ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ

เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย

มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน

ตอน: 12 เทพีแอมฟริตริติ

ภายในห้องบรรทมที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามวิจิตร เจ้าของห้องซึ่งเป็นเทพีแสนงามเจ้าของเกศาสีทองอร่ามและผิวเนื้อนวลเนียนลออตา กำลังทอดถอนหายใจ

“มีเรื่องใดที่ทำให้ทรงเบื่อหน่ายเพคะ” ไลลิสนางพรายน้ำผู้เป็นบริวารเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“เรากำลังคิดถึงท่านโพไซดอน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่มาสู่ขอเราครั้งที่สอง ท่านก็หายไปเลย ไม่ได้กลับมาที่วังของท่านพ่ออีก หรือว่าท่านจะเบื่อที่เราเล่นตัวไม่ยอมรับคำขอของท่านกันแน่” เทพีแอมฟริตริริปรับทุกข์กับนางพรายไลลิส

“คงมิใช่เช่นนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านถูกองค์มหาเทพส่งไปยังโลกมนุษย์”

“อะไรนะ โลกมนุษย์ แล้วเหตุใดท่านพ่อถึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับข้า” เทพีแอมฟริตริติรู้สึกประหลาดใจเป็นอันมากที่ได้รู้เรื่องราวของเทพโพไซดอนจากปากของไลลิส

“ที่ท่านโอเชียนัสไม่ได้บอกกับพระนางเรื่องนี้ ก็เป็นเพราะว่าตอนนี้ท่านมีภารกิจมากมายเหลือเกินเพคะ เมื่อท่านเทพโพไซดอนไม่อยู่ ท้องทะเลในแถบที่อยู่ในการปกครองขององค์เทพโพไซดอนก็ต้องมาอยู่ในความดูแลของท่านโอเชียนัสทั้งหมด”

“อ้อ มิน่าเล่า ตอนนี้ข้าถึงไม่ได้เจอหน้าท่านพ่อบ่อยนัก” เทพีแอมฟริตริติเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางถึงไม่ได้เจอกับบิดาในช่วงนี้ ก่อนจะเอ่ยถามนางพรายถึงเทพโพไซดอน “ไลลิส แล้วนี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านโพไซดอนไปอยู่ที่ไหนของเมืองมนุษย์”

“ไม่ทราบเพคะ แต่ถ้าหากพระนางมีพระประสงค์อยากทราบ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปสืบมาให้”

“ดีมาก ไปดูสิว่าพระองค์อยู่อย่างไรและสบายดีไหม แล้วรีบมารายงานให้เรารู้”

“เพคะ” นางพรายน้ำรับคำสั่งก็ค้อมกายลงทำความเคารพก่อนที่ร่างของนางจะจางหายไป
เมื่อไลลิสจากไปแล้ว เทพีแอมฟริตริติทอดถอยหายใจออกมา นึกสงสัยว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้นถูกหรือไม่ กับการที่ปฏิเสธการขอแต่งงานของเทพโพไซดอน ในตอนนั้นที่ปฏิเสธออกไปก็เป็นเพราะต้องการจะลองใจว่าเทพแห่งท้องทะเลผู้มีรูปโฉมไม่แพ้เทพองค์ใด และยังมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือจะมีความมั่นใจและตั้งใจจริงเพียงไหนที่อยากจะได้เธอไปเป็นคู่ครอง แต่พอมาถึงตอนนี้องค์มหาเทพกลับส่งเทพโพไซดอนลงไปยังโลกมนุษย์ กลัวเหลือเกินว่าเทพแห่งท้องทะเลจะไปหลงรักนางมนุษย์คนไหนจนลืมเธอจนหมดสิ้น เพราะที่ผ่านๆ มาเรื่องราวความรักระหว่างเทพหนุ่มบนโอลิมปัสกับนางมนุษย์แสนสวยนั้นก็มีอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นเรื่องของนางไซคีกับอีรอสเทพแห่งความรัก ถ้าหากเทพโพไซดอนจะเปลี่ยนใจจากเธอแล้วไปรักนางมนุษย์คนหนึ่งเข้า เธอจะทนได้หรือไม่ เทพีแอมฟริตริติถามตนเอง



ณ ห้วงทะเลลึกอันยากที่สุดจะหยั่งถึง ที่นั่นมีหลุมลึกซึ่งใช้คุมขังสัตว์ร้ายในครั้งอดีตกาลเอาไว้ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชำระแค้นกับพวกมนุษย์ที่แสนโกหกหลอกลวง หน้าที่ของมันคือกินมนุษย์ที่ถูกส่งมาสังเวยคนแล้วคนเล่า ปีแล้วปีเล่า จนกระทั่งผู้สร้างมันรู้สึกพอใจที่ได้แก้แค้นเหล่ามนุษย์จอมตระบัดสัตย์ นับแต่วันนั้นมันได้ถูกส่งมาที่คุกมืดใต้ทะเลลึกเพื่อจองจำมันเอาไว้ตราบชั่วกาลนาน ผู้คนบนโลกเล่าขานกันว่ามันถูกปราบโดยวีรบุรุษที่มีพละกำลังเหนือใคร แต่หามีใครรู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วเจ้าสัตว์ร้ายผู้กระหายเลือดมนุษย์นั้นยังคงอยู่ และมันยังคงอยากจะลิ้มรสเลือดและเนื้อของมนุษย์อยู่ทุกลมหายใจ

เสียงคำรามกึกก้องของมันดังลั่นคุกขนาดใหญ่เมื่อกระหายหิว หนวดอันมีขนาดใหญ่มหึมาและมีจำนวนนับร้อยเส้นพุ่งไปทุกทิศทางเพื่อทำลายซี่ลูกกรงที่ปากหลุม หมายจะทำให้กรงขังนั้นหักสะบัดลง แต่มันก็ไม่สามารถทำได้ เพราะคราใดที่มันหมายจะทำลายกรงขัง มันจะโดนฤทธาที่ร่ายกำกับไว้คุกเอาไว้ทำร้ายจนปวดแสบปวดร้อน ต้องคำรามร้องออกมาเพราะความเจ็บปวด จนมันต้องถอยกายไปซุกอยู่ก้นบึ้งของคุก เวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่งมันก็จะออกมาคำรามอีกครั้งเมื่อความหิวจู่โจม ก่อนจะมุ่งมาทำลายลูกกรงอีกครั้ง และก็ต้องร้องด้วยความเจ็บปวดเหมือนเดิม เหตุการณ์เป็นเช่นนี้วนเวียนไปมานับร้อยนับพันปี

ทว่าวันนี้จู่ๆ ก็มีร่างของมนุษย์ผู้ปราศจากลมหายใจหลายสิบร่างถูกโยนลงไปในคุกนั่น เจ้าสัตว์ดึกดำบรรพ์รีบแหวกว่ายเข้ามาใช้หนวดจับร่างกายนั้นไว้ทั้งหมด ก่อนจะฉีกทึ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วหย่อนลงไปในปากขนาดใหญ่ของมัน เลือดของมนุษย์หลายสิบรายกระจายปนมากับกระแสน้ำจนน้ำทะเลที่หลุมลึกนั้นเปลี่ยนสี มันตะกรุมตะกรามกินจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว แล้วก็สงบนิ่งเมื่อเห็นว่ามีร่างหนึ่งในอาภรณ์สีขาวสะอาดมาปรากฏอยู่เบื้องหน้ากรงขัง และมีอีกหลายร่างอยู่เบื้องหลัง ดวงตาสีแดงของมันจึงเบิกจ้องไปยังร่างที่อยู่หน้าสุดนั้น

“อิ่มแล้วสินะ” เสียงทุ้มกังวานดังก้องเข้ามาในสมอง แม้มันจะเป็นสัตว์ร้ายหากแต่เพราะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเวทย์มนต์มันจึงสามารถเข้าใจและสื่อสารกับมนุษย์ได้

“ฮากกกกกกกก” มันคำรามตอบ

“ดีมาก ถ้าเจ้าทำตัวดีเชื่อฟังข้า ข้าจะมีอาหารมาให้เจ้ากินจนอิ่มหนำ ไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป”

หนวดของมันโบกสะบัดไปมาในกระแสน้ำเป็นการตอบรับคำพูดนั้น ก่อนที่มันจะพุ่งตรงมาที่ซี่ลูกกรงเพื่อจ้องผู้พูดให้ใกล้มากขึ้น

“ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วยนิดหน่อยหน่อยเท่านั้น ถ้าเจ้าช่วยข้า อีกไม่นานหรอกเจ้าสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานเอ๋ย วันที่เจ้าเป็นอิสระจะมาถึง เจ้าจะได้แก้แค้นผู้ที่สร้างเจ้ามาแต่กลับขังเจ้าเอาไว้ที่คุกมืดมนอนธกาลนี้ และจะได้ลิ้มรสเลือดเนื้อของมนุษย์อาหารอันโอชะของเจ้าจนอิ่มเอม”

มันเข้าใจที่เขาพูดทุกคำ จึงพุ่งตัวขึ้นไปจนสุดเพดานถ้ำแล้วหมุนร่างกายมหึมาไปมา โบกสะบัดหนวดยักษ์จนเกิดเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่

ร่างในอาภรณ์งดงามนั้นมองสัตว์ร้ายด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับบริวาร

“พวกเจ้าคงคอยหาอาหารมาให้มันทุกวันอย่าให้ขาด จนกว่าจะถึงวันที่ข้าปลดปล่อยมันออกไปจากคุก เข้าใจไหม”

“เข้าใจพะย่ะค่ะ” ผู้เป็นบริวารสองสามรายนั้นรับคำสั่ง

“ระวังอย่าให้ใครเข้ามาใกล้คุกของมันเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพ เทพีองค์ใดก็ตาม หากมีเรื่องใดผิดสังเกตให้รีบรายงานข้าโดยด่วน”

“กระหม่อมคิดว่าคงไม่มีผู้ใดเข้ามาใกล้แถวนี้หรอกพะย่ะค่ะ เพราะท่านผู้นั้นได้ร่ายมนตราอันแน่นหนาคุ้มกันและพรางตาคุกแห่งนี้เอาไว้ไม่ให้ผู้ใดมาพบได้อะ” พูดไม่ทันจบก็ต้องรีบหุบปากฉับเพราะดวงเนตรขุ่นเข้มของนาย

“อย่าคิดว่ามันจะไม่มีข้อผิดพลาด หากมนตราของมันดีจริง ข้าจะสามารถพาพวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้รึ”

“เอ่อ พะย่ะค่ะ กระหม่อมปากไม่ดีเอง” ได้ฟังคำของนาย ผู้น้อยต้องรีบยอบกายด้วยความหวั่นเกรงในอำนาจและบารมี

“อย่ามาสรรเสริญมันให้ข้าได้ยิน เข้าใจไหม ถ้าพวกเจ้ายังไม่อยากชะตาขาด” เสียงเข้มนั้นเอ่ยถ้อยคำอันแสนเด็ดขาดออกมา บริวารทุกรายต่างรีบทำความเคารพ ย่อกายลงนั่งคุกเข้าและก้มหน้านิ่ง “ที่นี่ ตอนนี้ข้าเป็นใหญ่ ไม่ใช่มันผู้นั้นอีกแล้ว อย่าพูดหรือเอ่ยถึงมันให้ข้ารำคาญหู รำคาญใจอีก”

“พะย่ะค่ะ” ทุกรายขานรับคำสั่งของผู้เป็นนาย

“อย่าทำงานผิดพลาด เพราะถ้าพวกเจ้าพลาดข้าไม่ปล่อยเอาไว้แน่” สั่งเสร็จร่างนั้นก็หายวับไปในกลุ่มแสงสีขาว เหลือไว้แต่เพียงผู้เป็นบริวารที่ยังมีท่าทีหวาดกลัวทั้งหวาดกลัวผู้เป็นนายและหวาดกลัวสัตว์ร้ายขนาดมหึมาในคุกลึกใต้ท้องทะเล






namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ส.ค. 2559, 22:00:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ส.ค. 2559, 22:00:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1195





<< 11 เทพบริวารผู้รู้ใจ   13 ท่องซานโตรินี >>
namon 11 ส.ค. 2559, 22:01:35 น.
เซฟเฟอร์...ต้องคอยอ่านกันต่อไปค่ะอิอิ


Zephyr 13 ส.ค. 2559, 12:14:50 น.
ทำไมเราคิดว่าเป็นลุงโอจะโค่นบัลลังก์ป๋าโพละ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account