งเกรงจะมีคนมาเห็นเอาเสียเหลือเกิน

“นั่นแน่ๆ จะหวานกันล่ะสิท่า ดาวไปดีกว่า ไม่อยากอยู่เป็นก้าง” ดาวยักคิ้วหลิ่วตาให้คนทั้งคู่ก่อนเดินออกไปอย่างรู้งาน เหลือเพียงผู้กำกับหนุ่มที่ทำสีหน้าขัดเขินยิ่งกว่าธราเสียอีก

“ก้างเก่าไปแล้ว ผมมาเป็นก้างใหม่ให้ก็แล้วกัน”

ธราเงยหน้าที่ก้มมองพื้นตั้งแต่โดนดาวแซวขึ้นมองเจ้าของเสียงผู้มาใหม่ ก็พบว่าเขาคือชายหนุ่มที่เป็นต้นเหตุให้เกิดแผลที่มือเธอนั่นเอง ทินกรมองมานิ่งๆ แต่ดูกวนโทสะปารวัตรซะเหลือเกิน หากผู้กำกับหนุ่มก็ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย

“อ้าว มาแล้วหรือครับคุณทินกร ผมว่าจะบอกคุณอยู่พอดีเลย พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปถ่ายทำที่ทะเลภาคใต้ คุณติดงานอะไรไหม ผมบอกคุณเกลไว้เมื่ออาทิตย์ทีแล้ว แต่ลืมบอกคุณ ไม่รู้เขาแจ้งคุณหรือยัง”

พระเอกหนุ่มครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนตอบ “อ๋อ พี่เกลบอกไว้ตั้งแต่วันแรกที่รู้แล้วครับ แล้วเขาก็น่าจะเคลียร์คิวให้ผมกับฟ้าแล้วล่ะ”

“ครับ อ้อ แล้วคุณเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้หรือยัง คุณเกลกับน้องฟ้ารอเคลียร์กับคุณอยู่ทางนู้นแน่ะครับ”

พระเอกหนุ่มยืนนิ่ง แต่แววตาที่มองปารวัตรนั้นฉายชัดถึงถ้อยคำในใจ ‘มายุ่งอะไรด้วย’ กระนั้นก็เถอะ สุดท้ายเขาก็ต้องจำยอมเดินไปหาสองคนนั่นอยู่ดี

คล้อยหลังทินกรนั่นแหละ ธราจึงเอ่ยถามชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย “ข่าวอะไรคะพี่ปุ่น”

“ข่าวซุบซิบดาราที่บอกว่าเห็นคุณทินกรอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อคืนในตู้โทรศัพท์น่ะสิ” คำตอบจากผู้กำกับหนุ่มทำเอาหญิงสาวยืนตัวเกร็ง

ใครกันล่ะผู้หญิงคนนั้น ถ้าหากไม่ใช่เธอ!

“แต่พี่ว่าไม่จริงหรอก ข่าวดาราไม่มีรูปภาพยืนยันด้วยซ้ำ ใครๆ ก็มั่วมันขึ้นมาได้ อีกอย่างคือในตู้โทรศัพท์เนี่ยนะ ใครมันจะไปสร้างฉากเลิฟซีนในนั้น ไม่บ้าก็โง่แล้วล่ะ”

“นั่นสิคะ ชลว่าต้องโง่มากแน่ๆ เลย” ธรายิ้มหวานให้ปารวัตร แต่กลับเป็นยิ้มที่อัดแน่นไปด้วยความกังวล เธอทำให้ทินกรลำบากหรือเปล่านะ

ทางด้านทินกรแม้จะเบื่อหน่ายที่คนอื่นชอบมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่ทินกรทำก็คือการเดินไปหาหญิงสาวต่างวัยที่ยืนคุยกันอยู่อีกด้านแต่โดยดี บรรยากาศคุกรุ่นทันทีตอนที่เห็นสายตาของกัญกรมองมา

ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเรื่องอะไร ในเมื่อข่าวซุบซิบดารา พาดหัวซะเด่นหราออกขนาดนั้น

‘อีกรอบแล้วกับพระเอกชื่อดังอักษร พ มีข่าววงในเม้าท์มาว่าเห็นพระเอกคนนี้อยู่กับผู้หญิงน่ารัก กกกอดแนบแน่นกันอยู่ในตู้โทรศัพท์ เสียดายที่แชะภาพไว้ไม่ทัน งานนี้จะจริงหรือไม่จริงต้องไปถามเจ้าตัวดูเองละค่า’

นั่นเป็นสาเหตุที่เขาหลบหลีกนักข่าวมาตลอดตั้งแต่เช้า และยิ่งเป็นโอกาสที่ดีเมื่อพรุ่งนี้กองถ่ายเดินทางไปต่างจังหวัด หวังว่าคงจะไม่มีนักข่าวสำนักไหนตามเขาไปถึงภาคใต้หรอกนะ

“เพลิง! อธิบายมาซิว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” เสียงสวรรค์ดังขึ้นตั้งแต่ทินกรยังเดินไปไม่ถึงตัวเลยด้วยซ้ำ

“ก็แค่ข่าวซุบซิบดารา ทำอย่างกับว่าเขาไม่เคยเขียนข่าวโจมตีผมงั้นแหละ” ชายหนุ่มโคลงศีรษะแล้วขำเบาๆ ข่าวที่ไม่มีรูปถ่าย ไม่มีหลักฐานยืนยัน ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตาม

กัญกรลุกขึ้นลากเก้าอี้แล้วกอดอกแน่น มองเด็กในสังกัดด้วยสายตาของนางพญาโดยแท้ เธอมั่นใจว่าภายใต้ทีท่าไม่ยี่หระต่อทุกสิ่งของทินกรนั้นมีบางอย่างซ่อนอยู่

“อย่ามาโกหกพี่นะเพลิง”

“ผมเปล่านะครับพี่” ทินกรลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พักนี้พี่เป็นอะไรไปครับ ทำไมดูไม่ค่อยฟังผมเลย แต่พี่เลือกจะฟังข่าวเม้าท์บ้าบออะไรก็ไม่รู้”

“พี่ต้องถามเพลิงมากกว่าว่าทำไมพักนี้ถึงได้ชอบโกหกตลบตะแลง” เสียงที่สาวใหญ่เอ่ยมานั้นเรียบสนิท แต่รอฟังความจริงจากร่างสูงตรงหน้านี้มากกว่า

“พอผมพูดไม่ตรงกับที่พี่ต้องการ พี่ก็ว่าผมโกหก แล้วอะไรล่ะครับที่พี่อยากฟัง”

“ความจริงไงล่ะ”

“ความจริงคือมันไม่มีอะไร” ชายหนุ่มพูดเสียงเครียด ก่อนหันไปหาอัจฉรา “ฟ้า ตอบพี่มาว่าเชื่อพี่หรือเปล่า หรือเชื่อข่าวบ้าๆ ที่ไม่มีแม้แต่ภาพยืนยัน”

คำตอบคือการเงียบ

“เอาเป็นว่าผมขอเคลียร์กับฟ้าสักครู่นะครับ แล้วเดี๋ยวผมมาคุยกับพี่”

เขาไม่รอให้ผู้บริหารสาวใหญ่ตอบอะไรกลับมาอีก มือหนาก็ดึงรั้งร่างบางไว้ข้างกายอย่างทะนุถนอม และไม่สนว่าร่างนั้นพยายามจะดันเขาออกอย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเขาฉุดรั้งเธอไปถึงด้านหลังของบ้านที่ในกองใช้ถ่ายทำนั่นแหละ ชายหนุ่มก็มองเธอแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

“เป็นอะไรฮึ นางฟ้าของพี่” ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้นที่อ่อนโยน สุ้มเสียงที่เอ่ยออกมาก็ไม่แพ้กัน ดวงหน้าหวานจ้องเขานิ่ง แต่ก็มีน้ำใสๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในดวงตาคู่สวย เวลานี้หากเขาพูดอะไรผิดไปแม้แต่นิดเดียว กองทัพน้ำนั้นคงพร้อมใจกันหล่นร่วงลงข้างแก้มนวล

“พี่ลืมสัญญาของเราแล้วเหรอ”

“พี่ไม่เคยลืมนะ ไม่ใช่แค่สัญญา...แต่หมายถึงฟ้าด้วย”

“ก็พี่เพลิงคนเดิมของฟ้าไม่เป็นแบบนี้ ไม่เคยหงุดหงิดใส่ฟ้า ไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงที่ไหน แสดงความรักกับฟ้าคนเดียว แต่ทุกวันนี้พี่ไม่ใช่แบบนั้นเลย”

“เอาเป็นว่าพี่ไม่ได้มีใคร จะไม่มีใครจนกว่าฟ้าจะอนุญาตให้มีได้ พี่จะอยู่กับฟ้า ไม่ไปไหนแน่นอน ต่อให้เจอคนอื่นอีกกี่คนก็เถอะ” คนอื่นที่ว่านั่นรวมคนตัวเล็กเมื่อคืนนี้ด้วยหรือเปล่า ทินกรก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน

“แต่เดี๋ยวนี้พี่เพลิงดูเปลี่ยนไป ฟ้ากลัวว่า...” หญิงสาวชะงักคำพูดทุกอย่างเมื่อเขาสวนขึ้นมาเสียก่อน

“พี่ขอโทษ จากนี้พี่จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว พี่จะดูแลเราให้ดีเหมือนเดิมนะคะ จะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน ยกโทษให้พี่นะ” พูดจบทินกรก็รั้งร่างนั้นมาแนบอก มือหนาลูบเรือนผมสวยของหญิงสาวไปมาอย่างปลอบประโลม

พลันดวงตาคู่งามของอัจฉราเหลือบไปเห็นบุคคลด้านหลังทินกรนั่นล่ะที่ทำเอาต้องดันกายคนตัวใหญ่ออกห่างแทบไม่ทันเลยทีเดียว

“ขอโทษที่รบกวนนะคะ แต่พี่ปุ่นให้มาตามพวกคุณไปเข้าฉากได้แล้ว” เสียงปริศนาจากผู้มาใหม่ฉุดทั้งสองให้ขึ้นมาจากห้วงอารมณ์ ทินกรหันมาสบตาเจ้าของเสียงเมื่อครู่ก่อนเบิกตาโพลง

“ยาย...ลิง” เขารำพึงแผ่วเบา แต่ก็ไม่เบาเกินกว่าที่อัจฉราจะได้ยิน หญิงสาวหันมองหน้าเขา แต่สายตาเขายังคงจับจ้องไปที่ทีมงานสาว

“ขอบคุณค่ะ คุณ...” อัจฉราทำหน้าครุ่นคิดนึกชื่อของหญิงสาวตรงหน้า

“ฉันชื่อธราค่ะ ที่เจอกันในห้างวันนั้นไงคะ เรียกว่าชล เหมือนที่พี่ปุ่นเรียกก็ได้ค่ะ”

“อ๋อ จำได้ค่ะ คุณเป็นคนที่พี่ปุ่นดูสนใจมากเป็นพิเศษเลยนะคะ” นางเอกสาวพูดจายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร แต่ธราก็พอจะมองออกว่ามีอะไรแฝงอยู่ในดวงตาคู่งามนั้นบ้าง

“ค่ะ พี่ปุ่นใจดีมาก แต่ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน” ธราเอ่ยตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไปอย่างเร็วรี่ เผื่อว่าทั้งสองคนจะยังอยากต่อฉากโรแมนติกกันอยู่

ใครจะไปรู้ว่าเธอจะต้องเดินมาเห็นฉากรักแสนหวานของพระเอกหนุ่มคนดังกับนางฟ้าของวงการด้วยตาตัวเอง ทินกรเป็นคนอบอุ่นก็ได้เหมือนกันนะ แต่ความอบอุ่นอ่อนโยนนั้นเขาคงไม่มีวันทำกับเธอแน่นอน

ดูสายตาตอนที่เขารู้ว่าเธอเป็นผู้ไปเห็นฉากรักของเขานั่นสิ สีหน้าตื่นตระหนกนั้น มองแวบเดียวก็รู้ว่ามีความหงุดหงิดเจือปน
หญิงสาวหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นทินกรเดินจูงมืออัจฉรากลับออกมาอย่างเริงร่า หึ! แต่ก็คงแอบเสียดายล่ะสิที่ยังไม่ทำฉากโรแมนติกให้จบสมบูรณ์

“เป็นอะไรไปชล หน้ามุ่ยมาเชียว โดนคุณทินกรดุมาเหรอ” ปารวัตรเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง นั่นแหละจึงได้ทำให้ธราดึงสติกลับมาได้

“นี่ชลทำหน้าแบบนั้นเหรอคะ” คำตอบจากปารวัตรคือการพยักหน้า เธอยิ่งหน้ามุ่ยไปกว่าเก่าพลางบุ้ยใบ้ไปด้านหลังที่คนคู่นั้นเดินเคียงกัน “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกผิดที่ขัดขวางฉากรักของสองคนนั้นน่ะ กำลังโรแมนติกเลยเชียวค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าคุณเพลิงเขาจะมีอารมณ์เป็นผู้ชายอบอุ่นอย่างคนอื่นด้วยเหมือนกัน”

ปารวัตรขำเบาๆ ก่อนบอก “อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็ชิน กองอื่นๆ เขาก็บอกพี่มาเหมือนกันว่าถ้าสองคนนี้อยู่กองเดียวกันนะ จะเห็นว่าคุณทินกรดีกับน้องฟ้ามาก ในขณะที่คนอื่นจะไม่สามารถเห็นนิสัยแบบนั้นจากเขาได้เลย พี่ว่าก็ดีนะ เพราะฟ้าจะไม่มีเรื่องอะไรให้หึงหวงคุณทินกรได้เลย พี่ว่าเขาเป็นคนมั่นคงกับความรู้สึกมากนะ”

ธรารับรู้ทุกประโยคที่ผู้กำกับหนุ่มบอก มันก็จริงอย่างที่ปารวัตรบอก เขาเป็นคนมั่นคงมากจริงๆ ขนาดเธอมาอยู่ใกล้ชิดขนาดนั้นยังไม่มีทีท่าเอนเอียงหวั่นไหว

เอ๊ะ! แล้วนี่เธอหวังอะไรกัน

“ชลขอถามอย่างหนึ่งสิคะพี่ปุ่น” เธอหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนดูคิวถ่ายอยู่ข้างกาย

“หลายอย่างก็ได้นะ ถ้าชลเป็นคนถาม” ดวงตาดำสนิทมองไปยิ้มๆ แต่หญิงสาวไม่สนใจสักนิด

“ทำไมพี่ปุ่นถึงเรียกคุณเพลิงเป็นชื่อจริง แต่เรียกคุณฟ้าเป็นชื่อเล่นล่ะคะ”

“ก็พี่สนิทกับฟ้าน่ะ เคยถ่ายด้วยกันมาแล้ว ส่วนคุณทินกรเขาไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นนี่ เขาบอกเองเลยนะ เราเองก็ระวังไว้เถอะ เรียกแต่คุณเพลิงๆ ระวังจะโดนเขาดุเอา แสบไปถึงทรวงเลยล่ะ” ผู้กำกับหนุ่มหัวเราะร่วน

...ไม่ชอบให้เรียกชื่อเล่น ทั้งที่ชื่อเล่นนั้นเขาก็เป็นคนตั้งเองเนี่ยนะ ตลกชะมัด

ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังพระเอกหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปหากัญกรซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเธอนัก หน้าตาท่าทางของหนุ่มสาวทั้งคู่นั้นแช่มชื่นขึ้นมากกว่าเมื่อครู่มาก เขาเอ่ยกับกัญกรด้วยเสียงที่พอให้คนแถวนั้นได้ยินกันทั่ว

“ดีกันแล้วล่ะ เนอะ”

ผู้บริหารสาวเบะปากอย่างหมั่นไส้ท่าทีที่ทินกรแสดงออกมานัก “สรุปว่าไง”

“ก็ไม่ว่าไงครับ ก็แค่ข่าว” ชายหนุ่มหันไปพยักพเยิดกับนางเอกสาว ก่อนเอ่ยต่อ “พรุ่งนี้จะไปภาคใต้ พี่เกลจะไปด้วยกันไหมครับ”

“คงไม่ได้ไปหรอก ก็เพราะคนที่ดังที่สุดไม่อยู่น่ะสิ พี่เลยต้องส่งงานที่ควรจะเป็นของเพลิงไปให้คนอื่นๆ ในสังกัด แต่ไม่เป็นไรหรอก เพลิงทำงานหนักๆ มาเยอะแล้ว ไปถ่ายครั้งนี้ถือว่าไปเที่ยวก็แล้วกัน ดูแลฟ้าด้วยนะ”

“ได้เลยครับ จะดูแลให้ดีเลย” พูดแล้วชายหนุ่มก็กุมมืออัจฉราแน่นขึ้น

“ครั้งนี้พี่จะยอมเชื่อแกอีกรอบ แล้วก็อย่าสรรหานู่นนี่นั่นมาทำให้ฟ้าเสียใจอีกล่ะ” กัญกรเอ่ยเสียงดุ ไม่สนว่าชายหนุ่มจะย่นจมูกใส่เขาอีกกี่ครั้ง

“ผมไม่เคยสรรหาเลยนะ ผมเห็นพี่เกลเนี่ยแหละที่สรรหานู่นนี่มาให้ฟ้าดู คราวหลังพี่รู้อะไรก็อย่าบอกฟ้าสิ” ทินกรเอ่ยทีเล่นทีจริง แต่หญิงสาวข้างกายหันหน้าหนีเป็นเชิงงอน เขาจึงเอ่ยต่อ “ล้อเล่นน่า มันไม่มีอะไรหรอก”

“คุณทินกรมาเข้าฉากได้แล้วครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน” ธราสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากคนข้างกาย

ไม่นานนักพระเอกหนุ่มก็รีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ แลเห็นธรามองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากระชับมือที่จับอัจฉราไว้แน่นขึ้นดุจจะบอกย้ำกับใจตัวเองให้เป็นไปตามที่ทุกคนรับรู้

เขาคือทินกร มีแฟนชื่ออัจฉรา เขาเป็นนักแสดง และแฟนเขาก็เป็นนักแสดง แฟนเขาคือคนที่เขาจับมืออยู่ขณะนี้ ไม่ใช่ใครอื่น
“มองอะไรครับทีมงาน” เสียงเข้มดุดังขึ้น สายตามองมายังธรานิ่งๆ

หญิงสาวยิ้มแป้นแล้นสดใสจนทินกรแปลกใจ “ตาบอดหรือคะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันมองคุณอยู่”

ชายหนุ่มชะงักทุกคำไว้ในลำคอ เขาเลิกคิ้วสูงมองเธอเพื่อให้เธอยืนยันกับเขาว่าเมื่อครู่นี้เขาได้ยินไม่ผิด แม่นั่นว่าเขาตาบอด!
คำตอบจากอีกฝ่ายคือการยักไหล่

...จะเล่นงี้ใช่ไหมแม่ตัวดี! แค่ไปตามกลับมาอยู่ห้องนี่ได้ใจจริงเลยนะ





ข้ามวันทีเดียวที่ไม่ได้หาเรื่องคุยกับแม่ตัวดี แต่เมื่อรุ่งขึ้นนั้นเป็นวันเดินทางไปถ่ายทำกันถึงต่างจังหวัด นั่นแหละที่ทำให้ใครต่อใครที่ไม่ได้คุยกัน มีโอกาสได้พูดคุย โดย “ใคร” บางคน เป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อน

“คุณทีมงานครับ เอากระเป๋านี้ไปไว้ในรถหน่อยละกัน” ทินกรเอ่ยกับกลุ่มทีมงานด้วยสีหน้าท้าทาย แต่สายตาจับจ้องไปที่คนเดียวในนั้น และแม่นั่นก็คงมีน้ำใจมากพอที่จะเสนอตัวออกมายกแทนคนอื่น

“เดี๋ยวพี่ยกไปให้เองแล้วกันนะชล มือชลยังเจ็บอยู่ อย่าเพิ่งยกของหนักเลยดีกว่า” ดาวหันไปบอกกับธรายิ้มๆ

นั่นสิ มือของยายตัวปัญหานั่นยังเจ็บอยู่ แล้วเขาเองที่เป็นต้นเหตุกลับยกภาระหน้าที่ไปให้คนเจ็บทำไมกัน นี่เขาต้องการอะไรกันแน่

“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวผมยกเองก็ได้” เขาตัดบทอย่างรำคาญใจนัก ไม่ใช่รำคาญดาวหรือใครคนนั้นหรอก รำคาญตัวเองน่ะสิที่ชอบทำอะไรให้สมองไม่เข้าใจอยู่เรื่อย

“จะดีเหรอคะ ฉันว่าคุณเป็นถึงพระเอก ไปอยู่เฉยๆ รอรถออกดีกว่านะคะ” ดาวรีบเอ่ยละล่ำละลัก ขืนเขาปล่อยให้ทินกรยกไปเอง เขาคงเก็บมาด่าไม่น้อยว่าทีมงานกองนี้ไม่รู้จักหน้าที่ ก็ใครบ้างล่ะที่จะไม่รู้นิสัยขี้เหวี่ยงวีนของทินกร

ชายหนุ่มกำลังจะตอบปฏิเสธ แต่ก็มีเสียงใสๆ ของคนที่เขาต้องการเสวนาด้วยขัดขึ้นมาเสียก่อน “พระเอกก็คนเหมือนกันแหละค่ะพี่ดาว ถ้าเขาอยากยกก็ให้เขายกไป จะไปขัดเขาทำไม”

เป็นเพราะเจ้าของเสียงนั้น หรือประโยคนั้นก็ไม่อาจรู้ได้ที่ทำให้ทินกรเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาในจิตใจ ยิ่งสบตาที่มองมาอย่างเป็นต่อนั่นแล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่

“นั่นสินะ มันเป็นหน้าที่ของทีมงาน ผมไม่ควรต้องลดตัวมาสั่งด้วยซ้ำ” เขาขบกรามแน่นก่อนเดินห่างออกไปนั่งกับกลุ่มนักแสดงคนอื่น อันที่จริงเขาไม่ประสงค์จะอยู่ใกล้กับนักแสดงสบทบคนไหนหรอก แต่เพราะอัจฉราที่นั่งพูดคุยอย่างเป็นกันเองนั่นสิทำให้เขาต้องไปนั่งด้วยอย่างอ่อนอกอ่อนใจนัก

ดาวมองตามหลังคนที่เดินออกไปอย่างฉุนเฉียว แล้วหันมาเอ่ยเสียงดุกับธรา “ชลไปพูดอย่างนั้นกับคุณทินกรได้ยังไง ถ้าเขาโกรธขึ้นมานะ จะทำงานกับเขาได้ยากมากๆ”

“ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะคะ พระเอกของกองไม่ใช่คนที่ให้เงินเดือนเราสักหน่อยนี่คะ ก็เป็นคนที่รับเงินจากผู้บริหารด้วยกันทั้งนั้น”

“ชลเพิ่งมา อาจจะยังไม่รู้อะไร คุณทินกรกับคุณฟ้ามีคุณเกลกางปีกปกป้องออกอย่างนั้น หากใครมีปัญหากับสองคนนั้นมากๆ อาจโดนบีบออกได้ง่ายๆ นะ”

“คุณเกลอะไรนี่เขาชอบคุณเพลิงหรือเปล่าคะ ทำไมดูหวงๆ กันยังไงชอบกล ยิ่งกว่าคุณฟ้าอีกมั้ง”

“ตายล่ะ นี่ห้ามพูดแบบนี้อีกนะชล เดี๋ยวก็โดนไล่ออกจริงๆ ซะหรอก”

ธรากอดอก ปรายตามองพระเอกหนุ่มที่นั่งอยู่ไกลๆ อย่างขันขัน “ยังไงก็เถอะ ชลเชื่อว่าคุณเพลิงเขามีน้ำใจนักกีฬามากพอ เขาไม่หาเรื่องให้ชลออกด้วยเรื่องแค่นี้หรอกค่ะ ไม่งั้นเขาคงเอาจริงไปนานแล้ว อ้อ...และอีกอย่างนะคะพี่ดาว ชลรับเงินจากพี่ปุ่นโดยตรงค่ะ คนอื่นไม่เกี่ยว ทำไมชลต้องกลัว”

ดาวส่ายศีรษะอย่างเออมระอา ในขณะที่อ้อยใจที่นั่งอยู่ไม่ห่างนักได้ยินทุกคำพูดของหญิงสาว ยิ่งทำให้ประหลาดใจ เพราะอะไรที่ทำให้ทีมงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่มั่นใจในตัวทินกรมากขนาดนั้น ทำอย่างกับรู้จักเขาดีจริงๆ

อ้อยใจก้มมองโทรศัพท์ตัวเองที่เพิ่งได้รับข้อความใหม่ ไม่ต้องเห็นก็รู้ว่าเป็นกัญกรแน่แล้วที่ส่งมาเน้นย้ำถ้อยคำที่คุยกันไว้

‘อย่าลืมนะอ้อย จับตาดูเพลิงให้ดีว่าไปยุ่งกับผู้หญิงที่ไหนหรือเปล่า แล้วก็สังเกตแม่เด็กทีมงานใหม่คนนั้น ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีก ถ้ามีอะไรน่าสงสัยก็รีบบอกฉันด้วย’

ทีมงานร่างใหญ่ปิดโทรศัพท์ตัวเองทันที ยิ่งเธอให้ข้อมูลกับกัญกรมากเท่าไหร่ เงินก้อนที่เธอจะได้รับจากกัญกรก็มากขึ้นเท่านั้น และอาจทำให้เธอกินดีอยู่ดีไปสักระยะใหญ่ๆ

“เอาล่ะทุกคน เตรียมออกเดินทางกันได้แล้วครับ ทีมงานขึ้นรถตู้ไปกันนะครับ นักแสดงก็แยกรถตู้อีกคันหนึ่ง ส่วนคุณทินกรกับน้องฟ้าบอกว่าจะขับรถไปกันเอง แต่เราจะเดินทางไปพร้อมๆ กัน อย่าตกหล่นกันนะครับ ผมก็ขับรถไปเอง เพราะรถตู้นั่งกันไม่พอแน่ๆ” ผู้กำกับหนุ่มตะโกนเรียกรวมทีมงานและนักแสดงที่กระจายกันอยู่ให้ได้ยินกันทั้งหมด เขาหันมามองหญิงสาวที่นั่งรวมอยู่กับทีมงานคนอื่นๆ

“ส่วนชล ไปกับพี่”

เพียงเท่านั้น คนทั้งหมดก็หันมามองธรากันเป็นตาเดียว การป่าวประกาศเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่น เท่ากับเป็นการย้ำความสำคัญของเธอให้คนอื่นได้รู้ ว่าเธอมิใช่เพียงทีมงานที่ต้องเข้ามาทำงานชดใช้ข้าวของที่เสียหาย แต่เธอสำคัญกว่านั้น สำคัญสำหรับผู้กำกับของกองนี้

เมื่อทุกคนขนข้าวของขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว ต่างก็ไปประจำที่รถของตัวเอง โดยมีรถตู้ของทีมงานขับนำไปอย่างรู้ทาง ต่อด้วยรถของปารวัตร ทินกร และรถนักแสดง

เวลานี้หญิงสาวที่นั่งเคียงข้างผู้กำกับหนุ่ม ดูจะมีความสุขและเริงร่ามากกว่าทุกวัน เขาหันไปมองเธอยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเปิดกระจกรถออกไปรับลมด้านนอกจนผมกระเซอะกระเซิง แต่ดูเจ้าตัวจะไม่สนใจอะไรนัก

“ดีใจที่ได้เที่ยวเหรอชล” คำตอบคือการพยักหน้ารัวเร็ว

“มากค่ะ นานแล้วที่ชลไม่ได้ไปไหนแบบนี้ ตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ การจะไปเที่ยวแต่ละที่มันยากมากเลย วันๆ ก็เรียนจนหัวฟู พอจบมาทำงานก็หัวฟูเหมือนเดิม ไม่ได้เที่ยวสักที”

“หืม แล้วก่อนหน้านี้ชลทำงานอะไรมา”

“เป็นนักเขียนนิยายค่ะ จริงๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่มีเหตุบางอย่างที่ทำให้เขียนไม่ได้” หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องย้อนเวลามาอยู่ที่นี่ “ช่างมันเถอะค่ะพี่ปุ่น ว่าแต่พี่ปุ่นมาเป็นผู้กำกับนานหรือยังคะ”

“เอาจริงๆ ก็ตั้งแต่ตอนที่จบใหม่ๆ นั่นแหละ วงการนี้ถ้ามีเส้นสายมันก็จะสะดวกขึ้นหน่อย คุณเกลน่ะเขารู้จักกับอาของพี่ พี่ก็เลยมีโอกาสได้มาทำตรงนี้ แต่ก็ต้องมีการพิสูจน์ตัวเองกันบ้าง” เขาอธิบายอย่างใจดี คนตัวเล็กด้านข้างเขาคงไม่รู้เลยว่าในใจชายหนุ่มนั้นร้องบอกว่ายอมให้เธอถามอยู่อย่างนี้ไปตลอดทางก็ได้ หากจะทำให้เขาได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วนี้นานๆ

“ดีจังเลยนะคะ ดูชีวิตพี่ไม่ค่อยมีอุปสรรคเลย” เธอไม่ได้ประชด แต่หมายความอย่างนั้นจริงๆ ปารวัตรดูเหมือนไม่เคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาเลย ยิ่งฟังที่เขาเล่ามาแล้วเธอก็ยิ่งมั่นใจเช่นนั้น ต่างจากคนบางคนที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาเยอะเสียเหลือเกิน

“นั่นน่ะสิ บางทีก็นึกอยากล้มเหมือนคนอื่นเขาบ้างนะ อยากลุกขึ้นมาแล้วตั้งหลักให้มั่นคงยิ่งกว่าเดิม”

“แต่บางคน ถ้าล้มแล้วก็ลุกไม่ขึ้นเลยนะคะ ไม่ล้มอาจจะดีกว่าก็ได้” ธราคงไม่รู้ว่าเสียงที่พูดออกไปค่อนข้างสั่น และนั่นจึงเป็นสาเหตุให้คนที่นั่งฝั่งคนขับเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น

“ชลว่ายน้ำเป็นไหม เดี๋ยวจะมีเวลาว่างให้ลงเล่นน้ำทะเลกันด้วยนะ ถ้าว่ายน้ำเป็นมันจะสนุกมากเลย คนทั้งกองทำงานเหนื่อยมานาน ได้เที่ยวสักทีคงปล่อยไม่ยั้งแน่เพราะอีกไม่นานก็จะปิดกล้องแล้ว เรารีบถ่ายกันมาตลอด”

“อย่าดูถูกเชียวค่ะพี่ปุ่น ฝีมือว่ายน้ำอย่างชลนะ หาตัวจับยากเลยเชียวแหละ” หญิงสาวยิ้มร่า สีหน้ามั่นใจในฝีมือตนเองหนักหนา

“ครับผม ไว้มาแข่งกัน แล้วทำงานเหนื่อยไหมในกองพี่”

หญิงสาวหันมองหน้าเขา สบดวงตาอ่อนโยน น้ำเสียงอบอุ่นนั้นแล้วก็ตระหนักรู้ในยามนี้เองว่าหากทินกรเป็นไฟ ใช้แสงแผดเผาร่างกายและจิตใจเธอให้ร้อนรุ่ม ปารวัตรก็คงเป็นสายน้ำฉ่ำเย็นที่หล่อเลี้ยงให้ใจเธออบอุ่นอยู่ตลอดเวลา

“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ สนุกด้วยซ้ำ” ธรายิ้มกว้าง ก่อนหันออกนอกหน้าต่างมองบรรยากาศที่รถคันหรูแล่นไปด้วยความเร็ว ยามนี้เสียงสายลม เสียงใบไม้ไหว หรือเสียงเพลงที่คลอเบาๆ ไปในรถก็ฟังดูสวยงามไปเสียทุกสิ่งอย่าง

นั่นเป็นเพราะปลายทางนี้คือทะเล คือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้เธอได้เที่ยวคลายความเครียด มิใช่เพราะชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายนั้นอบอุ่นอ่อนโยนเพียงใด และไม่ใช่เพราะใบหน้าคมดุที่ขับรถเปิดประทุนตามหลังมาติดๆ นั่นหรอกที่ทำให้อะไรๆ ก็ดีไปเสียหมด






เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ส.ค. 2559, 09:42:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ส.ค. 2559, 09:42:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 897





<< ตอนที่ 17...ความรู้สึกดีที่ควรห้ามใจ   ตอนที่ 19 ...เป็นห่วง >>
Zephyr 8 ส.ค. 2559, 23:19:28 น.
อืมมมม จะเกิดไรแถวทะเลไหมน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account