อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 16. อลวน ถนน หัวใจ

16.

เมื่อขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว โชคชัยก็ใช้เสียงส่งสัญญาณถามฝ่ายหญิงว่าเรียบร้อยหรือยัง รังสิตาเดินออกมาจากพุ่มไม้มาด้วยใบหน้าเขิน ๆ เขานึกขำกับมาดคุณหนูที่เขาได้เห็นในเวลาค่ำของเมื่อคืน เธอคิดผิดหรือเปล่าหนาที่หนีออกจากบ้านมา

ขณะที่หญิงสาวกำลังจะถึงตัวเขา เสียงอื้ออึงของรถยนต์ก็ดังขึ้น

“หลบก่อนดีกว่า” เขารีบฉวยมือของรังสิตาหลบไปหลังพุ่มไม้ เด็กเหว่าที่พามานั้นบัดนี้พวกเขาเห็นเธอใช้มือดึงเชือกขึ้นจากบ่อน้ำ

“เหว่าทำอะไร” รังสิตาร้องถาม

“ผมก็ไม่รู้”

แล้วคนสองคนก็หัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าที่ปลายเชือกนั้นมีถังน้ำติดอยู่ เมื่อหมดความสงสัยแล้ว ในสายตาของพวกเขาก็ได้เห็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ประตูวิ่งเรื่อย ๆ ไต่ถนนขึ้นมา

“คนของเสี่ย” รังสิตาดึงโชคชัยหลบวูบลงทันที หล่อนภาวนาว่า อย่าให้รถคันนั้นจอดที่บ้านของยายคนนี้เลย

แล้วคำภาวนาก็เป็นผล ใครจะคิดว่า คนอย่างรังสิตาจะอาศัยกระท่อมที่จะพังมิพังแหล่หลบภัย

เมื่อรถแล่นผ่านไป รังสิตาถอนหายใจออกมา

“โคตรตื่นเต้นเลย”

“แล้วรถพวกนี้มาได้อย่างไร” โชคชัยสงสัย

“ก็ขับเข้ามาทางน้ำตกเอราวัณไง ผ่านหน้าถ้ำพระธาตุแล้วก็จะถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น”

“เราจะออกจากพุ่มไม้ไปเลยดีไหม”

“อย่าเพิ่งเลย ฉันคิดว่า ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยหรอก” ขณะที่สองคนกำลังปรึกษากัน เสียงรถอีกคันก็แล่นไต่ถนนขึ้นมาอีก

“ปูพรมตามล่าคุณอย่างแน่นอน ถามจริง ๆ เถอะคุณรังสิตา จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้ชัดเลยว่า คุณหนีพี่ชายของคุณด้วยเรื่องอะไรแน่”

“เขาบังคับให้ฉันแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รัก”

ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวทันที

“คุณเกลียดเขาหรือ” เขาย้อนถามกลับไป

“เปล่า ไม่เคยเห็นหน้าจะเกลียดได้อย่างไร แต่ฉันคิดว่าวิธีแบบนี้มันหมดสมัยไปแล้ว ฉันแค่อยากต่อต้านระบบนั้น อันที่จริงเขาน่าจะพาผู้ชายมาหา มาดูตัว แต่นี่ ผู้ชายคนนั้นฉันก็ยังไม่ได้เห็นหน้าแล้วทำไมฉันถึงจะต้องแต่งด้วยล่ะ”

โชคชัยหัวเราะหึ ๆ เพราะเรื่องมันช่างเหมือนกันเสียกระไร ดีนะที่พ่อของเขาไม่มาตามล่าเขากลับไปแต่งงานเช่นกัน

“จริง ๆ พี่ชายก็อยากตามใจฉันอยู่หรอก แต่ว่าเราติดหนี้ทางนั้นเยอะ พี่ชายก็กลัวว่าจะไม่ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน กลัวว่าทางนั้นจะเข้ามาบริหารกิจการแล้วจะฮุบทุกอย่างที่พี่ชายสร้างกับมือขึ้นมาไป การที่เอาฉันไปแต่งงานด้วยก็เพราะต้องการให้ฉันมีส่วนในธุรกิจด้วย”

“คุณไม่อยากได้เงินเหรอ”

“ฉันอยากได้ความรักที่บริสุทธิ์ใจ” รังสิตามีแววตาที่มุ่งมั่น

“แบบไหน” เขาย้อนถามทันควัน

“ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้ กัดก้อนเกลือกินมั้ง” เธอตอบส่ง ๆ ไปอย่างนั้นแท้ที่จริงเธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร?

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ทางด้านนอกดีขึ้น ด้วยยายเฒ่าเองก็ลงจากเรือนเดินหลังงองุ้มมาที่บ่อน้ำ มาถึงนางก็จ้วงน้ำจากโอ่งที่หลานสาวได้ตักน้ำใส่ไว้ ในสายตาของโชคชัยยายแก่นั่นถือขันนั่งลงแล้วท่องคาถาอะไรสักอย่าง

“เขาทำไร”

“คาถาล้างหน้ามั้งผมเคยอ่านเจอ”

“คุณก็รู้แยะนะ เรียนจบชั้นไหนมา” เจอคำถามนี้เข้าไปโชคชัยเองคิดคำโกหกไม่ออกจริง ๆ

“มอหกครับ พอรู้นั่นรู้นี่เพราะฟังวิทยุบ่อยอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง”

“ขับรถแท็กซี่นานหรือยัง อายุเท่าไหร่เนี่ย มีเมียหรือยัง”

“ยัง” เขาตอบแค่คำถามเดียว หญิงสาวมองหน้าแล้วขำกับตัวเอง

“ออกไปเถอะ รถญาติคุณคงจะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”

“แต่ก็ยังประมาทไม่ได้” พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นเดินนำชายหนุ่มร่างสูงไปหายายที่แลเหลือบมาหา

“ล้างหน้าล้างตากันหรือยัง” ยายเฒ่ามีไมตรีจิตจนรังสิตารู้สึกตื้นตัน เมื่อรังสิตาเดินไปถึงบ่อน้ำหญิงสาวชะโงกหน้าลงไปดูเห็นสภาพใบหน้าตัวเองที่มอมแมมกับเงาน้ำแล้วอยากจะขำเสียจริง

“ล้างหน้าซะหน่อย ตอนเช้าราศีอยู่ที่หน้า ล้างให้สะอาด เมื่อคืนได้นอนกันหรือยัง”

“ยังเลยยาย ยายเห็นรถที่วิ่งไปเมื่อครู่นี้ไหม สองคันนั่นนะ” ยายพยักหน้า “นั่นแหละเขามาตามหาพวกเรา” รังสิตาหมายถึงเธอกับหนุ่มโชคชัย

“แล้วอย่างไง”

“หลังจากล้างหน้าแล้วหนูขอนอนสักงีบ หากมีใครมาถามยายบอกหลานยายด้วยนะว่า ไม่มีใครอยู่ที่นี่นะ ช่วยหนูด้วยนะยาย หนูกับเพื่อนจะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้เลย นะยายนะ”

“อือ ไปนอนก่อน หมอนกับผ้าห่มผืนใหม่ยายเอาออกจากถุงมาวางไว้ตรงหัวบันไดแล้ว นอนให้เต็มอิ่มก่อน ตื่นแล้วค่อยกินข้าวเช้ากัน ยายจะทำอาหารต้อนรับให้สุดฝีมือ”

รังสิตามองหน้าโชคชัยแล้วยิ้มหวานให้ ชายหนุ่มรับขันจากยายมาตักน้ำส่งให้หญิงสาว เธอรับมาถือไว้ อดที่จะถามยายไม่ได้ว่า

“เมื่อกี้ยายท่องคาถาอะไร”

ยายหัวเราะเมื่อได้ยินคำถาม

“คาถาเมตตามหานิยม ใครเห็นใครรัก เอาไหมล่ะ” ยายแก่ดูอารมณ์ดีผิดตอนตื่นนอน รังสิตาพยักหน้า ยายจึงเริ่มบอกอักขระทีละตัวจนหมดแล้วรังสิตาก็ใช้น้ำล้างหน้า ท่ามกลางสีหน้าไม่อยากเชื่อของโชคชัย


อินทราตื่นนอนมาในเวลาเกือบเที่ยงวัน เมื่อเปิดเปลือกตาได้หญิงสาวจึงได้เห็นว่านายประดิพัทธ์นั้นนอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันกับตัวเอง นึกโมโหคนฉวยโอกาส แต่เมื่อเธอเองไม่ได้เสียหายอะไร ก็แสดงว่าเขายังไม่ผิด รึจะรอให้เขาทำความผิด แต่ถ้าเขานอนที่ห้องเก่า เธอเองก็นอนที่นี่ไม่ได้อีก อินทรานอนมองร่างกำยำที่หลับตาพริ้มมีลมหายใจเข้าออกจมูกอย่างสม่ำเสมอแสดงว่าเขาหลับลึกหลับอย่างมีความสุข

และเหมือนเขาจะรู้ว่ามีใครจ้องมองเขาอยู่ ตาที่หลับพริ้มเปิดทันที อินทรานั้นหลบสายตาไม่ทันจึงได้ประสานสายตาประดุจใบมีดโกนของเขา

“กี่โมงแล้ว” เขาร้องถามเสียงงัวเงีย อินทรารีบลุกลงจากเตียงแล้วคลำหาโทรศัพท์มือถือของตน

“เที่ยงกว่าแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา ด้วยรู้สึกกังวลถึงคนสองคนที่หนีเข้าป่าไป

“ฉันรู้สึกผิดอย่างไรก็ไม่รู้”

เมื่อได้ยิน ประดิพัทธ์ดีดตัวลุกขึ้นมา เผยให้เห็นว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อนอน อินทรารู้สึกขวางในทันทีเช่นกัน

“อีตาบ้า น่าเกลียด”

เขาหัวเราะนิด ๆ แล้วทำเป็นไม่สนใจกับคำต่อว่านั้น

“ผู้หญิงนี่อารมณ์เปลี่ยนกันเร็วจังเลยเนอะ ตกลงห่วงเขาหรือว่าห่วงตัวเอง”

“ห่วงตัวเองด้วย ห่วงเขาสองคนด้วย ป่านนี้จะถูกตามไล่ตามล่าหรือไปเจอะเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ เราผิดหรือเปล่าคุณพัท ทำไมเราไม่ไปกับพวกเขาล่ะ”

“อยากมีเรื่องตื่นเต้นทำละซิ” ประดิพัทธ์พูดถูกใจดำ อินทรานิ่งตรอง ใช่แล้ว บางทีเธอก็ต้องการเรื่องตื่นเต้น แต่บางที เธอก็ต้องการอยู่อย่างสงบ ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะคุยกันต่อ โทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น ประดิพัทธ์จ้องมองมันนิ่งอยู่อย่างนั้น

“เดี๋ยวก็ได้รู้หรอกว่าหมู่หรือจ่า” พูดจบเขาก็เอี้ยวตัวไปรับ จังหวะนั้นอินทราจึงได้เห็นว่านายประดิพัทธ์ที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอนั้นใส่เพียงกางเกงในตัวเดียว หญิงสาวอยากจะเอาหมอนปาเขาเหลือเกิน แต่ก็ทำได้เพียงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วโยนผ้าเช็ดตัวผืนที่เขาใช้แล้วออกมาให้ เขาหัวเราะหึ ๆ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้น

“ตื่นกันหรือยังคะ ออกมาทานข้าวกลางวันได้แล้วค่ะ” เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของนมแสง

“ตื่นแล้วครับ รอสักครู่แล้วกัน”

เขาวางโทรศัพท์ลง เสียงน้ำในห้องน้ำดังซ่ายาว ทำเอาจิตใจเขาปั่นป่วนอีกแล้ว หากอยู่กันตามลำพังแบบนี้อีก เขาไม่มั่นใจตัวเองว่ายังจะปล่อยลูกนกลูกกาตัวนี้ให้กลับสู่ป่าอย่างบริสุทธิ์ดั่งเดิมได้หรือเปล่า


“ยาย ในหมู่บ้านลือกันว่ามีโจรลักพาตัวคุณหนูของเสี่ยสาธรออกมาจ้ะ เขาให้ค่าหัวด้วยนะยาย”

“จริงหรือ”

“จริงซิจ๊ะหนูได้ยินมากับหูสองข้าง ยาย ยายว่าสองคนนั่นใช่หรือเปล่า

เสียงแว่ว ๆ คล้ายกระซิบกระซาบกันของยายหลานปลุกให้โชคชัยสะดุ้งสุดตัว หญิงสาวที่นอนตะแคงหันข้างให้เขาบนผ้าห่มผืนบางที่ปูอยู่บนเสื่อกกยังคงหลับลึก ภัยจะมาถึงตัวอยู่แล้วทำอย่างไรดี

“เอ็ง เงียบเลยนะ รูดซิบปากให้สนิท” เสียงคนเป็นยายกระซิบหลาน

“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นอยู่บ้านนี่แหละ เรื่องนี้เดี๋ยวยายจัดการเอง”

แล้วโชคชัยก็ได้ยินเสียงกุ๊กกั๊กคล้ายว่ายายกำลังหั่นอะไรสักอย่างหรือทำอะไรสักอย่างอยู่ในครัวที่อยู่ในเพิงข้างใต้ถุนบ้าน ชายหนุ่มก้มหน้าไปที่ใบหูของหญิงสาว กลิ่นกายสาวระเหิดขึ้นมาทำให้ใจของเขาสั่นไหว ปลายจมูกของเขาอยู่ห่างใบหน้านวลเพียงเซ็นติเมตรเดียวเท่านั้น

หอมเหลือเกิน แต่

“คุณรังสิตา สิตา” เขากระซิบเบา ๆ แล้วก็ถอนใบหน้าขึ้นจากวงหน้าได้รูป หญิงสาวยังนอนนิ่งคล้ายไม่ได้ยินเสียงกระซาบนั่น เขาก้มลงอีกครั้ง ทีนี้รังสิตาลืมตาขึ้นมาพอดี ร่างของเขาผงะหงายด้วยการพลิกตัวกลับแล้วใช้ฝ่ามือผลักออกไปของหญิงสาว

“อุ้ย!” มือที่ไปถูกกระดานแข็ง ๆ ทำให้เจ็บแต่เขาไม่กล้าร้องเสียงดัง รังสิตาลุกขึ้นนั่งจับผมที่ร่วงมาระใบหน้า แววตาของหญิงสาวมีคำถามขึ้นมาทันที

เขารีบยกมือขึ้นจุ๊ที่ปาก เป็นสัญญาณให้รู้ว่า ‘ต้องเงียบ’ เสียงกุ๊กกั๊กข้างล่างยังคงอยู่ โชคชัยขยับตัวแนบตากับรอยแตกของฝาไม้ไผ่ ยายคนนั้นเดินไปที่บ่อน้ำ ส่วนเด็กหญิงเหว่าเขามองหาไม่เห็น จึงต้องเลื่อนตัวมาอีกทาง ที่กลางลานเด็กหญิงกำลังนั่งผ่าฟืนท่อนโต

“มีอะไร” เสียงของหญิงสาวแทบจะลอดไรฟันทีเดียว โชคชัยขยับมาหาร่างระหงเขายื่นใบหน้าไปใกล้ที่ติ่งหูแล้วกระซิบเบา ๆ

“เด็กเหว่าบอกว่า พี่ชายคุณแจ้งให้ชาวบ้านแถบนี้รู้ว่า ผมเป็นโจรลักตัวคุณมาเรียกค่าไถ่ ใครแจ้งเบาะแสมีรางวัลให้” รังสิตายกมือทาบอก หญิงสาวสบตาที่อยู่ห่างกันเพียงห้านิ้วกับเขาเพื่อขอความเห็น

“เราจะรีบหนีไหม”

รังสิตาพยักหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบรองเท้าผ้าใบมาสวม โชคชัยเองก็รีบดึงรองเท้าผ้าใบของตนมาสวมเช่นกัน

“เราจะลงจากเรือนแล้วรีบวิ่งไปทางหลังบ้าน ตอนที่ไปถ่าย ผมสังเกตว่าแถวนั้นจะเป็นไร่มันสำปะหลัง เราจะไปทางนั้นกันแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก”

โชคชัยค่อย ๆ เปิดประตู ตรงเพิงครัวไม่มีใครอยู่ บนเตาไฟมีหม้อใบพอเหมาะสีดำด้วยควันไฟตั้งอยู่ ยายกำลังหุงข้าวให้เขากิน เขาหันซ้ายหันขวา พอดีกับที่ยายโผล่มาทางด้านข้างของกระท่อม

“จะไปไหนกัน” เสียงของยายกระซิบดุ ๆ คล้ายกับว่าเดาใจของคนทั้งคู่ออก

“ผมได้ยินหมดแล้วยาย ผมจะต้องหนี”

“ไปตอนนี้รับรองเลยว่าคุณสองคนไม่รอดแน่” ยายพูดรัวเร็วก่อนจะเดินมาหยุดที่ตีนบันได

“ยายจะเอารางวัลจากเสี่ยหรือเปล่า”

“มันโกหกไม่ใช่หรือ ก็นายไม่ใช่โจร ผู้หญิงเขาเต็มใจมา แบบนี้บ้านยายเรียกว่าหนีตามกัน เอาเป็นว่ารออยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยวยายปิ้งปลาต้มไข่เสร็จค่อยกินข้าวกันก่อน หนีตอนนี้จะเอาแรงที่ไหนไป เมื่อได้ยินรังสิตาถอนหายใจออกมา หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอีกรอบ สายตาของเธอขอความคิดเห็นจากเขา โชคชัยพยักหน้าบอกว่า เชื่อยาย เขาปิดประตู เสียงยายเรียกเด็กหญิงเหว่าให้มาหาที่ใต้ถุนบ้าน

“เหว่า เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ พาคุณสองคนลัดเลาะไปทางท้ายไร่ไปให้ถึงเส้นทางเก่าที่มุ่งหน้าไปยังเกริงกะเวียให้พวกเขา”

“จ้ะยาย แล้วยาย”

“ช่วยเขา อย่าบอกใคร”

เมื่อได้ยินรังสิตาถอนหายใจออกมาแล้วก็ซบหน้านิ่งอยู่กับหัวเข่า โชคชัยมองดูหญิงสาว

“คุณจะยังหนีต่อไหม เปลี่ยนใจกลับตอนนี้ยังทันนะ”

“ฉันกลัวว่าคุณจะมีปัญหามากกว่า ตอนนี้คุณกลายเป็นโจรไปแล้วนะ” รังสิตาแค่นหัวเราะ

“เพื่อคุณ ผมยอมเป็นโจร” รังสิตาไม่อยากจะสบตาสวยซึ้งคู่นั้นเลย ตอนนี้เธอเหมือนนางเอกละครอะไรสักเรื่องที่พบรักกับโจรหนุ่มสุดหล่อ


อาหารมื้อกลางวันจบลงด้วยอินทรากลืนข้าวไม่ลงคอ ความรู้สึกผิดผสมความห่วงใยในตัวคนสองคนที่วิ่งหนีไปยังอยู่ในใจไม่ไปไหน ประดิพัทธ์ร่วมรับรู้ความรู้สึกนั้น เขาเองก็เพียงแตะ ๆ อาหารที่นมแสงหาไว้ให้

“ทานน้อยกันจัง” นมแสงถามไถ่

“พวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะได้กินข้าวหรือยัง”

นมแสงกัดริมฝีปากก่อนจะพูดว่า

“ดีสม คนไม่รักดี สมควรทรมานเสียบ้าง”
“ทำไมนมพูดอย่างนั้น นมไม่รักคุณรังสิตาหรือ”

“คนดื้อด้านอยากจะรักอยู่หรอก” ว่าแล้วนมแสงก็น้ำตาไหลพราก

“เด็กดื้อ อยากตีให้ตายจริง ๆ ตัดสินใจทำอย่างนี้ได้อย่างไร เคยนึกถึงจิตใจของนมบ้างไหม ออกไปอย่างนั้นป่านนี้จะเอาข้าวที่ไหนกิน ถึงมีกิน ก็คงเป็นข้าวของชาวบ้าน น่าตีนัก”

เมื่อเห็นนมแสงระบายด้วยความคั่งแค้นใจ ประดิพัทธ์มองหน้าอินทรา หญิงสาวอยากจะปลอบโยนแต่เห็นว่าไม่มีประโยชน์ อินทราลุกขึ้น ประดิพัทธ์จึงลุกตาม เมื่อเดินออกมาจากห้องอาหาร

“เราจะกลับหรือว่าจะรอพวกเขาอยู่ที่นี่” อินทราเอ่ยถามด้วยสีหน้าหนักใจ

“คุณว่าอย่างไร”

“คุณเชื่อฉันหรือ” อินทราพูดประชดให้

“ถ้าผมกลับ ก็เท่ากับว่าผมเห็นแก่ตัว เรารอฟังข่าวที่นี่อีกสักคืนแล้วกัน ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้เรื่อง อย่างไรเราถึงค่อยกลับไปที่กรุงเทพฯ ”

อินทราพยายามสะกดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่เธอก็ทนไม่ได้ หญิงสาวร้องไห้จนน้ำตานองหน้า

“เป็นอะไร” ประดิพัทธ์รีบไปประชิดตัวหญิงสาว

“ฉันไม่รู้ ฉันอยากร้อง ใจฉันหาย” ว่าแล้วน้ำตาก็พร่างพรูออกมา ประดิพัทธ์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ อินทรารับไปเช็ดแต่น้ำตามันก็ยังทะลักออกมาอีก เขาเข้าใจความรู้สึกนั้น เพียงแต่เขาเป็นผู้ชาย ผู้ชายต้องเข้มแข็งกว่าผู้หญิง

เมื่อเขาเดินออกมาจากบ้านพักทรงสเปน พนักงานโรงแรมที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เมื่อได้ยิน อินทราแทบจะลมจับเสียให้ได้ โชคชัยกลายเป็นโจรจับตัวคุณรังสิตาไปเรียกค่าไถ่อย่างนั้นหรือ เรือยาวที่วิ่งออกไปเมื่อคืน คือเรือที่โจรขับมา แล้วกระชากคุณรังสิตาลงไป

“พระเจ้า” อินทรายกมือกุมขมับปวดหัวกับเรื่องที่บายปลายจนยากจะแก้ไข

“ผมปวดหัวจริง ๆ คุณอินทรา อะไรมันจะเกิดขึ้นต่อไปอีกเนี่ย”


ขณะที่ทั้งสองต่างนั่งลงบนโซฟาที่ล็อบบี้เพื่อรอฟังเรื่องราวของรังสิตานั้น ประดิพัทธ์ก็หยิบหนังสือพิมพ์ที่วางไว้ในชั้นมานั่งอ่าน เขาผงะเช่นกัน

‘คลิปฉาวว่อนเน็ต ประดิพัทธ์วัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน’ ภาพนิ่งที่เห็นด้านหลัง รูปใบแรกคือเขาที่ยืนกอดอินทรา แล้วภาพถัดมาเป็นช่วงที่เขาและอินทราประคองกันก้าวเดิน ประดิพัทธ์พยายามไล่เลียงเหตุการณ์ มันเกิดขึ้นที่ไหน ‘โรงแรม’ คืนวันที่ผีหลอกหลุดออกมาได้อย่างไร ภาพใบหน้าเย้ยหยันของ รัชดาพร ผุดขึ้นมา หรือว่าคืนนั้นหล่อนและทีมงานพักที่โรงแรมนั่นด้วย เขาพ่นลมหายใจออกมา ผู้หญิงที่เป็นข่าวยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่พนักงานที่คงอ่านหนังสือพิมพ์กันแล้วเริ่มมองและซุบซิบ หรือมีใครแอบเอาโทรศัพท์มือถือถ่ายเป็นคลิปไปยืนยัน
อีกแล้ว เขาระบายลมหายใจอีกรอบ ‘ทุกข์’ ของดารา

“เป็นไร” อินทราเงยหน้าจากข่าวการเมืองมาถาม

เขาพับหนังสือพิมพ์แล้ววางไว้ข้างตัว

“กลับห้องกันเถอะ ไปดูโทรทัศน์กันดีกว่า”

“เพิ่งจะบ่ายโมงเอง เบื่อตายชัก ไปเดินเล่นกันที่สวนข้างนอกดีกว่าไปไหม ศาลาริมทะเลสาบก็ได้”

ประดิพัทธ์โคลงศีรษะปฏิเสธ อินทราก้มลงอ่านหนังสือต่อ ครู่เดียวโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น

“พี่รติมีอะไรหรือคะ”

ประดิพัทธ์รู้ทันว่า คนปลายสายจะพูดเรื่องอะไร เขารีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาโชคดีที่ปิดสัญญาณไว้ตั้งแต่เมื่อคืนหากเปิดสัญญาณเขาจะได้เรื่องอะไรจากใครบ้างนะ

“อะไรนะคะ” เสียงของอินทราดูตกอกตกใจ พอดีกับคงมีสายเรียกซ้อนเพราะหญิงสาวเบี่ยงโทรศัพท์มาดูที่หน้าจอ

“แม่” หญิงสาวจ้องหน้าคู่กรณี

ประดิพัทธ์ตัดสินใจยื่นหนังสือพิมพ์ให้ก่อนจะเดินออกจากล็อบบี้ไปที่ศาลาริมทะเลสาบ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2554, 18:52:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2554, 18:52:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1969





<< 15 อลวน ถนน หัวใจ   17.อลวน ถนน หัวใจ >>
Zephyr 4 ส.ค. 2554, 19:40:00 น.
เอ คุ้นๆแฮะ เหมือนอ่านแล้ว ป่าว ??


Zephyr 4 ส.ค. 2554, 19:49:33 น.
^
^
อุ๊บ ขออภัยค่ะ พิมพ์ผิดหน้า แหะแหะ ตอนนี้สิตา คงระหกระเหินน่าดูเลย แค่เริ่มต้น ใช่มั้ยคะ ตกลงคู่เป็นแบบนี้จริงๆใช่มั้ย ก็ดีค่ะ


คิมหันตุ์ 4 ส.ค. 2554, 22:12:28 น.
.......โอ้ เย......สู้ๆนะคุณ โชคคคค เดี๊ยนเชียร์ฮุ่ะ


คุณแม่ลูกสอง 5 ส.ค. 2554, 13:55:53 น.
งานเข้าแล้วคุณโชค


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account