แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 19 ...เป็นห่วง

นานพอตัวกว่าที่ขบวนรถของกองถ่ายจะเคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมาย ทุกคนต่างก็ขนข้าวของลงกันหมดแล้ว และรอฟังคำประกาศจากปารวัตรผู้เป็นผู้กำกับของกองนี้

“วันนี้ให้ทุกคนไปพักก่อนละกันครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ เราจะยังไม่ทำงานกัน แต่พรุ่งนี้ผมขอนัดทุกคนตั้งแต่ตีสี่ เพราะมีฉากที่พระนางจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน”

หลังการบอกกล่าวสิ้นสุด เสียงเฮก็ดังลั่นกองละคร ปารวัตรเป็นอย่างนี้หลายครั้งจนเขาอ่อนใจกับตัวเอง ว่าเพราะความใจดีของเขากระมังที่ทำให้เขาไม่เหมาะไม่ควรที่จะประกอบอาชีพที่ต้องออกคำสั่งคนอื่นเช่นนี้

ธรายืนมองออกไปที่ชายหาดนิ่ง ทะเลสีฟ้าใสหลอมรวมกับแสงอาทิตย์ส่องประกายระยิบระยับ คลื่นม้วนตัวกันเข้ากระทบหาดทรายเป็นระลอก ที่เคยได้ยินว่าทะเลภาคใต้นั้นสวยงามหนักหนา เห็นทีหญิงสาวคงต้องยอมรับวันนี้ว่าภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า สวยงามจริงดั่งคำร่ำลือ

ไม่นานนักเลย หลังจากที่ทุกคนขนของเก็บกันเรียบร้อยแล้ว ต่างก็เตรียมตัวไปเล่นน้ำทะเล ธราอยู่ในชุดเสื้อยืดรัดรูปกับกางเกงขาสั้นบางเขา จังหวะที่หญิงสาวกำลังเดินออกมาจากห้องเพียงลำพังนั้น พลันร่างก็ไปปะทะกับร่างกายกำยำของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตมองไล่ระดับตั้งแต่รองเท้าแตะของเขา กางเกงยาวแค่เข่า ขึ้นไปจนถึงเสื้อเชิ้ตแขนสั้นไม่ติดกระดุม เผยให้เห็นแผงอกล่ำและกล้ามท้องที่สื่อถึงความแข็งแรง

เมื่อเงยขึ้นสบเจ้าของดวงตาคมดุคู่นั้น เธอก็รีบดันร่างนั้นออกห่างทันที และเสียงของเขาก็เรียกไว้ก่อนที่เธอจะก้าวออกจากตรงนั้น

“ทีมงานอย่างคุณมีเวลาว่างไปเล่นน้ำด้วยหรือไง”

“แน่นอนค่ะ ก็มันเป็นคำสั่งจากคุณปารวัตรนี่คะว่าให้ฉันไปเล่นน้ำกับเขา”

“ดีจริงๆ เลยเนอะ เป็นลูกหนี้คุณปารวัตรเนี่ย” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ยากที่จะคาดเดาความรู้สึก ทว่าอีกคำถามก็ถูกปล่อยออกไปตอนที่หญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้นั่นแหละ “ทำไมเมื่อคืนไม่มาหาเจ้าตูบล่ะ”

“ฉันจัดของไงคะ ก็วันนี้พี่ปุ่นนัดเช้า เจ้าตูบมันคิดถึงฉันเหรอ”

“ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะ ผมไม่ใช่มันนี่” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงรวน ยิ่งเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นมองมาอย่างมีเลศนัยด้วยแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดใจ

“งั้นฉันถามคุณในฐานะเจ้านายของเจ้าตูบแล้วกัน คิดถึงฉันเหรอ” หลังจากถามไปนั่นแหละ ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมาถามตัวเองด้วยว่าคาดหวังคำตอบไว้อย่างไร

“มือหายเจ็บแล้วหรือไง จะไปเล่นน้ำน่ะ”

ธราขำคิกคักก่อนบอก “คุณนี่มันถนัดเปลี่ยนเรื่องจริงๆ มือฉันเป็นแค่แดงๆ ช้ำๆ เองนะคะ ไม่ได้เป็นแผลเหวอะหวะโดนน้ำไม่ได้ซะหน่อย”

“งั้นก็ไปได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าว่าผมยืนคุยกับคุณอยู่”

“ค่ะๆ ไปก็ได้ค่ะ คุณนี่ก็ประหลาด เดี๋ยวเรียกเดี๋ยวไล่ อะไรก็ไม่รู้” คนตัวเล็กยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีชัย ในขณะที่คนตัวใหญ่ทำสีหน้าหงุดหงิดระคนเก้อเขินที่เจ้าตัวเองก็บอกไม่ถูก

นั่นปะไร นับวันเขายิ่งบ้าขึ้นทุกวัน เรียกไว้เองและก็ผลักไล่ไสส่ง นี่เขาต้องการอะไรจากแม่ตัวดีนี่กันแน่ เป็นคำถามที่ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน

“เจอกันที่ทะเลนะคะ ฉันว่ายน้ำเก่งนะ แข่งกันไหมคะ” ธรายักคิ้วหลิ่วตาให้เขา ก่อนวิ่งไปทันทีโดยไม่รอคำตอบ

ไม่นานนักร่างสูงล่ำสันก็เดินตามทีมงานจอมก่อกวนลงไป โดยไม่ทันสังเกตสักนิดว่ามีใครบางคนที่แอบได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ทุกคำกำลังยืนกำหมัดกัดฟันอยู่ไม่ไกล

“แน่จริงก็ตามมาสิพี่ปุ่น หรือว่ากลัวแพ้” ธราโบกไม้โบกมืออยู่ในน้ำทะเลที่มีความสูงถึงเข่า ตะโกนเรียกผู้กำกับหนุ่มให้ตามลงไป ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไม่รอให้เธอรอนานนัก เขาก้าวตามลงไปทันทีที่แลเห็นร่างบางกำลังเตรียมตัววิ่งหนี

“อย่ามาท้านะชล ถ้าพี่ชนะจะไม่ปล่อยเลยคอยดู”

ทินกรนั่งมองทีมงานและนักแสดงหลายคนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ตัวเขาเองนั่งอยู่บนเตียงผ้าใบบนชายหาด ด้านข้างมีหญิงสาวหน้าตาสะสวย แต่งกายด้วยชุดกางเกงขาสั้น เสื้อสายเดี่ยวรัดรูปอวดหุ่นเพรียวน่าหลงใหล ชายหนุ่มหันไปมองใบหน้าที่แลดูอิจฉาความสนุกสนานในทะเลนั้นแล้วเอ่ยถาม

“อยากลงไปเล่นเหรอฟ้า ไปสิ ไปกับพี่ก็ได้”

แต่คำตอบคือการส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ล่ะคะ แต่ถ้าพี่เพลิงอยากไปก็ไปเถอะนะคะ เดี๋ยวฟ้ารอตรงนี้”

“ไม่ล่ะ ถ้าฟ้าไม่ไป พี่ก็ไม่ไป”

เขาไม่ได้หันไปถามอะไรเธออีก แต่สายตาที่มองไปยังกลุ่มคนในทะเลนั้นอิจฉายิ่งนัก หากถามว่าอิจฉาใครน่ะหรือ คงไม่พ้นผู้กำกับหนุ่มที่มีคนตัวเล็กกอดคอเป็นลูกลิงนั่นหรอก แม้ว่าในใจเขาแทบอยากไปกระชากแขนหญิงสาวคนนั้นให้ออกห่าง แล้วบอกกล่าวตักเตือนว่าควรจะวางตัวกับผู้ชายอย่างไร แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องของเขา

ใช่สิ! ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ ก็ในเมื่อแม่นั่นอยู่ในการดูแลของเขา เป็นลูกหนี้เขา ก็ถือว่าเขามีสิทธิในตัวเธอทุกอย่างสิ

“คุณปุ่นครับ! ดาวท้องเสีย ถามหายาครับ” ทีมงานคนหนึ่งตะโกนเรียกปารวัตรจากบนฝั่งด้วยท่าทีร้อนรน และนั่นก็ทำให้เขารีบขึ้นจากน้ำทันที เพราะการดูแลทุกคนคือหน้าที่ส่วนสำคัญของเขา หรือหากจะไม่ใช่หน้าที่ ทุกคนก็เชื่อว่าคนอ่อนโยนใจดี นึกถึงคนอื่นตลอดเวลาอย่างปารวัตรพร้อมที่จะช่วยเหลือแน่นอนอยู่แล้ว

ปารวัตรซึ่งมีนิสัยตรงข้ามกับทินกร นั่นก็คงเป็นประโยคที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คนด้วยเช่นกัน

ไม่นานนักเลยที่ธราจะขึ้นจากน้ำตามปารวัตรมา แต่ยังไม่ทันจะเดินไปไหน อัจฉราก็เรียกเธอไว้เสียก่อน เมื่อธราสบตาใสซื่อบริสุทธิ์นั่นแล้วก็อยากจะเชื่อในความดีของนางเอกสาวคนนี้ที่ได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่นนัก แต่มันก็มีบางอย่างที่ทำให้เชื่อได้ยาก

“อยู่คุยด้วยกันก่อนสิคะคุณธรา”

หญิงสาวยิ้มให้แบบเจื่อนๆ “เรียกชลดีกว่าค่ะ”

“ไปเรียกเขาทำไมล่ะฟ้า ให้เขาไปอยู่กับกลุ่มพวกทีมงานด้วยกันจะดีกว่านะ” เสียงเคร่งเครียดของทินกรดังขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะดูถูกคนที่เขาเรียกได้ว่า ‘เพื่อน’ นักหรอก แต่การแยกอัจฉราออกห่างจากยายลิงตัวแสบน่าจะดีกว่า

“นั่นสิคะคุณฟ้า อย่ามาเสวนากับฉันเลยดีกว่าค่ะ ฉันก็แค่ทีมงานคนหนึ่ง” ธราไม่รอคำตอบจากคนสูงส่งที่ไหนทั้งนั้น แต่เดินออกมาทันทีที่พูดจบ ความน้อยอกน้อยใจแล่นขึ้นมาในสมองแวบหนึ่ง แวบเดียวเท่านั้นล่ะ

นางเอกสาวตีไหล่ทินกรเบาๆ ใบหน้าบึ้งตึง “พี่เพลิงไปพูดแบบนั้นได้ยังไงคะ ใครจะเป็นยังไง ทำอาชีพไหนก็ไม่ควรไปดูถูกเขานะคะ”




คืนวันนั้นทุกคนต่างก็สนุกสนานกับการล้อมวงเล่นดนตรี ปิ้งบาร์บีคิว แต่ทุกคนก็ตระหนักดีเช่นกันว่าการมาอยู่ที่นี่เพียงแค่สามวัน วันแรกรื่นเริงสุขสันต์กับการเที่ยว เท่ากับว่าอีกสองวันหลังต้องทำงานหนักเอาการ

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนนึกถึงนักหรอก ในเมื่อวันนี้ยังสนุกอยู่ก็ควรสนุกให้เต็มที่ หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับห้องแล้วนั้น ธราก็เดินแยกออกมาเพียงลำพัง อย่าว่าแต่ปารวัตรจะเดินมาอยู่ด้วยเลย แค่เห็นเขาจัดคิวถ่าย เตรียมอุปกรณ์ของพรุ่งนี้เธอก็เหนื่อยแทนแล้ว

หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนพื้นทรายอย่างไม่นึกรังเกียจเพื่อที่จะได้มองดาวได้ถนัด แม้จะไม่มากนัก แต่มันก็เยอะกว่าในเมืองหลวงพอสมควร

‘พ่อขา แม่ขา นั่นดาวอะไรคะ ใช่ดาวลูกไก่หรือเปล่า’ พลันที่นึกถึงเสียงใสๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาในหู ธราก็ปล่อยให้ภาพความทรงจำต่างๆ ผุดพรายขึ้นมาในห้วงความคิด

‘ไม่ใช่หรอกลูก ดาวสองดวงที่ติดกันนั้น เป็นดาวของพ่อกับแม่ ส่วนอีกดวง เป็นดาวของชลไงจ๊ะ’

‘แล้วทำไมดาวของชลห่างจากพ่อกับแม่จังเลยล่ะคะ’

‘ก็เพื่อให้มีดาวอีกดวงหนึ่ง มาโคจรอยู่ใกล้หนู และรักหนู เหมือนที่พ่อรักแม่น่ะสิจ๊ะ’

‘ถ้าคนนั้นรักชลมากเท่าพ่อกับแม่ และก็ดีเหมือนพ่อ ชลก็จะรักเขาให้มากๆ ค่ะ’

หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีรอยยิ้มขึ้นมาประดับใบหน้าตั้งแต่นึกถึงประโยคไหน หากรอยยิ้มนั้นก็มาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลลงข้างแก้มอย่างไม่คิดจะปัดมัน มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าอะไรหรอก เป็นเพราะความคิดถึงที่มีอยู่ท้วมท้นในใจมากกว่า

“ขอนั่งด้วยได้ไหม” เสียงใสๆ ดังขึ้นไม่ไกลนัก พร้อมกับใบหน้าสะสวยงดงามก้มลงมาบดบังดวงดาวที่ธรามองอยู่จนมิด

หญิงสาวเด้งตัวลุกขึ้นอย่างเร็ว ก่อนจะปาดน้ำตาให้ออกไปโดยเร็ว และคาดว่านางเอกสาวจะไม่ทันสังเกต “เชิญค่ะคุณฟ้า แล้วคุณเพลิงไม่มาด้วยหรือคะ”

“ไม่หรอก ฉันไม่ได้บอกเขา” คนพูดทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ธรามองผู้มาใหม่อยากประหลาดใจนัก

การที่ทินกรปล่อยให้แฟนสาวแสนรักของตัวเองมาเดินเฉิดฉายอยู่ชายหาดยามค่ำคืนเพียงลำพังนั้นก็ว่าแปลกแล้ว แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือสุ้มเสียงของอัจฉราตอนเอ่ยประโยคเมื่อครู่นี้ต่างหาก มันดูสั้นและห้วนเสียจนไม่อยากเชื่อ

“ทำไม อยากเจอหรือไง” นั่นยิ่งประหลาดเข้าไปอีก

ธราเลิกคิ้วสูงมองเธอ “หมายความว่าไงคะ”

“หมายความว่าไง? ยังกล้าถามอีกเหรอ ทำอะไรไว้รู้ดีอยู่แก่ใจ”

“เดี๋ยวนะคะคุณฟ้า ขอตรงๆ หน่อยได้ไหมคะ ฉันไม่ชอบอ้อมค้อม” อารมณ์ดีๆ ของธราเมื่อครู่ลอยหายไปในอากาศ เพราะขณะนี้มีเมฆดำครึ้มไปทั่วจิตใจ

“เธอจะอ่อยผู้ชายคนไหนฉันไม่สนหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับหรือนักแสดง แต่นักแสดงคนนั้นต้องไม่ใช่พี่เพลิง” อัจฉราเอ่ยเสียงลอดไรฟัน จ้องหน้าคนข้างกายเขม็ง

หลังจากที่นางเอกสาวพยายามนึกมานานว่าใบหน้าทีมงานใหม่คุ้นตาแปลกๆ เพิ่งรู้ชัดวันนี้เองหลังจากได้ยินบทสนทนาหน้าห้องพักของทินกร ว่าคนทั้งคู่อยู่คอนโดเดียวกัน และก็เป็นคนที่เธอเจอตั้งแต่ที่คอนโดเขาวันนั้น แต่เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าธราจะสนิทกับทินกรจนถึงขั้นเข้าออกในห้องกันได้

ธราหันไปมองหน้านางเอกสาวก่อนเอ่ยเสียหยัน “ทำไมล่ะคะ ถ้าฉันจะอ่อยคุณเพลิง ก็คุณไม่ได้รักเขาไม่ใช่หรือไง”

“ฉันไม่ชอบเป็นคนแพ้ ไม่ว่าฉันจะรักหรือไม่รัก แต่เขาเป็นของฉัน เป็นสมบัติของฉัน ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเอาไปทั้งนั้น!” เสียงกราดเกรี้ยวจากอัจฉราก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกใหญ่ สายตาที่มองไปหานางเอกสาวนั้นช่างผิดหวังเหลือเกิน

“ฉันเสียใจแทนคุณเพลิงจริงๆ ค่ะ คุณเห็นเขาเป็นแค่สิ่งของหรือไง”

“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่เชื่อสิว่าเขาไม่มีวันทิ้งฉันไปหาผู้หญิงอย่างเธอแน่ ถอยออกมาซะ ถ้าไม่อยากเสียใจ” อัจฉรายิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ไม่จริงใจที่สุดตั้งแต่ธราเคยเห็นมา “แต่ถ้าเธอยังไม่พยายามเข้าใจเนี่ย ก็ช่วยไม่ได้นะคะ ฉันเตือนแล้ว”

หญิงสาวจ้องคนที่มีใบหน้าสะสวยข้างกายด้วยสายตาเรียบเฉย ในที่สุดอัจฉราก็เปิดเผยตัวตนออกมาเสียที เธออยากจะเชื่อคำชื่นชมยกย่องที่ทุกคนรวมถึงปารวัตรมีต่อผู้หญิงคนนี้เสียจริง ถ้าหากว่าไม่ได้มีบางสิ่งบางอย่างที่เธอได้ยินมากับหู เห็นมากับตาตัวเอง

เมื่อวันที่พบว่าอัจฉรามานอนห้องทินกรทั้งคืน ยามเช้าที่เธอออกไปเดินที่ดาดฟ้าและกลับลงมาพบอัจฉรายืนอยู่ตรงทางเดินนั่นแหละ เพียงมองข้างหลังก็รู้ได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ทินกรพามา ไม่น่าแปลกใจนักหรอกที่เธอจะนอนห้องของแฟนหนุ่ม แต่ที่น่าแปลกใจคือประโยคที่เธอพูดผ่านโทรศัพท์นั่นน่ะสิที่ธราไม่คิดว่าจะได้ยินจากผู้เป็นหัวใจของเขา

‘โอ๊ยนาย เบื่อจะแย่อยู่แล้วเนี่ย ทำไมจะต้องมาทนแกล้งว่าคบกับเขาด้วยก็ไม่รู้ ไม่ได้หรอก เลิกได้ไงล่ะ ขืนประกาศเลิกกัน งานในวงการเราก็หายหมดน่ะสิ เถอะน่า รอก่อน เราก็มีแต่นายเนี่ยแหละ ส่วนเขาน่ะไม่ไปไหนอยู่แล้วล่ะ ประคบประหงมเราจะตายไป ทำเหมือนเราเป็นเจ้าหญิงเลยดีกว่า ก็ไม่ทำไงหรอก แค่ทำเหมือนเดิม เดี๋ยวว่างๆ เราจะไปหานายที่ห้อง แล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน ความสุขที่เขาให้เราไม่ได้’

และเมื่อนางเอกสาวหันมาเห็นว่ามีคนยืนฟังบทสนทนาเมื่อครู่นี้ ก็ทำหน้าทำตาตกใจเสียเหลือเกิน ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร พระเอกหนุ่มก็เปิดประตูออกมาเสียก่อน

‘คุณคะ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครได้ไหมคะ ถือว่าฉันขอร้อง’

‘เรื่องไหนดีคะ เรื่องที่คุณมาอยู่ห้องคุณเพลิง หรือว่าเรื่อง....’

‘อย่าไปยุ่งกับเขาเลยฟ้า ก็แค่คนธรรมดา จะมีสิทธิมีเสียงอะไรไปบอกใคร’

หญิงสาวแทบอยากตะโกนออกไปในเวลานั้นเองว่าทินกรจะโง่ไปถึงไหน แต่ก็นั่นแหละ ขืนพูดออกไปเธอคงโดนโยนออกไปจากคอนโดนี้ทันที เพราะเขารักผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนี้มากเหลือเกิน แบบที่ธราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาใช้สมองส่วนไหนมารักคนแบบนี้ได้ลง

หรือต้องถามอัจฉราเสียมากกว่า ว่าเธอทำกับคนที่รักเธอมากขนาดนี้ลงได้อย่างไร


นางเอกสาวเดินจากไปนานแล้ว แต่ธรายังคงนิ่งอึ้งอยู่กับที่ กี่โมงกี่ยามแล้วไม่อาจรู้ได้ ค่ำคืนที่มีดาวแสนสวยและฝันแสนหวานของตัวเองในวัยเด็กนั้นลอยวับดับหายไปกับตา ตอนนี้ในจิตใจเธอนึกถึงแต่พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ที่อยู่สูงเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง พระอาทิตย์ที่ควรต้องส่องสว่างให้แก่คนทั้งโลก เธอคาดเดาอะไรไม่ได้เลยสักนิดว่ามันจะส่องแสงไปอีกนานแค่ไหน มันจะดับลงหรือไม่หลังจากที่รู้ว่าหัวใจคิดกบฏทรยศเขาอยู่

ความทรงจำนึกย้อนไปถึงไปวันแรกที่ได้สานสบกับดวงตาคมดุคู่นั้น วันแรกที่ได้ย้อนเวลากลับมาเจอเขา จนกระทั่งผ่านมาถึงวันนี้ เธอจะไม่ใส่ใจความรู้สึกของเขาเลยก็ได้ ถ้าหากวันก่อนเธอไม่ได้อ่านสมุดบันทึกวัยเด็กเล่มนั้น

ก่อนที่ตะวันจะเปล่งแสงได้ถึงขนาดนี้ เขาผ่านอะไรมามาก เจ็บช้ำมาเยอะ เธอไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกแย่กับอะไรอีกแล้ว แต่จะทำอย่างไรล่ะ เขาก็ต้องเชื่อหัวใจของเขามากกว่าผู้หญิงบ้าๆ ที่แอบอ้างว่าตัวเองมาจากอนาคตคนนี้หรอก

แถมยังเป็นแค่กรวดดินให้เขาเหยียบย่ำได้อีก

เธอนอนราบกับพื้นทรายลงไปอีกครา หวังว่าคราวนี้คงไม่มีลมทะเลพัดเอาพายุร้ายใดๆ มาใส่สมองเธออีกในคืนนี้ แต่ความหวังของเธอดับลงตั้งแต่ได้ยินเสียงทุ้มที่ดูโกรธเกรี้ยวดังขึ้น

“ลุกขึ้นมาเลยนะยายตัวดี!” หญิงสาวเด้งตัวแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียง หรืออาจจะเป็นเพราะแขนแข็งแกร่งนั้นด้วยที่กระชากข้อมือเธอให้ลุกขึ้น

“คุณเพลิงฉันเจ็บ มีอะไรคุณ ใครเป็นอะไร” หญิงสาวผลักร่างเขาออกเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระโดยเร็ว

“ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก แต่เมื่อกี้ผมแอบเห็นว่าฟ้าแวะมาคุยกับคุณก่อนที่จะเข้าห้องพัก คุยอะไรกัน คุณบอกอะไรเขา”

“โถ คุณ เรื่องแค่นี้เอง ต้องเรียกซะตกอกตกใจหมด นึกว่าใครตาย” หญิงสาวเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย พลางปัดทรายที่เกาะติดตามตัว แต่เพราะความเจ็บที่นิ้วมือซ้ายทำให้เธอใช้มืออีกข้างที่เหลือปัดอย่างยากลำบาก

ทินกรเดินอ้อมด้านหลังไปช่วยปัดให้อย่างลวกๆ พลางถาม “อย่ามาเล่นลิ้นนะคุณ ไปแอบคุยอะไรกัน”

หญิงสาวกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ ดูสิ...มือก็ปัด ปากก็ถาม

“ถ้าฉันบอกคุณแล้วคุณจะเชื่อฉันไหมล่ะ”

“ก็ลองบอกมาก่อนสิ”

“คุณฟ้าเธอมีคนอื่น และที่สำคัญนะ เขาไม่เคยรักคุณเลย เขาเห็นคุณเป็นแค่บันไดสู่วงการเท่านั้น อีกไม่นานเดี๋ยวเขาก็ทิ้งคุณ” จบประโยคนั้นแหละ เสียงหัวเราะก็ดังลั่น เขาชะงักมือที่ปัดเสื้อและกางเกงให้หญิงสาวก่อนอ้อมกลับมาด้านหน้า

“ถ้าผมเชื่อคุณก็บ้าแล้ว ใครมองก็ดูออกว่าเรารักกันแค่ไหน” ทินกรกอดอกมองคนตัวเล็กยิ้มๆ ราวกับเธอเพิ่งเล่าเรื่องตลกให้เขาฟัง ทว่าหญิงสาวกลับไม่ขำด้วยสักนิด

“เห็นไหม บอกไปคุณก็ไม่เชื่อ ถ้างั้นอย่ามาถามเลยค่ะ”

“จะบอกว่าตัวเองพูดจริง?”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“โอ๊ยคุณ ผมจริงจังนะ เอาดีๆ เมื่อกี้คุยอะไรกัน คุณได้เผลอพูดเรื่องของเราไปไหม”

หญิงสาวหลุดยิ้มมาอีกครา “เรื่องของเรางั้นเหรอคะ”

“ผมหมายถึงเรื่องที่เรารู้จักกัน และผมเช่าห้องให้คุณอยู่ต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มหุบยิ้มที่ดูเหมือนตลกหนักหนาเมื่อครู่ กลับมาทำท่าทางจริงจัง เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าควรจะรู้สึกอะไรกับการเย้าแหย่ของแม่ตัวดีคนนี้

“รวมถึงเรื่องในตู้โทรศัพท์ด้วยไหม” หญิงสาวยังคงยิ้มร่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ทำให้เธอเลิกกลัวเสียงดุๆ และแววตาที่จ้องมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ รู้เพียงว่ามันช่างสนุกเหลือเกินที่ได้ไล่ต้อนคนสูงส่งให้จนมุม

“นี่คุณ ผมไม่ขำด้วยเลยนะ ขอดีๆ คุณพูดอะไรกับฟ้าไปบ้าง” ทินกรเอ่ยเสียงเครียด ทำให้หญิงสาวตรงหน้าจริงจังขึ้นมาบ้าง

“เอาล่ะ ถ้าคุณจริงจัง ฉันก็จะจริงจัง”

ก็ควรจะเป็นแบบนั้นได้ตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มนึกในใจอย่างหงุดหงิดนัก หงุดหงิดตัวเองนี่ล่ะที่ถูกต้อนจนไม่เหลือทางออก ทำไมเขาปล่อยให้แม่คนนี้มามีอิทธิพลกับเขาได้นะ

“เชื่อฉันได้ไหมคะ เชื่อคนที่เข้าใจและหวังดีกับคุณอย่างฉันเถอะนะ ฉันไม่ทำอะไรที่ผิดคำพูดต่อคุณแน่ๆ ค่ะ อย่างที่ฉันเคยบอกไว้ ว่าหากมีอะไรที่เกิดในความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคน ฉันไม่เกี่ยวด้วยทั้งนั้น แต่ก็อยากให้รู้ว่าฉันเป็นห่วงคุณนะ”

“เป็นห่วงเรื่อง?” คำถามยังคงห้วน

“เรื่องของคุณฟ้า ฉันไม่รู้จะบอกคุณยังไงดี แต่เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ ฉันว่าคุณยังไม่รู้จักเขาดีพอเลยด้วยซ้ำ”

“เพราะผมรู้จักเขาดีต่างหากล่ะ รู้จักดีมากกว่าใครทั้งหมด มากกว่าคุณ คุณปารวัตร หรือแม้แต่พี่เกล ก็เพราะว่าผมรู้จักเขาดีเนี่ยแหละ ผมถึงทำร้ายเขาไม่ได้ และคุณก็ไม่มีสิทธิทำแบบนั้นกับเขาเหมือนกัน”

“รู้จักแค่ไหนคะ ถึงเรียกว่ารู้จักดี”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องหรอกนะ แค่ที่รู้เรื่องของผม มันก็มากเกินไปแล้ว” ...มากเกินไปจริงๆ จนยากที่เขาจะสั่งตัวเองให้ถอยใจออกห่างจากผู้หญิงคนนี้ที่รู้เรื่องเขาทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่อัจฉราไม่เคยรู้ และเพราะคำว่า ‘เป็นห่วง’ จากคนตัวเล็กนี่แหละกระมังที่ทำให้ใจที่ร้อนรุ่มของเขาค่อยๆ สงบลงได้

หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ จับมือใหญ่ของคนตรงหน้ามาเกาะกุมไว้ ต่อให้ดาวจะลับฟ้าไปกี่ดวง จะมีพระจันทร์หรือตะวันประดับฟากฟ้าอยู่ก็ตาม ที่เธอรับรู้ขณะนี้มีเพียงความรู้สึกบางอย่างที่หนักอึ้งและถาโถมราวกับคลื่นลมพายุ ใช่แค่ความเป็นห่วงแน่ละหรือ?

“เอาเป็นว่าเชื่อฉันแล้วกันค่ะ ว่าฉันไม่ได้พูดความลับอะไรของคุณไปทั้งนั้น และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ฉันอยู่ข้างคุณ คุณเล่าให้ฉันฟังได้เสมอนะ”

“ถ้าจะมีเรื่องอะไร มันก็น่าจะมีเพราะคุณเนี่ยแหละ” แม้จะไม่ได้ตอบรับด้วยประโยคที่ดี แต่เสียงที่เอ่ยออกมาไม่ได้ห้วนนักแล้ว ก็จะให้เขาพูดจาห้วนกับคนที่หวังดีต่อเขาได้อย่างไรเล่า “ผมไปละ เดี๋ยวไปหาฟ้าก่อน ถ้าผมได้ความว่าคุณพูดอะไรให้ฟ้ารู้สึกแย่นะ ผมเอาเรื่องคุณแน่”

“คุณจะเชื่อทุกอย่างที่คุณฟ้าเล่าเลยเหรอคะ ถ้าเขาบอกว่าฉันทำร้ายเขา ฉันด่าเขา แม้ว่าฉันจะบอกคุณว่าฉันไม่ได้ทำ แต่คุณก็เลือกจะเชื่อเขาใช่ไหม”

ทินกรสบดวงตากลมโตราวกับจะหาความน้อยอกน้อยใจในประโยคนั้น แต่ที่เห็นคือเธอก็ยังทำหน้ากวนโทสะเขาอยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มจึงเอ่ยเสียงเข้ม “อย่าลืมสิ ว่าผมรู้จักเขามานานกว่าที่รู้จักคุณนะ”

นั่นสินะ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเจอจากข้างทาง จะไปมีความสำคัญมากกว่าคนที่เขาจับมือกันมาเป็นปีๆ ได้อย่างไร
ชายหนุ่มรีบเดินกลับไปทางห้องพัก ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าที่รีบน่ะเป็นเพราะอยากกลับไปดูอัจฉราจริงหรือไม่ หรือเป็นเพราะกลัวจะพูดปลอบใจคนตัวเล็กไปมากกว่านี้ก็สุดรู้ นี่ความใจร้ายใจดำที่เขาเคยมีกับผู้หญิงคนนี้มันหายไปไหนหมดนะ

หญิงสาวมองตามร่างเขาไปจนลับตา คำว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’ ที่ธราหมายถึงในประโยคนั้นคงไม่พ้นเรื่องราวของทินกรที่เคยอ่านก่อนจะย้อนเวลามา ข่าวทำร้ายร่างกายแฟนสาว ข่าวซุกผู้หญิงไว้ในคอนโด ข่าวในผับ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความโด่งดังในตัวเขาหายไปด้วยกันทั้งนั้น

เอ๊ะ! ข่าวซุกกิ๊กไว้ในคอนโด!

คือเธอหรือไร ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชีวิตเขาต้องตกต่ำลง ไม่ใช่หรอก! แต่จะมีใครอื่นไปได้ก็ตอนนี้ทินกรเป็นคนจ่ายค่าห้องให้เธออยู่ หากเรื่องนี้เกิดแพร่สะพัดไปล่ะก็ ธราคงไม่อาจมองหน้าเขาได้อีก ทั้งที่ตั้งใจจะช่วย แต่กลับเป็นต้นเหตุเสียเอง
แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าตอนนี้เธอควรจะสนใจชื่อเสียงหรือว่าความรู้สึกของเขากันแน่ หากเป็นอย่างแรก เธอคงต้องถอนตัวและใจออกมาให้ห่าง และหากเป็นอย่างที่สอง เห็นทีว่าเธอคงต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ความรู้สึกดีๆ จะพังทลายไปพร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอคนนั้น


_______________________________________________________________________________

สุขสันต์วันแม่นะคะทุกคนนนน



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2559, 14:42:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2559, 14:42:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 923





<< ตอนที่ 18 ...กองถ่ายต้องการทะเล   ตอนที่ 20 ...เบื่อวงการ >>
Zephyr 13 ส.ค. 2559, 13:55:25 น.
ชลจะช่วยพี่เพลิงยังไงนะ
นังฟ้า ออกลายแล้วสินะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account